ไป๋หลี่ชางที่เผชิญหน้ากับความอวดดีของหลัวเลี่ยั้แ่แรกนั้นโกรธมาก แต่ตอนนี้เขาใจเย็นลงแล้ว เขาพูดอย่างดูถูกว่า “ใครจะยังยืนหยัดอยู่หรือ? ตลกน่า เ้าก็แค่คนหนุ่มที่มาจากแคว้นเล็กๆ ที่แสนอ่อนแออย่างแคว้นเป่ยสุ่ย แม้ว่าเ้าจะกล้ามางัดข้อกับข้า แต่อีกไม่นานหรอก เ้าจะต้องเสียใจเป็แน่ ตอนนี้หากข้าฝ่าฝืนกฎการประลองยุวราชันสิบแคว้นเพื่อฆ่าเ้า นั่นจะนับว่าข้าแพ้ และคงเป็การดูถูกหอการค้าฟ้านเทียน ดังนั้นข้าจะเล่นตามกฎแล้วฆ่าเ้าให้ได้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถของข้า”
หลัวเลี่ยตอบโต้คำดูถูกว่า “ข้าสัญญาว่าข้าจะทำให้เ้าได้รู้ว่าสุดท้ายแล้วเ้าน่ะไร้ความสามารถ”
“เ้าจะดื้อด้านเกินไปแล้ว!” ไป๋หลี่ชางตะคอก
“เดิมทีข้าก็เป็คนดื้อด้านอยู่แล้ว!”
หลัวเลี่ยมีความมั่นใจในข้อนี้
หากในอดีตเขาก็พูดได้ว่ายังมีข้อบกพร่องอยู่เล็กน้อย นั่นคือเขาไม่มีวิชายุทธ์ลับขั้นสูงสุด และเขาไม่สามารถแสดงพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเคล็ดวิชาั์ออกมาได้ แต่ตอนนี้เขาสามารถทำได้แล้ว นับว่าทุกอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
การมีวิชามหาหลุนินั้นดีที่สุด
ตอนนี้เขาเพียงปรารถนาที่จะมีคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อมาต่อสู้กับเขา
ไป๋หลี่ชางพูดอย่างเ็า “ข้าจะทำให้เ้าได้รู้ว่าความดื้อด้านของเ้ามันไร้สาระและไร้เดียงสาเพียงใด”
หลัวเลี่ยตะคอก “เช่นนั้นเรามารอดูกัน”
เขาไม่ได้รั้งรอที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาจับมือของเสวี่ยปิงหนิงไว้และพานางจากไปพร้อมกัน
ข้างหลังของเขามีเพียงไป๋หลี่ชางที่กัดฟันด้วยความโกรธ
ในทางตรงกันข้าม หลิวจื่ออั๋งเดินตามหลัวเลี่ยออกไปอย่างรวดเร็ว และขวางหลัวเลี่ยเอาไว้ที่ด้านนอกของหอการค้าฟ้านเทียนสาขาแคว้นจินหลาน
หลัวเลี่ยยังคงมีความประทับใจต่อหลิวจื่ออั๋ง ไม่เพียงเพราะหลิวจื่ออั๋งช่วยเขาทางอ้อม แต่เพราะอย่างน้อยหลิวจื่ออั๋งก็มีข้อดี ไม่ใช่คนไร้ยางอายและน่ารังเกียจเหมือนไป๋หลี่ชาง
“เ้าแข็งแกร่งเกินไปแล้ว” หลิวจื่ออั๋งถอนหายใจ
“เื่บางเื่ เราก็ไม่สามารถประนีประนอมได้” หลัวเลี่ยมองกลับไปที่หอการค้าฟ้านเทียนสาขาแคว้นจินหลาน “ถ้าข้าอดทนให้เขาดูถูกและแบกรับความอับอายเอาไว้ พวกเขาจะไว้ชีวิตข้าจริงๆ หรือ”
หลิวจื่ออั๋งตกตะลึง “ที่แท้เ้าก็มองออกตั้งนานแล้ว”
หลัวเลี่ยพยักหน้า
“อ่า! มันเป็คติของผู้มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ศักยภาพที่เ้าแสดงออกมานั้นยิ่งใหญ่เกินไป และมันเป็ไปไม่ได้ที่ผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่จะปล่อยให้อัจฉริยะที่มีศักยภาพสูงและเกลียดเขาเช่นนี้เติบโตขึ้น” หลิวจื่ออั๋งกล่าวอย่างเสียใจ “จริงๆ แล้วข้ามองเ้าในแง่ดีมาตลอด ครั้งหนึ่งข้าเคยอยากรับเ้าเป็ศิษย์ และเคยคิดที่จะทดสอบเ้าผ่านปัญหาที่เ้าอาจพบใน่ก่อนและหลังการประลองยุวราชันสิบแคว้น และถ้าเป็ไปได้ข้าจะแนะนำเ้าให้กับเ้าของหอเซียวเหยาในฐานะศิษย์ แต่เื่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป และมันเป็เื่ที่เกี่ยวข้องกับความเป็ความตายของหอการค้าฟ้านเทียน เื่นี้แม้ว่าข้าอยากจะเข้าไปแทรกแซง แต่เห็นทีว่าหอเซียวเหยาคงจะไม่อนุญาต”
หลัวเลี่ยโค้งคำนับหลิวจื่ออั๋งด้วยความนับถือ “ขอบคุณผู้าุโหลิวที่มองเห็นความสามารถของหลัวเลี่ย และขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือก่อนหน้านี้ทั้งทางตรงและทางอ้อม หลัวเลี่ยขอบคุณท่านจริงๆ”
หลิวจื่ออั๋งโบกมือว่อน “เ้าไม่จำเป็ต้องทำเช่นนี้ แม้ว่าเ้าและข้าจะไม่มีชะตาได้เป็ศิษย์และอาจารย์ แต่เราก็สามารถเป็เพื่อนกันได้ ข้าหลิวจื่ออั๋งแม้ไม่มีกำลังพอจะช่วยเหลือเ้า แต่ข้าก็สามารถปกป้องคนรอบข้างของเ้าให้ปลอดภัยได้”
หลัวเลี่ยรู้สึกประทับใจอย่างมาก
เพราะเื่ตราราชันข่งเชวี่ยจะต้องทำให้หอการค้าฟ้านเทียนคลั่งอย่างแน่นอน และทางหอเซียวเหยาในเวลานี้แม้ว่าจะเป็คู่ต่อสู้หรือศัตรู ก็ต้องหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้เพื่อไม่ให้ถูกสุนัขบ้ากัดเอาได้ หลิวจื่ออั๋งจึงทำเช่นนี้ และนับว่าเป็มิตรภาพที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง
“ผู้าุโหลิว หลัวเลี่ยจะไม่มีวันลืมบุญคุณครั้งนี้ของท่าน!” หลัวเลี่ยกล่าว
หลิวจื่ออั๋งตบไหล่หลัวเลี่ยและจากไปอย่างเสียใจ
แต่หลัวเลี่ยอยู่ในอารมณ์ที่แตกต่างออกไป
เขามีความสุขมาก
ไม่คาดคิดว่าใน่เวลาสำคัญของชีวิต และอยู่ระหว่าง่ความเป็ความตาย เขาจะสามารถหาเพื่อนแท้ได้ นี่นับว่าเป็ความแปลกใจที่มีความสุขจริงๆ
“ฮึ่ม...”
เสียงที่น่ารำคาญดังขึ้นมา
เป็เลี่ยหงหยุน
และกองกำลังดาบทั้งเจ็ดคนของนางอยู่ห่างนางออกไปหกฉื่อ พวกเขามีดาบอยู่บนหลังและไม่แสดงสีหน้าใดๆ
ไม่ไกลออกไปคือกลุ่มอินทรีดำสิบสามคนที่อ๋องชวนหลงส่งมา พวกเขาทั้งหมดสวมใส่ชุดเกราะสีดำ และมองมาที่หลัวเลี่ยอย่างเ็า
“โอ้ นี่คือหญิงชราที่เคยถูกข้าทำให้กลัวจนเกือบจะฉี่ราดไม่ใช่หรือ และลูกของนางก็ถูกข้าฆ่าด้วยนี่” เมื่อหลัวเลี่ยเริ่มเอ่ย เลี่ยหงหยุนก็ะเิอารมณ์ด้วยความโกรธทันที
เลี่ยหงหยุนกัดฟัน ก่อนจะพูดอย่างโกรธแค้น “หลัวเลี่ย ข้าหวังว่าเ้าจะรอดจากการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นนะ หากเ้ารอดแล้ว ข้าจะได้ลงมือฆ่าเ้าด้วยตัวเองเพื่อล้างแค้นให้กับลูกชายของข้า หนี้แค้นที่เ้าฆ่าลูกชายของข้านั้น หากไม่ได้ชำระก็นับว่าเราไม่อาจอยู่ร่วมผืนฟ้าเดียวกันได้อีก”
หลัวเลี่ยพูดอย่างราบเรียบ “ท่านวางใจเถิด ข้าต้องมีชีวิตรอดแน่ ส่วนท่านจะได้แก้แค้นหรือไม่นั้น นั่นก็เป็อีกเื่หนึ่ง”
“เชิญเ้าพูดไปเถอะ พูดให้พอ เพราะถึงอย่างไรเ้าก็คงอยู่ได้อีกไม่กี่วันแล้ว” เลี่ยหงหยุนยิ้มเย็น “เ้ารู้ไหมว่าคนที่ข้าพามาด้วยเป็ใคร พวกเขาเป็นักดาบทั้งเจ็ดแห่งตระกูลเลี่ย พวกเขาไม่เพียงเก่งในเื่ต่อสู้ แต่ยังเก่งในเื่การทรมานเหยื่อด้วยการค่อยๆ ฟันถึงสามพันครั้งจึงจะปล่อยให้ตาย”
กลุ่มนักดาบทั้งเจ็ดคน!
ั้แ่ที่หลัวเลี่ยสังหารหลัวชื่อสิง หลัวเลี่ยก็หันมาสนใจเกี่ยวกับข้อมูลของตระกูลเลี่ยแห่งแคว้นซวนิ
เขาเคยได้ยินมาว่านักดาบทั้งเจ็ดที่มีชื่อเสียงนี้ล้วนเป็ผู้มีพลังในระดับแก่น์ และว่ากันว่าพวกเขายังเชี่ยวชาญการโจมตีต่อเนื่องทั้งเจ็ดที่ทรงพลัง ซึ่งทำให้สามารถสังหารได้แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งที่มีพลังอยู่ในระดับวังชะตา ดังนั้นคนกลุ่มนี้นับว่าเป็กองกำลังที่ทรงพลังที่สุดของตระกูลเลี่ยอย่างแน่นอน
“เลี่ยหงหยุน เ้าคงไม่มีโอกาสได้ลงมือแล้ว”
องค์ชายสามและองค์ชายเก้าเสด็จมา
เลี่ยหงหยุนกล่าวว่า “องค์ชายทั้งสองหมายความว่าอย่างไร พวกท่าน้าจะปกป้องเขาหรือ?”
“ปกป้องเขา? ข้าจะปกป้องคนที่ขโมยหยาดจันทร์นิรวานของแคว้นจินหลานไปได้อย่างไร” องค์ชายสามเม้มริมฝีปาก
“เช่นนั้น?” เลี่ยหงหยุนถาม
องค์ชายสามกล่าวว่า “เขากำลังจะตายในการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้น แล้วท่านคิดว่าท่านจะมีโอกาสลงมือได้อย่างไร”
องค์ชายเก้ายิ้มแล้วกล่าวต่อ “ถูกต้อง ท้ายที่สุดแล้ว เขาจะต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของยุวราชันแห่งสิบแคว้นตามลำพัง”
ความหมายของพวกเขาก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า ในการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นนี้ ผู้เข้าประลองจากแคว้นจินหลานเองก็จะโจมตีหลัวเลี่ยด้วยเช่นกัน
หลัวเลี่ยเลิกคิ้ว มองไปที่องค์ชายทั้งสองด้วยสายตาเ็า
เลี่ยหงหยุน้าฆ่าเขาเพื่อล้างแค้นให้กับลูกชายของนาง สิ่งนี้สมเหตุสมผล
แต่องค์ชายสองคนนี้น่ารังเกียจเกินไป
พวกเขาไร้ความสามารถเอง จึงไม่อาจได้รับปรากฏการณ์นวัล้อมเดือน และไม่สามารถได้รับหยาดจันทร์นิรวานไปได้ เมื่อประลองกับเขาก็สู้ไม่ได้ และแทนที่จะกลับไปฝึกฝนให้หนักขึ้นเพื่อกลับมาแก้แค้นเขา คนพวกนี้กลับยุยงไป๋หลี่ชางให้มาโจมตีเขาแทน
หลัวเลี่ยรู้สึกว่าการพูดคุยกับคนพวกนี้จะทำให้เขายิ่งอยากอาเจียนมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ข้าจะรอคอยการประลองกับแคว้นทั้งสิบด้วยตัวเอง!”
นับเป็ประโยคที่ทรงพลังอย่างยิ่ง และเมื่อจบประโยคนั้นแล้ว คนอื่นๆ ที่พูดคุกคามหลัวเลี่ยไปก่อนหน้านี้ก็ได้แต่ตกตะลึง เพราะพวกเขาต่างก็เป็ผู้เข้าร่วมการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้น
ฉากที่หลัวเลี่ยและเสวี่ยปิงหนิงจับมือกันเดินออกไปท่ามกลางกลุ่มคนข้างหลังที่ได้แต่คับแค้นใจและลงมือจัดการเขาไม่ได้ ทำให้หลายคนชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวของหลัวเลี่ยอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกัน ด้านไป๋หลี่ชาง เขาก็เริ่มดำเนินการตามแผนเช่นกัน เขาต้องฆ่าหลัวเลี่ยในการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้น และต้องห้ามผิดพลาดอย่างเด็ดขาด ทั้งหมดก็เพื่อให้ตัวเขาและหอการค้าฟ้านเทียนไม่กลายเป็ตัวตลก
เมื่อเื่เป็เช่นนี้ การประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นในครั้งนี้จึงได้รับความสนใจอย่างยิ่ง
แน่นอนว่าหลัวเลี่ยก็ยังต้องฝึกฝนเช่นกัน
เขาไม่ใช่คนที่จะนั่งรอให้ถูกฆ่า และในเมื่อเขากล้าแสดงออกอย่างแน่วแน่แล้ว ดังนั้นก็แสดงว่าเขามีทางออกอื่นในใจอยู่แล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้