ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงด้านหน้าก็ยังคงเป็ซากกระดูกสีขาวเหมือนเดิม นอกจากท้องฟ้าอันว่างเปล่าที่เหมือนจะมืดลงนิดหน่อยแล้วก็ไม่มีอะไรต่างไปจากก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เย่เทียนเซี่ยไม่ค่อยแน่ใจก็คือตัวเขาเดินกลับมายังที่เดิมอีกครั้งแล้วหรือเปล่า
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ชั่วโมงครึ่งผ่านไป เกือบจะสองชั่วโมงผ่านไป..............
ฉากที่ผ่านมาปรากฏขึ้นในสายตาอีกครั้ง ซากกระดูกตรงหน้าเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด
“แกร๊ง!”
ทันใดนั้นที่เท้าของเขาก็มีเสียงแปลกๆดังขึ้นมา มันคือหมวกสีทองแดงที่ถูกเย่เทียนเซี่ยเตะออกไปโดยไม่ตั้งใจ เย่เทียนเซี่ยมองตามมันไปแต่เขาก็ยังไม่ได้ถอดใจ ที่นี่นอกจากกระดูกแล้วก็ยังมีเกราะและอาวุธเก่าๆที่สมบูรณ์บ้าง ผุพังบ้างกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด ของพวกนี้เป็ของนักรบผู้กล้าที่ตายไปในา
แต่เมื่อเย่เทียนเซี่ยตัดสินใจเดินต่อไปอีกสองก้าวหมวกเกราะที่ถูกเขาเตะออกไปก็ลอยขึ้นมาจากบนพื้นโดยไร้เสียงแล้วลอยขึ้นมาเรื่อยๆจนไปหยุดอยู่บนท้องฟ้า
ขณะเดียวกันรอบๆหมวกเกราะใบนั้นก็มีเสื้อเกราะและเกราะขาสีทองแดงรวมทั้งหอกยาวเปื้อนเลือกเก่าๆลอยตามออกมาจากซากปรักหักพักพวกนั้นแล้ววนเวียนอยู่รอบๆหมวกเกราะอันนั้นด้วย
เสียงของการเคลื่อนไหวแปลกๆทำให้เย่เทียนเซี่ยหมุนตัวกลับไปทันที เขาขมวดคิ้วมองไปยังเกราะและอาวุธที่ลอยอยู่กลางอากาศ ตำแหน่งของเกราะและอาวุธพวกนั้นหยุดอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม รูปแบบการจัดวางของมันเหมือนกับหมวกเกราะใบนั้นกำลังสวมอยู่บนร่างโปร่งใสของใครบางคน และเมื่อรวมกับหอกยาวที่นั้นจึงเหมือนกับมีนักรบคนหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศอย่างไรอย่างนั้น
เย่เทียนเซี่ยกลั้นหายใจ ดวงตาของเขามองตรงไปด้านหน้า ขณะที่เขากำลังจ้องมองไปอย่างสนใจเขาก็เห็นเงาร่างสลัวๆเงาหนึ่ง มันคือนักรบที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นแล้วความอาฆาตที่ไม่มีที่สิ้นสุด เกราะที่ลอยขึ้นมาจากพื้นดินถูกสวมอยู่บนร่างของมัน หอกยาวก็ถูกถืออยู่ในมือของมัน ถ้าเป็คนธรรมดามองคงมองเห็นเพียงไอเทมที่ลอยไปลอยมาแปลกๆเท่านั้น
ิญญานักรบ : เลเวล 20
พลังชีวิต : 950
นักรบผู้กล้าที่ต่อสู้จนตัวตายไปในาพิทักษ์ดินแดนเมื่อ 80 ปีก่อน แม้ว่าร่างของเขาจะตายไปแล้ว แต่ความเชื่อในการปกป้องแผ่นดินและความ้าในการต่อสู้นั้นไม่ได้สูญสลายไป ิญญาที่เหลืออยู่จึงยังคงวนเวียนอยู่ในสนามรบอย่างดื้อรั้น มันอาจจะโจมตีสิ่งมีชีวิตที่เข้าใกล้ทุกชนิดอย่างไร้ความรู้สึก มีเพียงคนที่เอาชนะมันได้เท่านั้นถึงจะทำให้ิญญาของมันได้รับการปลดปล่อยได้
พร์ : ด้วยร่างแห่งความตายทำให้การโจมตีด้วยพลังแห่งความตายทั้งหมดไร้ผล
ทักษะ : ไม่มี
จุดอ่อน : หวาดกลัวแสงสว่างและการโจมตีด้วยทักษะสายชีวิตทั้งหมด
เกราะที่ลอยไปลอยมาและมีิญญานักรบสิงสู่อยู่ภายในพุ่งเข้ามาหาเย่เทียนเซี่ย หอกยาวในมือที่มาพร้อมกับแรงกดดันอันหนักหน่วงแทงเข้ามาที่ลำคอของเขา เย่เทียนเซี่ยเบี่ยงตัวหลบสบายๆจากนั้นก็โจมตีด้วยัสะบั้นออกไปบริเวณหมวกเราะพร้อมกับพูดออกไปเสียงต่ำ “ไปสู่สุขติซะนะ ิญญาวีรบุรุษ”
สำหรับผู้กล้าที่ตายด้วยความเชื่อมั่นและเพื่อปกป้องประเทศของตัวเองเหล่านี้แล้ว ในใจของเย่เทียนเซี่ยจึงยังคงไว้ซึ่งความเคารพต่อพวกเขาเหล่านี้ การโจมตีหนึ่งครั้งของเย่เทียนเซี่ยทำให้ิญญานักรบถูกฆ่าตายลงไปในพริบตาและไอเทมที่ประกอบกันจนเป็ร่างของคนก็กระจัดกระจายออกไปแล้วร่วงหล่นลงไปท่ามกลางซากปรักหักพังที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด
และการลงมือของเย่เทียนเซี่ยในครั้งนี้กลับเป็การตีเข้าไปโดนรังแตนเต็มๆ เหล่านักรบที่ตายไปแล้วปรากฏตัวออกมาเมื่อรับรู้ได้ถึงการจากไปของพี่น้องตัวเอง พวกมันคือิญญาของนักรบที่ตายไปในาที่ยังมีความโศกเศร้าและความโกรธแค้นจำนวนนับไม่ถ้วน เมื่อิญญานักรบถูกโจมตีจนแตกสลายไปสายลมเย็นเยียบก็พัดขึ้นมาจากซากหมื่นกระดูก แล้วทันใดนั้นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยกระดูกรอบกายของเย่เทียนเซี่ยก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่ากลัวครั้งใหญ่ พื้นดินสีดำถูกแยกออก หมวกเกราะและอาวุธที่ทั้งสมบูรณ์และผุพังลอยขึ้นมาจากซากต่างๆที่กองอยู่บนพื้นแล้วรวมตัวกันจากนั้นพวกมันก็ลอยเข้ามาหาเย่เทียนเซี่ย
หนึ่งตัว สองตัว สามตัว.......... สิบตัว สิบเอ็ดตัว!
ิญญานักรบสิบเอ็ดตัวล้อมกรอบเย่เทียนเซี่ยเอาไว้ ไอแห่งความตายเข้มข้นและไอสังหารที่เปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นล็อคเป้ามาที่ร่างของเย่เทียนเซี่ยทันที
เวลาเกือบสองชั่วโมงในที่สุดเย่เทียนเซี่ยก็พบศัตรูจนได้ สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเขาผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย ถ้าสิ่งที่เขาจะพบมีเพียงแค่ซากกระดูกที่ไร้ที่สิ้นสุดเขาก็คงไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองจะทนอยู่ที่นี้ได้อีกนานเท่าไร
และทันใดนั้นเองเสียงแจ้งเตือนที่ทำให้เย่เทียนเซี่ยอยากจะบ้าก็ดังขึ้นมาข้างหูของเขา
“ติ๊ง! ระยะเวลาที่ท่านได้เข้าสู่ ‘ซากหมื่นกระดูก’ ผ่านไปสองชั่วโมงแล้วค่ะ ระยะเวลาดังกล่าวคือระยะเวลาจำกัดต่อวันที่ผู้เล่นสามารถเข้าสู้ซากหมื่นกระดูกได้ค่ะ ดังนั้นท่านจะถูกส่งออกไปทันที”
“เฮ้ย! เฮ้ย.......เดี๋ยวก่อน.............”
เย่เทียนเซี่ยเพิ่งจะร้องออกมาเบื้องหน้าของเขาก็กลายเป็แสงสว่างจ้าแล้วพื้นที่โดยรอบก็เปลี่ยนไปทันที วินาทีต่อมากลิ่นเหม็นฉุนจมูกก็หายไปพร้อมกับแสงสว่างที่สว่างวาบขึ้นมาแทน.............. เย่เทียนเซี่ยกลับมาถึงจุดเกิดใหม่ในเมืองเทียนเฉินเรียบร้อยแล้ว
การเข้าไปในซากหมื่นกระดูกครั้งแรกสิ้นสุดลงไปแล้ว เย่เทียนเซี่ยยืนมึนงงตรงนั้นอยู่นาน.............. เขาแน่ใจว่าในคำอธิบายของภารกิจไม่ได้พูดถึงปัญหาเื่ระยะเวลาที่มีจำกัดเห็นได้ชัดว่านี่คือปัจจัยแอบแฝง แล้วทำไมถึงไม่มีทีมไหนอยู่ในซากหมื่นกระดูกได้ยาวนานเกินสองชั่วโมงล่ะ
เทียบกับสุสานเทพ์ที่เพียงแค่จัดการศัตรูทั้งหมดก็สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้โดยง่ายแล้ว เห็นได้ชัดว่าสำหรับเขาภารกิจที่มีการค้นหาอย่างเฉพาะเจาะจงนั้นยากยิ่งกว่าหลายเท่า ถ้าให้เขาเลือก เขายินดีเลือกที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ยากยิ่งกว่าสุสานเทพ์สองเท่ายังดีเสียกว่า
แต่จะว่าไปแล้ว การเข้าไปในซากหมื่นกระดูกครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรกลับมาเลย ิญญานักรบคนสุดท้ายนั่นทำให้เขารู้สึกถึงบางอย่าง
ภายในสามวันผู้เล่นทุกคนสามารถเข้าไปในแผนที่ภารกิจระบบได้เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น นั่นก็หมายความว่าหากเย่เทียนเซี่ยจะเข้าไปในซากหมื่นกระดูกอีกครั้งเขาต้องรออีกสามวันให้หลัง เขาครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วหมุนตัวเดินไปทางเหนือของเมืองเทียนเฉิน.......... ทิศทางที่เขาเดินไปยังคงเป็วันอู๋ฮวาเช่นเดิม
สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเซี่ยมึนงงก็คือนักพรตที่เขาพบในครั้งนี้ไม่ใช่นักพรตอู๋ฮวาคนเมื่อวาน และไม่ใช่อาจารย์เพียวเค่อเมื่อสองชั่วโมงก่อนด้วย แต่คราวนี้กลับกลายเป็นักพรตที่ชราภาพยิ่งกว่า ท่าทางของนักพรตชราท่านนี้ถ้ามีคนบอกว่าเขาอายุร้อยปีเย่เทียนเซี่ยก็จะไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย
“สวัสดี นักผจญภัยจากต่างแดน สีหน้าของเ้าบอกกับข้าว่าเ้ามาที่นี่เพื่อเข้ารับการทดสอบสินะ” นักพรตชราเอ่ยถามอย่างมีมารยาท
“ครับท่านอาจารย์ รบกวนท่านช่วยส่งผมไปที่ ‘ถ้ำหมาป่าน้ำแข็ง’ ด้วยครับ” เย่เทียนเซี่ยก็ตอบกลับไปอย่างมีมารยาทเช่นกัน
“‘ถ้ำหมาป่าน้ำแข็ง’............ ที่นั่นเป็สถานที่อันน่ากลัว สถานที่แห่งนั้นไม่เพียงหนาวเย็นถึงกระดูก แต่ยังเต็มไปด้วยมอนสเตอร์มากมายนับไม่ถ้วน เ้าหนุ่ม ฟังคำพูดอาตมาแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง? ก่อนที่พลังของเ้าจะถึงเลเวล 25 อย่าได้ลองไปที่แห่งนั้นเลยจะดีกว่า เพราะต่อให้ไม่มีศัตรู ความหนาวเย็นอันน่าหวาดกลัวก็มากพอที่จะทำให้เ้าตายได้ อมิตตาพุทธ” นักพรตชราพูดชี้แนะอย่างใจเย็น
สีหน้าของเย่เทียนเซี่ยไม่เปลี่ยนแปลง เขายังคงพูดต่อไป “ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ชี้แนะครับ ผมจะพยายาม......... และยังยืนยันว่าขอให้ท่านส่งผมไปที่ถ้ำหมาป่าน้ำแข็งด้วยครับ”
“ถ้าหากนี่เป็สิ่งที่เ้าเลือก อาตมาก็ไม่อาจปฏิเสธได้”
“เอ่อไม่ทราบว่าท่านชื่อว่าอะไรเหรอครับ?”
“อมิตตาพุทธ อาตมามีชื่อว่า.......... เสียวเหนี่ยว”นักพรตชราตอบกลับมาอย่างสงบนิ่ง
“.........ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนท่านนักพรตเสียวเหนี่ยวด้วยนะครับ” เย่เทียนเซี่ยแน่ใจแล้วว่านักพรตในที่แห่งนี้ดูภายนอกแม้จะธรรมดา แต่จริงๆแล้วไม่ธรรมดาเลยสักคน “ใช่แล้ว แล้วท่านนักพรตอู๋ฮวากับท่านนักพรตเพียวเค่อล่ะครับ?”
“อมิตตาพุทธ เพราะมีผู้มาเยือนมากเกินไปดังนั้นพวกเขาจึงเหนื่อยอ่อน ตอนนี้จึงไปพักผ่อนแล้ว”
ผู้มาเยือนมากเกินไป........... ประโยคนี้ทำให้ทั่วทั้งร่างของเย่เทียนเซี่ยรู้สึกอึดอัด เย่เทียนเซี่ยไม่พูดอะไรอีก เขานิ่งเงียบรอให้นักพรตเสียวเหนี่ยวส่งตัวเขาไป
นักพรตเสียวเหนี่ยวยังไม่ได้รีบส่งเย่เทียนเซี่ยไปทันทีแต่เขากลับพูดขึ้นมาช้าๆ “วันนี้มีทีมผู้กล้า 172 ทีมเข้าไปยังประตูทางเข้า แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครอยู่ที่นั่นอีกแล้ว และผู้ที่เข้าไปด้านในถ้ำหมาป่าน้ำแข็งก็มีแค่สองทีมเท่านั้น ในเมื่อเป็เช่นนี้เ้ายังอยากจะไปที่นั่นอยู่อีกหรือไม่?”
“เอ๋? ทำไมมีคนมากมายถูกส่งไปที่นั่นแต่กลับมีแค่สองทีมที่เข้าไปด้านในล่ะครับ? คนอื่นๆล่ะครับ? แล้วทำไมไม่รออยู่ที่นั่น พวกเขากลับมากันหมดเลยอย่างนั้นเหรอครับ?” เย่เทียนเซี่ยขมวดคิ้วถาม ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย หลังจากมีการประกาศเื่รางวัลของภารกิจระบบทหารรับจ้างออกไปก็เป็การจุดประกายไฟให้ผู้เล่นนับไม่ถ้วนอยากทำภารกิจระบบให้สำเร็จ ก่อนหน้านี้ที่ซากหมื่นกระดูกก็มีทีมกว่าสามร้อยทีมแย่งกันเข้าไปเป็ทีมสุดท้ายและยังคอยคุมเชิงอยู่ที่สถานที่แห่งนั้นด้วย
แต่ถ้ำหมาป่าน้ำแข็งในปัจจุบันกลับไม่มีคนอยู่แม้แต่คนเดียว นี่เป็สิ่งที่เย่เทียนเซี่ยคิดไม่ตก
“ผู้ใจบุญ หากเ้าไปเองแล้วก็จะรู้ อาตมาไม่เปิดเผยอะไรมากกว่านี้แล้วจะดีกว่า เอาล่ะ อาตมาจะส่งเ้าไปตอนนี้ล่ะ”
นักพรตชราท่องบทสวดจากนั้นใต้เท้าของเย่เทียนเซี่ยก็เกิดแสงสว่างขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วนำพาเขาไปจากวัดอู๋ฮวา
“อมิตตาพุทธ ขอให้เ้ากลับมาอย่างปลอดภัย” นักพรตชราเอ่ยออกมาด้วยเสียงต่ำๆจากนั้นก็นั่งลงแล้วเริ่มท่องบนสวดอันศักดิ์สิทธิ์ต่อไป........
“ข้า...........คือ............นก.......น้อย...........น้อย.........น้อย...........น้อย.......ตัว........หนึ่ง........จิ๊บๆๆๆๆ............”
————
————
หนาวเข้าไปถึงกระดูกเหมือนกับมีน้ำแข็งทิ่มแทงลงไปบนร่าง เมื่อเย่เทียนเซี่ยเพิ่งจะปรากฏตัวออกมาท่ามกลางพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งเขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมถึงไม่มีทีมไหนอยากจะรออยู่ในที่แห่งนี้
กลิ่นเหม็นเน่าที่อยู่ด้านหน้าทางเข้าซากหมื่นกระดูกยังพอทนได้ แต่ความหนาวเย็นของที่นี่ไม่ใช่เื่ที่คนธรรมดาจะสามารถรับได้เป็ระยะเวลานาน
-5,
-5,
-5,
-5,
ทุกวินาทีที่ผ่านไปบนหัวของเย่เทียนเซี่ยจะมีตัวเลขสีแดงลอยขึ้นมาอย่างบต่อเนื่อง ความหนาวเย็นของที่นี่ไม่เพียงจะทำร้ายร่างกายอย่างโหดร้าย แต่ขณะเดียวกันมันยังปล้นพลังชีวิตไปอย่างไร้เยื่อใยอีกด้วย
เย่เทียนเซี่ยปลดล็อคการแสดงผลในการฟื้นฟูพลังชีวิตโดยอัตโนมัติของแหวนแห่งชีวิตที่เคยปิดอยู่ตลอดขึ้นมาทำให้พลังชีวิตที่ลดลงหายไปในทันที เมื่อเย่เทียนเซี่ยเดินไปข้างหน้าอีกก้าวหิมะที่เป็ชั้นหนาๆด้านล่างก็กลายเป็ชั้นน้ำแข็งลื่นๆ เย่เทียนเซี่ยก้าวลงไปโดยไม่ทันระวังจนเกือบจะล้มลง
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เอ๋? ทำไมไม่ลื่นล่ะ?”
ในตอนที่เย่เทียนเซี่ยกำลังจะลื่นล้มลงไปเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาพอดี และเห็นได้ชัดเลยว่าเสียงนั้นคือเสียงหัวเราะคิดคักของผู้หญิง และในเสียงนั้นก็แฝงไว้ด้วยความหยิ่งผยองในแบบที่ผู้หญิงไม่ควรมี แต่เย่เทียนเซี่ยมีความสมดุลในร่างกายมากกว่าคนปกติทำให้ร่างกายของเขารักษาท่าทางไว้ได้อย่างสมดุลโดยที่ไม่มีผู้เล่นธรรมดาคนไหนทำได้ และการที่เขาไม่ได้ล้มลงไปก็ทำให้เ้าของเสียงนั้นผิดหวังและแปลกใจไปพร้อมกัน
ร่างของเย่เทียนเซี่ยยืนหยัดอย่างมั่นคงจากนั้นก็มองไปยังต้นกำเนิดเสียงแล้วเขาก็ต้องพบกับความแปลกใจเมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขาไม่ห่างไปนั้นก็คืุ์หิมะขนาดครึ่งตัวคนที่กองอยู่ และรอบๆร่างของมันเต็มไปด้วยพื้นหิมะบริสุทธิ์ ด้วยเพราะร่างตรงหน้าแทบจะกลืนเป็สีเดียวกันกับหิมะทำให้ก่อนหน้านี้เย่เทียนเซี่ยไม่ได้สนใจการคงอยู่ของมนุษย์หิมะ......... ไม่สิ นั่นไม่ใช่มนุษย์หิมะ แต่เป็มนุษย์น้ำแข็งสีขาวต่างหาก เพราะ้าร่างของมนุษย์หิมะในเวลานี้กลับมีหญิงสาวตัวน้อยนั่งอยู่้าด้วยใบหน้าตื่นเต้น
มนุษย์หิมะปกติถ้าถูกเด็กผู้หญิงนั่งทับอย่างนั้นคงจะพังทลายลงไปตั้งนานแล้ว