บริเวณลานบ้าน ภายใต้แสงจันทร์ มีสาวงามกำลังร่ายรำดาบ!
ทั้งหมดนี้ล้วนงดงามนัก แต่เซียวหลิงอวิ๋นกลับไม่ได้รู้สึกเพลิดเพลินใจแต่อย่างใด!
เขาถอนหายใจอีกครั้งเบาๆ อธิบายหลักของวิชาดาบอีกครั้ง การอธิบายครั้งนี้ไม่ได้เป็แค่การชี้แนะให้หยางลู่ใหม่เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็การกระตุ้นเงาตะคุ่มที่อยู่ตรงหน้าประตูห้องอีกด้วย!
จ้าวหนีอิ่ง!
ศิษย์พี่คนสนิทอีกคนของหยางลู่! ไม่สิ ที่ถูกต้องควรจะเป็ศิษย์พี่ศิษย์น้องคนสนิทของฉินหรูเยียนมากกว่า! ว่ากันว่าความสัมพันธ์ของจ้าวหนีอิ่งและฉินหรูเยียนนั้นแน่นแฟ้นกว่า!
ฉินหรูเยียนและจ้าวหนีอิ่งล้วนเป็สาวงามที่งดงามที่สุดในบรรดาศิษย์เขตกลาง! อายุของทั้งสองนั้นน้อยกว่าหยางลู่เพียงไม่กี่เดือน แต่พลังยุทธ์กลับเหนือกว่าหยางลู่มาก คนหนึ่งเป็นักยุทธ์ระดับเก้าขั้นสูง อีกคนหนึ่งเป็นักยุทธ์ระดับแปดขั้นสูงสุด! ว่ากันว่าที่ยังหยุดชะงักอยู่แค่นี้ เป็เพราะทั้งสองสาวไม่คิดจะไต่เต้าไปจากระดับนักยุทธ์เร็วจนเกินไปนัก
หากจะบอกว่าว่านฮวน หยางลู่ ตงฟางไฉ่อวิ๋น เป็หญิงสาวที่งดงามที่สุดของเขตใต้ ฉินหรูเยียนและจ้าวหนีอิ่งก็เป็ที่ยอมรับโดยทั่วกัน ว่าเป็สตรีที่งดงามที่สุดของสำนักิญญาเมฆา!
เซียวหลิงอวิ๋นรู้สึกถึงลางสังหรณ์ว่า คำพูดของเขาคงจะทำให้จ้าวหนีอิ่ง สาวงามยอดอัจฉริยะที่ไม่ค่อยปรากฏตัวคนนี้ ยอมโผล่หน้าออกมา!
และด้วยเหตุผลบางอย่าง สองสามวันมานี้เซียวหลิงอวิ๋นรู้สึกชื่นชอบบทบาทอาจารย์ฝึกสอนหัตถ์ทองชั่วคราวของเขามาก!
ลองคิดดูสิว่ามันทำให้ผู้คนเนื้อเต้นสักแค่ไหน การชี้แนะเพียงไม่กี่ประโยค ก็ทำให้พวกนางมีชีวิตที่รุ่งโรจน์ขึ้นได้ แค่คิดเช่นนี้ก็ทำให้รู้สึกถึงความสำเร็จและความภูมิใจที่ห่างหายไปนาน
แสงจันทร์นวลผ่องสาดส่องลงมายังทั้งสามที่อยู่ตรงลานบ้าน ทำให้ทุกคนดูลึกลับราวกับอยู่ในความฝัน!
หยางลู่สงบจิตใจและตั้งใจฟังอย่างจริงจัง ในขณะที่จ้าวหนีอิ่งยืนอยู่นิ่งๆ ยิ่งตั้งใจฟังมากเท่าไร ก็ยิ่งมีสมาธิมากขึ้น ยิ่งตั้งใจฟังมากเท่าไรก็ยิ่งใจเต้นมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็ครั้งแรกที่นางนางได้ยินการบรรยายที่ละเอียดและลึกซึ้ง ไม่สิ ที่ถูกต้องควรจะเป็การบรรยายที่ลึกซึ้งและเข้าใจง่าย ถึงการเปลี่ยนแปลงของท่วงท่าการต่อสู้
ยิ่งฟัง แสงในดวงตาของจ้าวหนีอิ่งก็ยิ่งสว่างไสว รู้สึกราวกับว่าคำพูดทุกคำของเซียวหลิงอวิ๋นทำให้หมอกบางๆ ที่ปกคลุมดวงตานางค่อยๆ จางหายไป ทำให้นางได้เห็นท่าทางการต่อสู้และแม้กระทั่งท่าทางการต่อสู้ทั้งหมดในมุมมองใหม่ เข้าสู่วิสัยทัศน์ใหม่ และเปิดหน้าต่างบานใหม่ ตราบใดที่นางซึมซับและเข้าใจหลักการเหล่านี้อย่างถ่องแท้แล้ว พลังและการบ่มเพาะของนางจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตใหม่!
…
ภายใต้แสงจันทร์สว่างไสว หลังจากได้พิจารณาคำพูดของเซียวหลิงอวิ๋นอย่างละเอียดอีกครั้ง หยางลู่ก็เริ่มฝึกดาบตามที่ตัวเองเข้าใจใหม่!
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง นางหยุดและขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเริ่มฝึกซ้อมใหม่อีกครั้ง
เซียวหลิงอวิ๋นไม่ได้พูดอะไรออกไป!
เขาให้คำแนะนำไปมากเกินพอแล้ว จากนี้ไปก็เป็ตัวของหยางลู่เองแล้ว!
อาจารย์แค่พาที่ประตู แต่จะเข้าไปได้หรือไม่นั้น อยู่ที่ตัวบุคคล!
จะสามารถบรรลุได้มากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับว่านางจะเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน!
ไม่รู้ว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าประตูเรือนเป็อย่างไรบ้าง? เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาก็หลับตาลง แล้วแผ่ขยายจิตของตัวเองออกไป!
ชั่วขณะต่อมา รูปร่างจ้าวหนีอิ่งก็ปรากฏขึ้นในหัวของเซียวหลิงอวิ๋นอย่างชัดเจน!
หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วอึดใจ!
หืม!
เด็กสาวนางนี้มีไหวพริบที่ดีจริงๆ พร์เช่นนี้เทียบไม่ได้กับหยางลู่เลยจริงๆ!
นางใช้ปลายนิ้วแทนดาบ ร่างกายเคลื่อนไหวเป็ท่วงท่าที่อ่อนช้อย ดาบนิ้วพลิ้วไหวและงดงาม ให้ความรู้สึกราวกับเป็ภาพลวงตา!
ทันใดนั้นตัวของเซียวหลิงอวิ๋นก็สะดุ้งขึ้นมา!
ภายในหัวของเขา ร่างของจ้าวหนีอิ่งพร่าเลือนลงไป เวลานี้เด็กสาวเป็เหมือนดั่งสายลม ไม่สามารถจับต้องได้ ควบคุมไม่ได้ และแทรกซึมเข้าไปได้ทุกหนแห่ง!
แล้วในชั่วขณะต่อมา!
“แกร๊ง!” เสียงดาบดังขึ้นมาเบาๆ ดังมาจากดาบใหญ่เหล็กดำในมือเซียวหลิงอวิ๋น เซียวหลิงอวิ๋นต้องใและประหลาดใจเมื่อพบว่าดาบใหญ่เหล็กดำเข้ามาอยู่ในมือของเขาราวกับได้ยินเสียงเรียก และมันก็สั่นพ้องขึ้นมาทันที ส่งเสียงร้องราวกับจิ้งหรีดกำลังรื่นเริง!
ราวกับขุนศึกได้ยินเสียงท้า ม้าศึกได้ยินเสียงแตรเป่า และควบทะยานออกไปด้วยความตื่นเต้นเพื่อที่จะได้ต่อสู้!
นี่คือ ‘เจตจำนงดาบ’!
เด็กสาวแซ่จ้าวคนนี้ สิ่งที่นางใช้เมื่อสักครู่มีเจตจำนงดาบแฝงอยู่!
เข้าถึงเจตจำนงดาบได้หรือนี่!
เด็กสาวคนนี้มีพร์แบบไหนกัน แม้ตัวเราในชาติก่อนจะเคยเข้าถึงหลักการที่ยิ่งใหญ่นี้ แต่ในชาตินี้ก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการเรียนรู้และทำความเข้าใจถึงหลักการ ยังไม่สามารถทำให้มันเป็จริงและเข้าถึงเจตจำนงดาบได้
เด็กสาวคนนี้ เพียงได้ฟังก็เข้าถึงเจตจำนงดาบได้แล้ว!
พร์เช่นนี้เรียกได้ว่าสุดยอดเช่นเดียวกัน!
ขณะนี้เอง เซียวหลิงอวิ๋นต้องใจนอ้าปากค้าง ไม่สามารถปิดปากได้เป็เวลานาน!
ตัวเขาย่อมรู้จักเื่ของตัวเองดี สุดยอดอัจฉริยะคนนี้เกิดจากความรู้อันกว้างขวางของตัวเขาซึ่งเคยเป็ถึงราชันเทพแห่งโลกเบื้องบน มีประสบการณ์การในการฝึกวิชามานานหลายหมื่นปี รวมถึงวิชาวรยุทธ์ต่างๆ ในระดับเทพสูงสุด ซึ่งเกิดจากการผสมผสานกันในทุกๆ ด้าน ไม่ใช่พร์ที่แท้จริงของร่างกายนี้แต่อย่างใด!
แต่เด็กสาวตระกูลจ้าวตรงหน้าเขาคนนี้ เป็ไปไม่ได้เลยที่จะเป็เหมือนกับตัวเขาที่มีความทรงจำในชาติก่อน จึงสามารถอธิบายได้เพียงอย่างเดียว นั่นคือพร์อันน่าทึ่ง พร์อันยิ่งใหญ่ พร์อันร้ายกาจ!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง!
ตำหนักของเ้าสำนักิญญาเมฆาที่ทั้งหรูหราและโอ่อ่า ตอนแรกชายชราร่างผอมแห้งสั่นสะท้านเล็กน้อย แล้วภาพในหัวของเขาก็ทะยานพุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า อยู่เหนือศีรษะของเซียวหลิงอวิ๋นและหยางลู่ด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ
ช้ากว่าชายชราร่างผอมเล็กน้อย ชายชราเคราแพะที่อยู่อีกห้องก็เบิกตากว้างขึ้น ในชั่วขณะต่อมาร่างสูงใหญ่นั้นก็หายไป จากนั้นก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือศีรษะของพวกเซียวหลิงอวิ๋นทั้งสามคน!
“นี่มันเจตจำนงดาบ แม้ว่าจะยังอ่อนเยาว์มาก แต่แม่หนูคนนี้ก็เป็ถึงนักยุทธ์ระดับแปดแล้ว ทั้งยังเข้าถึงเจตจำนงดาบสายลมได้ถึงระดับหนึ่งด้วย นี่มันอัจฉริยะ ฮ่าๆ...คาดไม่ถึง คาดไม่ถึงจริงๆ ครั้งนี้เรามาถูกทางแล้วจริงๆ สำนักิญญาเมฆาของเราไม่เพียงแต่จะได้พบสุดยอดอัจฉริยะที่ในรอบหมื่นปีจะมีสักคนแล้ว ยังพบอัจฉริยะที่สามารถเข้าถึงเจตจำนงดาบสายลมได้ในถึงระดับหนึ่งในขณะที่ยังเป็นักยุทธ์อีกด้วย สุดยอดอัจฉริยะที่ในรอบพันปีจะมีสักคนเช่นกัน!” ชายชราร่างสูงที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าตื่นเต้นจนตัวสั่น!
“พวกเราสำนักิญญาเมฆามีผู้สืบทอดแล้ว! ข้าซวี่กวงคนนี้รู้สึกเหมือนได้เห็นความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรซินโยวแห่งนี้! ทั้งสองคนยอดเยี่ยมจริงๆ!” รอยยิ้มแห่งความปลื้มปีติปรากฏขึ้นที่มุมปากของชายชราร่างผอม!
…
ในขณะที่ดาบใหญ่เหล็กดำของเซียวหลิงอวิ๋นกำลังส่งเสียงร้องอยู่นี้ หยางลู่ที่กำลังแทงดาบสั้นออกไปก็รู้สึกได้ว่าดาบสั้นในมือสั่นเล็กน้อย ราวกับว่ามีพลังลึกลับบางอย่างกำลังดึงดาบสั้นในมือของตนเองอยู่! หยางลู่ใออกแรงเพิ่มจับดาบหลอมสายรุ้งในมือให้แน่นขึ้น แล้วก้าวเท้าถอยหลังและหยุดมือ ก่อนจะมองไปรอบๆ ด้วยความงุนงงเล็กน้อย!
“แกร๊ง!” หยางลู่ได้ยินเสียงดาบใหญ่เหล็กดำกลับเข้าฝักเบาๆ!
เ้าหนุ่มนี่ชักดาบออกจากฝักทำไมกัน? หยางลู่บ่นเบาๆ ในใจ แล้วฝึกดาบต่อ!
ทางด้านเซียวหลิงอวิ๋น จิตััของเขารับรู้ได้ว่าร่างของจ้าวหนีอิ่งที่จางหายเหมือนดั่งสายลมกลับคืนมาอีกครั้ง!
ที่หน้าประตูเรือน จ้าวหนีอิ่งใช้มือขวาที่เรียวงามชี้เป็ดาบ ยืนอย่างนิ่งเฉยในท่าแปลกประหลาด ราวกับกำลังถูกเชือกแขวนอยู่!
เข้าฌาน!
เด็กสาวคนนี้เป็เหมือนกับฉินหรูเยียนเมื่อคืนก่อนที่เข้าสู่สภาวะเข้าฌาน!
ไม่ว่าจะเป็นักยุทธ์หรือผู้ใช้พลังิญญา การเข้าฌานล้วนเป็สิ่งที่หาได้ยาก สภาวะเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง ยิ่งเข้าสู่สภาวะเข้าฌานได้นานมากเท่าไร ผลที่ได้ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น สภาวะเข้าฌานนี้ไม่สามารถปล่อยให้ถูกรบกวนได้ด้วย!
เซียวหลิงอวิ๋นรู้ดีถึงความลำบากของสภาวะนี้ จึงลืมตาขึ้นแล้วมองไปรอบๆ ในขณะที่สังเกตการฝึกดาบของหยางลู่ เขาก็แอบสังเกตสถานการณ์ของจ้าวหนีอิ่งที่อยู่หน้าเรือนด้วย รับหน้าที่เป็องครักษ์โดยไม่ส่งเสียงใดๆ ออกไป!
“เข้าฌานงั้นหรือ! ดี ดี ดี!” มุมหนึ่งในสำนัก ชายชราร่างผอมยิ้มจนตาแทบปิด! หากเขารู้ว่าเมื่อคืนก่อน ฉินหรูเยียนเองได้เข้าสภาวะนี้ด้วยแล้ว คงจะดีใจจนะโตีลังกากลางอากาศสักสิบเจ็ดสิบแปดตลบไปแล้ว!
เข้าฌานได้ เด็กสาวคนนี้เป็อัจฉริยะ เป็อัจฉริยะอย่างแท้จริง การเข้าฌานครั้งนี้จะทำให้นางเข้าถึงเจตจำนงดาบสายลมได้มากขึ้น
ชายชราร่างสูงที่ลอยอยู่กลางอากาศเบิกตากว้าง ยิ่งมองเด็กสาวที่อยู่เบื้องล่างมากเท่าไร ความประทับใจก็ยิ่งเอ่อล้นมากขึ้นเท่านั้น!
จากนั้นก็มีคำถามผุดขึ้น แล้วเด็กสาวคนนี้มาที่นี่ได้อย่างไร แล้วเข้าสู่สภาวะเข้าฌานนี้ได้อย่างไร ทันใดนั้นสายตาของเขาก็หันไปมองเซียวหลิงอวิ๋นและหยางลู่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของตัวเรือน!
เซียวหลิงอวิ๋น เป็ฝีมือของพ่อหนุ่มคนนี้อย่างนั้นรึ! ชายชราร่างสูงะโในใจ!
เ้าหนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่จะเป็สุดยอดอัจฉริยะที่หาได้ยากในรอบหมื่นปีเท่านั้น ยังมีความสามารถพิเศษในการกระตุ้นศักยภาพของอีกฝ่าย และยังสามารถยกระดับความสามารถของสหายร่วมสำนักให้สูงขึ้นไปอีกระดับได้ด้วย น่ะ... นี่คือเทพลงมาจุติ... บุตรแห่ง์!
คำคำหนึ่งผุดขึ้นในใจของชายชราร่างสูงโดยไม่คาดคิด!
บุตรแห่ง์ในตำนาน!
ชายชราร่างสูงตัวค้างในอากาศจนเกือบจะตกลงมา!
ดวงตาของเขาก็แทบจะถลนออกนอกเบ้า!
โอ้์และเหล่าเทพที่อยู่เบื้องบน เซียวหลิงอวิ๋น เ้าหนุ่มหลิงอวิ๋นคนนี้... ที่แท้ก็คือบุตรแห่ง์นี่เอง!
เื่นี้ ต้องนำไปบอกท่านอาจารย์!
ฟิ่ว!
บนท้องฟ้า ร่างของชายชราร่างสูงหายวับไปในทันที!
…
บริเวณที่พักอาศัยของศิษย์ระดับสูงเขตใต้!
“ศิษย์พี่ตง แม่นางหยางไปหาเ้าหนุ่มแซ่เซียวอีกแล้ว!” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สามคนยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มรูปร่างเพรียวบาง และหน้าตาหล่อเหลาดั่งหยกด้วยความเคารพ แล้วชายหนุ่มคนหนึ่งก็พูดขึ้นมา
“หยางลู่ไปหาเ้าเด็กนั่นอีกแล้วหรือ? นางหญิงกึ่งชายฉินหรูเยียนคนนั้นก็ไปด้วยหรือ?”
“เรียนศิษย์พี่ตง ศิษย์พี่ฉินไม่ได้ไปด้วย ดูเหมือนว่าคืนนี้จะมีแม่นางหยางไปแค่คนเดียว!”
ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไปคนเดียวสองคืนติดเลยอย่างงั้นหรือ...” น้ำเสียงก็เข้มขึ้นมาทันที “ข้าไม่สนหรอกว่ามันจะเป็อัจฉริยะที่ในรอบหมื่นปีจะมีสักคนหรือไม่ แต่มันกล้ามากที่มาแตะต้องผู้หญิงของข้าเซวียนหยวนเจิ้นตงคนนี้ เสี่ยวไป่ พวกเ้าสามคนไปดักรออยู่ที่นั่นก่อน แล้วเมื่อหยางลู่กลับไปแล้วก็เตือนสติเ้าเด็กนั่นให้ดี บอกให้มันอยู่ให้ห่างจากหยางลู่ ไม่สิ บอกมันว่าอย่ามาติดต่อกับแม่นางหยางอีก!”
“ศิษย์พี่ตง ถ้าเ้าหนุ่มนั่น...”
“หมายถึงถ้ามันไม่ฟังคำเตือนน่ะหรือ? ต้องให้ข้าพูดด้วยหรือ? ก็จัดการหักขามันสักข้างหนึ่ง สุดยอดอัจฉริยะที่ในรอบหมื่นปีจะมีสักคนแล้วอย่างไร มันก็ต้องเติบโตอย่างเป็ลำดับขั้นเช่นกัน หากไร้ซึ่งพลังแล้ว ต่อให้เป็สุดยอดอัจฉริยะก็เป็แค่หมาตัวหนึ่งที่ข้าจะบดขยี้มันเมื่อไหร่ก็ได้!” ใบหน้าของชายหนุ่มรูปงามเปลี่ยนไปเป็เย็นะเื!
“ขอรับ ศิษย์พี่ตง!”
แล้วทั้งสามคนก็จากไปอย่างรวดเร็ว!
“ศิษย์พี่ไป่ หากเ้าหนุ่มแซ่เซียวไม่ฟังคำเตือนของพวกเราจริงๆ ต้องจัดการหักขาข้างหนึ่งจริงๆ หรือ?” หลังจากที่ออกไปได้สักระยะหนึ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ถามด้วยความกังวล!
“คำสั่งของศิษย์พี่ตง พวกเ้าไม่ได้ยินรึอย่างไร!” ชายหนุ่มตรงกลางขมวดคิ้ว!
“มะ...ไม่ใช่ เพียงตะ...แต่เ้าหนุ่มแซ่เซียว สะ...สามารถผ่านชั้นที่เก้าของหอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้นมาแล้วนะ เป็สุดยอดอัจฉริยะที่ในรอบหมื่นปีจะมาเกิดสักคน แล้วพวกเรา...”
“เ้ากังวลว่าพวกเราสามคนจะจัดการไม่ได้อย่างนั้นหรือ ข้าจะบอกให้นะหลิวขุย เ้ากับหวังซานจิ่นต่างก็เป็นักยุทธ์ระดับเจ็ดขั้นสูงสุดไม่ใช่หรือ เมื่อรวมข้าที่เป็นักยุทธ์ระดับแปดขั้นสูงด้วยแล้ว นักยุทธ์ระดับสูงสามคน จะจัดการนักยุทธ์ระดับห้าไม่ได้ได้อย่างไรกัน? ต่อให้เ้าหนุ่มนั้นเป็สุดยอดอัจฉริยะที่ในรอบหมื่นปีจะมีสักคนก็ตาม หากพวกเราสามคนร่วมมือกัน ต่อให้เป็ศิษย์พี่ตงก็ยังเอาพวกเราไม่ลง แล้วเ้าหนุ่มนั่นจะเหนือกว่าศิษย์พี่ตงไปได้อย่างไร!”
“เข้าใจแล้ว ขะ...ข้าก็แค่...ก็ได้ ศิษย์พี่ไป่ว่าอย่างไรก็เอาตามนั้น!” ชายหนุ่มที่พูดก่อนหน้านี้ก็พูดพลางกัดฟันแน่น เมื่อเห็นได้ชัดว่าเื่นี้หลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ ก็จำต้องตอบกลับไป!
