เืสูบฉีดไปทั่วทั้งร่างกาย จนทำให้ชวีเสี่ยวปอรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
เขามองดูชื่อของตัวเองที่ขยับสั่นไหวไปตามการขยับเขยื้อนบนร่างกายของเซี่ยเจิงที่อยู่ในสนาม แล้วก็เห็นเซี่ยเจิงชู้ตลูกบาสลงห่วงไป จากนั้นจึงได้ยินเสียงร้องเชียร์ดังสนั่นขึ้นมาจากทุกทิศรอบด้าน
ชวีเสี่ยวปอรู้ว่าตัวเขาเองควรจะตื่นเต้นดีใจ แต่หัวใจของเขากลับถูกโอบล้อมไปด้วยความตื้นตันใจ เขาอยากที่จะร้องะโขึ้นมาพร้อมกับคนอื่นๆ ทว่ากลับเปล่งเสียงไม่ออกเลยแม่แต่น้อย
ไม่ว่าโลกใบนี้จะสับสนวุ่นวายหรือครึกครื้นมีสีสันมากเท่าไหร่ ในดวงตาของฉันกลับมีแค่นายเพียงคนเดียว
เซอร์ไพรส์ที่เซี่ยเจิงมอบให้เขา เป็การพยายามบอกกับเขาว่า : “ฉันกับนายเราอยู่ด้วยกันเสมอ”
และมันยากที่จะใช้คำว่า “ซาบซึ้ง” มาอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ของเขาเองได้
จนกระทั่งเมื่อเจียงอี้หยางที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาเห็นถึงความผิดปกติในจุดนี้จึงผลักชวีเสี่ยวปอไปอย่างแรง เพื่อให้เขาดูเสื้อบาสเกตบอลของเซี่ยเจิง แต่ผลปรากฏว่าทันทีที่หันมามองชวีเสี่ยวปอ เขาคนนี้ก็ดวงตาแดงก่ำเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
“พี่ปอ? ” เมื่อเจียงอี้หยางเห็นก็เข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาได้ในทันที พร้อมทั้งถามออกไปอย่างระมัดระวังว่า : “นายยังไหวไหม? ”
“ไหว” สายตาของชวีเสี่ยวปอมองไล่ตามเซี่งเจิงที่อยู่ในสนาม ส่วนมือก็ยุ่งอยู่การแกะห่อพลาสติกใหญ่ที่อยู่บนตักของตัวเอง ชวีเสี่ยวปอหยิบออกมาส่งหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง พร้อมเอ่ยขึ้นว่า : “อะ ส่งต่อไปทางนั้นหน่อย ช่วยกันคนละไม้คนละมือ”
“ได้เลยๆ ” หญิงสาวทั้งสองคนรีบพยักหน้าพลางรับเอาไปทันที แต่หนึ่งในนั้นอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า : “ชวีเสี่ยวปอ ทำไมเซี่ยเจิงถึงได้ใส่เสื้อบาสของนายอะ? ”
“เธอจะไปยุ่งกับเขาทำไมเนี่ย! เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย” หญิงสาวอีกคนกระทุ้งศอกใส่เธอไปทีหนึ่ง รู้สึกว่าเธอค่อนข้างที่จะละลาบละล้วงเกินไปหน่อย
“ของของฉันก็คือของของเขานั่นแหละ” ชวีเสี่ยวปอพูดขึ้นเสียงเบา พร้อมทั้งค่อยๆ คลี่ป้ายแนวนอนออกมาทีละน้อย พลางมองดูตัวอักษรสีแดงสดที่อยู่บนนั้น และพูดเน้นออกมาทุกคำว่า “ของของฉันก็คือของของเขา”
การแข่งขันระหว่างโรงเรียนมัธยมที่สี่และโรงเรียนหนานซานเล่นกันค่อนข้างที่จะสูสี แต่จากการสังเกตการณ์ของชวีเสี่ยวปอแล้ว โรงเรียนหนานซานประเมินคู่แข่งต่ำเกินไปอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาคิดไม่ถึงว่าปีนี้โรงเรียนมัธยมที่สี่จะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้ ทั้งชวีเสี่ยวปอยังเห็นโค้ชของโรงเรียนหนานซานที่ยืนอยู่ข้างสนามะโออกมาอย่างโมโหอยู่หลายครั้ง แต่การกระทำเช่นนี้ก็ไม่สามารถหยุดการเสียคะแนนอย่างต่อเนื่องของโรงเรียนหนานซานเอาไว้ได้เลย และการเสียคะแนนถี่เช่นนี้ก็ทำให้กำลังใจของทั้งทีมหนานซานแย่ลงตามไปด้วย จนกระทั่งถึงควอเตอร์ที่สี่ คะแนนของทั้งสองฝ่ายกลับตีตื้นขึ้นมาเสมอกัน
“ต้องรอดู่ต่อเวลาสุดท้ายแล้วละ” ชวีเสี่ยวปอกำหมัดแน่น ฝ่ามือของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจนเหนอะหนะไปทั้งมือ
“ฉันรู้สึกเหมือนว่า...” เสียงพูดของเจียงอี้หยางฟังดูสั่นขึ้นมาเล็กน้อย แม้จะไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเสียงสั่นขึ้นมาก็ตาม
“พยุงฉันหน่อย” ชวีเสี่ยวปอมองเขาไปทีหนึ่ง “นายยังประคองฉันไหวไหม? ”
“นายจะยืนเหรอ? ” เจียงอี้หยางยืนมือออกไปรองใต้ข้อศอกของชวีเสี่ยวปอ แล้วประคองทั้งตัวเขาให้ลุกขึ้นยืนในทันที
ทันใดนั้นชวีเสี่ยวปอก็กางป้ายเชียร์ สูดลมหายใจเข้าไปหนึ่งครั้ง แล้วจึงะโออกไปด้วยเสียงที่สามารถทำให้คนทั้งสนามได้ยินว่า :
“โรงเรียนมัธยมที่สี่สู้ๆ ! เซี่ยเจิงเก่งที่สุด! ”
เป็ไปตามคาด
เสียงะโของชวีเสี่ยวปอราวกับเป็สายนำไฟฟ้า เมื่อถูกจุดติดขึ้นมาก็ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของทั้งสนาม ในขณะนั้นป้ายเชียร์ที่เขียนไว้ว่า “โรงเรียนมัธยมที่สี่สู้ๆ ” ก็ค่อยๆ ถูกยกขึ้นมาทีละอันสองอันภายใต้การนำของเขา สีแดงสดถูกเรียงต่อกันจนกลายเป็คลื่นั์ และเสียงกรีดร้องที่ผสมปนเปกันไปมั่วเมื่อครู่ก็กลายเป็เสียงะโที่พร้อมเพรียงกัน
“โรงเรียนมัธยมที่สี่สู้ๆ !”
“โรงเรียนมัธยมที่สี่สู้ๆ !”
ไม่มีใครสนใจประโยคที่สองของชวีเสี่ยวปอว่าเขาะโออกมาว่าอะไร ยิ่งไปกว่านั้นหลายคนก็ไม่รู้ด้วยว่าเซี่ยเจิงเป็ใคร แต่คำพูดนั้นกลับเป็ความในใจของชวีเสี่ยวปอ เขาคิดยังไงก็ะโออกไปเช่นนั้น เขา้าให้เซี่ยเจิงเห็นและได้ยินมัน
ระหว่างพวกเขาสองคน มีเสียงสะท้อนกลับมาหากันเสมอ
เซี่ยเจิงที่อยู่ในสนามยกมือขึ้นมาให้ผู้ชมที่อยู่ทางด้านนี้
ซือจวิ้นวิ่งหอบหายใจมาชนเข้าที่ไหล่ของเซี่ยเจิง พร้อมทั้งชี้ไปทางด้านหลังของเขา “เขาจะเห็นไหม? ”
“เห็นสิ” เซี่ยเจิงหรี่ตามองไปทางอัฒจันทร์ เมื่อครู่นี้เขาได้ยินชวีเสี่ยวปอะโเรียกชื่อเขาอย่างชัดเจน อาจจะเป็เพราะบรรยากาศในสนามถูกจุดประกายขึ้นมา เซี่ยเจิงจึงรู้สึกว่าการเกิดสิ่งนี้ขึ้นไม่ใช่เื่บังเอิญ เขาโบกมือไปทางตำแหน่งที่นั่งด้านนั้น และแน่นอนว่าชวีเสี่ยวปอลุกขึ้นมายืดแขนโบกไม้โบกมือให้เขาเช่นกัน
“ให้ตายเถอะ...” ซือจวิ้นถูกเขาทั้งสองคนทำให้หงุดหงิดขึ้นมาแล้ว ในขณะนั้นเขาจึงกลอกตาขึ้นมายกใหญ่ : “คนเยอะขนาดนี้นายเห็นเขาได้ไงเนี่ย”
เซี่ยเจิงไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะเขาได้ยินโค้ชหลัวที่ยืนอยู่ด้านข้างะโขึ้นมาเสียงดังว่า “พยายามทำคะแนนหน่อย !” ด้วยเสียงนกหวีดที่ดังขึ้น เกมการแข่งขัน่ทดเวลาจึงเริ่มขึ้นแล้ว
โรงเรียนหนานซานเข้าสู่โหมดบ้าคลั่งในโค้งสุดท้าย
ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนว่าจะถือเอาเวลาห้านาทีนี้เป็โอกาสครั้งสุดท้าย อีกฝ่ายมีผู้เล่นคนหนึ่งที่ตัวสูงเกือบสองเมตร อีกทั้งยังเล่นได้ดีมากเลยทีเดียว ในสถานการณ์ที่เขาได้บอลมาครองเช่นนี้จึงทำให้คนที่เหลือหมดโอกาสไปโดยปริยาย แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่ได้คล่องตัวและไหลลื่นเท่าไหร่นัก หากจะเอาชนะจำเป็ต้อง...
ในตอนนี้นี่แหละ !
เซี่ยเจิงก้าวเข้าไปประชิดด้านหลังเขา และในตอนนี้ก็มีคนให้ความร่วมมือเขาเป็อย่างดี เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งกำลังทำท่าหลอกสกัดบอล อีกฝ่ายจึงเดาะบอลโยกหลบซ้ายขวา และในจังหวะนั้นก็เปิดช่องว่างให้เซี่ยเจิงพอดิบพอดี
เซี่ยเจิงชิงบอลมาได้อย่างคล่องแคล่ว หันหลังกลับมาแล้วชู้ตลงไปได้อย่างสวยงาม
ณ ขณะที่ลูกบาสลงห่วงไป ่ทดเวลาก็จบลงเป็ที่เรียบร้อย
“ให้ตายเถอะ————————————”
“อ๊ายยย ชนะแล้ว ชนะแล้วๆ พวกเราชนะแล้ว !”
“โรงเรียนมัธยมที่สี่โคตรเก่งเลย !!! ”
เสียงโห่ร้องอย่างดีใจดังขึ้นราวกับจะทำให้เพดานของสนามกีฬาแยกออกจากกัน ส่วนในสนามเพื่อนร่วมทีมก็ยืนล้อมเซี่ยเจิงเอาไว้ ทุกคนตรงนั้นล้วนกอดกันเกลียว ชวีเสี่ยวปอยังไม่ทันที่จะได้ดูอย่างพอใจเลย ทันใดนั้นตัวของเขาก็เอนไปด้านข้าง เพราะถูกเจียงอี้หยางดึงเขาไปกอดเอาไว้แน่นด้วยเช่นกัน :
“ปอเอ๋อร์! พวกเราชนะแล้ว! ”
คุณครูเริ่มจัดระเบียบเหล่านักเรียนให้ทยอยเดินออกจากสนามแล้ว เนื่องจากชวีเสี่ยวปอนั่งรถวีลแชร์จึงไม่ค่อยสะดวก อีกทั้งี้เีไปเบียดกับพวกเขา ดังนั้นจึงมายืนต่อแถวกับเจียงอี้หยางอยู่ทางด้านหลังสุด อันที่จริงเขาอยากจะไปหาเซี่ยเจิงที่ห้องพักรับรองเป็อย่างมาก แต่เนื่องจากเจียงอี้หยางอยู่ด้วย ชวีเสี่ยวปอจึงไม่อยากจะพูดออกมาสักเท่าไหร่
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ” เจียงอี้หยางยังไม่หายตื่นเต้นจากการแข่งขันเมื่อครู่ แต่เพียงครู่เดียวก็คิดทอดถอนใจขึ้นมา : “หนานซานแพ้ติดต่อกันสองปีแบบนี้ ชื่อเสียงของพวกเขาที่ว่าเป็เซียนแข่งบาสลีกมอปลายก็คงจะเป็เื่ขี้โม้แล้วละ”
“เซียนแข่งบาสลีกมอปลาย? ” ชวีเสี่ยวปอเกือบจะพุ่งหัวเราะออกมา “ชื่อนี้พวกเขาตั้งกันเองหรือว่าคนอื่นตั้งให้อะ”
“ตั้งกันเองละมั้ง” เจียงอี้หยางพูดขึ้น “นายก็รู้ว่าเมื่อก่อนหนานซานอวดเก่งแค่ไหน แต่จะว่าไปครั้งนี้เซี่ยเจิงก็เก่งมากจริงๆ สามแต้มสุดท้ายนี่แบบที่สุดเลย !”
“สุดยอดมากจริงๆ” ชวีเสี่ยวอยากพูดเพียงแค่ว่า “สุดยอดมากจริงๆ” ซะที่ไหนกัน เขารู้สึกว่าแฟนของตัวเองโคตรเก่ง ยอดเยี่ยมที่สุด อันที่จริงในขณะที่ทั้งสนามะโร้องขึ้นมาอย่างดีใจ ชวีเสี่ยวปอได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องพร้อมทั้งะโเรียกชื่อเซี่ยเจิงดังลั่น แต่ชวีเสี่ยวปอไม่รู้สึกหึงเลยสักนิด เขากลับอยากหัวเราะมากกว่า หัวเราะอย่างโอ้อวด : ะโไปเถอะ ะโร้องให้ดังกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเซี่ยเจิงเป็ของฉันเรียบร้อยแล้ว !
“อีกเดี๋ยวไปกินเลี้ยงกันด้วยใช่ไหม? ครูโหยวไปไหนแล้วล่ะ? หรือว่าพอจบแล้วก็กลับโรงเรียนกันหมดเลย? ” ชวีเสี่ยวปอถามออกมาเป็ชุด แต่เจียงอี้หยางที่เมื่อครู่ยังพูดไม่หยุดจู่ๆ เงียบเสียงไปซะแล้ว ชวีเสี่ยวปอจึงหันไปมองเขาอย่างสงสัย แต่ก็เจอเข้ากับเซี่ยเจิงที่ยังเช็ดเหงื่อออกไม่หมด อีกทั้งใบหน้ายังแดงก่ำ :
“ให้ตายเถอะ! นายมาั้แ่เมื่อไหร่! ”