ซูจิ่นซีหันศีรษะไป เห็นสตรีสองนางที่สวมเสื้อผ้าหรูหราสง่างาม
สตรีผู้สง่างาม สุภาพ รัศมีสูงศักดิ์ นางสวมผ้านุ่งยาวสีกลีบบัวลักษณะบุคลิกเลิศเลอดูเหมือนว่าจะเป็คุณหนูที่มีการศึกษาสูงจากตระกูลขุนนางใดสักแห่ง นางคือคนที่พูดว่าขวดน้ำหอมนั่นจะต้องเป็ของตน
อีกท่านหนึ่งเป็สตรีที่ดูร่ำรวย มีเกียรติ มีปัญญา นางสวมชุดกระโปรงปักลายเมฆสีทองแม้นางจะดูมีอายุพอๆ กับซูจิ่นซี ซึ่งมีอายุเพียงสิบห้าหรือสิบหกปีเท่านั้น ทว่ากลับเปี่ยมไปด้วยพลังหว่างคิ้วแสดงท่วงท่าเหนือกว่าผู้คนทั่วไป ซูจิ่นซีเดาว่าบุคคลผู้นี้อาจมาจากในวังหากมิใช่จวิ้นจู่ก็คงเป็องค์หญิง
ซูจิ่นซีมองไปด้านหลังสตรีสองนางนั้น พลางหรี่ตาลงทันที
ร่างที่ตามมาด้านหลังนั้น คาดไม่ถึงว่าจะเป็เยี่ยเซิน
ชั่วพริบตา ความรู้สึกภายในใจของซูจิ่นซีก็ราวกับใส่รองเท้าใหม่แล้วเหยียบเข้ากับอุจจาระสุนัข
“น้ำหอมขวดนี้พวกข้าซื้อแล้ว ห่อให้คุณหนูฮั่วด้วย”
เยี่ยเซินทำเหมือนมองไม่เห็นซูจิ่นซี เขาโยนตั๋วเงินปึกหนึ่งไว้บนโต๊ะคิดเงินฟุ่มเฟือยเป็อย่างยิ่ง
คุณหนูฮั่ว?
สมัยนี้ในท้องพระโรงราชสำนักมีเพียงจวนสกุลฮั่วเดียวเท่านั้น นั่นก็คือจวนของแม่ทัพกองกำลังทหารม้าที่สร้างความดีความชอบรบชนะไปพร้อมกับกษัตริย์ถึงสามพระองค์
ในคราแรกที่ซูจิ่นซีพึ่งข้ามภพมา นางก็เข้าใจสถานการณ์ของตนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้โดยคร่าวๆบ้างแล้ว
ตอนแรกที่เยี่ยเซินยกเลิกพิธีหมั้น นอกเหนือจากเหตุผลที่ใบหน้าของซูจิ่นซีนั้นน่ารังเกียจและโง่เขลาแล้วยังมีอีกเหตุผลที่ใหญ่ที่สุด นั่นคือเขาชอบคุณหนูฮั่วอวี้เจียวของสกุลฮั่ว
ซูจิ่นซีตั้งใจมองสตรีที่สวมชุดกระโปรงยาวสีกลีบบัวท่านนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน
หากนางเดาไม่ผิด บุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้านางตอนนี้ก็คือฮั่วอวี้เจียว
“ได้เ้าค่ะ พวกท่านโปรดรอสักครู่เ้าค่ะ! ”
พนักงานสาวที่ยืนอยู่ด้านข้างกำลังจะหยิบตั๋วเงินที่เยี่ยเซินโยนไว้บนโต๊ะทันใดนั้นฮั่วอวี้เจียวก็เปิดปากพูดหยุดการกระทำของพนักงานสาวทันที “ช้าก่อน! ไท่จื่อเพคะ น้ำหอมขวดนี้เป็หม่อมฉันที่ชอบควรเป็จวนฮั่วที่จ่ายเงิน เมื่อห่อของแล้ว หม่อมฉันจะเขียนข้อความให้กลับไปเก็บเงินที่จวนสกุลฮั่ว”
“ทำเช่นนี้ได้อย่างไร? ในเมื่อคุณหนูฮั่วออกมากับข้า ข้าจะยอมให้คุณหนูฮั่วออกเงินอย่างนั้นหรือ?ใช้เงินของข้าเถิด! ”
“ไท่จื่อ เงินเล็กน้อยแค่นี้ พวกเราสกุลฮั่วจ่ายได้อยู่แล้วเพคะ! ”
สามารถมองออกได้อย่างทันทีว่า แท้จริงแล้วคุณหนูฮั่วท่านนี้ไม่้าตอบรับความรู้สึกของเยี่ยเซินทว่าเยี่ยเซินก็ยังยืนยันที่จะมอบให้
แม้แต่ไท่จื่อยังไม่เข้าตา ดูแล้วความคิดจิตใจของคุณหนูฮั่วท่านนี้จะสูงส่งมาก! บุรุษแบบใดกันที่สามารถเป็ที่ต้องตาของนางได้?
“คุณหนูฮั่ว ท่านอย่าเถียงกับข้าเลย น้ำหอมชนิดนี้ ในโลกใบนี้มีเพียงสตรีเช่นท่านจึงจะคู่ควรใช้มันหากนำไปใช้บนร่างกายของผู้อื่นคงเสียของเปล่า มันเป็น้ำใจของข้า คุณหนูฮั่ว เ้าอย่าปฏิเสธเลย”
เยี่ยเซินกล่าว ทันใดนั้นก็เหลือบมองซูจิ่นซีด้วยความดูถูก
ชั่วเอ้ย!
ที่แท้ตาสุนัข [1] ของเยี่ยเซินก็ไม่ได้บอดนี่นา!
คาดไม่ถึงว่าจะมองเห็นซูจิ่นซีที่ยืนอยู่อีกด้าน
ไม่เพียงมองเห็นเท่านั้น ยังสามารถพูดตีวัวกระทบคราด [2] ซูจิ่นซีได้ในเวลาเดียวกัน
เดิมทีซูจิ่นซีก็ไม่ได้ตั้งใจซื้อน้ำหอมขวดนั้นอยู่แล้วอย่างไรเสียปัจจุบันนางยังอาศัยอยู่ใต้ชายคาผู้อื่น ไม่ได้มีเงินมากมายเพียงนั้นั้แ่ไหนแต่ไรมา
ทว่าตอนนี้... น้ำหอมขวดนี้นางจะต้องได้มาแน่นอน
“คุณหนูท่านนี้ เหมือนท่านจะพูดผิดกระมัง? น้ำหอมขวดนี้เป็ข้าที่ชอบมันก่อนเื่นี้ต้องเรียงลำดับก่อนหลังสิ”
ซูจิ่นซีกล่าวอย่างหนักแน่น
“เ้านับเป็สิ่งใดกัน? ”
ฮั่วอวี้เจียวยังไม่ทันได้พูด ทว่าสตรีที่มีลักษณะบุคลิกร่ำรวยที่ยืนอยู่ข้างนางกลับแสดงนิสัยดูถูกผู้อื่นทั้งที่ไม่มองซูจิ่นซีด้วยซ้ำ
“คุณหนูฮั่ว ท่านว่าอย่างไรเ้าคะ? ”
ซูจิ่นซีไม่ได้สนใจนางเลย ทำเพียงเอ่ยปากหารือโดยตรงกับฮั่วอวี้เจียว
สตรีผู้นั้นหันศีรษะมามองด้วยความโกรธ นางจ้องไปยังซูจิ่นซี “กล้านัก ข้ากำลังคุยกับเ้าอยู่นะ คาดไม่ถึงว่าเ้าจะทำเป็หูทวนลม”
มุมปากของซูจิ่นซียิ้มอ่อนโยน ชี้นิ้วมาที่ตนเอง “ที่แท้เ้ากำลังคุยกับข้าหรือนี่? ข้าคิดว่าแม่นางกำลังพูดพึมพำกับตนเองเสียอีก?ในเมื่อกำลังคุยกับข้า แม่นางก็ควรมองข้าใช่หรือไม่? มิเช่นนั้นผู้อื่นจะเข้าใจผิดว่าท่านเป็ตากุ้งยิงนะ! ”
“เ้า... ”
สตรีผู้นั้นโกรธมาก ดวงตาทั้งสองข้างของนางลุกเป็ไฟด้วยความโกรธในชั่วพริบตา
คำว่า “เ้า” พึ่งออกมาจากปากทว่าซูจิ่นซีก็ไม่ให้โอกาสนางพูดต่อ “ยังมีอีกอย่างแม่นาง ข้าไม่ได้ชื่อว่าสิ่งใด ชื่อของข้าคือซูจิ่นซี! ”
ซูจิ่นซีจงใจเน้นน้ำหนักทั้งสามคำในชื่อของนางด้วยเสียงอันดังอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อได้ยิน ‘ซูจิ่นซี’ สามคำนี้ สตรีนางนั้นก็ระงับความโกรธของตนในทันที ไม่ใช่ว่านางกลัวซูจิ่นซีทว่านางกำลังเปลี่ยนมาแสดงท่าทีหยิ่งยโสในตนเอง
“อย่างนั้นหรือ? ที่แท้เ้าก็เป็ซูจิ่นซี!” สตรีนางนั้นมองซูจิ่นซีอีกครั้งั้แ่หัวจรดเท้า “เช่นนั้นรู้หรือไม่ว่าข้าเป็ผู้ใด? ”
ในเมื่อสตรีที่อยู่ด้านหน้าเรียกแทนตัวเองว่าข้าตามที่ซูจิ่นซีได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ นางคงมีฐานะเป็องค์หญิง ตอนนี้มีองค์หญิงเพียงสองพระองค์ในแวดวงชั้นสูงหนึ่งคือน้องสาวของฮ่องเต้ ‘องค์หญิงจิ้งเหอ’ องค์หญิงองค์โตในปัจจุบัน และอีกผู้หนึ่งคือพระราชธิดาของฮองเฮา ‘องค์หญิงหวาหรง’
ซูจิ่นซีสังเกตว่าสตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้าอายุพอๆ กับฮั่วอวี้เจียว แน่นอนว่านางไม่ใช่องค์หญิงจิ้งเหอทว่าเป็องค์หญิงหวาหรง พระราชธิดาของฮองเฮา
ดังนั้นซูจิ่นซีจึงพูดสิ่งที่ตนเองเดาออกมา
เมื่อองค์หญิงหวาหรงได้ยินคำพูดของซูจิ่นซีก็โกรธขึ้นมาในทันที “ซูจิ่นซี เ้ากล้ามากนะ”
ในเมื่อรู้ว่าตนเป็ถึงองค์หญิง คาดไม่ถึงว่าจะจองหองพองขนเช่นนี้ซูจิ่นซีผู้นี้เหมือนกับที่เขาว่ากันไว้ นางช่างไม่รู้เื่ราวอันใดเลยไม่เข้าใจเสด็จอาโยวอ๋องเสียจริง เพราะเหตุใดจึงชอบสตรีเช่นนี้
“หวาหรง ตามหลักาุโแล้ว เ้าควรนับถือข้าเป็อาสะใภ้จึงจะถูกต้อง หากเ้าเรียกชื่ออาสะใภ้โดยตรงจะถูกลงโทษได้นะหากไม่เชื่อ เ้าก็ลองถามเสด็จพี่ไท่จื่อของเ้าดูสิ”
ซูจิ่นซีพูดด้วยน้ำเสียงอย่างรุ่นพี่สอนรุ่นน้อง แม้ใบหน้าของนางจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มทว่าน้ำเสียงกลับร้ายกาจ น่าเสียดายที่องค์หญิงหวาหรงตอนนี้ถูกทำให้โกรธจนไม่มีสติเสียแล้วนางจึงไม่ได้สังเกตถึงความแตกต่างของซูจิ่นซีโดยสิ้นเชิง
“ถุย! ” องค์หญิงหวาหรงถ่มน้ำลายใส่หน้าซูจิ่นซี “ซูจิ่นซี เ้ามันช่างไร้ยางอายเสียจริง! ผู้ใดจะรู้ว่าเ้าเกลี้ยกล่อมเสด็จอาของข้าอย่างไรแล้วยังมีหน้ามาให้ข้าเรียกเ้าว่าอาสะใภ้ เ้าคู่ควรหรือ? เ้าไม่ออกไปตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตนเองเสียบ้างเล่าดูสิว่าเ้ามีสิ่งใดที่คู่ควรกับเสด็จอาโยวอ๋องของข้าบ้างหรือไม่? ”
ในเวลานี้หวาหรงไม่มีภาพลักษณ์อันสูงส่งในฐานะองค์หญิงหลงเหลืออยู่เลย นางกลายเป็สตรีปากตลาดในชั่วพริบตา
“คุณหนู! ”
ลวี่หลีใมาก นางมิรอช้ารีบเร่งหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดใบหน้าของซูจิ่นซีทันที
โตมาถึงเพียงนี้ ทว่านี่เป็ครั้งแรกที่ซูจิ่นซีโดนถ่มน้ำลายใส่หน้า
แสงในตาของซูจิ่นซีสว่างวาบ สายตาเต็มไปด้วยความเ็า นางเงยหน้าขึ้นมองตรงไปยังหวาหรง
“เ้า... เ้า... ซูจิ่นซี เ้าคิดจะทำสิ่งใด? ”
หวาหรงถูกสายตาของซูจิ่นซีทำให้ใในทันที นางสั่นเทาไปทั่วร่าง
ทว่าซูจิ่นซียังไม่ทันได้ทำอันใด นางหันไปพูดกับพนักงานของจวีเซียงฟาง “นำน้ำหอมไปห่อให้ข้า! ”
“เพคะ! เพคะ! ”
พนักงานเรียกสติกลับมาจากอาการใ แล้วพยักหน้าซ้ำๆ
เมื่อได้ยินว่านางคือซูจิ่นซี พวกเขาต่างก็ตกตะลึง เพียงแต่ไม่ได้ตกตะลึงในตัวซูจิ่นซีทว่าเป็ผู้ที่นางอภิเษกสมรสด้วยอย่างเยี่ยโยวเหยา
ผู้ที่เลื่องลือกันว่าเ็าและไร้ความปรานี
“ช้าก่อน! ”
ฮั่วอวี้เจียวที่ไม่ได้พูดอันใดเลยตลอดเวลาที่ซูจิ่นซีและองค์หญิงหวาหรงสนทนากันทันใดนั้นนางก็เม้มริมฝีปาก เงยหน้าและยืดอกอย่างจงใจเพิ่มความสง่า
“พระชายาโยวอ๋อง น้ำหอมจวีเซียงฟางขวดนี้ขายออกในราคาห้าแสนตำลึงข้าเพิ่มให้อีกหนึ่งแสนตำลึง หากท่าน้าซื้อไปก็ต้องให้ราคาที่สูงกว่านี้ ท่านแน่ใจว่าจะซื้อไปหรือไม่? ”
“ห่อมา! ”
แม้ซูจิ่นซีจะมองไปที่ฮั่วอวี้เจียว ทว่ากลับไม่ได้ตอบคำถามของนาง ทว่าพูดกับพนักงานโดยตรงแทน
แม้ภายนอกฮั่วอวี้เจียวจะมีท่าทีนิ่งสงบ ทว่าภายในนั้นกระวนกระวายใจเป็อย่างมากยิ่งนางมองพนักงานเริ่มบรรจุน้ำหอมให้ซูจิ่นซี ฝ่ามือของนางก็ยิ่งกำเข้าหากันแน่นด้วยความกังวลและโกรธเกรี้ยว
“พระชายาโยวอ๋อง แม้ท่านจะ้า ทว่าท่านจะเอาอันใดมาซื้อได้? ท่านสามารถจ่ายในราคาสูงถึงเพียงนี้ได้หรือ? ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พนักงานที่กำลังห่อของก็หยุดสิ่งที่พวกเขากำลังทำในทันทีและหันไปมองซูจิ่นซี
......
เชิงอรรถ
[1] ตาสุนัข หมายถึง คนที่มองไม่เห็นคุณค่าสิ่งที่ดี สิ่งที่สูงส่ง เปรียบเสมือนสุนัขที่ระดับสายตาไม่สามารถมองได้สูงกว่าหัวของตน
[2] ตีวัวกระทบคราด หมายถึง เหน็บแนม หรือรังควานอีกฝ่ายเพื่อให้กระทบถึงคนที่ตนโกรธแต่ทำอะไรโดยตรงไม่ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้