ปัง! ปัง...!
คมมีดพลังปราณรบสีเขียวที่พุ่งออกมาจากตัวกริชจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนปะทะชนเข้ากับหนวดปลาหมึกที่โจมตีเข้ามาจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน หนวดเ่าั้ถูกตัดขาดสะบั้นของเหลวสีน้ำตาลสาดกระจายขึ้นทั่วท้องฟ้า ส่วนที่ถูกตัดขาดพลันร่วงหล่นลงสู่พื้นเบื้องล่างบังเกิดเสียงดังขึ้นหลายครา
เย่ชิงหานมองเห็นหนวดเส้นที่ถูกตัดขาดรีบหดหายกลับคืนไปอย่างรวดเร็วจากนั้นมันค่อยๆ งอกกลับขึ้นมาใหม่แล้วพุ่งโจมตีออกมาอีกครั้ง เห็นดังนั้นเขายิ้มออกมาอย่างเย้ยหยันท่าร่างไม่ได้เพิ่มความเร็วขึ้นแต่อย่างใด แต่ในทางตรงกันข้ามกลับเดินเข้าไปหาสัตว์ประหลาดปลาหมึกอย่างช้าๆ ทีละก้าว
“ฮึ! ข้าจะดูว่าหนวดของเ้างอกได้เร็วกว่าหรือข้าที่ตัดได้เร็วกว่ากันแน่!”
เมื่อพลังแสงคมมีดพุ่งผ่านหนวดปลาหมึกยาวหลายเส้นพลันถูกตัดขาดออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เย่ชิงหานสีหน้าเ็าเดินหน้าเข้าไปทีละก้าวๆ ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ หนวดของปลาหมึกยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งลดจำนวนน้อยลงทุกทีและยิ่งสั้นลงทุกที จนเมื่อกระทั่งเย่ชิงหานเดินเข้าไปใกล้ม่านพลังโปร่งแสงหนวดยาวของมันก็ถูกตัดขาดจนไม่มีเหลือ จะเหลือก็แต่เพียงหนวดสั้นกุดที่ติดอยู่กับโคนหนวดของมันที่กำลังค่อยๆ เริ่มงอกยาวขึ้นมาใหม่
“ไม่มีเวลามาเล่นกับเ้าแล้ว ข้าต้องรีบทำเวลาในด่านต่อไปอยู่อีก!”
เย่ชิงหานมองดูสัตว์ประหลาดปลาหมึกที่ร้องเสียงแปลกประหลาดออกมาไม่หยุด เขายิ้มออกมาพร้อมกับโบกมือขึ้นแล้วเดินเข้าไปภายในม่านพลังโปร่งแสงในทันที
.................................
แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นครั้งหนึ่ง เย่ชิงหานถูกเคลื่อนย้ายส่งมายังหุบเขาเล็กๆ อีกครั้ง หุบเขาเล็กๆ แห่งนี้เหมือนกับหุบเขาที่เขาเคยหยุดพักเมื่อสิบวันก่อน ทั้งเงียบสงบทั้งให้ความรู้สึกสุขสบาย
เขาไม่ได้หยุดพักอยู่นาน ทำเพียงหยุดพักอยู่แค่ครึ่งชั่วโมงแล้วก็ออกเดินทางต่อ เขาตัดสินใจว่าจะทำการทะลวงผ่านทั้งสามด่านในคราเดียว
เมื่อผ่านปากทางออกมาพบกับเส้นทางเชื่อมต่อหุ่นเชิดูเาอีกครั้ง เขาไม่รีรอรีบทำการเดินตรงเข้าไปยังรูปากทางเข้ามิติคู่ขนานของด่านที่สามโดยทันที
เมื่อเดินเข้ารูมา เขาก็มาโผล่ขึ้นที่ช่องเขาขนาดใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งมีขนาดกว้างใหญ่สิบกว่าเมตร เส้นทางคดเคี้ยวเป็อย่างมากมองไม่เห็นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
เย่ชิงหานเอานิ้วถูจมูกไปมาเบาๆ รู้สึกมึนงงว่าตนเองควรจะเดินมุ่งหน้าไปทางไหนดีด้านหน้าหรือด้านหลัง? ช่องเขาแห่งนี้จะยาวเท่าไร? ด้านในจะมีสัตว์ประหลาดชนิดหรือประเภทใดเฝ้ารักษาอยู่?
ในขณะที่กำลังใช้ความคิดว่าจะเลือกเดินไปทางไหนดีอยู่นั้น ทั้งด้านหน้าและด้านหลังช่องเขาพลันบังเกิดเสียงร้องคำรามของมารอสูรดังลอยมา เย่ชิงหานไม่กล้าประมาทรีบรวมร่างสัตว์อสูรขึ้นโดยทันที กางสนามพลังออกมาพร้อมกับโคจรพลังปราณรบเตรียมพร้อม จากนั้นเคลื่อนตัวเข้าไปยังกำแพงช่องเขาด้านหนึ่งใช้หลังผิงแล้วหันหน้าออกมาเตรียมตัวสู้ศึก
“บรู๊ววว...”
เหมือนกับว่าการมาถึงของเย่ชิงหานเป็ดั่งสิ่งแปลกปลอมที่ไปััถูกกลไกบางอย่างที่ถูกติดตั้งเอาไว้ฉันนั้น ช่องเขาทั้งด้านหน้าและด้านหลังปรากฏฝูงมารอสูรออกมาอย่างมากมายนับไม่ถ้วน สีดำทะมึนมืดฟ้ามัวดินไปหมด มองไม่เห็นขอบเขตสิ้นสุด
“มารอสูรระดับหกหมาป่าเหล็กนิล?”
เย่ชิงหานเมื่อเห็นก็รู้ได้ทันทีถึงประเภทของมารอสูรที่กำลังมุ่งตรงเข้ามาโจมตีเขา มารอสูรชนิดนี้สามารถเห็นได้โดยทั่วไปบนทวีปัเพลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในป่าม่านหมอกมีอยู่จำนวนมหาศาล
หมาป่าเหล็กนิลสีดำทั่วทั้งร่าง พลังป้องกันสูงกว่ามารอสูรระดับหกโดยทั่วๆ ไป เพียงแต่พลังโจมค่อนข้างจะต่ำสักหน่อย แต่โดยทั่วไปแล้วจะทำการโจมตีพร้อมกันเป็ฝูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝูงๆ หนึ่งมีอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นตัว
ระดับของมารอสูรไม่ค่อยสูงมากนัก เย่ชิงหานไม่รู้สึกหนักใจสักเท่าใดนัก แต่ถึงกระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาอย่างอับจนปัญญา ช่องเขากว้างเพียงเท่านี้เองไม่มีทางให้หลบหนี ถ้าอยากจะหาปากทางเชื่อมต่อเพื่อไปยังด่านต่อไปให้ได้ ก็จำเป็จะต้องบุกตะลุยสังหารผ่านมารอสูรเหล่านี้ออกไปเพียงเท่านั้น
เพียงแต่...เ้าพวกมารอสูรหมาป่าเหล็กนิลสีดำที่มีมากมายนับไม่ถ้วนถาโถมกันเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดินมองไม่เห็นขอบเขตสิ้นสุดที่อยู่เบื้องหน้านี้ เมื่อไหร่ตนเองจะสามารถสังหารฝ่าออกไปจนถึงท้ายฝูงได้สักที?
สนามพลังเปิดออก เย่ชิงหานตัดสินใจไม่ทำการต่อสู้ยืดเยื้อ ะโลอยขึ้นบนอากาศจากนั้นเลือกเอาทิศทางหนึ่งแล้วพุ่งทะยานออกไป
พลังคมมีดผลุบๆ โผล่ๆ แสงคมมีดเปล่งประกายขึ้นอย่างต่อเนื่อง เย่ชิงหานอาศัยพลังป้องกันจากสนามพลังบุกตะลุยออกไป ไม่สนใจต่อฝูงหมาป่าเหล็กนิลที่อยู่สองข้างซ้ายขวาและทางด้านหลัง เขาทำเพียงบุกตะลุยสังหารออกไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว ในตอนนี้ร่างของเขาถูกฝูงหมาป่าเหล็กนิลที่มากมายนับไม่ถ้วนปกคลุมจนมิดหายไปไม่เห็นแม้แต่เงา...
ครึ่งชั่วโมงต่อมาสนามพลังของเขาถูกฝูงหมาป่าโจมตีเข้าใส่จนสลายไป ด้วยความจำใจเย่ชิงหานจำต้องบุกเลี้ยวออกไปยังด้านข้างของช่องเขา จากนั้นใช้หลังพิงเข้ากับกำแพงหน้าผาแล้วเริ่มตั้งรับขึ้น
“เสี่ยวเฮยออกมาช่วยข้าต้านทานพวกมันเอาไว้สักระยะให้ข้าได้พักฟื้นฟูพลังปราณรบก่อน การต่อสู้เช่นนี้สิ้นเปลืองพลังปราณรบมากมายจนเกินไป!” เย่ชิงหานยิ้มเจื่อนๆ ออกมา แม้ว่าพลังปราณรบของเขาที่เหลืออยู่ยังสามารถทำการต่อสู้สังหารเช่นนี้ได้อีกหลายวัน แต่ถ้ายังขืนต่อสู้อย่างสิ้นเปลืองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายพลังปราณรบของเขาคงถูกใช้ไปจนหมดสิ้นไม่เหลือและตายในที่สุด
หากยังไม่รู้แน่ชัดว่าด้านหน้ายังมีหมาป่าเหล็กนิลอยู่อีกเท่าไร หรือว่ายังมีมารอสูรที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าอยู่อีกหรือไม่ เขาจึงจำเป็จะต้องระมัดวะวังให้มาก ต้องเดินหน้าไปช้าๆ รักษาพลังปราณรบและพลังกายภายในร่างไว้ให้ได้มากที่สุด
“ได้เลยลูกพี่ ลูกพี่พักฟื้นพลังปราณรบให้สบายใจไม่ต้องเป็กังวล มารอสูรระดับหกเด็กๆ พวกนี้ข้าเสี่ยวเฮยฆ่าพวกมันได้ง่ายดายไม่ต่างจากการผ่าแตงโม!” เสี่ยวเฮยร้องขึ้นด้วยความคึกคักจากนั้นพุ่งกระโจนออกไปกลายเป็เงาเลือนรางวิ่งตะบึงไปมาทั้งสามทิศทางรอบๆ ด้านหน้าเย่ชิงหาน
ระดับความแข็งแกร่งของฟันและกรงเล็บที่แหลมคมของเสี่ยวเฮยเื่นี้ไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย แม้แต่ตอนแรกที่ถูกเรียกออกมามันก็สามารถกัดแก่นผลึกมารอสูรที่แข็งทนทานเช่นนั้นได้ราวกับกัดก้อนเต้าหู้ ตอนนี้เผชิญหน้ากับมารอสูรระดับหกหมาป่าเหล็กนิล กรงเล็บของเสี่ยวเฮยตะปบลงไปหัวของพวกมันล้วนแหลกเละไม่มีชิ้นดี อีกทั้งขนาดร่างกายที่เล็กของมันบวกกับระดับความเร็วปานสายฟ้าแลบ ฝูงหมาป่าเหล็กนิลที่พุ่งโจมตีเข้ามาจึงไม่ต่างจากลูกแตงโมที่ลอยเข้ามาให้เสี่ยวเฮยตะปบเล่น
เย่ชิงหานมองดูหมาป่าเหล็กนิลที่ล้มระเนระนาดภายใต้ฟันเขี้ยวและกรงเล็บของเสี่ยวเฮยที่ตะปบออกไป เห็นดังนั้นเขาจึงพยักหน้าออกมาอย่างวางใจแล้วนั่งขัดสมาธิขึ้นเริ่มฟื้นฟูพลังกายและพลังปราณรบ
สิบนาทีต่อมาเย่ชิงหานลืมตาขึ้นมองดูทิศทางทั้งสามด้านเบื้องหน้าของตนเอง มองเห็นร่างของหมาป่าเหล็กนิลนอนอยู่บนพื้นเกลื่อนกลาดนับไม่ถ้วนเย่ชิงหานถึงกับอ้าปากค้างขึ้นด้วยความแปลกใจ
“เสี่ยวเฮยกลับมา! เ้ากลับมาพักก่อนตอนนี้ถึงรอบข้าแล้ว อีกสักพักค่อยสับเปลี่ยนเ้า!” เขายิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วร้องะโออกไปบอกเสี่ยวเฮยที่กำลังฆ่าอยู่อย่างสนุกมือ
“เอ่ออ...ลูกพี่ข้ากำลังฆ่าอย่างมันมืออยู่เลย ก็ได้เดี๋ยวอีกสักพักค่อยมาฆ่าต่อแล้วกัน!” เสี่ยวเฮยร้องจี๊ดๆ ออกมาหลายครั้ง ใช้กรงเล็บตะปบออกไปใส่บริเวณ่เอวหมาป่าเหล็กนิลอีกตัวที่อยู่เบื้องหน้าจนเืไหลไส้ทะลักออกมา จากนั้นถึงค่อยกลายเป็เงาเลือนรางพุ่งกลับมามุดหายเข้าไปภายในร่างของเย่ชิงหาน
‘ฮู่ว! เ้าพวกมารอสูรหมาป่าเหล่านี้มีมากมายจนเกินไป อีกทั้งระดับก็ต่ำฆ่าไม่สะใจเท่าไร!’ เย่ชิงหานคิดอยู่ภายในใจ พลันคิดถึงเกมออนไลน์เมื่อชาติที่แล้วที่เคยเล่น รู้สึกว่าตนเองคล้ายกับตัวละครที่อยู่ภายในเกมที่กำลังต่อสู้เก็บค่าประสบการณ์เพื่ออัปเลเวลของตนเองอย่างไรอย่างนั้น แต่ก็พลันคิดขึ้นได้ว่า...ูเาสุสานทวยเทพเดิมทีก็เป็เกมที่เทพผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นสร้างขึ้นมา ตนเองก็ไม่ต่างจากผู้เล่นคนหนึ่งที่กำลังทำการตะลุยฝ่าด่านไปให้ได้เพียงเท่านั้นเอง
ไม่มีเวลาให้มาคิดเื่ไร้สาระ ฝูงหมาป่ามากมายที่กำลังเหยียบย่ำร่างของเพื่อนมันที่นอนตายอยู่มุ่งตรงเข้ามาหาเขาอย่างต่อเนื่อง เย่ชิงหานรีบปล่อยสนามพลังออกไปแล้วโคจรพลังปราณรบบุกตะลุยออกไปยังเส้นทางเดิมเมื่อสักครู่อีกครั้ง
สถานการณ์ดำเนินไปอยู่เช่นนี้อย่างต่อเนื่อง บุกตะลุยออกไปได้สักระยะหนึ่งแล้วก็หยุดลงแล้วก็บุกตะลุยต่อไปอีกแล้วก็หยุดลง เขาและเสี่ยวเฮยสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเช่นนี้อยู่กว่าห้าชั่วโมงจนบุกตะลุยมาถึงสุดปลายทางของช่องเขา
เพียงแต่เมื่อมาถึงสุดปลายทางของช่องเขาเย่ชิงหานรู้สึกตะลึงงันตาค้างพร้อมกับเริ่มด่าทอขึ้นภายในใจ
สุดปลายทางช่องเขาเป็ทางตัน! ไม่มีทางไปต่อ ที่นี่มีเพียงค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่เพียงอันเดียวที่กำลังเปล่งประกายแสงขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุดซึ่งทำการเคลื่อนย้ายหมาป่าเหล็กนิลมาอย่างต่อเนื่อง เย่ชิงหานออกสำรวจหาดูจนทั่วก็ไม่พบบันไดและรูทางออกสีดำอยู่เลย
เขาเดินมาผิดทางแล้วทางออกอยู่อีกทางด้านหนึ่ง...
“ไอ้บ้าเอ๊ย! ทำไมไม่ทำป้ายบอกทาง ได้แกล้งคนนี่มันสนุกมากนักรึอย่างไร!”
เย่ชิงหานอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ไม่มีน้ำตาจึงได้แต่ด่าทอขึ้นหลายครา จากนั้นจึงจำใจต้องเริ่มต้นทำการทะลวงฝ่ากลับออกไปทางเดิม สุดท้ายใช้เวลาไปกว่าสิบชั่วโมงถึงได้ทะลวงฝ่ามาจนถึงปลายทางของอีกด้านหนึ่งแล้วก็รีบเข้ารูทางออกจนออกมาได้
โชคดีที่ทั้งช่องเขามีค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่เพียงแค่ด้านหน้าและด้านหลังทำการเคลื่อนย้ายหมาป่าเหล็กนิลออกมาอยู่ตลอด แต่ไม่ได้มีมารอสูรระดับสูงที่แข็งแกร่งหรือสัตว์ประหลาดประเภทอื่นปรากฏออกมาอีก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้