จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงมาไต่สวนคดีด้วยพระองค์เอง ดังนั้นเื่นี้จึงเป็เื่ใหญ่
แสงตะวันเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้า ทว่าข้าราชการทุกระดับชั้นของศาลต้าหลี่ล้วนเข้ามาประจำตำแหน่งแล้ว แม้กระทั่งศาสตราจารย์แพทย์ใต้เท้าหนานกงก็มาด้วยเช่นกัน ไม่มีผู้ใดกล้าเมินเฉย ประตูด้านหน้าและประตูด้านข้างของศาลพิจารณาคดีล้วนเปิดออกหมด หยาเว่ยถอยไปยืนในตำแหน่งที่แบ่งออกเป็สามแถว ภายในห้องโถงนี้เต็มไปด้วยความเงียบและความเคร่งเครียด บรรยากาศเอาจริงเอาจัง
แม้ว่าจวินจิ่วเฉินจะสวมใส่อาภรณ์ลำลอง เส้นผมสีดำถูกมัดขึ้นครึ่งหนึ่ง ทว่าแสงแห่งราชันที่เปล่งประกายออกมาจากร่างของเขานั้นไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย เขานั่งประจำตำแหน่งประธานการไต่สวนคดีด้วยความสูงศักดิ์ ใบหน้าประดุจน้ำแข็ง และปราศจากคำพูด ั์ตาที่ไม่ได้ตั้งใจเมียงมองคู่นั้นเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนภายในห้องโถงอกสั่นขวัญหายได้
ใต้เท้าเจียง เสนาบดีศาลแห่งต้าหลี่ เดิมทีควรที่จะนั่งประจำตำแหน่งคณะขุนนางในที่นั่งแรก ทว่าในยามนี้กลับยืนตัวตรง ใบหน้าขาวซีด อีกทั้งขาทั้งสองข้างยังเกิดความอ่อนแรง เขารู้สึกเสียใจในภายหลังเป็อย่างยิ่ง สีหน้าของพี่น้องตระกูลฉีก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน เมื่ออยู่ต่อหน้าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ฉีอวี้ที่เคยมีความหยิ่งยโสโอหังและทำตัวสูงส่งมาโดยตลอดถึงกับไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
มีเพียงแค่องค์หญิงหวายหนิงที่ยืนหยัดอย่างแข็งกร้าว นางเคลื่อนตัวไปข้างกายฉีอวี้ก่อนจะกระซิบว่า “ท่านพี่อวี้ ท่านไม่ต้องกังวลมากเกินไป เื่นี้อย่างมากก็แค่ให้ข้าแบกรับเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว ข้าส่งคนไปหาหมู่เฟย [1] กับพี่ชายใหญ่แล้ว ข้ารับรองว่าเขาจะไม่สามารถทำอะไรตระกูลฉีได้! ”
ฉีอวี้ไม่ทราบว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะสามารถทำอะไรตระกูลฉีได้หรือไม่ แต่เขาทราบว่าเพียงแค่องค์หญิงหวายหนิงยินยอมแบกรับโทษเอาไว้ ตระกูลฉีก็จะสามารถหลุดพ้นจากภัยพิบัตินี้ได้
เขาลอบดึงมือขององค์หญิงหวายหนิงมาพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าปกติ “หวายหนิง ทำให้เ้าไม่ได้รับความเป็ธรรมแล้ว” องค์หญิงหวายหนิงใสะดุ้งโหยง จิตใจเกิดการสั่นไหวขึ้นมา “ท่านพี่อวี้ เพื่อท่านแล้ว แม้จะไม่ได้รับความเป็ธรรม ข้าก็ยินยอม”
ในส่วนของฉีฟู่ฟางที่รับโทษแทนองค์หญิงหวายหนิงนั้นถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเช่นนี้ ระดับฐานะของนางทำได้เพียงยอมรับมัน แม้แต่ฉีอวี้นางก็ไม่กล้าที่จะบอกความจริง
ทั้งห้องโถงเงียบสงัดมาเป็เวลานาน จวินจิ่วเฉินยังคงไม่เอ่ยวาจาใดๆ ออกมา อีกทั้งยังไม่ได้เริ่มไต่สวนคดี ไม่มีใครกล้าที่จะเร่งรัดเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขากำลังรอกูเฟยเยี่ยนอยู่อย่างแน่นอน
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้รอไท่อี นางปรุงยาในหวางเป่าติงด้วยตนเอง จากนั้นจึงรีบทายา ก่อนจะให้เซี่ยเสี่ยวหม่านประคองไปที่ศาลพิจารณาคดี แม้ว่าหลังจากที่ใส่รองเท้าเข้าไปแล้ว นิ้วเท้าทั้งสองข้างจะเ็ปไม่แพ้่เวลาที่ถูกลงโทษเลย ทว่านางก็ยังคงสวมใส่ให้เหมาะสมเรียบร้อย
ห้องขังอยู่ด้านหลัง ศาลพิจารณาคดีอยู่ด้านหน้า ระยะทางไม่นับว่าไกล เพียงแต่นางก้าวเท้าไปไม่ไหวจริงๆ หญิงสาวจึงใช้ระยะเวลาในการก้าวเดินนานมากกว่าจะไปถึงศาลพิจารณาคดี
ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนคิดไม่ถึงว่านางจะมา ชั่วพริบตาเดียวก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั่วสารทิศ
เป็เพราะว่านอกเหนือจากใต้เท้าเจียงกับเหล่าคณะแล้ว ผู้คนทั้งภายในและภายนอกศาลพิจารณาคดีล้วนไม่รับรู้ว่าเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาเกิดเหตุใดขึ้น? พวกเขาไม่เข้าใจว่านางมาทำอะไร? าแของนางเกิดขึ้นได้อย่างไร? สำหรับฉีอวี้กับกลุ่มพวกเดียวกันนั้นมีใบหน้าที่ซีดขาวจนไม่น่ามองเลย
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้สนใจคนเหล่านี้ เมื่อเห็นว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยยังไม่ได้เปิดพิจารณาคดี นางจึงลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกพลางรีบร้อนเดินเข้าไป นางอดทนต่อความเ็ป ยืนด้วยความมั่นคง ก่อนจะโน้มกายแสดงความเคารพ “นู๋ปี้กูเฟยเยี่ยนน้อมคารวะจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย”
ไม่อาจทราบได้ว่าเป็เพราะว่าจวินจิ่วเฉินรอมานานหรือว่าเป็เพราะเหตุผลอื่น เขาดูเหมือนจะไม่พอใจมากกว่าเมื่อสักครู่นี้เสียอีก เขาชายตามองขาทั้งสองข้างของกูเฟยเยี่ยนก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า “ทหาร ประทานเก้าอี้มา”
“ขอบพระคุณเตี้ยนเซี่ยเพคะ! ”
เมื่อกูเฟยเยี่ยนนั่งลงแล้ว จวินจิ่วเฉินจึงใช้ค้อนไม้เล็กเคาะโต๊ะด้วยความเ็า “เปิดการพิจารณาคดี! ”
กูเฟยเยี่ยนแอบคิดในใจว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจักต้องหมดความอดทนแล้วอย่างแน่นอน
เสียงเคาะโต๊ะที่มีความดังกังวานทำให้ศาลพิจารณาคดีที่เงียบสงัดอยู่แล้วเกิดความจริงจังมากขึ้นไปอีก ข้าราชการแต่ละระดับชั้นล้วนค่อยๆ นั่งลงทีละคน ทว่าใต้เท้าเจียงกับฉีอวี้ยังคงยืนอยู่ เมื่อเห็นเช่นนี้ทุกคนจึงตระหนักได้ว่าเื่ราวมีความผิดปกติ
ใต้เท้าเจียงทนไม่ไหวแล้ว เขากำลังจะก้าวเดินออกมา แต่ใครจะไปทราบว่าประโยคแรกของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะเป็ “หวายหนิง ใครอนุญาตให้เ้าสอบสวนผู้อื่นแทนศาลต้าหลี่?”
องค์หญิงหวายหนิงรู้สึกตกตะลึงเป็อย่างมาก เื่นี้เป็เพียงแค่การสับเปลี่ยนตัวยาสมุนไพรหนึ่งชนิดกับนังคนชั้นต่ำหนึ่งคนเท่านั้น จิ้งหวางจะทรงจริงจังไปทำไม? เขาถึงกับทำให้นางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกต่อหน้าผู้คนเช่นนี้?
ผู้คนล้วนตกตกตะลึงตาค้างเพราะไม่เข้าใจว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
กูเฟยเยี่ยนรู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน เดิมทีนางคิดว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะทรงสั่งสอนองค์หญิงหวายหนิงเป็การส่วนตัว เมื่ออยู่ภายในศาลพิจารณาคดีจะทำเพียงแค่เล่นงานใต้เท้าเจียงเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรองค์หญิงหวายหนิงก็เป็สมาชิกราชวงศ์อีกทั้งยังเป็ธิดาสุดที่รักของฝ่าาอีกด้วย ต่อให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของคนในราชวงศ์ แต่ยังไงก็ต้องยอมให้กับฝ่าา
หรือว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะทรงใช้โอกาสนี้ปราบปรามความหยิ่งผยองของผู้ที่อยู่เื้ัองค์หญิงหวายหนิงอย่างอวิ้นกุ้ยเฟยและองค์ชายใหญ่?
กูเฟยเยี่ยนไม่มีเวลามาคิดมากมาย เมื่อเทียบกับความประหลาดใจแล้ว ภายในใจของนางมีความดีอกดีใจมากยิ่งกว่า!
นางไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยองค์หญิงหวายหนิงไปอยู่แล้ว เมื่อเห็นท่าทีของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยแล้ว นางคิดว่านางคงจะสามารถชำระบัญชีความแค้นทั้งสามครั้งภายในครั้งเดียวได้
“ข้า ข้า…”
องค์หญิงหวายหนิงพูดจาตะกุกตะกักอยู่นานก่อนจะโพล่งเหตุผลไร้สาระออกมา “ใต้เท้าเจียงบุกไปจับคนในตำหนักของเปิ่นกงจู่โดยไม่มีแม้แต่คำทักทาย! แน่นอนว่าเปิ่นกงจู่จะต้องทำให้แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น มิฉะนั้น มิฉะนั้นแล้ว…ในอนาคตเปิ่นกงจู่จะมีที่ยืนได้อย่างไร? ”
จวินจิ่วเฉินไม่แสดงความคิดเห็น เขาถามอีกครั้งว่า “ใครอนุญาตให้เ้าตั้งศาลเตี้ยบีบบังคับให้สารภาพออกมา? ”
องค์หญิงหวายหนิงพูดจาตะกุกตะกักอีกครั้ง “ข้า ข้าสอบสวนโดยใช้เครื่องมือทรมาน ไม่ได้บีบบังคับให้สารภาพออกมา! กูเฟยเยี่ยนเป็ผู้รับห่อย่าวซ่านไป นางมีความน่าสงสัยมากที่สุด ข้า หากข้าไม่ข่มขู่นาง นางจะพูดความจริงออกมาหรือ? ”
จวินจิ่วเฉินยังคงไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ และไม่ได้สืบหาสาเหตุต่อไป เขาสะบัดมือส่งสัญญาณให้นางถอยไปด้านข้าง
องค์หญิงหวายหนิงถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ทว่าฉีอวี้ที่ยืนอยู่ด้านข้างนางกลับมีสีหน้ามืดมน จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่ได้ลงโทษองค์หญิงหวายหนิง แต่หักหน้าองค์หญิงหวายหนิงกับตระกูลฉีอย่างรุนแรง!
ไม่ว่าผู้คนจะโง่เขลาเพียงใดก็มองออกว่าการเคลื่อนไหวขององค์หญิงหวายหนิงมีเจตนาปกป้องตระกูลฉี นางลงโทษบีบบังคับคู่หมั้นของฉีอวี้! ผู้คนทั้งภายในและภายนอกห้องโถงล้วนซุบซิบนินทากัน มีคนรู้จักไม่น้อยเลยที่หันมามองด้วยความเหยียดหยาม
กูเฟยเยี่ยนยิ้มแย้มพรางแอบหัวเราะในใจ นางหัวเราะจนลืมความเ็ปบนมือและเท้าไป
ทุกคนคิดว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะทรงหักหน้าแล้วไม่สืบหาสาเหตุต่อไป แม้กระทั่งใต้เท้าเจียงยังลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรแล้วจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยก็อยู่ใน่รุ่นราวคราวเดียวกันกับองค์หญิงหวายหนิง หากเื่ราวไม่ได้ใหญ่โตจนไปถึงฝ่าา จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้
ทว่า!
จวินจิ่วเฉินกลับสร้างความคาดไม่ถึงอีกครั้ง
เขาหันไปมองใต้เท้าเจียงพลางรับสั่งออกมาตรงๆ “ทหาร ปลดเจียงลี่อันเสนาบดีแห่งศาลต้าหลี่ออกจากตำแหน่ง ลดระดับไปที่แดนเหนือ ให้เขาไปทบทวนการกระทำของตนเองดีๆ ว่าผิดที่จุดใด? ”
ในที่สุดใต้เท้าเจียงก็ยืนหยัดต่อไม่ไหว เขาคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความสั่นเทา เขายังต้องทบทวนการกระทำของตนเองอีกหรือ? เขาทราบดีว่าผิดตรงไหน!
ทั่วทั้งห้องล้วนจมลึกอยู่ในความเงียบ แม้แต่กูเฟยเยี่ยนก็ยังเกิดความหวาดผวา ว่ากันว่าการกระทำของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยนั้นโเี้และไร้ความปรานี เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำก็สามารถกำหนดชะตาชีวิตของผู้คนได้ ในวันนี้นับได้ว่านางได้รับรู้แล้ว
หากกล่าวว่าเมื่อสักครู่นี้เป็การหักหน้าองค์หญิงหวายหนิงกับตระกูลฉี เช่นนั้นการกระทำในครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็การลงโทษอย่างเฉียบขาด!
ปราศจากการสอบสวน ปราศจากการกำหนดบทลงโทษ ปลดออกจากตำแหน่งให้ไปทบทวนการกระทำของตนเองโดยทันที เห็นได้ชัดว่านี่คือการตักเตือนขุนนางในราชสำนักว่าในวันข้างหน้าหากใครกล้าเห็นแก่ศักดิ์ศรีขององค์หญิงหวายหนิงและคนจากตระกูลฉี อีกทั้งยังเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว จุดจบของเจียงลี่อันก็คือผลลัพธ์ที่ตามมา!
เมื่อเห็นเจียงลี่อันถูกคุมตัวออกไปองค์หญิงหวายหนิงก็เสียศักดิ์ศรีไปหมดแล้ว แต่ยังคงหน้าหน้าด้านอยู่ต่อไป นางกระซิบแ่เบา “ท่านพี่อวี้ เื่นี้เป็ข้าเองที่ประมาทเลินเล่อ ท่าน ท่านวางใจได้ เื่ของท่านพี่ฟู่ฟางข้าจะปกป้องพวกท่านอย่างแน่นอน! ”
ฉีอวี้กลัดกลุ้มจนไม่อยากจะเอ่ยอะไรออกมาแต่สุดท้ายก็ยังต้องตอบกลับมา “ทำให้องค์หญิงไม่ได้รับความเป็ธรรมแล้ว”
หลังจากที่เจียงลี่อันออกไป จวินจิ่วเฉินก็เริ่มไต่สวนคดีอย่างเป็ทางการ เขาเอ่ยว่า “ทหาร ควบคุมตัวเฉินซานหยวนเข้ามา! ”
———————————
เชิงอรรถ
[1] หมู่เฟย หมายถึง คำที่องค์ชายและองค์หญิงเรียกมารดาที่เป็นางสนม