ภายในสุสาน เสิ่นเสวียนนั่งอยู่ใจกลางค่ายกล ไอพลังของเขาปั่นป่วนราวกับคลื่นร้อนแรง ทำให้พลังภายในสุสานพลิกผันไป
ผู้เฒ่าจี๋เล่อจับหยวนก่อกำเนิดตัวน้อยไปดูอยู่ข้างๆ เขาอ้าปากค้างด้วยสีหน้าตื่นใ
เขารู้ว่าพลังของเสิ่นเสวียนไม่ธรรมดา สามารถสู้กับผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิได้ แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะทำให้ไอพลังของตนเองมาถึงระดับนี้ได้
พลังเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกถึงภัยคุกคามอย่างรุนแรง
เพราะมีเพียงร่างิญญา แม้แต่คนชุดดำก่อนหน้านี้เขายังหวาดกลัว กับเสิ่นเสวียนในตอนนี้ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง
เสิ่นเสวียนที่หลับตาอยู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ในพริบตาที่เขาลืมตาคล้ายจะมีแสงสีทองสว่างวาบออกมา ไอพลังของเขารุนแรงกว่าเดิมมากเลยทีเดียว
เขาก้มหน้า ยกมือขึ้น แล้วมองร่างกายตนเอง จากนั้นก็กำหมัดแน่น ทำให้พลังรุนแรงปะทุออกมาจากฝ่ามือ
“พลังที่คุ้นเคย ในที่สุดเ้าก็กลับมาแล้ว”
เสิ่นเสวียนกล่าวพึมพำด้วยอารมณ์หลากหลาย
เมื่อเทียบกับพลังของเขาในชาติก่อน พลังเช่นนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย แต่ในตอนนี้กลับเป็พลังที่เขารอคอยมานานแสนนาน
มาถึงโลกใหม่แห่งนี้ยังไม่ถึงหนึ่งปี เขากลายเป็ผู้แข็งแกร่งได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
สิ่งที่ดึงดูดเขาอย่างแท้จริงไม่ใช่ขั้นหยวนก่อกำเนิด แต่เป็ผลลัพธ์ที่มาพร้อมกับขั้นหยวนก่อกำเนิดต่างหาก
หยวนก่อกำเนิดหกธาตุ ไอพลังหยวนชี่[1] หกธาตุรวมตัวกันเป็วงแหวนอยู่ภายในร่างกาย หรือกระทั่งสร้างพลังเหล่านี้ขึ้นมาได้ด้วยตนเอง และที่สำคัญที่สุดคือ เขาในตอนนี้สามารถคลายผนึกของผังเมืองซานเหอได้แล้ว
ผังเมืองซานเหอคือศาสตราเทพที่มีความลึกลับอย่างที่สุด
เพียงแต่เขาในตอนนี้ยังมิอาจเปิดผังเมืองซานเหอได้ ไม่ว่าจะเป็ผู้เฒ่าจี๋เล่อหรือเสวียนหลิงเอ่อร์ หรือคนมากมายภายนอกที่รวมตัวอยู่ หากรู้ว่าเขามีของล้ำค่าชิ้นนี้อยู่กับตัวจะต้องเข้ามาแย่งชิงไปอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็หนี้ชีวิตหรือหนี้น้ำใจใดๆ ก็ตาม มิอาจเทียบเคียงศาสตราเทพได้เลย
การต่อสู้ที่คุนหลุนตะวันตกเมื่อชาติก่อนยังคงชัดเจนอยู่ในใจราวกับเกิดขึ้นไม่นาน จักรพรรดิเซียนคนไหนบ้างที่ทำให้เขาพึงพอใจ มิหนำซ้ำหลังจากพบผังเมืองซานเหอแล้ว คนพวกนั้นยังร่วมมือกันเพื่อสังหารเขา
“เ้ามีพลังยุทธ์ขั้นไหนกันแน่”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อมองเสิ่นเสวียนพลางถามอย่างไม่แน่ใจ
จากสายตาของเขา เขาดูไม่ออกถึงพลังแท้จริงของเสิ่นเสวียนเลย นี่คือเหตุผลที่เขารู้สึกไม่ปลอดภัย
“พลังยุทธ์ น่าจะเทียบเท่าขั้นราชันกระมัง”
เสิ่นเสวียนคิดคำนวณเล็กน้อยก่อนจะกล่าวกับผู้เฒ่าจี๋เล่อ
ขณะที่กล่าว เสิ่นเสวียนกลับมามีท่าทางเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้ง ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังฝึกฝนไม่ได้มีอะไรต่างไปจากเดิมเลย
“ขั้นราชัน...”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อมองเสิ่นเสวียนอย่างไม่อยากเชื่อ เขามองพิจารณาั้แ่หัวจรดเท้า หรือกระทั่งใช้ร่างจิติญญาัั แต่ก็ยังไม่รู้ถึงพลังของเสิ่นเสวียนได้เลย ส่วนเสิ่นเสวียนในตอนนี้ไม่ได้มีความน่าเกรงขามเหมือนกับตอนแรกที่เจอ เขากลับมาเป็ปกติ ดูแล้วน่าจะเทียบขั้นราชันได้จริงๆ
แต่ยิ่งเป็เช่นนี้เขาก็ยิ่งใ
สามารถควบคุมพลังของตนเองได้ดั่งใจ ทำให้เขาจับสังเกตไม่ได้เลย จะต้องแข็งแกร่งมากขนาดไหน!
“นั่น... เขาเป็ลูกของเ้าหรือ”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อชี้ไปทางหยวนก่อกำเนิดตัวน้อยพลางถามเสิ่นเสวียนอีกครั้ง
“ใช่”
“เกิดมาจากเ้าหรือ”
เสิ่นเสวียนยิ้มอย่างเก้อเขิน จากนั้นจึงกล่าว “เรียกอย่างนั้นก็ได้”
ตนกะเทาะเปลือกออกมาเองแล้วจะไม่ใช่ได้หรือ เพียงแต่หยวนก่อกำเนิดนี้ไม่ใช่ลูกชายของเขา แต่เป็ตัวเขาเอง ซึ่งเขาไม่รู้จะอธิบายให้ผู้เฒ่าจี๋เล่อรับรู้ได้อย่างไร และี้เีอธิบายด้วย จึงกล่าวออกไปอย่างนั้น
“ไม่มีทาง เป็บุรุษไม่มีทางคลอดลูกได้”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อยังคงปฏิเสธเสิ่นเสวียน
“บุรุษไม่มีทางคลอดลูกได้ นั่นเพราะท่านไม่เคยเห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มี ท่านว่าข้าทำไม่ได้อย่างนั้นหรือ”
“บุรุษกับสตรีแตกต่างกัน ต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่ของตนเอง จะเป็ไปได้อย่างไร...”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อกล่าวแล้วหยุดลง เขามองเสิ่นเสวียนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ไม่รู้จะกล่าวอะไรดี
เสิ่นเสวียนในตอนนี้เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาแปลงกาย จึงแปลงกายตนเองให้เป็เสวียนหลิงเอ่อร์
ชุดสีแดงพลิ้วไหว ราวกับเป็คนจริงๆ
“พี่หญิง... นี่...”
“ข้าไม่ใช่พี่หญิงของท่าน ข้ายังเป็เสิ่นเสวียน”
เมื่อกล่าวจบ เสิ่นเสวียนก็แปลงกายกลับมาเป็คนเดิมอีกครั้ง
“เข้าใจแล้วใช่ไหม สิ่งที่ท่านได้เห็นไม่แน่ว่าเป็เื่จริงเสมอไป สิ่งที่ท่านรู้ก็ไม่แน่ว่าจะเป็เื่จริงเช่นกัน อย่าได้มองเพียงผิวเผิน”
“นี่มันพลังอะไรของเ้า”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อส่ายหัว เขามั่นใจว่าตนเองไม่ได้ตาฝาด เขากล่าวถามเสิ่นเสวียนพลางจ้องมอง
“นี่คือเคล็ดวิชาแปลงกาย ท่านน่าจะไม่เคยเจอมาก่อน ดังนั้นไม่ได้แปลว่าไม่มีอยู่จริง”
“อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น ไม่เคยเห็นใช่ว่าไม่มี”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อยืนนิ่งครุ่นคิดอยู่ตรงนั้นเพราะเสวียนหลิงเอ่อร์เคยกล่าวเช่นนี้กับเขามาก่อน ตอนนั้นเขายังเด็กมากและลืมเื่นี้ไปนานแล้ว หากเสิ่นเสวียนไม่ได้กล่าวออกมาอีกเขาคงคิดไม่ถึง
กระทั่งตอนนี้เขาถึงได้พบว่า เสิ่นเสวียนและเสวียนหลิงเอ่อร์คล้ายกันมากขนาดนี้
ที่คล้ายกันไม่ใช่รูปร่างหน้าตา
แต่เป็บุคลิกลักษณะ
ระหว่างที่ผู้เฒ่าจี๋เล่อกำลังครุ่นคิด เสิ่นเสวียนรับหยวนก่อกำเนิดไปจากมือของเขา เสิ่นเสวียนมองหยวนก่อกำเนิดขนาดเท่ากำปั้นพลางลูบหัวเบาๆ
เ้าตัวน้อยนี้ก็คือเขาในตอนเด็ก
ร่างหยวนก่อกำเนิดเกิดขึ้นตามร่างเดิม รูปร่างของหยวนก่อกำเนิดก็คือรูปร่างของเสิ่นเสวียน เพียงแต่ว่านี่คือร่างพลังบริสุทธิ์ และยังเป็ร่างพลังที่เกิดขึ้นจากพลังหกธาตุรวมตัวกันด้วย
ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร ขั้นหยวนก่อกำเนิดจะกำหนดวิถีการฝึกตนและวิถีการดำเนินชีวิต
วิถีการดำเนินชีวิตกล่าวถึงในโลกมนุษย์ทั่วไป ยอดฝีมือขั้นแก่นทองคำคนหนึ่งในโลกมนุษย์จะกลายเป็บุคคลระดับปรมาจารย์ แต่ไม่ได้รับความนิยมนักในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร
ส่วนวิถีการฝึกตน หากอยู่ในโลกมนุษย์เปรียบเสมือนเซียนเทพจุติลงมายังโลกมนุษย์
โดยทั่วไปแล้ว การฝึกฝนจิติญญาจะต่างจากการฝึกตน ผู้คนจะเรียกว่าปีศาจ
“เลิกเล่นได้แล้ว ตอนนี้เ้ายังอ่อนแรงมาก เข้าไปก่อนเถอะ”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับหยวนก่อกำเนิดตัวน้อย หยวนก่อกำเนิดตัวน้อยเหมือนฟังเสิ่นเสวียนเข้าใจ จึงกลับเข้าไปในร่างของเสิ่นเสวียนทันที
หยวนก่อกำเนิดตัวน้อยยังไม่มีสติปัญญา แต่ยังคงมีพลังตามสัญชาตญาณ เชื่อฟังคำสั่งของเสิ่นเสวียนเป็อย่างดี รอให้โตกว่านี้อีกหน่อยเขาจะกลายเป็ร่างแยกของเสิ่นเสวียนได้ ถึงคราวนั้นจะสามารถแสดงพลังได้มากกว่านี้อีก
“ยินดีด้วย หยวนก่อกำเนิดแล้ว”
จู่ๆ เสียงของเสวียนหลิงเอ่อร์ก็ดังขึ้นในหูของเสิ่นเสวียน
เมื่อได้ยินคำนั้น เสิ่นเสวียนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ในที่สุดอีกฝ่ายก็เปิดเผยความจริงออกมา
คนจากโลกนี้ไม่มีทางรู้เื่เกี่ยวกับหยวนก่อกำเนิด ทว่าอีกฝ่ายกลับรู้เื่ เพียงแค่นี้ก็รู้ได้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนในโลกนี้ แต่มาจากโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรเหมือนกับเขา
“ท่านมาจากที่นั่นเหมือนกัน”
เสิ่นเสวียนปรบมือพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอคนมาจากที่เดียวกัน น่าประหลาดใจยิ่งนัก”
เสียงของเสวียนหลิงเอ่อร์ดังสะท้อนไปมาในสุสาน ทำให้ผู้เฒ่าจี๋เล่อตื่นจากภวังค์
ผู้เฒ่าจี๋เล่อไม่ได้กล่าวอะไร แต่เขายืนอยู่ข้างๆ คล้ายกำลังมองเซียนเทพคุยกัน
ตนเองยังคิดรับอีกฝ่ายเป็ศิษย์ ตอนนี้ดูแล้วเหมือนว่าตนเองเป็กบในบ่อน้ำจริงๆ
“ดูเหมือนว่าท่านจะมาที่นี่ก่อนข้าพันกว่าปี พลังของท่านไม่ธรรมดาเลยทีเดียว”
“มีความหมายอะไร ตอนนี้ข้าเป็เพียงร่างจิติญญาเท่านั้น”
เสียงของเสวียนหลิงเอ่อร์ดังขึ้น เป็น้ำเสียงเคล้าหัวเราะ ไม่ค่อยใส่ใจในพลังเท่าไรนัก
กาลเวลาทำให้เป็ผู้ใหญ่และนิ่งสงบ แม้แต่เสวียนหลิงเอ่อร์ก็มองทุกอย่างด้วยความเรียบเฉย
“หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงสังเกตเห็นข้าั้แ่ที่ข้ามาถึงสุสาน ข้าโดนจระเข้เขี้ยวดาบกินเข้าไปและยังได้เจอกับโลงศพสีแดง สุดท้ายก็ได้เจอท่าน ทุกอย่างเป็แผนการของท่านใช่ไหม!”
เสิ่นเสวียนสงสัยั้แ่เจอกันก่อนหน้านี้แล้ว แม้เขาจะมีโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่มีทางเกิดเื่บังเอิญได้ถึงขนาดนี้
“ยินดีด้วย เ้าเดาถูกต้องแล้ว ข้าอยากให้เ้ามาพาข้าออกไปจากที่นี่”
“ท่านไม่กลัวเกิดเื่ผิดพลาดขึ้นหรือ”
เสิ่นเสวียนหรี่ตามอง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นะเืเล็กน้อย
.........................................................
[1] หยวนชี่ หรือพลังเดิม เรียกอีกอย่างว่าพลังชีวิต แบ่งเป็สองส่วน คือ พลังชีวิตแต่กำเนิด เกิดมาพร้อมตัวอ่อนในครรภ์มารดา และพลังชีวิตหลังกำเนิด เกิดขึ้นเมื่อได้รับพลังจากภายนอก