ด้วยคุณสมบัติของอาชีพนักแสดง ตอนที่ซื้ออะพาร์ตเมนต์ห้องนี้ฉีลั่วอิ่งจึงให้มัณฑนากรออกแบบห้องออกกำลังกายขึ้นมาด้วย เพื่อความเป็ส่วนตัวทั้งยังช่วยประหยัดเวลา เนื่องจากการรักษารูปร่างนั้นเป็ส่วนหนึ่งของงาน ไม่เกี่ยวว่าชอบหรือไม่ชอบ
ผ่านไปสองชั่วโมง ฉีลั่วอิ่งลงมาจากเครื่องออกกำลังกายในสภาพเหมือนคนที่เพิ่งผุดขึ้นจากน้ำ เสื้อผ้าบนตัวเขาล้วนชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เขาหันไปมองโทรศัพท์ครั้งหนึ่งและพบว่าเมิ่งไป๋ไป๋ยังไม่ตอบข้อความ
“กำลังยุ่งอะไรอยู่นะ? ไม่สิ ฉันจะไปสนใจทำไม!” ฉีลั่วอิ่งปิดหน้าต่างแชตและเลื่อนดูโพสต์ในอู้รู่ฉีถูอย่างเรื่อยเปื่อย เขาใช้ผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนคอเช็ดเหงื่อไปด้วย แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ
ภายในห้องอาบน้ำเต็มไปด้วยไอน้ำ น้ำเส้นเล็กละเอียดราวกับเส้นบะหมี่ไหลออกมาจากฝักบัวอย่างไม่ขาดสาย ฉีลั่วอิ่งอยู่ด้านหลังฉากกระจกกั้นในห้องอาบน้ำ เขามีรูปร่างสูงเพรียว กล้ามเนื้อเรียงตัวสวยงามและแฝงไปด้วยพละกำลัง เป็หุ่นผู้ชายในอุดมคติที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ชื่นชอบในหลายปีที่ผ่านมานี้
เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่วางไว้บนอ่างล้างมือหินอ่อนดังขึ้นมาไม่หยุด ฉีลั่วอิ่งก็ต้องล้มเลิกความคิดที่จะอาบน้ำให้นานกว่านี้สักหน่อย เขาเดินออกจากห้องอาบน้ำ ดึงผ้าขนหนูผืนใหญ่ด้านข้างมาพันตัวอย่างง่าย มองไปยังสายที่โทรมาครั้งหนึ่งแล้วก็รับโทรศัพท์ “ฮัลโหล?”
“ว่างไหม? ฉันไปหาได้หรือเปล่า?” เสียงของชายหนุ่มดังมาจากปลายสาย น้ำเสียงกระฉับกระเฉงคุ้นเคย
ฉีลั่วอิ่งเข้าวงการมาสิบปีจึงมีเพื่อนในวงการมากมาย แต่คนที่คบหาอย่างจริงใจนั้นมีน้อยมาก สุดท้ายแล้วทุกคนต่างก็ยุ่งกันหมด แม้่หนึ่งจะถ่ายละครด้วยกันจนสนิทสนมคุ้นเคย แต่จะได้เจอกันอีกครั้งเมื่อไรก็ไม่รู้ นานวันเข้ามิตรภาพก็จืดจางลงไปอย่างง่ายดาย
ส่วน “เหยาเข่อเล่อ” ที่อยู่บริษัทเดียวกัน เป็หนึ่งในเพื่อนสนิทที่มีไม่มากของเขา เดิมทีเหยาเข่อเล่อเดบิวต์จากวงไอดอล แต่น่าเสียดายที่ผลลัพธ์ไม่เป็อย่างที่คาดไว้ เขาจึงผันตัวมาเป็พิธีกรรายการวาไรตี้และได้รับความนิยมจากผู้ชมอย่างคาดไม่ถึง จนมีฉายาว่า “นักแสดงตลกที่ถูกภาพลักษณ์ไอดอลฉุดรั้ง”
ฉีลั่วอิ่งเปิดลำโพงโทรศัพท์แล้ววางไว้ข้างอ่างล้างมือ จากนั้นก็หยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดผมแล้วจงใจพูดด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหน “ถ้าฉันบอกว่าไม่ว่างนายก็จะไม่มาเหรอ?”
เหยาเข่อเล่อจับความกระแนะกระแหนในคำพูดของฉีลั่วอิ่งออก และหัวเราะออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันอยู่หน้าประตูแล้ว มาเปิดประตูสิ!”
ฉีลั่วอิ่งเดาะลิ้นครั้งหนึ่ง “นายรู้ใช่ไหมว่าบนโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่ากริ่งประตูน่ะ?”
“คราวก่อนฉันกดกริ่งแล้ว แต่นายไม่สนใจฉัน”
“คราวนั้นนายบอกว่าฉันไม่อยู่บ้านไม่ใช่เหรอ?”
“เหมือนจะเป็อย่างนั้นนะ?”
“รอแป๊บหนึ่ง ฉันไปใส่เสื้อผ้าก่อน” ฉีลั่วอิ่งเช็ดผมจนหมาดและหยดน้ำบนตัวก็แห้งเกือบหมดแล้ว แต่เขาก็ยังต้องใส่เสื้อผ้า สุดท้ายแล้วทั้งสองคนก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่จะสามารถเห็นกันและกันในสภาพเปลือยเปล่าได้
“นายคงไม่ได้อยู่ใน่เวลาสำคัญใช่ไหม? ฉันกลับก่อนจะดีกว่าหรือเปล่า? อีกเดี๋ยวเจอหน้ากันจะเรียกว่าอะไรดี? ไม่สิ นายบอกมาก่อนว่าเป็ผู้ชายหรือผู้หญิง? เป็คนในวงการหรือนอกวงการ? ให้ฉันเตรียมใจสักหน่อย”
“สมองนายมีแต่ความคิดสกปรกหรือยังไง? เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็ต้องใส่เสื้อผ้าสิ”
“เสร็จธุระแล้วเหรอ? งั้นแปลว่าฉันก็ไม่ได้มารบกวนนาย”
ฉีลั่วอิ่งกลอกตามองบน “นายรอก่อนเถอะ อย่าหนีล่ะ”
“เฮ้! อย่าพูดอย่างนี้สิ ฉันกลัวนะ”
ฉีลั่วอิ่งเลิกคิ้ว หลังจากจงใจส่งเสียงฮึดฮัดออกไปก็วางสายโทรศัพท์แล้วเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว เลือกเสื้อผ้าฝ้ายแขนยาวและกางเกงลำลองออกมา
ภาพที่ฉีลั่วอิ่งเห็นหลังจากเปิดประตู คือ เหยาเข่อเล่อที่กำลังนั่งยองๆ อย่างไร้ภาพลักษณ์อยู่ด้านนอกและศึกษาลวดลายบนพื้นอย่างเบื่อหน่าย เมื่อเห็นประตูเปิดออกเขาก็เริ่มประท้วงทันที “ทำไมถึงใส่เสื้อผ้านานขนาดนี้? ถึงนายจะไม่ใส่เสื้อผ้าแล้วมาเปิดประตูให้ฉันก่อน ฉันก็ไม่ถือหรอกนะ”
“แต่ฉันถือ!” ฉีลั่วอิ่งถลึงตาใส่เหยาเข่อเล่อครั้งหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเอียงตัวเปิดทาง “เข้ามาสิ”
“นายไม่ใช่ดาราสาวสักหน่อย ไม่มีคนอยากดูมากมายขนาดนั้นหรอก”
----------
ฉีฉี : “ใครบอกว่าไม่มีคนอยากดู? อย่างน้อยเมิ่งไป๋ไป๋ก็อยากดูใช่ไหม?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้