เมื่อเห็นน้องสาวมีความมั่นใจขนาดนี้ หมี่หลันหยางก็รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย ถ้าสาขาใหม่นี้เปิดได้ยิ่งใหญ่ นั่นก็หมายความว่าร้านของน้องสาวตนเองจะกลายเป็สถานที่เด่นๆ ของเมืองซวงเฉิงได้เลยใช่ไหม? เหมือนกับห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่บนถนนใจกลางเมืองแห่งนี้
ต้องรู้ก่อนว่าเดิมทีเมืองซวงเฉิงมีร้านค้าเพียงแห่งเดียวที่ขายเสื้อผ้าโดยเฉพาะ แถมยังเป็ของรัฐอีกด้วย แต่ตอนนี้มันก็ประกาศยุติกิจการไปแล้ว แถมยังต้องแบ่งพื้นที่ให้เช่าอีกด้วย ถ้าหากน้องสาวของเขาเช่าพื้นที่ขายได้มากที่สุด ไม่ใช่ว่าเธอจะกลายเป็ผู้ค้าเสื้อผ้ารายใหญ่ที่สุดของเมืองซวงเฉิงหรอกเหรอ
"หลันเยว่ ในเมื่อเธอมีความมั่นใจขนาดนี้ พวกเราก็ต้องมาคุยกันอย่างจริงจังหน่อยแล้วล่ะ ว่าจะทำอย่างไรให้ร้านดูน่าดึงดูดยิ่งขึ้น ลูกค้าถึงอยากเข้าไปซื้อของ"
หมี่หลันหยางเริ่มวางแผนอย่างเป็รูปธรรมแล้ว ซึ่งเป็สิ่งที่หมี่หลันเยว่ชื่นชอบในตัวพี่ชายมากที่สุด นั่นก็คือความน่าไว้วางใจ
"ค่ะ ก่อนอื่นเรามาคิดดูก่อนว่าพื้นที่ที่พวกเขาให้มานั้นมีขนาดประมาณเท่าไหร่"
ที่จริงเื่นี้หมี่หลันเยว่ก็พอจะรู้มาบ้าง เพราะในชาติก่อนเธอเคยเห็นห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เปิดทำการ และรู้ว่าไม่ถึงสองปีร้านก็โด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร้านค้าด้านในก็เริ่มเป็ที่้า
เพียงแต่ตอนนั้นเธอยังเป็นักเรียนประถม ไม่ได้ใส่ใจเื่นี้มากนัก แถมยังจำเวลาเปิดทำการที่แน่นอนไม่ได้อีกด้วย ใครจะคิดว่าในชาตินี้เธอจะได้เข้าไปเป็ผู้เช่ารายแรกๆ โอกาสนี้เธอจะไม่มีวันปล่อยไปอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังมีแผนการอื่นๆ ซ่อนไว้อยู่
หลายคนช่วยกันถกเถียงเื่นี้อย่างจริงจัง หมี่หลันเยว่จงใจชี้นำพวกเขาไปสู่การออกแบบที่ถูกต้อง แม้จะเป็เพียงการกะขนาดคร่าวๆ แต่หมี่หลันเยว่ก็คิดว่าขนาดน่าจะใกล้เคียงกับที่เธอจำได้ ประมาณแปดหรือเก้าในสิบ ส่วนต่างคงไม่เกินสามหรือสี่ตารางเมตร
"ในเมื่อพื้นที่เป็แบบนี้ เราควรจะต้องใช้ร้านกี่ห้องกันนะ?"
เฉียนหย่งจิ้นมองขนาดพื้นที่ที่หมี่หลันเยว่ประเมินไว้ ซึ่งมีขนาดประมาณสองในสามของร้านสาขาใหญ่ในปัจจุบัน ก็ถือว่าไม่เล็กแล้ว แต่ในเมื่ออยากจะทำให้สาขาใหม่ยิ่งใหญ่ ก็คงจะไม่ใช่แค่สองห้อง
หมี่หลันเยว่วาดแผนผังของบริษัทเสื้อผ้าแห่งนั้นคร่าวๆ ลงบนกระดาษ ทุกคนเคยไปเดินเล่นที่นั่น หมี่หลันเยว่วาดคร่าวๆ แต่ทุกคนก็ดูออก
"ทุกคนดูนะ แถวทางขวามือเมื่อเดินเข้าไป ตามที่เราคิดกัน น่าจะมีร้านอยู่ห้าห้อง"
หมี่หลันเยว่ทำเครื่องหมายบริเวณนี้บนกระดาษ ตามความทรงจำที่ค่อนข้างเลือนรางของเธอ น่าจะมีร้านอยู่ห้าห้อง เธอไม่แน่ใจนัก แต่จากการคาดการณ์ของทุกคนแล้ว น่าจะไม่ผิดเพี้ยนกันเท่าไหร่
"เราต้องจองห้าห้องนี้ไว้แน่นอน เพราะมันมีตู้กระจก"
เมื่อข้อเสนอนี้ถูกยกขึ้นมา หนุ่มๆ ทั้งสามก็ร้องเห็นด้วยพร้อมกัน ตู้กระจกเล็กๆ ที่ร้านสาขาใหญ่ซึ่งมีช่องหน้าต่าง ก็สำคัญมาก ลูกค้าที่เดินผ่านไปมา คงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองสองครั้ง ถ้าเสื้อผ้าในตู้กระจกทำให้พวกเขาหยุดมอง พวกเขาจะต้องเดินเข้าไปดูในร้านอย่างแน่นอน
"ในเมื่อทุกคนเห็นด้วย งั้นเราก็จะจองห้าห้องนี้ไว้แน่นอน ส่วนที่เหลือก็คือส่วนที่เราจะจองเพิ่ม จำนวนมันไม่น้อยเลยนะ จะกินพื้นที่ร้านเสื้อผ้าไปครึ่งหนึ่ง พวกพี่คิดว่าจะเอายังไง จะจองออกมาจากทางขวามือของเราโดยตรง หรือจะจองจากตู้กระจกทางด้านซ้ายมือโดยตรง"
หนุ่มๆ ทั้งสามปรึกษากันอยู่ครู่หนึ่ง เฉียนหย่งจิ้นก็พูดขึ้นมาก่อน
"เื่ตู้กระจกพวกเรายังคิดถึงได้ คนในกรมก็คงต้องคิดถึงเหมือนกัน ถ้าเราอยากจะจองร้านที่มีตู้กระจกทั้งหมด ฉันว่าพวกเขาคงไม่ยอมแน่ๆ เจตนาเรามันชัดเกินไป"
"ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะงั้นฉันคิดว่าควรจองครึ่งหนึ่งจากทางขวามือ"
หมี่หลันหยางใช้นิ้วชี้ลงบนกระดาษ
"ทำแบบนี้ดีไหม เราเอาเส้นตรงที่ตรงกับประตูทางเข้าเป็เส้นแบ่ง แล้วจองพื้นที่ทางด้านขวามือทั้งหมด"
หลินเผิงเฟยก็เห็นด้วยกับความคิดนี้
"ฉันก็เห็นด้วยกับความคิดของหลันหยาง เพียงแต่ว่าครึ่งหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในร้าน มันเป็มุมอับ ถ้าห้างไม่สามารถพัฒนาขึ้นมาได้ ตรงนั้นอาจจะฉุดพวกเราไว้ก็ได้"
หมี่หลันหยางโบกมือขัดจังหวะหลินเผิงเฟย
"เื่นี้ไม่ต้องเป็ห่วง เราแค่จองพื้นที่ไว้ล่วงหน้า ช่วยพวกเขารักษาหน้าตาของศูนย์ไว้เท่านั้น เมื่อพวกเขาปล่อยเช่าพื้นที่ฝั่งซ้ายจนหมดแล้ว เวลาปล่อยเช่าพื้นที่เพิ่มเติม เราก็ให้พวกเขาเริ่มปล่อยจากด้านในออกไปด้านนอก"
"ยิ่งไปกว่านั้น จะปล่อยเช่าได้ดีหรือไม่ดีก็ไม่เกี่ยวกับเราเท่าไหร่ เพราะพวกเราแค่ช่วยพวกเขาเท่านั้น ถึงแม้ว่าต่อมาจะปล่อยเช่าไม่ได้ พวกเราไม่เอาก็ได้นี่นา ยังไงซะเราก็มีร้านที่จองไว้ห้าห้องแล้ว"
หมี่หลันหยางมองโลกในแง่ดี แต่หลินเผิงเฟยรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เขากำลังจะอ้าปากพูด แต่ก็หุบปากลง เพราะเขายังคิดไม่ดีว่าจะพูดอย่างไร
"พี่เผิงเฟย อยากพูดอะไรก็พูดออกมาได้เลย อย่าบอกนะว่าระหว่างพวกเรายังมีอะไรพูดกันไม่ได้ ถึงจะเป็ข้อเสนอที่ยังขาดๆ อะไรไปบ้าง แต่เราก็ยังปรึกษากันได้นี่นา"
หลินเผิงเฟยเกาหัวด้วยความเขินอายเล็กน้อย
"ถ้าพูดตามที่หลันหยางพูด ร้านข้างหลังนั้น ตอนแรกเราก็ไม่้าอยู่แล้ว แล้วเราจะปล่อยให้เขาเช่าร้านข้างๆ เราทำไม"
"ทุกคนลองคิดดูนะ ถ้าเขาปล่อยร้านทางด้านซ้ายมือออกไปได้หมดแล้ว แต่ทางด้านขวามือนอกจากร้านห้าห้องของพวกเราแล้ว ไม่มีใครเช่าเลย มันจะว่างหมด แล้วธุรกิจของพวกเราจะดีไหม ถ้าฉันเป็ลูกค้า ฉันจะต้องไปในด้านที่มีร้านเยอะๆ อย่างแน่นอน"
คำพูดของหลินเผิงเฟยทำให้หมี่หลันหยางเห็นช่องโหว่ในความคิดของตัวเอง
"ใช่แล้ว เผิงเฟยพูดถูก ฉันยึดติดกับภาพเดิมๆ มากเกินไป ถ้าพวกเราแค่ช่วยให้เขาปล่อยเช่าพื้นที่ทางด้านซ้ายมือได้ แล้วทางด้านนี้ของเราก็ว่างเปล่าหมด ใครจะรับประกันได้ว่าร้านค้าในห้างจะปล่อยเช่าได้หมดกันล่ะ?"
คำพูดของหลินเผิงเฟยทำให้หมี่หลันเยว่ตบมือ ในที่สุดก็ชี้นำมาถูกทางแล้ว หมี่หลันเยว่ยื่นนิ้วโป้งให้หลินเผิงเฟย พร้อมกับพูดชมเขาไม่หยุด
"พี่เผิงเฟย ไม่ธรรมดาเลย ปัญหาที่พี่พูดมาก็สำคัญที่สุด"
หลินเผิงเฟยเกาหัวด้วยความเขินอายอีกครั้ง หมี่หลันเยว่จึงหันสายตากลับไปยังกระดาษอีกครั้ง
"งั้นตอนนี้เรามาคิดกันใหม่ดีกว่า ว่าเราจะจองพื้นที่ทางด้านซ้ายมือ หรือทางด้านขวามือดี ที่สำคัญก็คือ ถ้าพื้นที่ที่จองไว้ปล่อยเช่าไม่ได้ เรา้าที่จะเก็บมันไว้ไหม"
ในที่สุดหมี่หลันเยว่ก็เริ่มเปิดเผยแผนการที่แท้จริงของเธอ หนุ่มๆ ทั้งสามเบิกตากว้างพร้อมมองเธอ เด็กสาวคนนี้้าจะทำอะไรกันแน่ พื้นที่ครึ่งหนึ่ง เธออยากจะเช่าทั้งหมดเลยหรือ
"หลันเยว่ เธอ...เธอ...ทำไมถึงมีความคิดแบบนี้ได้ นั่นมันไม่ใช่ร้านสามร้านหรือห้องห้าห้องนะ"
เมื่อได้ยินพี่ชายพูดติดๆ ขัดๆ หมี่หลันเยว่ก็หัวเราะออกมา
"พี่ชาย อย่าตื่นเต้นไป ฉันไม่ได้ปรึกษากับพี่ชาย พี่หย่งจิ้น แล้วก็พี่เผิงเฟยอยู่เหรอคะ ส่วนเื่ว่าจะเช่าเท่าไหร่นั้น พวกเราก็ต้องคำนวณกันให้ดีก่อน ว่ามันมีความเป็ไปได้มากน้อยแค่ไหน"
แม้ว่าในใจหมี่หลันเยว่จะมีแผนการที่แน่นอนแล้ว แต่เธออยากจะค่อยเป็ค่อยไป อย่างแรกคือกลัวว่าพี่ชายจะใ อย่างที่สองคือเธออยากให้พี่ชายยอมรับข้อเสนอของเธออย่างแท้จริง ไม่ใช่เพราะเธอมีความคิดนี้ พวกเขาเพียงแค่พึ่งพาและเชื่อใจเธอ พวกเขาจึงทำตามการตัดสินใจของเธอ
"น้องสาว พี่คิดแบบนี้นะ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีลำดับขั้นตอน ถึงแม้ว่าพี่จะอยากให้ห้องเสื้อหลันเยว่ของเราโด่งดังในเมือง แต่ถ้าหากปูทางให้มันใหญ่โตขนาดนี้ในคราวเดียว มันก็อาจจะไม่ใช่เื่ดีก็ได้"
หมี่หลันหยางยังคงระมัดระวังตัว นกที่บินนำหน้าฝูงมักจะถูกยิงก่อนเสมอ ภาคเอกชนเพิ่งจะเข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้อง เขากังวลว่าน้องสาวจะเดินเร็วเกินไป
"ฉันรู้ตัวเองดีค่ะพี่ สิ่งที่พี่กังวลนั้นถูกต้องแล้ว แต่ความเสี่ยงก็มักจะซ่อนโอกาสอยู่เสมอ ก็เพราะทุกคนกำลังกังวล กำลังหวาดกลัว พวกเราถึงมีโอกาสได้ลงมือก่อน พี่ลองคิดดูนะ ถ้าตอนนี้ทุกคนรู้ว่าอนาคตสดใส ทุกคนก็จะแห่กันเข้ามา แล้วฉันจะสามารถเก็บร้านครึ่งหนึ่งนี้ได้ไหม"
"พี่คะ โอกาสและความเสี่ยงมันมาคู่กัน ไม่มีเื่ดีๆ ที่เหลืออยู่เพียงโอกาสโดยที่ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงเลย พวกเราต้องลองทำดูก่อนถึงจะรู้นี่คะ"
ในใจหมี่หลันเยว่ก็ร้อนรนเหมือนกัน เธอไม่สามารถบอกกับพี่ชายได้ว่า ตลาดกำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ตราบใดที่เราทำ เราจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะเธอเคยผ่านมาแล้ว
"หลันเยว่ แล้วเธอมีความคิดเห็นยังไงล่ะ? ถ้าเธออยากจะเช่าทั้งหมด พี่ก็เห็นด้วยนะ ไม่มีเหตุผลอื่นหรอก ถ้าปล่อยเช่าในตอนนี้คงจะไม่ราบรื่น ราคาอาจจะถูกมาก พวกเราฉวยโอกาสนี้เข้ามา ก็อาจจะไม่ใช่เื่เสียหายอะไร"
เฉียนหย่งจิ้นไม่ได้พูดอะไรใน่แรก เห็นได้ชัดว่าคำพูดเหล่านี้เป็ผลมาจากการพิจารณาของเขา
"ยิ่งไปกว่านั้น ฉันคิดว่าแม้จะเช่าร้านค้าครึ่งหนึ่งของห้างก็ไม่เป็อะไร ในปีนี้พวกเราจะต้องขยายโรงงานขยายร้าน แถมยังต้องเพิ่มช่องทางขายในเมืองอื่นอีกด้วย เมื่อเป็เช่นนี้ แม้ว่าพวกเราจะถือว่ามันเป็ห้องตัวอย่างขนาดใหญ่ ก็ยังคุ้มค่า"
หมี่หลันเยว่ยื่นนิ้วโป้งให้เฉียนหย่งจิ้นอีกครั้ง
"พี่หย่งจิ้น ในที่สุดพี่ก็คิดตรงกับฉันแล้ว ฉันแค่อยากจะฉวยโอกาสที่ค่าเช่าถูกในตอนนี้ เก็บได้มากเท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น ถึงจะเป็ห้องจัดแสดงสินค้าก็เหมาะสมค่ะ"
หมี่หลันหยางมองน้องสาวของตนเอง แล้วก็พูดออกมาอย่างกระอักกระอ่วน
"ตอนที่เธอคุยกับลุงหวังตอนเช้า เธอไม่ได้มีความคิดนี้แล้วเหรอ ไม่งั้น เธอจะคิดถึงการยื่นข้อเสนอเื่การจองร้านค้าได้ยังไง?"
หมี่หลันเยว่ถูกพี่ชายถามตรงๆ แบบนี้ ก็เกาหัวด้วยความเขินอายเล็กน้อย
"ตอนนั้นฉันก็มีความคิดอยู่ในหัวบ้างค่ะ เพียงแต่ว่ามันยังไม่เรียบร้อยดี นี่ก็ผ่านไปครึ่งวันแล้ว เื่ที่เราคิดมาถึงตอนนี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้วค่ะ"
"ทุกคนดูนะ ตอนที่เริ่มแบ่งให้เช่าครั้งแรก คงไม่มีคนมาเช่ามากนัก ถ้าปล่อยร้านค้าได้หมดครึ่งหนึ่งก็ถือว่าดีแล้ว เพราะฉะนั้น ครึ่งหนึ่งที่ฉันจองไว้ นอกจากร้านที่ฉันจะไปดูในวันพรุ่งนี้แล้ว ที่เหลือมีโอกาสน้อยมากที่จะปล่อยเช่าออกไปได้"
"ถ้าเป็อย่างนั้น ฉันจะจองพวกมันทั้งหมด แต่พวกเราต้องคุยกับลุงหวังให้ดีเสียก่อน ว่าพวกเราทำแบบนี้ก็เพื่อช่วยเหลือกรมของเขา ดังนั้นเื่ค่าเช่า ฉันจะคุยกับพวกเขาในราคาที่เหมาะสม พวกเราช่วยพวกเขาแล้ว พวกเขาจะต้องให้ข้อเสนอพิเศษกับพวกเราบ้างสิคะ"
หนุ่มๆ ทั้งสามชี้ไปที่หมี่หลันเยว่พร้อมกัน ยัยตัวแสบคนนี้วางแผนจะฉวยโอกาสจากกรมั้แ่แรกแล้ว ทั้งสามคนมองหน้ากัน แล้วก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย ดูเหมือนว่าถึงแม้จะรวมตัวกันเป็หนึ่งเดียว ก็ยังไม่สามารถเอาชนะเด็กสาวคนนี้ได้จริงๆ คงต้องพยายามกันต่อไป
ทุกคนคุยกันถึงรายละเอียดเพิ่มเติม สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะจองพื้นที่ทางด้านขวามือ ถ้าหากสามารถสร้างพื้นที่ครึ่งหนึ่งนี้ให้มีลักษณะเหมือนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ได้ ชื่อเสียงของห้องเสื้อหลันเยว่ถึงจะดังกระหึ่มอย่างแท้จริง เมื่อนึกถึงฉากนั้น ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น นี่เป็สิ่งที่คุ้มค่าที่จะทุ่มเทชีวิตทั้งหมดเพื่อทำ
"เด็กๆ เข้าไปกินข้าวเที่ยงในบ้านได้แล้ว"
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน หมี่จิ้งเฉิงก็มาเรียกพวกเขากลับไปกินข้าวที่บ้าน ทั้งสี่คนจึงรีบลุกขึ้น ท้องของพวกเขาเริ่มหิวแล้วจริงๆ ไปเติมพลังกันก่อนดีกว่า
"หลันเยว่ พ่อของลูกคุยกับแม่แล้ว แม่ก็เลยตัดสินใจว่าจะปิดร้านหนังสือของพวกเรา เพื่อที่จะช่วยลูกทำร้านค้าอย่างเต็มที่"
ทันทีที่นั่งลงที่โต๊ะอาหาร หวังหย่วนฉิงก็ให้ข่าวใหญ่กับหมี่หลันเยว่
