ธัญพืชที่ครอบครัวหูฉางกุ้ยปลูกมีไม่มาก ภายใต้การช่วยเหลือของทุกคนไม่กี่วันก็จัดเก็บเสร็จเรียบร้อย
อาชิง หลิงเสี่ยน หลัวจิ่ง และจ้าวหงซานล้วนวุ่นอยู่กับงานเข้าๆ ออกๆ อย่างกระตือรือร้น
อาชิงกับหลัวจิ่งไม่เคยประสบกับการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงของครอบครัวเกษตรกรมาก่อน พอทำงานขึ้นมาจึงเห็นได้ชัดว่าสู้จ้าวหงซานและหลิงเสี่ยนไม่ได้
การเคลื่อนไหวมือและเท้าของจ้าวหงซานคล่องแคล่วโดยไม่ต้องพูดถึงเลย และท่าทางของหลิงเสี่ยนก็ปราดเปรียวมากด้วยเช่นกัน
่เวลาที่อยู่ในสถานที่นักโทษเนรเทศ การปรับปรุงดินก่อนหว่านข้าวในฤดูใบไม้ผลิและการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงเป็อย่างหนึ่งของการเป็แรงงาน ดังนั้นงานเหล่านี้เขาจึงทำได้คล่องมือนัก
ดังนั้น หูฉางกุ้ย จ้าวหงซาน และหลิงเสี่ยนเลยรับหน้าที่ขุดดินเก็บเกี่ยว ส่วนอาชิงและหลัวจิ่งให้รับหน้าที่ลำเลียงกลับมายังโรงเก็บของในบ้านสกุลหู
ไม่กี่วันถัดมา ธัญพืชของนาดอนก็เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้น
พร้อมกับการใกล้เข้ามาของวันที่สิบห้าเดือนแปด หลี่ซื่อกับเจินจูเริ่มเตรียมของขวัญในวันเทศกาลขึ้น
หูฉางกุ้ยเร่งเกวียนล่อพาอาชิง อาจารย์ฟาง เจินจูและผิงอันไปอำเภอเจิ้นอันหนึ่งรอบ
ซื้อข้าวธัญพืชต่างๆ และขนมไหว้พระจันทร์ไปวัดเฉิงหวงก่อนตามปกติ
กระต่ายที่เลี้ยงในวัดเริ่มเห็นผลประโยชน์ในระยะแรกแล้ว เมื่อกระต่ายตัวเมียเพิ่มขึ้นใหม่มีประมาณยี่สิบถึงสามสิบตัว จึงขายกระต่ายตัวผู้ที่โตแล้วหนึ่งชุดทิ้งไป ครั้งแรกที่พึ่งพาความสามารถของตนเองหาเงินมาได้ คนแก่และเด็กทั้งห้องต่างก็ยิ้มทั้งน้ำตา
ตาเฒ่าติงยุติธรรมและตรงไปตรงมาอย่างมาก มอบรางวัลให้แก่อาหยวนที่รับหน้าที่เป็กำลังหลักในการดูแลรับผิดชอบเลี้ยงกระต่ายหนึ่งร้อยเหวิน ไม่กี่คนที่เหลือที่มีส่วนร่วมในการเลี้ยงกระต่ายให้ไปคนละห้าสิบเหวิน แล้วยังให้คนชราไม่กี่คนที่โดดเดี่ยวและลำบากไปยี่สิบเหวินด้วย
เงินที่เหลือล้วนนำมาใช้ปรับปรุงความเป็อยู่และอาหารให้ดีขึ้น
กระต่ายที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ในขณะนี้มีหลายตัวที่กำลังตั้งท้องลูกกระต่ายอยู่ คนหนึ่งกลุ่มดีใจกันยกใหญ่ จนเห็นกระต่ายในกรงเป็บรรพบุรุษที่ต้องเซ่นไหว้บูชาอย่างระมัดระวังเลยทีเดียว
เมื่อกลุ่มเดินทางของหูฉางกุ้ยมาถึงก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
ทุกคนรุมล้อมพวกเขากล่าวถึงผลประโยชน์ของการเลี้ยงกระต่ายที่นำมาสู่วัดอย่างฟังไม่ได้ศัพท์ ต่างพากันแสดงความขอบคุณด้วยใจที่แรงกล้าต่อหูฉางกุ้ย
เป็ครั้งแรกที่ผิงอันได้มาวัดเฉิงหวง จึงเลี่ยงที่จะตื่นเต้นเล็กน้อยไม่ได้
แต่เห็นพวกเขาต่างล้อมรอบบิดาสกุลหูกล่าวชื่นชมและขอบคุณในบุญคุณแล้ว ภายในใจเขาดีใจอย่างมากและรู้สึกภูมิใจออกมา ที่บิดาของเขาสามารถช่วยเหลือคนน่าสงสารไร้บ้านเหล่านี้ได้
ระหว่างเดินทางมาที่วัด ท่านพี่ของเขาเคยบอกไว้ว่าในวัดเฉิงหวงส่วนใหญ่เป็คนชราและเด็กที่ถูกญาติพี่น้องทอดทิ้ง หลายคนต่างก็มีปมด้อยทางรูปลักษณ์ภายนอกหรือไม่ก็พิการ เมื่อไปถึงแล้วให้เขาอย่าตระหนกใเป็การใหญ่และห้ามเสียมารยาท
เขามองเจินจูที่อยู่ด้านข้าง นางกำลังพูดคุยกับเด็กสาวที่บนใบหน้ามีตำหนิคนหนึ่ง
“คุณหนูหู ตอนที่กระต่ายเพิ่งมาแรกๆ ยังค่อนข้างทำตัวดีอยู่มาก แต่พอนานไปก็เริ่มหงุดหงิดกระสับกระส่าย กระต่ายบางตัวมักชนราวกั้นอยู่บ่อยๆ พวกข้ากลัวมันาเ็ เลยทำตามความคิดเห็นที่ท่านเคยบอก ตอนกลางวันนำกระต่ายมาปล่อยเดินเล่นบนพื้นที่ล้อมรอบไว้ แต่ยังมีกระต่ายบางตัวที่ปรากฏความกระสับกระส่ายชัดเจนอย่างมาก นี่ต้องทำอย่างไรดี?” อาหยวนวิตกกังวลยิ่ง ขณะนี้นางใส่ใจปัญหาเล็กใหญ่ของกระต่ายอย่างดี เพราะทุกคนในวัดฝากความหวังอันสูงส่งไว้ที่นาง หากเลี้ยงกระต่ายตายนางต้องรู้สึกผิดต่อทุกคนแน่
ร้อนใจนัก...
“ฮ่าๆ” เจินจูหัวเราะแห้งสองที กระต่ายเหล่านี้ล้วนกินฟางที่เอาออกมาจากมิติช่องว่างกันจนชิน พอเวลานานเพียงนี้แล้วไม่ได้กินจะหงุดหงิดกระสับกระส่ายก็เป็เื่ปกติ
นางไม่ได้กล่าวรายละเอียดอะไร เพียงกล่าวว่าอีกเดี๋ยวไปดูกระต่ายแล้วค่อยว่ากัน
อาหยวนแม้ร้อนใจแต่ก็ทำได้เพียงรอ
เมื่อมารดาของอาหยุนทราบว่าหูฉางกุ้ยจะไปเยี่ยมคนชราและเด็กในวัดเฉิงหวงถึงอำเภอเจิ้นอัน จึงเร่งทำเจียงหมี่เกาขึ้นหนึ่งตะกร้าเป็พิเศษ และฝากพวกเขาให้นำมาด้วย ส่วนอาจารย์ฟางและอาชิงก็ซื้อเกาเตี่ยนและผลไม้เชื่อมของดีราคาถูกที่ริมถนนมาในปริมาณมากเพียงพอ ถือเป็ของขวัญที่ส่งมาให้ในวัดด้วยกัน
เด็กและคนชราในวัด ล้วนสวมเสื้อผ้าเรียบง่ายแต่ใหม่เอี่ยมอยู่บนกายทั้งสิ้น ผ้าทั้งหมดที่ใช้ต่างก็เป็ผ้าที่เจินจูนำมามอบให้ครั้งก่อน เห็นความมีชีวิตชีวาของพวกเขาปรากฏเด่นชัดไม่น้อยเช่นนี้แล้ว ในใจเจินจูค่อนข้างรู้สึกปลื้มอกปลื้มใจอยู่บ้าง
นางไม่ใช่นักปราชญ์ ทำการปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเสมอภาคไม่ได้ ความทุกข์ยากลำบากของผู้อื่นนางมองเห็น และจะให้นางเอาสิ่งเหล่านี้มารับผิดชอบไว้กับตัวเอง นางก็ไม่ได้สูงส่งเป็เลิศเพียงนั้น
สิ่งที่นางคิดจะทำคือการพยายามให้พวกเขายืนด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้ แต่ไม่ใช่กลายมาเป็การแบกรับภาระของผู้ใด
นำทางผิงอัน เดินตามอาหยวนไปเพิงกระต่ายของพวกเขา
ในเพิงกระต่ายเป็การใช้ห้องที่อยู่ข้างห้องหลักมาปรับปรุง ตอนนี้เก็บกวาดได้สะอาดเรียบร้อย ในอากาศมีเพียงกลิ่นสาบกระต่ายอ่อนๆ มองออกได้ว่าพวกเขาใส่ใจกระต่ายดีเพียงใด
พอผิงอันเข้ามาในที่เลี้ยงกระต่าย ก็เหมือนเข้ามาหลังบ้านของตนเอง ชี้กระต่ายในกรงอย่างตื่นเต้น “ท้องกระต่ายตัวเมียตัวนั้นใหญ่เพียงนี้แล้ว ควรเอามันออกมาใส่ในกรงให้อยู่ตัวเดียว ไม่เช่นนั้นพอถึงตอนที่ออกลูก แม่กระต่ายจะหงุดหงิด”
อาหยวนรู้ว่าเขาเป็คุณชายน้อยของสกุลหู ได้ยินคำพูดนี้จึงรีบยิ้มและกล่าวทันที “จะแยกมันออกมาอยู่ตัวเดียวแล้ว แต่มันไม่ค่อยชอบให้พวกข้าจับ ทุกครั้งล้วนหลบได้เก่งกาจนัก พวกข้ากลัวทำท้องของมันาเ็ เลยยืดเวลาออกไปมาโดยตลอด”
“อ๋อ... นั่นเป็พวกท่านจับไม่เป็ ข้าจะจับให้พวกท่านดู” ผิงอันตื่นเต้นดีใจมาก กระต่ายของที่บ้านเมื่อเริ่มแรกก็เป็เขาที่เลี้ยงมาตลอด สำหรับนิสัยของกระต่ายเขารู้อย่างทะลุปรุโปร่งเลยทีเดียว
เจินจูดีใจที่เห็นสองคนสอบถามกัน ตนเองจึงเดินไปที่วางหญ้าเลี้ยงสัตว์และผักป่าที่อยู่อีกห้องหนึ่ง ตรวจสอบหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่พวกเขาเก็บรวบรวมไว้เล็กน้อย มีพวกเถาถั่วลิสงกับฟางข้าวโพดที่ชำระล้างสะอาด ดวงตานางเป็ประกาย ล้วงเอาเถาถั่วลิสงกับฟางข้าวโพดกำใหญ่ออกมาจากมิติช่องว่าง แล้วเอาพวกมันผสมปนเปลงไปในนั้น
พออำพรางดีแล้ว ผิงอันก็ยื่นศีรษะเข้ามา “ท่านพี่ ท่านทำอะไรน่ะ?”
“อ๋อ ข้ามาดูหญ้าเลี้ยงสัตว์ของพวกเขาว่าจัดการได้เป็อย่างไรบ้าง” เจินจูตอบอย่างสบายๆ ไม่รีบร้อน
“คุณหนูหู ของเหล่านี้พวกข้าล้วนชำระล้างสะอาดและตากแดดดีแล้ว มีอะไรไม่เหมาะสมหรือไม่?” อาหยวนตื่นเต้นเล็กน้อย
“ไม่มี พวกเ้าจัดการได้ไม่เลวเลย ส่วนเื่นั้น ปัญหาที่กระต่ายหงุดหงิดกระสับกระส่าย อืม... ตอนนี้ไม่น่ามีปัญหาใหญ่อะไร ผ่านไปสองสามวันกระต่ายก็จะสงบลงแล้ว เ้าไม่ต้องร้อนใจ” เจินจูกล่าวปลอบนาง ต่อให้ไม่มีผลิตผลของมิติช่องว่าง ปัญหากระต่ายหงุดหงิดกระสับกระส่ายก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร กระต่ายเหล่านี้เป็ผลพวงจากการสืบพันธุ์ของกระต่ายป่ามาหลายรุ่น พวกมันโอนอ่อนผ่อนตามกว่ากระต่ายที่เพิ่งจับกลับมามากแล้ว
อาหยวนได้ยินดังนั้นจึงเบาใจลงได้
อาหยวนอยู่เป็เพื่อนพี่น้องสกุลหูทั้งสองคน ไปตรวจสอบแปลงผักที่พวกเขาเริ่มทำขึ้นใหม่ ยังมีพื้นที่ลาดเอียงที่ล้อมขึ้นมาเพื่อปล่อยให้กระต่ายได้เดินเล่นโดยเฉพาะอีกด้วย
อากวงและก่าจือกำลังรดน้ำอยู่ในแปลงผัก เจินจูะเืใจอยู่ข้างใน จึงวิ่งเข้าไปช่วยพวกเขาหิ้วถังน้ำ
ถือโอกาสตอนที่ตักน้ำรดผัก เริ่มแอบผสมน้ำแร่จิติญญาลงไปด้านใน
อากวงเป็เด็กที่พูดไม่ได้ แต่ดวงตากลับดำขลับเป็ประกายวาววับ รูปร่างผอมลีบสวมชุดรัดรูปค่อนข้างยาว เขามองเจินจูที่หิ้วน้ำรดผักอยู่เงียบๆ สงบเสงี่ยมเฉลียวฉลาดจนทำให้เจินจูแสบจมูกไปพักหนึ่ง
ก่าจือเป็เด็กชายที่ขาข้างซ้ายสั้นไป่หนึ่งั้แ่กำเนิด รูปร่างเตี้ยกว่าอากวงไปสองส่วน นิสัยเก็บกดและน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเอง แม้พูดจาได้แต่เปิดปากพูดน้อยมาก
ข้างกายพวกเขายังมีเด็กสาวอายุสี่ปีอยู่ด้วย นามว่าอาเฉ่า บนคอมีแผลน้ำร้อนลวกใหญ่เด่นชัดมากอยู่หนึ่งแผล
เด็กเหล่านี้ เพราะมีข้อบกพร่องต่างๆ จึงถูกญาติพี่น้องทอดทิ้ง แต่มีชีวิตอยู่อย่างเด็ดเดี่ยวภายใต้การคุ้มครองของผู้เฒ่าติง
เจินจูแนะนำพวกเขาให้ผิงอันรู้จักด้วยความจริงจัง
ผิงอันเป็เด็กจิตใจมีเมตตา และเตรียมตัวล่วงหน้ามาดีแล้ว ด้วยเหตุนี้พอเห็นพวกเขาจึงไม่ได้ใอะไรมาก แถมยังทักทายอย่างเอียงอายรักใคร่ฉันมิตรด้วย
มิตรภาพระหว่างเด็กๆ นั้นเรียบง่ายและบริสุทธิ์ ไม่นานพวกเขาก็สามารถเล่นด้วยกันได้
พวกเขาที่เดินทางมาทั้งหมดไม่ได้หยุดอยู่นานเกินไป หลังพาอาจารย์ฟางและอาชิงไปส่งถึงโรงหมอ พวกเขาสามคนยังต้องซื้อของขวัญแต่ละชนิดสำหรับวันไหว้พระจันทร์ในเขตอำเภอกลับไปอีก
ขนมไหว้พระจันทร์ ผลไม้เชื่อม เกาเตี่ยน ผลไม้สด เครื่องดื่มอื่นๆ และยังมีผ้าต่างๆ นานา นอกจากผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีเรียบเหมือนเช่นเคยแล้ว เจินจูยังซื้อแพรต่วนสีเรียบและแพรต่วนลายดอกที่ราคาค่อนข้างสูงกว่าผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดกลับไปด้วย
ผิงอันมาถึงเมืองที่เป็อำเภอครั้งแรก ใบหน้าเต็มไปด้วยความสนใจ มองไปที่ไหนล้วนรู้สึกแปลกใหม่ไปหมด รวมกับเจินจูซื้ออาหารว่างจุกจิกให้เขาตลอดทางไม่น้อย เขามีความสุขจนเดินไปด้วยทานไปด้วยตลอดทาง
กลับมาถึงบ้าน เจินจูก็เริ่มหารือกับหลี่ซื่อเื่ของขวัญที่จะให้ทุกคน
ปีที่แล้วๆ มาที่บ้านลำบากยากแค้น ของขวัญเ่าั้ส่วนใหญ่ทำอย่างขอไปที ข้าวยังทานกันไม่พอจะเอาเงินสำรองที่ไหนมาจัดซื้อของขวัญวันเทศกาล
ตอนนี้ชีวิตความเป็อยู่ผ่านไปได้ด้วยดีแล้ว ย่อมไม่สามารถละเว้นไปได้
พวกเขาแค่จำเป็ต้องมอบของขวัญให้ผู้าุโ ดังนั้นเลยง่ายดายอย่างมาก หนึ่ง... คือครอบครัวท่านปู่ใหญ่หวังหงเซิง และสอง... คือสามีภรรยาชราสองคนที่บ้านเก่าสกุลหู
ของขวัญสำหรับบ้านเก่าว่ากันอย่างง่ายดาย เพียงเลือกของสำเร็จรูปแยกออกหนึ่งตะกร้าแล้วหิ้วไปก็ได้แล้ว
ส่วนครอบครัวท่านปู่ใหญ่ ยังต้องถามหวังซื่อก่อน ดูว่าทั้งสองบ้านจะเป็ผู้ใดที่เป็ตัวแทนออกไปสักหน
ในเย็นวันนั้น หลังจากทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ หูฉางกุ้ยกับผิงอันก็หิ้วของไปที่บ้านเก่าหนึ่งรอบ
เจินจูกับหลี่ซื่อแบ่งของขวัญสำหรับคนงานต่อ ขนมไหว้พระจันทร์หนึ่งกล่อง ขนมจุกจิกหนึ่งห่อ ผลไม้เชื่อมหนึ่งห่อและผลไม้สดหนึ่งตะกร้า ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดกับผ้าต่วนเรียบตัดแบ่งตามเพศและลักษณะรูปร่างไว้เรียบร้อย
เทศกาลวันไหว้พระจันทร์ ั้แ่ไหนแต่ไรมาเป็เทศกาลดั้งเดิมที่คนทั้งครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
เป็ครั้งแรกที่สกุลหูได้ฉลองเทศกาลวันไหว้พระจันทร์อย่างอุดมสมบูรณ์และมั่งคั่ง ไม่ต้องกังวลใจว่าเสบียงอาหารในโอ่งในไหจะไม่เพียงพอ หรือเงินในถุงจะว่างเปล่า และยังไม่ต้องกังวลใจว่าจะเกิดการเจ็บป่วยที่ทรมานพวกเด็กๆ ให้ได้รับความเ็ปอีกด้วย
หูฉางกุ้ยในใจตื่นเต้นหวั่นไหวจริงๆ
ไหว้พระจันทร์ปีที่แล้ว การเก็บเกี่ยวของที่บ้านไม่ดีและผิงอันยังมีไข้เล็กน้อยด้วย เมื่อเขาไปเอายาสมุนไพรมาต้ม ที่บ้านก็เหลือเงินอยู่ไม่กี่เหวินแล้ว
หลังเร่งเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงเสร็จสิ้นไป ก็ติดตามหลิ่วฉางผิงไปหางานทำชั่วคราวใกล้เมืองโดยไม่ได้หยุดพัก เพื่อให้สามารถรวบรวมเงินเล็กน้อยก่อนฉลองปีใหม่ได้ และเพื่อคืนหนี้สินของที่บ้านด้วย
เวลาหนึ่งปีคล้ายกับแยกจากกันชั่วชีวิตก็ไม่ปาน และที่บ้านยังเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินอีก
มีบางครั้งที่หูฉางกุ้ยตื่นขึ้นมาจากฝัน และรู้สึกว่าตอนนี้ชีวิตความเป็อยู่ของตนเองไม่ใช่อยู่ในความฝัน
ห่อของขวัญใหญ่โตของสกุลหู ใช้เวลาสองวันล้วนส่งไปถึงในมือคน
จ้าวหงยู่ใช้สองมือถือของขวัญหนึ่งห่อใหญ่ กลับไปถึงบ้านอย่างมึนงง
“โธ่เอ๋ย หงยู่ ทำไมเ้าก็หอบของหนึ่งห่อใหญ่เพียงนี้กลับมาด้วยล่ะ?” พานซื่อเข้าไปช่วย จ้าวหงซานก็ให้ติงซื่อหอบของหนึ่งห่อใหญ่กลับมาแต่เช้าด้วยเช่นกัน
“อื้ม เป็ของขวัญที่สกุลหูมอบให้ บอกว่าทุกคนที่ลงนามสัญญาล้วนได้กันทั้งหมดเ้าค่ะ” จ้าวหงยู่วางของในมือลง
ติงซื่ออุ้มบุตรสาวตัวเล็กแล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจ “สกุลหูเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จริงๆ ท่านแม่ ท่านดูสิ ผ้าสองชิ้นนี้ดีมากเลย ผ้าต่วนเรียบสีดอกบัวชิ้นนั้นสวยมาก ดูเรียบร้อยและสวยงามอย่างเรียบๆ น้องสาวตัดชุดเป้ยจื่อ [1] สวมใส่ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงหนึ่งชุดได้เหมาะพอดีเลย”
พานซื่อกอบผ้าต่วนสีเรียบชิ้นนั้นขึ้น ผ้าเป็มันและอ่อนนุ่ม คุณสมบัติผ้าเบาบาง เหมาะกับการทำชุดเป้ยจื่อจริงๆ
“หงซานก็ได้รับผ้าสองชิ้นเช่นกัน สีเทาเข้มหนึ่งชิ้นสีม่วงแก่อมแดงหนึ่งชิ้น ล้วนเป็ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดระดับสูงทั้งสิ้น ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีม่วงแก่อมแดงชิ้นนั้น เ้าหยิบไปทำเสื้อผ้าสักชุดเองเถอะ ปีนี้เพราะเื่ของหงยู่เ้าเลยได้รับความทุกข์ยากตามไปด้วย” เพื่อให้จ้าวหงยู่สามารถหย่าได้ ครอบครัวพวกเขาไม่เพียงเอาทรัพย์สินในบ้านออกมาจนเกลี้ยง และยังยืมหนี้สินจากภายนอกมาไม่น้อย หากเป็ลูกสะใภ้ของครอบครัวไหน ในใจล้วนแล้วแต่ไม่ยินดีอย่างแน่นอน
ติงซื่อนิสัยนุ่มนวลและอ่อนโยน ตอนแรกที่หงซานหารือกับนาง แม้นางจะลังเลอยู่เล็กน้อยแต่สุดท้ายก็พยักหน้ายินยอม
“ท่านแม่ ดูท่านกล่าวเข้าสิ ข้าเห็นน้องสาวได้รับความทุกข์อยู่ตลอดหากตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ขมสิ้นหวานตาม [2] เซียงกงกับน้องสาวต่างก็อยู่ช่วยบ้านสกุลหู ทุกปีสามารถเก็บสะสมเงินเล็กน้อยได้ หนี้ของครอบครัวเราไม่นานก็คืนได้หมดแล้วเ้าค่ะ” ติงซื่อกล่าว หางตาเปียกชุ่มเล็กน้อย
“อื้ม ต้องดีขึ้นได้แน่นอน” พานซื่อก็เบ้าตาแดงรื้นไปด้วย
จ้าวหงยู่เดินมาข้างหน้าโอบกอดมารดาของนางไว้ น้ำตาหลั่งรินด้วยความเ็ปใจ
ใช่แล้ว... ต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
เชิงอรรถ
[1] ชุดเป้ยจื่อ คือ ชุดของสตรียุคโบราณ ลักษณะเหมือนกับเสื้อกั๊กตัวยาว
[2] ขมสิ้นหวานตาม หมายถึง รสขมมลายสิ้นไปแล้วเกิดความรู้สึกมีรสหวานตามมา ซึ่งอุปมาถึงต้นร้ายปลายดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้