เสวียนเทียนเป็คนสองชาติภพชาติก่อนแม้ยังไม่ถึงยี่สิบปีดีก็จบชีวิต แต่ก็เคยลิ้มลองรสชาติของหญิงสาวมาบ้างไม่ใช่หนุ่มพรหมจรรย์ ใจกล้ามากกว่าผู้ชายทั่วไปอยู่มาก ถ้าเกิดเป็ผู้ชายธรรมดารู้ว่ามือจับอยู่บนส่วนไหนของไป๋หลิงไหนเลยจะกล้าบีบลงไปอีก เกรงว่าคงชักมือออกแทบไม่ทัน
“เ้า...เ้า เ้า!” ไป๋หลิงแทบจะร้องไห้ออกมา ร้องว่า “ข้าสาบาน ข้าจะไม่หาเื่เ้าอีก จะไม่หาเื่เ้าอีกแน่เ้าปล่อยข้าเร็ว”
ผู้อื่นพูดถึงเพียงนี้แล้วจะล้อเล่นต่อไปก็จะกลายเป็คนกักขฬะจริงๆแม้ว่าร่างกายนุ่มนิ่มของเด็กสาวจะน่าสนใจมากแต่เสวียนเทียนก็รีบปล่อยเนินเนื้อเต็มมือทั้งสองทันที ร่างกายขยับลุกขึ้นยืน
ไป๋หลิงลุกขึ้นมา สองขาหนีบแน่นสองมือกอดเนินเนื้อสองลูกตรงหน้าอกที่ถูกบีบไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้น นางมองเสวียนเทียนต่อว่าเสียงดัง “เ้า...เ้าไร้ศีลธรรม เ้ามันคนสารเลว!”
พูดจบก็หมุนตัววิ่งหนีไป
เสวียนเทียนมองแผ่นหลังในชุดขาวของเด็กสาวเลือนหายไปสุดสายตายักไหล่อย่างขอไปที ยกสองมือขึ้นบีบกำความว่างเปล่า นึกทบทวนความรู้สึกเมื่อครู่เหมือนจะนุ่มนิ่มมาก น่าพอใจไม่เลว
เมื่อกลับไปในเรือน ผ่านไปได้ครู่หนึ่งความร้อนตรงร่างกายเบื้องล่างของเสวียนเทียนถึงค่อยๆ กระจายหายไป เขาจึงฝึกฝน ‘ท่าเท้าเงาผีลวงิญญา’ ต่อ
รอจนท้องฟ้าสว่าง พระอาทิตย์สีแดงเพิ่งขึ้นด้านนอกก็มีเสียงดังขึ้น “ไช่อวี้ซินขั้นที่สองอันดับที่สี่สิบหก หวงเทียน วันนี้ข้าจะมาท้าสู้กับเ้าต่อ!”
ไม่นับไป๋หลิงศิษย์ในคนแรกที่จะท้าสู้กับเสวียเทียนในวันที่สอง มาแล้ว
เมื่อวานศิษย์ที่แพ้ให้แก่เสวียนเทียนไม่ใช่ตนเองเผยช่องโหว่ก็หลบกระบี่เร็วของเสวียเทียนไม่ทันสรุปก็คือพลังที่เสวียนเทียนแสดงออกมาให้เห็น ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าพวกเขาแต่ก็ยังชนะพวกเขาอยู่เสมอ
ดังนั้น วันนี้ศิษย์จำนวนหนึ่งที่ไม่อาจยอมรับยังคงมาท้าสู้กับเขาต่อ
ด้านนอก ‘เรือนหวงเทียน’ นอกจากไช่อวี้ซินศิษย์ที่มาชมดูเื่สนุกก็มากันแล้วหลายคน
แอ๊ด! ประตูใหญ่เปิดออก เสวียนเทียนเดินออกมาจาก ‘เรือนหวงเทียน’ มองไช่อวี้ซิน ยิ้มละไม “ไช่อวี้ซิน ยินดีรับคำท้า คนแพ้เสียยาควบปราณชั้นล่างหนึ่งเม็ด”
.....
การต่อสู้ระหว่างเสวียนเทียนกับไช่อวี้ซินย่อมเหมือนกับเมื่อวาน ไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ทั้งหมดล้วนอยู่ในการควบคุมของเสวียนเทียน
นอกจากไช่อวี้ซินศิษย์ที่อยู่ในขั้นที่สองห้าสิบอันดับแรกซึ่งพ่ายแพ้ให้แก่เสวียนเทียนเมื่อวานอย่างน้อยก็มีสิบห้าคนมาท้าสู้กับเสวียนเทียนใหม่อีกครั้ง แต่ก็ถูกเสวียนเทียนเอาชนะไปทุกคนบรรดาศิษย์ในที่มองการต่อสู้อยู่ตกตะลึงไม่หาย
เอาชนะคู่ต่อสู้คนหนึ่งครั้งหนึ่ง ในสถานการณ์ที่พลังสูสีกันโชคเป็องค์ประกอบใหญ่ หากชนะติดต่อกันสองครั้งนั่นก็แสดงให้เห็นว่าพลังระหว่างทั้งสองดูแล้วสูสีแต่ความสามารถในการต่อสู้จริงห่างชั้นกันอยู่ระดับหนึ่งอย่างไรปัจจัยที่ส่งผลกับความสามารถในการต่อสู้ก็มีอยู่มากมาย พลังไม่ใช่สิ่งเดียว
เป็การสู้ต่อเนื่องชนะรวดอีกครั้งภาพลักษณ์ของเสวียนเทียนในใจของบรรดาลูกศิษย์ยิ่งสูงส่งขึ้นทุกที
เมื่อหลี่ิซิ่งอันดับที่ยี่สิบสองพ่ายแพ้ให้แก่เสวียนเทียนอีกครั้งศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองลำดับก่อนหน้าก็เริ่มท้าสู้กับเสวียนเทียน
ขั้นที่สอง อันดับที่สิบเก้า...อันดับที่สิบห้า...อันดับที่สิบเอ็ด...อันดับที่แปด...อันดับที่สี่...
ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองที่ท้าเสวียนเทียนสู้อันดับของคนหนึ่งสูงกว่าอีกคนหนึ่ง พลังของคนหนึ่งแข็งแกร่งกว่าอีกคนหนึ่ง
แต่ผลลัพธ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปมากมายอย่างมากสามสิบกระบวนท่า ศิษย์เหล่านี้ล้วนพ่ายแพ้ให้แก่เสวียนเทียนจนเป็เื่ปกติส่งมอบ ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ เม็ดหนึ่งให้แก่เสวียนเทียน
“แท้จริงแล้วเขาพลังแข็งแกร่งมากแค่ไหนกัน?”
“ศิษย์พี่ฉู่เฟิงตอนที่พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งอย่างมากก็สู้ชนะอันดับหนึ่งของขั้นที่สอง แพ้ให้กับศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองที่อยู่ขั้นที่หนึ่งนี่ศิษย์พี่หวงเทียนสู้ชนะอันดับสี่แล้วราวกับว่ายังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดออกมาเลยนะ ไม่รู้ว่าจะเหมือนศิษย์พี่ฉู่เฟิงไหมสู้ชนะอันดับหนึ่งหรือเปล่า?”
“อันดับหนึ่งคือศิษย์พี่ไป๋ได้ยินว่าความเร็วเป็เลิศ ขนาดศิษย์พี่ในขั้นที่หนึ่งยังยากจะสู้ชนะนาง พลังของนางแข็งแกร่งมากเลยนะ!”
.....
รอจนเสวียนเทียนสู้ชนะศิษย์ขั้นที่สองลำดับที่สี่บรรดาศิษย์ในที่ชมการต่อสู้อยู่ก็ตื่นตะลึงสุดจะเปรียบแล้วเอาเขากับฉู่เฟิงวางไว้ในระดับเดียวกันแล้ววิพากษ์วิจารณ์
“ศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกท่านตอนเช้าสู้มาแล้วยี่สิบสามคน ขอให้ข้าได้พักสักครู่” เสวียนเทียนนำ ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ ที่ชนะเก็บใส่อกเสื้อประสานหมัดกล่าวกับบรรดาศิษย์ในทั้งหลาย
หลังจากนั้น ก็นั่งลงบนแผ่นหินก้อนหนึ่งพักสงบลมหายใจ
การต่อสู้ไม่ได้เป็ไปอย่างดุเดือดปราณแท้เบิกนภาของเสวียนเทียนลึกล้ำต่อให้สู้ติดต่อกันร้อยคนก็ไม่ทำให้พลังภายในพร่องลงไปได้ทุกครั้งที่สู้ครบยี่สิบกว่าคนก็พักหนึ่งครั้งเพื่อปิดบังสายตาของผู้คน พร้อมกันนั้นก็พักเสียบ้างทำความเข้าใจสิ่งที่ได้เรียนรู้มาระหว่างการต่อสู้
“หลบไป หลบไป...!”
“ศิษย์พี่เจียงมาแล้ว ทุกคนหลบ”
“หลีกทางให้กับศิษย์พี่เจียง”
....
เสวียนเทียนนั่งสงบลมหายใจได้ไม่ถึงสองนาทีตอนนั้นเองก็มีเสียงโหวกเหวกดังมาจากด้านหลังของบรรดาศิษย์ใน
ตอนนี้ นอกเรือนหวงเทียน บนยอดเขากระบี่สังหารศิษย์ในจำนวนสองร้อยกว่าคนเบียดเสียดกันอยู่เต็มสองข้างทางหรือบนต้นไม้สองข้างทาง
ถนนแทบจะถูกปิดตายช่องว่างระหว่างกลางไม่พอให้คนผู้หนึ่งผ่าน
แต่เมื่อเสียงด้านหลังดังขึ้น ดูเหมือน ‘ศิษย์พี่เจียง’ ที่มาคงใหญ่มาก บรรดาศิษย์ในล้วนถอยหลบออกไปสองข้างของถนนฝืนเปิดทางกว้างราวหนึ่งเมตรเส้นหนึ่ง
เด็กหนุ่มหล่อเหลาอายุประมาณสิบเก้าปีคนหนึ่งเอวห้อยกระบี่ยาว มือถือพัดกระดาษที่วาดรูปหญิงงามไว้อันหนึ่ง โบกพัดไปมาเดินผ่านทางที่ศิษย์อื่นแหวกให้ เดินตรงมาหาเสวียนเทียน
ด้านหลังของเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาคนนี้ยังมีคนตามมาอีกห้าคนอายุระหว่างสิบแปดถึงยี่สิบห้าปี แต่ละคนท่าทางใหญ่โต พลังวัตรไม่อ่อนด้อยสักนิดแต่เมื่อเทียบกับเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาคนนั้นก็ยังห่างกันมาก
พวกเขาเดินมาราวกับหมู่ดาวล้อมเดือน ห้าคนข้างหลังย่อมเป็ดาวที่ล้อมเดือนอยู่เด็กหนุ่มหล่อเหลาย่อมเป็ดวงจันทร์ที่ดวงดาวรายล้อม
สายตาของบรรดาลูกศิษย์ล้วนจับจ้องอยู่ที่ร่างของเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาด้วยความยำแกรง
เจียงห้าวอวี่พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสาม่ปลาย อันดับที่เก้าในหมู่ศิษย์ในสำนักกระบี่์เป็หนึ่งในสิบศิษย์เอกสำนักใน
ห้าคนด้านหลังร่างของเจียงห้าวอวี่ล้วนมีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสองมีสามคนที่อันดับอยู่ในสิบอันดับแรกของขั้นที่สองมีคนหนึ่งตามติดอยู่ด้านหลังของเจียงห้าวอวี่ อายุน้อยกว่าเจียงห้าวอวี่อยู่บ้าง ประมาณสิบเจ็ดปีรูปร่างค่อนไปทางผอม ดูเก้งก้างอยู่บ้าง
คนผู้นี้ชื่อเสียงโด่งดัง แม้จะเทียบกับเจียงห้าวอวี่ที่เป็หนึ่งในสิบศิษย์เอกสำนักในไม่ได้แต่ก็ยังชื่อเสียงลือลั่น มีนามว่าจี่ตงเฉิง เป็ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองคนหนึ่งลำดับอยู่ในขั้นที่หนึ่งอันดับที่สามสิบแปดถึงขนาดก้าวเกินหน้าศิษย์พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสามหลายคน
ยังมีอีกสองคน พลังอ่อนแอที่สุดก็คือหยางเวยกับซือซุ่นชาง
เจียงห้าวอวี่ จี่ตงเฉิงคนหนึ่งเป็หนึ่งในสิบศิษย์เอกสำนักในคนหนึ่งเป็อันดับหนึ่งของศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสอง การมาของทั้งสองคนทำให้บรรดาศิษย์ในทั้งตกตะลึงและยำเกรงทั้งตื่นเต้นและลุ้นระทึก
ในหมู่ศิษย์นอกศิษย์ชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบเป็ดั่งเทพัที่ไม่ค่อยเผยกายให้เห็นศิษย์นอกยามปกติยากจะพบเห็นได้สักครั้ง ในหมู่ศิษย์ในศิษย์ที่อยู่ในลำดับขั้นที่หนึ่งก็เป็เช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิบศิษย์เอกสำนักในส่วนใหญ่ได้ยินเพียงชื่อ ไม่เห็นตัวคน
“ศิษย์พี่เจียงมาได้อย่างไร?เขาเป็ถึงหนึ่งในสิบศิษย์เอกสำนักในเชียวนาศิษย์พี่หวงเทียนร้ายกายแค่ไหน ก็คงขยับให้เขาออกโรงไม่ได้หรอกน่า?”
“ได้ยินว่าศิษย์พี่หวงตอนอยู่สำนักนอกเคยขัดแย้งกับศิษย์พี่ฉู่เฟิง ศิษย์พี่เจียงศิษย์พี่จี่ล้วนเป็คนของศิษย์พี่ฉู่เฟิง”
“อืม ตอนที่ศิษย์พี่หวงเทียนเพิ่งเข้าสำนักในเคยสู้กับหยางเวยกับซือซุ่นชางครั้งหนึ่ง พวกเขาสองคนอยู่ในกลุ่มที่ติดตามศิษย์พี่จี่”
“เมื่อวานศิษย์พี่จี่ยังไม่กลับมาสินะดูท่าวันนี้เพิ่งกลับมาสำนัก”
“บางทีศิษย์พี่เจียงคงกลับสำนักมาพร้อมกับศิษย์พี่จี่กระมังถึงผ่านทางตามมาด้วย!”
.......
.......
ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองส่วนใหญ่ที่ชมการต่อสู้อยู่เอียงศีรษะคอยบอกต่อกันฐานะของเจียงห้าวอวี่ไม่นานก็รู้กันทั่ว
เจียงห้าวอวี่และจี่ตงเฉิงเป็ต้นเดินมาถึงหน้าสุดของบรรดาศิษย์ใน หยุดลงห่างจากเสวียนเทียนสามสิบเมตร
หูของเสวียนเทียนไวมากการมาถึงของคนทั้งหกรวมไปถึงคำพูดที่เอียงหูบอกต่อกันของศิษย์ในล้วนเข้าหูของเขายังไม่ทันลืมตาก็รู้ฐานะของผู้มาเยือนแล้ว
“คนหนึ่งเป็หนึ่งในสิบศิษย์เอกสำนักในคนหนึ่งเป็อันดับหนึ่งของศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสอง ล้วนเป็คนของฉู่เฟิงเดิมทีวันนี้ข้ายังต้องค่อยๆ ชนะเอา ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ มาได้อีกไม่น้อย ตอนนี้ดูท่าจะไม่มีหวังแล้ว” เสวียนเทียนคิดในใจเงียบๆ
เสวียนเทียนยังคงไม่ลืมตายังคงหลับตาสงบลมหายใจอยู่
จี่ตงเฉิงซึ่งรูปร่างผอมสูงเดินออกมาข้างหน้าหลายก้าวพูดเสียงดังขึ้น “ศิษย์น้องหวงข้าจี่ตงเฉิง ขั้นที่หนึ่ง อันดับที่สามสิบแปด ขอท้าสู้กับเ้า!”
“อะไรกัน? ศิษย์พี่จี่ท้าหวงเทียนสู้?”
“มีอะไรผิดไปหรือเปล่าศิษย์พี่ซือซิ่วเฉิงอันดับสองของขั้นที่สองก็อยู่กลับไม่ท้าสู้ศิษย์พี่จี่กลับลดตัวลงมาท้าหวงเทียนสู้?”
“ศิษย์พี่จี่เป็ถึงยอดฝีมือขั้นที่หนึ่งอันดับหนึ่งของศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองเชียวนะ ศิษย์พี่ฉู่เฟิงตอนนั้น พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งก็ยังแพ้ให้กับศิษย์พี่จี่ที่อยู่อันดับท้ายสุดของขั้นที่หนึ่งหวงเทียนจะเป็คู่มือของศิษย์พี่จี่ได้อย่างไร?”
“บางทีอาจเพราะศิษย์พี่ฉู่เฟิง....”
......
บรรดาศิษย์ใน วิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาเสียงเบาเสียงแม้ว่าจะเบาแต่ก็ตื่นตะลึงอย่างที่สุด
เสวียนเทียนลืมตา ยืนขึ้นมา ยิ้มละไม เอ่ยว่า “ยินดีรับคำท้า คนแพ้เสีย ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ หนึ่งเม็ด”
เสวียนเทียนตอบรับทันทีเช่นนี้ทำให้จี่ตงเฉิงผิดคาดไปมาก อดอึ้งงันไปไม่ได้ จากนั้นก็หัวเราะ “ศิษย์น้องหวงเทียน ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ หนึ่งเม็ดเ้าจะมองระดับของศิษย์พี่ต่ำไปหน่อยแล้ว หนึ่งเม็ดจะมีความหมายอะไร?”
“โอ้...!”
สายตาของเสวียนเทียนพลันทอประกายขึ้นมามุมปากยกยิ้มเป็วงโค้งอย่างพอใจ เอ่ยว่า “ถ้าเช่นนั้น กี่เม็ดถึงจะดีเล่า?”
ในใจเสวียนเทียนกำลังหงุดหงิดด้วยถ้าเอาชนะจี่ตงเฉิงแล้วศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองก็ไม่มีใครกล้าท้าเขาสู้แล้ว เขาก็ไม่มีทางชนะแล้วได้ ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ มามากกว่านี้อีก ไม่คิดว่าจี่ตงเฉิงกลับรังเกียจว่าของเดิมพัน ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ หนึ่งเม็ดน้อยเกินไปจะเพิ่มเดิมพัน เสวียนเทียนยังมีอะไรไม่พอใจอีก
จี่ตงเฉิงรู้ว่าเสวียนเทียนชนะได้ ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ มาไม่น้อย ทั้งคิดอยากเอาชนะเสวียนเทียน และอยากแย่งชิงสิ่งของของเสวียนเทียนมาให้มากหน่อยให้เสวียนเทียนเจ็บช้ำสองต่อ
“สามสิบเม็ด” จี่ตงเฉิงเอ่ยขึ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้