ต้องบอกว่าคำพูดของเยวี่ยเจาหรานนั้นดึงดูดความสนใจและการให้ความสำคัญของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจริงๆ ถึงอย่างไรแต่ละเื่แต่ละอย่างก็ล้วนเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของคนทุกผู้ในจวนเยี่ยน หากให้เื่ถึงเบื้องบน ทุกรายละเอียดห้ามมีความผิดพลาดทั้งสิ้น
รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ หากในใจของสวี่ชิวเยวี่ยนั้นซุกซ่อนความคิดสกปรกสุดหยั่ง กระทั่งคิดที่จะกลายเป็ผู้ถือคมดาบก่อพายุแห่งคาวเืขึ้นมาในจวนเยี่ยน เช่นนั้นทุกอย่างก็น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งจริงๆ เป็ความน่ากลัวขนาดที่สามารถคุกคามชีวิตคนของทั้งสองตระกูลได้เลย
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วตกสู่ความเงียบงันท่ามกลางคำพูดของเยวี่ยเจาหราน ครั้งนี้ นางไม่คิดว่าหายนะที่สวี่ชิวเยวี่ยนำมาเกี่ยวข้องเพียงกับเยวี่ยเจาหรานเท่านั้นอีกต่อ แต่ยังเกี่ยวพันเชื่อมโยงไปเป็วงกว้าง
“เช่นนั้นเ้าว่า เราควรจะทำเช่นไร...” ในที่สุดเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็เงยหน้าขึ้นมาหลังจากนิ่งเงียบ นางมองไปยังเยวี่ยเจาหรานที่สีหน้าไม่ค่อยดีนักเช่นเดียวกัน ยังคงเอ่ยถามเช่นนั้น และคาดหวังว่าจะสามารถหาวิธีการที่เหมาะสมร่วมกันกับเยวี่ยเจาหราน เพื่อมาหยุดยั้งไม่ให้เกิดเื่เลวร้ายน่าสะพรึงเ่าั้
แม้จะบอกว่าทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับภยันตราย เยวี่ยเจาหรานล้วนสามารถคำนวณได้อย่างชาญฉลาด และหาวิธีที่เหมาะสมมาแก้ไขได้ แต่ครั้งนี้ เยวี่ยเจาหรานเองก็ได้แต่ถอนหายใจยาวเหยียดเป็คำตอบ “เื่นี้ รับมือยากนัก” นิ้วเรียวยาวของเยวี่ยเจาหรานงอเข้าเล็กน้อย เคาะลงบนโต๊ะไม่หยุดอย่างเป็จังหวะ ผ่านไปครู่ใหญ่ จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ข้อแรก หากสวี่ชิวเยวี่ยเป็คนที่แม่เ้าจัดเตรียมมาด้วยตัวเอง พวกเราไม่อาจไม่รักษาหน้าของนายหญิงแห่งจวนเยี่ยนได้”
ที่เยวี่ยเจาหรานพูดนั้นก็มีเหตุผล เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพยักหน้า ในใจก็มีความคิดของตัวเองขึ้นบ้างแล้ว ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ความสัมพันธ์ระหว่างสวี่ชิวเยวี่ยและท่านแม่ ก็นับว่ายากอยู่ไม่น้อยที่จะแก้ไขความวุ่นวายนี้
“อย่างที่สอง สวี่ชิวเยวี่ยยามนี้แม้จะมีความผิดพลาดเล็กๆ อยู่บ้าง แต่สุดท้ายไม่ว่าจะเป็ปัญหาใหญ่แค่ไหน เพื่อเห็นแก่ฐานะของมารดานาง แม่กับพ่อของเ้าก็ไม่อาจถือสาหาความได้มากมายนัก” เยวี่ยเจาหรานขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยเช่นนั้น
“ที่เ้าพูดก็มีเหตุผล มารดาของสวี่ชิวเยวี่ยแม้จะเป็เพียงน้องสาวคนละแม่ของท่านแม่ข้า แต่พวกนางสองคนก็เติบโตมาด้วยกันั้แ่เด็ก ความสัมพันธ์ไม่เรียกว่าย่ำแย่ เพื่อเห็นแก่หน้าของนาง ท่านแม่ข้าจึงไม่อาจทำอะไรสวี่ชิวเยวี่ย ยิ่งกว่านั้นั้แ่สวี่ชิวเยวี่ยมายังจวนเยี่ยน ก็ไม่ได้มีจุดใดที่สามารถตำหนิได้เลย แล้วทำอย่างไรจึงจะทำให้ออกไปจากจวนเยี่ยนอย่างราบรื่นตามแผนได้กัน?”
สวี่ชิวเยวี่ยเป็ผู้หญิงที่ฉลาดคนหนึ่ง ทั้งยังมีฮูหยินเยี่ยนถือหาง เป็การยากที่จะสั่นคลอนตำแหน่งของนางในจวนเยี่ยนได้จริงๆ
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดมือของเยวี่ยเจาหรานที่เคาะอยู่บนโต๊ะไม่หยุดก็หยุดนิ่งลง “หากจะลงมือจากความผิดพลาดของนาง เกรงว่าคงเป็ไปไม่ได้มากนัก แต่หากในเื่อันน่ายินดี พวกเราสามารถเอามาไล่ต้อนได้”
“เื่น่ายินดี? เื่น่ายินดีอะไร?” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วขยับตัวเข้าไปข้างหน้าด้วยความสงสัยใคร่รู้ อยากจะฟังเยวี่ยเจาหรานรีบพูดความคิดของตนออกมาเร็วๆ
เยวี่ยเจาหรานครุ่นคิดอีกเล็กน้อย จนเมื่อแน่ใจประมาณหนึ่งแล้วก็เอ่ยออกมา “เื่อันน่ายินดี แน่นอนว่าต้องเป็เื่น่ายินดีของสวี่ชิวเยวี่ย เ้าคิดดูสิ สวี่ชิวเยวี่ยมาที่จวนเยี่ยน ก็เพื่อที่จะแต่งเป็กุ้ยเชี่ยของพี่ชายเ้า แต่พี่ชายของเ้ายามนี้ไม่ได้อยู่ที่จวน ข้าคะเนว่าแม่ของเ้าเองก็ยากจะยอมเสี่ยงถูกค้นพบความลับ ยอมให้สวี่ชิวเยวี่ยแต่งกับเ้าจริงๆ”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพยักหน้าตามคำพูดของเขาไปด้วย จากนั้นเยวี่ยเจาหรานก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “อันคำเรียกว่ากุ้ยเชี่ย ก็เป็เพียงอนุผู้หนึ่ง ต่อให้จวนเยี่ยนของเ้าจะเป็ตระกูลใหญ่มียศศักดิ์ แต่เมื่อพูดออกไปก็มิได้น่าฟังนักไม่ใช่หรือ? สู้ให้พวกเราช่วยหาใครอื่นที่ดีกว่า มาแต่งงานกับเปี่ยวเม่ยตัวน้อยของเ้าผู้นี้เสีย ไม่แน่ว่านางอาจจับพลัดจับผลูได้เป็ฮูหยินจริงๆ ก็ได้ เมื่อเป็เช่นนี้แล้ว นางเองก็ถือว่าได้สมหวังดังใจ การจะออกไปจากจวนเยี่ยนก็กลายเป็เื่ที่ดำเนินราบรื่นแล้วไม่ใช่หรือ?”
“เอ๊ะ! ความคิดนี้ของเ้าไม่เลวเลย! หากสามารถหาบ้านสามีที่ดีกว่าให้เปี่ยวเม่ยชิวเยวี่ยได้ นางจะต้องดีใจแน่ เมื่อเป็เช่นนี้ ท่านแม่เองก็มีคำอธิบายกับท่านน้าที่เป็น้องสาวคนละแม่ผู้นั้นที่เจียงหนานด้วย เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ !” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยังฟังไม่ทันจบ ก็เริ่มปรบมือโห่ร้องชอบใจขึ้นมา สีหน้าเองก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย
เยวี่ยเจาหรานโบกมือ สื่อว่าให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่าเพิ่งรีบดีใจเกินไป “แม้วิธีการนี้จะดี แต่ตัวเลือกของบ้านสามีนั้นกลับต้องเลือกเฟ้นให้ดี อย่างแรกฐานะเดิมของสวี่ชิวเยวี่ยไม่ได้สูงนัก บ้านเดิมของนางก็อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง... หากจะให้นางเป็อนุภรรยาของตระกูลอื่น น่ากลัวว่านางคงเกาะติดอยู่กับพี่ชายเ้าไม่ยอมไปไหนแน่ ถึงอย่างไรในตระกูลเยี่ยน ต่อให้เป็อนุก็ยังเหนือกว่าอนุของลูกหลานตระกูลขุนนางอยู่บ้าง ดังนั้นเราจะต้องคัดสรรตัวเลือกให้ดี เพื่อไม่ให้เปี่ยวเม่ยของเ้าคว้าน้ำเหลว...”
หากหาอยู่ในเมืองหลวง ทายาทที่ถึงวัยและยังไม่ได้แต่งงานก็มีไม่น้อย เพียงแต่จะทำให้สวี่ชิวเยวี่ยสตรีผู้เย่อหยิ่งถือตนสูงส่งเช่นนี้พึงใจ ทั้งต้องเป็ผู้ที่ไม่รังเกียจเหยียดหยามชาติตระกูลของสวี่ชิวเยวี่ยอีกด้วย ไม่ใช่งานง่ายเลยจริงๆ ครุ่นคิดอยู่สักพัก เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ตบโต๊ะอย่างโมโหโกรธา “ข้าคิดไม่ออก! ผู้คนในเมืองหลวงนี้ ข้าล้วนไม่คุ้นเคย ปวดหัวจะแย่แล้ว!”
เยวี่ยเจาหรานฟังออกถึงความหงุดหงิดร้อนใจในคำพูดของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว จึงไม่ได้บีบคั้นอะไรมากไปกว่านี้ ถึงอย่างไรเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเองก็เพิ่งลงจากเขากลับเมืองหลวงได้ไม่นาน จะไม่รู้เื่ตระกูลขุนนางในเมืองหลวงมากนักก็เป็เื่ที่เข้าใจได้ ด้วยเหตุนี้เยวี่ยเจาหรานจึงคร้านจะถือสาอะไรกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว เขาเพียงแค่ก้มหน้าก้มตาใคร่ครวญอย่างเงียบๆ ผ่านไปพักใหญ่ จึงยกมือขึ้น เอ่ยกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว “ไป หยิบกระดาษพู่กันมาให้ข้า วันนี้ข้าจะเป็ผู้เฒ่าจันทรา [1] สักครั้ง ช่วยเปี่ยวเม่ยของเ้าเลือกเฟ้นสามีในอนาคตอย่างดี!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเมื่อไม่จำเป็ต้องใช้สมองมาก เพียงแค่เป็ธุระทำเื่เล็กๆ น้อยๆ ให้นิดหน่อย ย่อมสบายอกสบายใจผ่อนคลายสุขใจยิ่งนัก ดังนั้นนางจึงตอบรับอย่างรวดเร็ว พริบตาก็ได้หยิบพู่กันหมึกกระดาษและจานฝนหมึกสมบัติทั้งสี่แห่งห้องหนังสือที่อยู่บนโต๊ะหนังสือในห้องมาให้เยวี่ยเจาหราน วางลงบนโต๊ะส่งเสียงกังวาน แล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เร็วเข้าๆ เขียนออกมาให้ข้าดู จะเป็ลูกผู้ลากมากดีเช่นไรบ้าง”
“เฮ้ย เ้าคิดจะให้เปี่ยวเม่ยของเ้าแต่งกับลูกผู้ดีเช่นนั้นหรือ?” เยวี่ยเจาหรานเบะปากใส่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างเยาะเย้ยถากถาง แล้วจึงยกพู่กันค่อยๆ จรดลงบนหน้ากระดาษ “เช่นนั้นข้าเห็นว่า เ้าก็เป็ลูกผู้ดีคนหนึ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเมืองหลวงแห่งนี้ หากเ้ายอม ข้าจะรีบสละสิทธิ์หลีกทางให้เปี่ยวเม่ยของเ้าได้เห็นว่าลูกผู้ดีอันดับหนึ่งนั้นเป็เช่นไร”
ทั้งสองพูดคุยหยอกล้อกันครู่หนึ่ง บนหน้ากระดาษเองก็มีรายชื่อเพิ่มขึ้นมาสองสามคนแล้ว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอียงหัวมอง ชี้ไปยังหนึ่งในนั้นแล้วเอ่ยถาม “รองราชเลขาธิการผู้นี้ก็เป็ขุนนางใหญ่ บุตรชายของเขาจะแต่งหญิงสาวตระกูลเล็กๆ เป็ภรรยาเอกหรือ? ที่เ้าเขียนมานี่เชื่อถือได้หรือไม่?”
“โธ่เอ๊ย เ้านี่ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย ถึงรองราชเลขาธิการจะไม่ใช่ขุนนางผู้น้อย แต่บุตรชายคนที่สองของเขาผู้นี้เป็ลูกอนุ แม้จะได้รับความรักจากบิดามาก แต่ถึงอย่างไรสถานะนี้ก็ยังเทียบไม่ได้กับลูกชายคนโตที่เกิดจากภรรยาหลวงได้ ตัวเขาเองก็รู้ว่าฐานะของตนไม่อาจเทียบพี่ชาย ย่อมคิดอยากจะหาทางอยู่สูงกว่าคนอื่น แต่เพราะเขาเกิดมาจากอนุ จึงไม่เคยอยู่ในสายตาของสตรีสูงศักดิ์เลย หากสามารถสร้างเส้นสายกับตระกูลของเ้าผ่านสวี่ชิวเยวี่ยได้ เขาเองก็นับว่าได้กำไรไม่น้อยทีเดียว”
เยวี่ยเจาหรานพูดจาน่าฟังมีเหตุผล แต่กลับไม่ทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วรู้สึกชื่นชมขึ้นมา “เฮ้ยๆ นั่นมันท่านอ๋องแปดนะ? เขามีพระชายาแล้วนี่นา เ้าคงไม่ได้คิดจะให้ข้าไปสังหารพระชายาใช่หรือไม่? เื่นั้นข้าทำไม่ได้หรอกนะ...”
เยวี่ยเจาหรานมองท่าทางโง่เง่าเต่าตุ่นของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ก็ได้แต่อยากหัวเราะ “เอื้อมไม่ถึงพระชายาหรอก ได้เป็แต่งเป็อนุก็เพียงพอแล้ว ยิ่งกว่านั้นใครๆ ต่างก็พูดว่ามารดาของอ๋องแปดได้รับการเอาอกเอาใจ ทั้งยังเป็ภรรยาเอก บางทีอาจได้ขึ้นครองบัลลังก์ หากเป็เช่นนั้น เปี่ยวเม่ยของเ้าเองก็นับว่าได้เข้าหาว่าที่กษัตริย์ ยังกังวลว่าวันข้างหน้าจะไม่ได้อยู่ดีกินดีอีกหรือ?”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพยักหน้าตามอีกครั้ง ยกนิ้วโป้งให้กับเยวี่ยเจาหรานอย่างอดไม่ได้
เชิงอรรถ
[1] ผู้เฒ่าจันทรา (月下老人) คือเทพพ่อสื่อ หรือเทพผู้ดลบันดาลความรักและการแต่งงานครองคู่ในตำนานของจีน รูปลักษณ์เป็ชายชราถือไม้เท้า มีสมุดบัญชีและเชือกวิเศษสีแดงเป็ของประจำตัว โดยหากท่านนำเชือกแดงไปผูกไว้กับชายหญิงคู่ใด คู่นั้นก็จะได้ครองรักกันในที่สุด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้