อวิ๋นซีมองไปยังคนที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวออกมานอกกลุ่ม นางตอบเรียบๆ “ได้ยินมาว่าฮูหยินผิงหยางโหวและคุณหนูจากจวนผิงหยางโหวเองก็มาด้วย อีกไม่นานคุณหนูสามหลินก็จะได้กลายเป็ส่วนหนึ่งในครอบครัวของพวกนางแล้ว เปิ่นเฟยคิดว่าเ้าควรจะหาเวลาไปสานสัมพันธ์กับพวกนางให้ดีหน่อย เปิ่นเฟยไม่รบกวนเ้าแล้ว” ชิวเสียงนับเป็พี่ชายในตระกูลของชิวิ คนทั้งสองต่างก็เป็คนในตระกูลชิวที่ตอนนี้ดูมีอนาคตมากที่สุด
ส่วนสามีคนนี้ที่สามีนางช่วยหามาให้ผู้หญิงตรงหน้าก็ต้องยอมรับว่า สามีนางช่างลำบากสรรหาจริงๆ คิดถึงตรงนี้ ในใจก็ยิ้มออกได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่า เมื่อเื่นี้ลือไปถึงหูจางเหวินเหมยเมื่อไร คนจะโกรธเสียจนกระอักเืเลยหรือไม่
หลินหลานซินมองเหล่าคนที่ขี่ม้าจากไปไกล ในสายตาเต็มไปด้วยความมืดมน น่าตายนัก! อวิ๋นซี ต้องมีสักวันที่ข้าจะทำให้เ้าต้องเสียใจในภายหลังให้ได้ ข้าจักต้องทำให้เ้ามาคุกเข่าขอร้องอยู่ตรงหน้าข้าให้ได้
อย่างไรก็ตาม ของที่อีกฝ่ายให้นางกลืนกินเข้าไปเมื่อคืน นางไม่ได้สนใจเลยสักนิด เพราะก่อนหน้านี้ได้ให้หมอหลวงมาช่วยตรวจดูแล้ว หมอหลวงบอกเพียงว่า ร่างกายของนางแข็งแรงดี ด้วยเหตุนี้ นางจึงคิดไปว่า อวิ๋นซีก็แค่หลอกให้นางกลัวเท่านั้น
หลิ่วหว่านหรงขี่ม้าตามอยู่ข้างกายอวิ๋นซี คิ้วตาของนางมีกลิ่นอายองอาจน่าครั้นคราม “พี่หญิงอวิ๋น ดูท่า คุณหนูหลินสามผู้นี้จะมีเื่มีราวกับท่านไม่น้อยเลย”
อวิ๋นซีมองไปทางหลิ่วหว่านหรงด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ยามนี้หลิ่วหว่านหรงที่อยู่ตรงหน้านางดูคล้ายจะเปลี่ยนไปราวกับเป็คนละคนกับครั้งก่อนที่ได้เจอ คนไม่ต่างกับสาวน้อยที่สดใสและเต็มเปี่ยมด้วยพลังใจ แตกต่างไปจากสตรีที่ก่อนหน้านี้คิ้วตามีแต่แววหมองหม่นโดยสิ้นเชิง หลิ่วหว่านหรงในตอนนี้ยิ่งมองก็ยิ่งดึงดูดมากขึ้น
“ข้าเองก็รู้สึกว่า ตัวเ้าดูแตกต่างไปจากครั้งก่อน ทำไมถึงไม่เล่าให้ข้าฟังบ้างว่า่นี้เกิดเื่อะไรขึ้นกับพวกเ้า? หรือเ้าถูกท่านน้าสามของข้าหล่อเลี้ยงเสียจนดึงดูดสายตาคนเพียงนี้? ” เมื่อมีโอกาสได้พบหน้ากันหลายครั้ง อวิ๋นซีก็รู้ว่า หลิ่วหว่านหรงเป็คนที่ยึดมั่นถือมั่นเป็อย่างมาก เมื่อใจนางชอบอวิ๋นไห่ก็ไม่มีทางเลยที่จะเปลี่ยนไปอย่างง่ายดาย
และเหตุผลเพียงประการเดียวที่จะทำให้คนดูสดใส มีความสุขได้เพียงนี้ก็มีแค่เ้าสารเลวท้องดำอย่างอวิ๋นไห่ผู้นั้นเท่านั้นที่จะทำได้ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สายตาที่อวิ๋นซีใช้พิจารณาหลิ่วหว่านหรงก็มีความลึกซึ้งขึ้นหลายส่วน “ข้าว่า ควรต้องเปลี่ยนไปเรียกเ้าว่าท่านน้าสะใภ้สามแล้วกระมัง”
ท่านน้าสะใภ้สาม...
นางอยากจะถามอวิ๋นไห่เสียจริง เขาพอจะมีศักดิ์ศรีบ้างหรือไม่ เมื่อเทียบอายุระหว่างหลิ่วหว่านหรงกับอวิ๋นไห่แล้วก็นับได้ว่าคนยังเด็กกว่าเขาตั้งสิบกว่าปี เขานี่แหละที่เป็โคแก่กินหญ้าอ่อนตัวจริง ทำให้นางต้องเรียกแม่นางที่ยังเด็กกว่าตนว่าท่านน้าสะใภ้ คิดดูแล้ว อวิ๋นซีก็รู้สึกขนลุก
หลิ่วหว่านหรงมองอวิ๋นซีด้วยสายตาแง่งอน เพียงสายตาเดียวนี้ก็พอจะยืนยันในสิ่งอวิ๋นซีคาดเดาอยู่ในใจได้แล้ว คนทั้งสองมีความสัมพันธ์ต่อกันอย่างไม่ธรรมดาจริงๆ อวิ๋นซีเองก็แน่ใจแล้วว่าพวกเขาน่าจะมีการไปมาหาสู่กันอย่างลับๆ แล้ว
หลิ่วหว่านหรงถูกอวิ๋นซีเพ่งมองจนรู้สึกไม่เป็ธรรมชาติ นางจึงพูดเสียงเบา “ใช่ วันนั้นหลังจากที่กลับมาจากจวนท่าน เขาก็มาหาข้า เขาบอกว่าไม่ให้ข้าแต่งให้ผู้ใด มิฉะนั้นใครก็ตามที่กล้าหมั้นหมายกับข้า เขาจะสังหารเสีย”
อวิ๋นซีมองหลิ่วหว่านหรงด้วยความสงสัย “แค่นี้หรือ? ”
หลิ่วหว่านหรงพยักหน้า “แค่นี้แหละ” แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อยๆ ก็เป็การพิสูจน์ว่า ในใจของอวิ๋นไห่ยังนับว่ามีตนอยู่ เพียงแต่ตอนนี้เขาคงมีเหตุผลบางประการที่ไม่อาจอยู่ร่วมกับนางได้ก็เท่านั้น แต่ไม่เป็ไร นางเชื่อว่าตนสามารถรอได้
อวิ๋นซีไม่รู้ว่าจะว่าหลิ่วหว่านหรงอย่างไร ไม่แน่อาจเป็เพราะจิตใจของนางซับซ้อนเกินไป ไม่ว่าจะเป็เื่ใดจึงมักจะยึดติดกับความคิดของตนเองก่อน “ขอแค่เ้ายังชัดเจนว่าตน้าอะไรและกำลังทำอะไรอยู่ก็พอ หากให้ข้าพูดตามตรง อวิ๋นไห่ผู้นี้ท้องดำเกินไป ข้ากลัวว่าดอกไม้ขาวเช่นเ้าที่ไปคบค้าสมาคมกับเขาอาจจะมีวันใดที่ถูกเขากินเกลี้ยง”
ถึงแม้ในใจจะกังวลเล็กน้อย แต่จะทำอย่างไรได้ ใครใช้ให้เ้านั่นเป็น้าชายของนางเล่า เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าอวิ๋นไห่และหานอี้ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ถึงแม้ต่างคนต่างจะเฉลียวฉลาดด้วยกันทั้งคู่ แต่หานอี้กลับดีกว่ามาก เขาสามารถทนความเปล่าเปลี่ยวได้ ทั้งยังควบคุมตัวเองได้ดีอีกด้วย
ยิ่งกว่านั้น ทั้งๆ ที่อวิ๋นไห่สุขภาพไม่ดี แต่คนกลับยังจะไปล่อหมู่ภมรได้อีก
หว่านหรงได้แต่ยิ้มบางๆ “ท่านและหนิงอ๋องเองก็รักใคร่กัน ดังนั้น ท่านน่าจะเข้าใจความรู้สึกนี้ดีที่สุด แท้จริงแล้วข้าเองก็รู้ สมองเยี่ยงข้า หากต้องเผชิญหน้ากับท่านน้าที่เฉลียวฉลาดของท่าน ไม่ว่าอย่างไรก็เป็ข้าที่ต้องพ่ายแพ้หมดตัว แต่ว่า พี่หญิงอวิ๋น ท่านน่าจะทราบดี โลกใบนี้มีความรู้สึกหนึ่งที่เรียกว่า ยินยอมพร้อมใจ”
ความรู้สึกที่นางมีต่ออวิ๋นไห่ นางยินยอมพร้อมใจที่จะลำบาก
ไม่ว่าอย่างไรสำหรับนางแล้ว ตอนนี้มีเื่มากมายที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง ท่าทีของอวิ๋นไห่ที่มีต่อนางเองก็กำลังเปลี่ยนไปเป็อย่างมาก การที่เขากล้าพูดคำเช่นนั้นออกมาก็ไม่ต่างกับการบอกนางว่า นอกจากเขาแล้ว นางห้ามแต่งกับใครทั้งสิ้น
ประโยคนี้ของเขา ต่อให้จะต้องไม่แต่งงานไปชั่วชีวิตเพียงเพื่อรอเขา นางก็ยินดี
ชั่วขณะนั้นอวิ๋นซีรู้สึกว่า หลิ่วหว่านหรงโดนพิษรักกัดกินใจเข้าไปอย่างล้ำลึก หากนางพูดอะไรต่อไปอีก คาดว่าอีกฝ่ายคงจะทนฟังไม่ได้ และไม่แน่อาจจะคิดไปว่านางกำลังยุแยงอยู่ก็เป็ได้ เพราะเื่ของความรู้สึกนี้ สิ่งสำคัญคือความยินยอมของทั้งสองฝ่าย นางจะเข้าไปก้าวก่ายอะไรมากไม่ได้
อีกทั้ง อวิ๋นไห่ยังนับเป็น้าชายของตน หากเขามีใจต่อหว่านหรงจริง นางก็ไม่ควรไปพูดอะไรที่ไม่ควรกับหว่านหรง เพราะหากถูกเขารู้เข้า ไม่แน่ว่าตนอาจถูกคนคาดโทษก็เป็ได้
ในตอนนั้นหวานหว่านกำลังขี่ม้าขาวตัวเล็กเดินนำอยู่ด้านหน้า เมื่อเห็นว่า นานแล้วมารดายังมาไม่ถึงอีก นางก็หันกายไป ะโเรียกอวิ๋นซี “ท่านแม่ เร็วหน่อย ทำไมท่านกับท่านน้าหว่านหรงถึงได้ช้าเพียงนี้”
อวิ๋นซีอมยิ้มพูด “เ้ามาล่าสัตว์ หากเห็นสัตว์ตัวน้อยที่ตนชอบ เ้าก็ลงมือเองเลยสิ หรือว่า มาถึงที่นี่แล้วยังต้องให้แม่คอยปกป้องอยู่? ”
หวานหว่านรีบพูดแย้งทันที “ข้าไม่ได้้าให้ท่านปกป้องเสียหน่อย”
พวกนางแค่วนอยู่บริเวณรอบนอก เดินไปได้ครู่หนึ่ง หวานหว่านก็เห็นกระต่ายน้อยสองตัวกำลังกินหญ้าอยู่ไม่ไกล นางยกคันธนูในมือขึ้น แต่ตอนที่กำลังจะยิงไปนั้น ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงได้ตัดสินใจวางธนูลง “เปิ่นจวิ้นจู่จะจับเป็” พูดจบ นางก็ใช้วิชาตัวเบาทะยานไปยังบริเวณที่กระต่ายน้อยอยู่
เมื่ออวิ๋นซีเห็นเช่นนั้นก็เกิดกังวล ด้วยเกรงว่าเด็กน้อยจะไล่ตามกระต่ายเข้าไปในป่าลึก นางรีบพูดกับหว่านหรงและเชี่ยนเอ๋อร์ “พวกเ้ารออยู่ที่นี่ หรือไม่ก็เดินอยู่รอบนอกเถิด อย่าได้เดินลึกเข้าไปในป่าด้านในเด็ดขาด”
จากนั้นนางก็ไล่ตามหวานหว่านไป ขณะนั้นหลิ่วหว่านหรงและเชี่ยนเอ๋อร์ได้แต่หยุดมองสองแม่ลูกที่จู่ๆ ก็หายตัวไป ในใจคนทั้งสองต่างตกตะลึงไม่น้อย เชี่ยนเอ๋อร์พูดเสียงเบา “หวานหว่านกับพี่สะใภ้รองเป็วรยุทธ์หรือ? ” ด้วยเื่นี้ นางเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ยิ่งกว่านั้น ฝีไม้ลายมือที่แสดงออกก็ดูเหมือนว่าคนทั้งสองจะร้ายกาจมากอีกด้วย
หลิ่วหว่านหรงมองเงาหลังของอวิ๋นซีที่หายลับไป ก่อนจะหันมาพูดกับเชี่ยนเอ๋อร์ “เชี่ยนเอ๋อร์จวิ้นจู่ เื่นี้พี่หญิงอวิ๋นไม่เคยป่าวประกาศให้คนภายนอกรู้ ดังนั้น วันนี้พวกเราก็ทำเป็มองไม่เห็นเถิด ไม่ว่าใครจะถามก็ห้ามพูดออกไปเป็เด็ดขาด”
เชี่ยนเอ๋อร์เห็นว่าหลิ่วหว่านหรงระแวดระวังเพียงนี้ก็รู้ได้ในทันทีว่าเื่นี้ต้องไม่ธรรมดา อย่างไรก็ตาม พี่สะใภ้รองก็เป็คนดีมาก นางต้องห้ามทำเื่ที่จะเป็การร้ายต่อพี่สะใภ้รองเป็อันขาด ดังนั้น เื่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ไม่ว่าใครจะถาม นางก็จะไม่มีวันพูดออกไป
หลิ่วหว่านหรงเห็นว่าเชี่ยนเอ๋อร์พยักหน้ารับปากว่าจะไม่พูด นางถึงได้วางใจ
“พวกเรารออยู่ที่นี่เถอะ ไม่แน่อีกเดี๋ยวพวกเขาก็คงกลับมา...” หลิ่วหว่านหรงยิ้มบางๆ พูด เพียงแต่นางที่ยังพูดไม่ทันจบดีก็เห็นเงาร่างหลายสิบร่างพุ่งมาทางนี้
สีหน้าหลิ่วหว่านหรงเปลี่ยนไปทันที นางพูด “เชี่ยนเอ๋อร์ รีบออกไปจากที่นี่ เร็วเข้า”