ฐานะของเ้าหญิงแห่งราชวงศ์นั้น มากพอจะทำให้ผู้ที่ได้ยินต้องเปลี่ยนสีหน้า
ขณะที่เสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น เฟิงเหยาบอกหลิ่วิเซวียนทันที
“พี่ชาย เ้าหญิงเสด็จแล้ว พวกเราอย่าเพิ่งลงมือตอนนี้ดีกว่า”
ระหว่างที่พูดนางก็มองหลงอวี้ด้วยสายตาเฉยชา
“ส่วนไอ้สวะนี่ หลังจากนี้ยังมีโอกาสสั่งสอนมันอีกเยอะ”
อันที่จริงแล้ว เฟิงเหยารู้สึกทึ่งเป็อย่างมากที่หลงอวี้สามารถต้านรับการโจมตีทั้งสองกระบวนท่านั้นได้
แต่ภาพจำของหลงอวี้ในฐานะเศษสวะนั้นฝังลึกในหัว ทำให้นางไม่มั่นใจว่าเป็พลังของหลงอวี้จริงๆ หรือเปล่า
‘หลงอวี้มันอาจมียุทธภัณฑ์ป้องกันที่ทรงพลังอยู่ ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้’
‘เอาเป็ว่า ตอนนี้เ้าหญิงมาถึงแล้ว หากยังสู้กันต่อไปคงไม่เหมาะสมนัก ต้องหยุดชั่วคราว’
“หึ ถือว่าดวงดีไปนะไอ้สวะ”
หลิ่วิเซวียนเจ็บใจ ทำได้เพียงจ้องเขม็งใส่หลงอวี้อย่างดุดัน
“หากข้าเจอเ้าในป่าโสมโบราณละก็ เ้าตายแน่!”
“คงต้องดูว่าเ้ามีปัญญาทำอะไรข้าได้หรือเปล่า”
หลงอวี้มองอีกฝ่ายแวบหนึ่งก่อนหันกลับไปทางหลิงหาน
เขาไม่กลัวหลิ่วิเซวียน แต่ถ้าสู้ต่อไปก็ไม่เหมาะสมจริงๆ
ในเมื่อเ้าหญิงมาแล้ว เขาก็ไม่สะดวกจะลงมือเท่าไรนัก นี่คือสาเหตุหนึ่ง แต่อีกสาเหตุหนึ่งคือ หากคิดจะเอาชนะหลิ่วิเซวียนจริงๆ เขาต้องใช้พลังของรองเท้าเหมันต์คลั่งด้วยแน่ๆ
หากเป็เช่นนั้นไพ่ตายก็จะถูกเปิดเผยจนหมดเปลือก ไม่เป็ผลดีต่อการเดินทางในป่าโสมโบราณพรุ่งนี้สักเท่าไร
รอเข้าป่าพรุ่งนี้ก่อน หากสบโอกาสได้ปะทะตัวต่อตัวกับหลิ่วิเซวียนอีกรอบ ค่อยลงมือจัดการก็ยังไม่สาย!
“ศิษย์น้องหลงอวี้ ยินดีด้วย”
หลิงหานเห็นว่าผู้ฝึกวรยุทธ์ในชุดเกราะทองกลุ่มหนึ่งขี่ม้าอยู่ในจุดที่ไม่ไกลนัก ก็อดโล่งอกไม่ได้
ถือว่าแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าได้แล้ว เขารู้สึกว่าหากหลงอวี้ยังต่อสู้กับหลิ่วิเซวียนต่อไปละก็ ผู้ที่เป็ฝ่ายพ่ายแพ้ย่อมต้องเป็หลงอวี้
ตอนนี้หลงอวี้สามารถรับการโจมตีของอีกฝ่ายได้ถึงสองกระบวนท่า อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังเป็วิทยายุทธ์ขั้นสูง อย่างวิชาคลื่นัเยือกแข็ง นับว่าหลงอวี้ได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองแล้ว
หากยังสู้ต่อไป เกรงว่าหลงอวี้อาจจะไม่สามารถต้านรับไว้ได้อีก
“ขอบคุณศิษย์พี่หลิงหานมาก”
หลงอวี้หัวเราะเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นก็หันไปสนใจกลุ่มผู้ฝึกวรยุทธ์ชุดเกราะทองที่ขี่ม้าบนถนนแทน
คนของลัทธิสยบฟ้าหกคน สำนักน้ำแข็งเยือกสี่คน ยืนกันอยู่คนละฝั่งถนน พากันจ้องมองคนกลุ่มนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน อีกฝ่ายก็เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทุกคนเห็นการแต่งกายของคนกลุ่มนั้นชัดเจน
คนกลุ่มนี้มีผู้ฝึกวรยุทธ์ชุดเกราะทองที่ขี่ม้าทั้งหมดยี่สิบคน โดยแบ่งเป็ด้านหน้าและด้านหลังฝั่งละสิบคน ทั้งหมดคอยคุ้มกันสาวงามนางหนึ่งที่อยู่ตรงกลาง
สาวงามนางนั้นสวมชุดผ้าไหมสีขาวดุจหิมะดูสูงศักดิ์ นางขี่ม้าสีขาว บนหัวสวมมงกุฎดอกไม้วงหนึ่ง บนใบหน้ารูปไข่ไร้ตำหนิประดับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“ท่านผู้นั้นคือเ้าหญิงแห่งราชวงศ์หรือ”
หลงอวี้มองเห็นแต่ไม่ได้ใส่ใจ เขากลับจ้องคนผู้หนึ่งที่อยู่ข้างกายเ้าหญิงแทน
คนผู้นั้นเหมือนจะเป็หัวหน้าของเหล่าผู้ฝึกวรยุทธ์ชุดเกราะทอง หัวสวมหมวกเกราะสีทอง มือถือหอกสีทอง อายุราวยี่สิบต้นๆ เท่านั้น แต่กลับแข็งแกร่งน่าเกรงขาม น่าจะแข็งแกร่งกว่าเฟิงอวิ๋นหลายเท่าตัวทีเดียว!
‘ไม่รู้เหมือนกันว่า ลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับหนึ่งของลัทธิสยบฟ้า ปู้สิง จะเป็คู่ต่อสู้ของชายหนุ่มเกราะทองนั่นได้หรือเปล่า...’
หลงอวี้คิดในใจ แต่สิ่งที่เขาสนใจที่สุดกลับไม่ใช่ฝีมือของชายหนุ่มชุดเกราะทองผู้นั้น ทว่าเป็รูปลักษณ์ของเขาต่างหาก
ทั้งดวงตา จมูก หรือปากของชายหนุ่มชุดเกราะทองผู้นั้นล้วนคล้ายคลึงกับหลงอวี้อยู่สามส่วน!
เห็นเช่นนั้นหลงอวี้ก็แอบถอยหลังหนึ่งก้าว ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังหลิงหาน
‘ชาติกำเนิดของข้า เกรงว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มชุดเกราะทองนั่น...’
หลงอวี้ตาเป็ประกาย คิดทบทวนในใจ
‘ผ่านมาตั้งหลายปี พ่อบุญธรรมไม่เคยเล่าเื่ชาติกำเนิดของข้าให้ฟังเลย เห็นได้ชัดว่าต้องมีปัญหาบางอย่าง หากยังไม่แข็งแกร่งมากมากกว่า อย่าเพิ่งเข้าไปยุ่งเลยจะดีกว่า!’
หลบซ่อนชั่วคราว เพื่อที่จะผงาดอย่างแข็งแกร่งในวันข้างหน้า หลงอวี้เพิ่งก้าวสู่วิถียุทธ์ได้ไม่นาน แม้จะมีสัญลักษณ์ัปรภพ แต่ก็ประมาทมากเกินไปไม่ได้
ขุมอำนาจของราชวงศ์นั้นทรงอิทธิพลมาก อย่าว่าแต่หลงอวี้ตอนนี้ ต่อให้เป็ลัทธิสยบฟ้าทั้งลัทธิก็ไม่กล้าคิดเป็ปฏิปักษ์ด้วย
เพียงครู่เดียวกลุ่มผู้ฝึกวรยุทธ์ชุดเกราะทองทั้งยี่สิบคนที่คอยคุ้มกันเ้าหญิงในชุดไหมสีขาวก็ได้มาถึงกึ่งกลางของคนทั้งสองฝ่าย พอมาถึงตรงนี้ พวกเขาก็กระตุกเชือกเพื่อให้ม้าหยุดเดิน
“ลัทธิสยบฟ้า สำนักน้ำแข็งเยือก”
เ้าหญิงผู้เลอโฉมพูดพลางยิ้มแย้ม
“ระดับพลังของทุกท่านไม่ธรรมดา ล้วนเป็อัจฉริยะมากพร์ของอาณาจักรต้าถัง หวังว่าการเข้าป่าโสมโบราณครั้งนี้ ทุกคนจะได้อะไรกลับไปบ้าง”
“ขอบพระทัยองค์หญิง”
หลิ่วิเซวียนอดไม่ไหวก็รีบตอบกลับด้วยรอยยิ้มหลงตัวเองทันที
“ข้าคือหลิ่วิเซวียนแห่งตระกูลหลิ่ว การได้พบองค์หญิง ณ ที่แห่งนี้ถือเป็เกียรติของข้าอย่างหาที่สุดมิได้!”
“ที่แท้ก็ตระกูลหลิ่วนี่เอง”
เ้าหญิงแย้มยิ้มอย่างสุภาพ
“ตระกูลหลิ่วนั้นปักหลักอยู่ในเขตพระราชฐานมายาวนาน ขยันขันแข็งในด้านการค้า ข้าเชื่อว่าเสด็จพ่อจะต้องรับรู้อย่างแน่นอน”
“องค์หญิงกล่าวเกินไปแล้ว”
หลิ่วิเซวียนพลันรู้สึกลำพองใจ เกิดในชาติตระกูลสูงศักดิ์ก็เป็เช่นนี้แล แม้แต่เ้าหญิงยังชื่นชม!
แต่เขาไม่รู้เลยว่าหลงอวี้ที่ยืนฟังอยู่ใกล้ๆ รู้สึกดูถูกในใจอย่างอดไม่ได้
‘ที่แท้ตระกูลหลิ่วก็เป็แค่ตระกูลพ่อค้าในเขตพระราชฐานนี่เอง นึกว่าเป็ขุมอำนาจใหญ่ที่ควบคุมกำลังทหารไว้เสียอีก...’
ไม่แปลกใจว่าทำไมเ้าหลิ่วิเซวียนถึงได้มีระดับวรยุทธ์แค่ขั้นเจ็ดเท่านั้น หากเป็ลูกหลานตระกูลใหญ่ที่ทรงอำนาจจริงๆ ระดับพลังคงไม่ได้มีเท่านี้แน่
“องค์หญิง ระหว่างเดินทางมาที่นี่ ดูเหมือนลูกศิษย์ของลัทธิสยบฟ้ากับสำนักน้ำแข็งเยือกครั้งนี้จะอ่อนด้อยไปสักนิด มีแค่นังหนูของลัทธิพันไหมนั่นที่พอจะนับว่ามีความสามารถได้บ้าง”
ตอนนั้นเอง ชายหนุ่มชุดเกราะทองที่มีรูปลักษณ์คล้ายหลงอวี้อยู่สามส่วนก็หัวเราะพร้อมกับพูดคุยกับเ้าหญิง แม้จะดูเหมือนพูดคุยเรื่อยเปื่อย แต่สีหน้ากลับดูหยิ่งยโสอย่างเห็นได้ชัด แสดงออกว่าเขาไม่เห็นคนของสามลัทธิใหญ่ในสายตาแม้แต่น้อย!
“ไม่หรอก การที่ถูกรับเลือกให้เข้าป่าโสม นับว่าเป็ว่าที่ยอดฝีมือของอาณาจักรต้าถังในอนาคตได้แล้ว ตอนนี้พวกเขาแค่ขาดแคลนทรัพยากรเท่านั้นเอง”
เ้าหญิงหัวเราะเบาๆ แล้วตอบกลับอย่างอ่อนโยน
“เอาล่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน เชิญทุกท่านกลับไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้ต้องเข้าป่าโสมแต่เช้า ข้าขออวยพรให้พวกท่านโชคดี”
“ขอบพระทัยองค์หญิง”
ผู้คนทั้งหลายพร้อมใจกันตอบกลับ จากนั้นก็ใช้สายตามองส่งเ้าหญิงและกลุ่มผู้ฝึกวรยุทธ์ชุดเกราะทองให้เดินทางจากไป
“หึ ช่างอวดดีเสียจริง”
ในกลุ่มของสำนักน้ำแข็งเยือก หลิ่วิเซวียนพอนึกถึงคำพูดของชายหนุ่มชุดเกราะทองเมื่อครู่แล้วก็รู้สึกไม่สบอารมณ์เป็อย่างมาก
“ช่างเถอะ เขาเป็ถึงองครักษ์ของเ้าหญิง อายุยังน้อยแต่ระดับพลังกลับสูงส่งจนพวกเรายังมองไม่ออก คำพูดของเขานับว่าสมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน เขามีสิทธิ์จะพูดอย่างนั้นจริงๆ”
เฟิงเหยาหรี่ตาลง พูดจบก็หันหลังเดินจากไปทันที
พรุ่งนี้ก็จะเข้าป่าโสมแล้ว ศัตรูที่นางตั้งเป้าหมายไว้ คือสตรีมากพร์ของลัทธิพันไหมผู้นั้น คนที่ถูกเรียกขานว่าเ้าหญิงพันไหม!
ส่วนไอ้สวะหลงอวี้ นางคร้านจะไปสนใจ ในสายตาของเฟิงเหยา หลงอวี้อยู่คนละระดับกับนางอย่างสิ้นเชิง
“ศิษย์พี่หลิงหาน พวกเราเองก็ควรกลับได้แล้วมั้ง?”
ฝั่งลัทธิสยบฟ้า มีคนหนึ่งถามหลิงหานขึ้นมา
หลิงหานตอนนี้กำลังมองตามเ้าหญิงที่จากไปไกล ราวกับกำลังเหม่อลอยอยู่!
พอได้ยินคนเรียก ถึงรีบตั้งสติอีกครั้ง
“อะไรนะ? อ้อ พวกเราเองก็ควรกลับที่พักเหมือนกัน”
“ฮ่าๆ ศิษย์พี่หลิงหาน หรือท่านจะหลงใหลในตัวเ้าหญิงเข้าแล้ว?”
หนึ่งในนั้นหยอกล้อขึ้นทันที
“อย่าพูดซี้ซั้ว ก็เ้าหญิงงดงามเสียขนาดนั้น ข้าขอมองหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร?”
หลิงหานหัวเราะร่า
“จริงสิ ไอ้เกราะทองที่พูดเมื่อกี้หน้าตาคล้ายกับคนในลัทธิเราคนหนึ่งนิดหน่อยนะ ศิษย์พี่หลิงหาน ท่านสังเกตเห็นหรือไม่?”
หนึ่งในนั้นเหลือบมองหลงอวี้พร้อมเอ่ยถาม
“หืม? เหมือนใคร?”
หลิงหานไม่ได้สนใจชายหนุ่มชุดเกราะทองนั่นแม้แต่น้อย พอได้ยินจึงชะงักไป
“ก็ศิษย์น้องหลงอวี้ที่อยู่ข้างหลังท่านนี่ไง”
คนผู้นั้นหัวเราะอย่างเ็า
“ข้าได้ยินว่า ศิษย์น้องหลงอวี้เหมือนจะถูกตระกูลใหญ่ในเขตพระราชฐานตระกูลหนึ่งขับไล่ ตอนแรกก็คิดว่าเป็แค่ข่าวลือที่ไม่มีมูล แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมีความเป็ไปได้จริงๆ! ศิษย์น้องหลงอวี้ ข้าพูดถูกไหม?”
“ขออภัยจริงๆ ข้าไม่รู้เื่ชาติกำเนิดตัวเอง หากเ้ารู้ชัดแจ้ง รบกวนเล่าให้ข้าฟังสักหน่อยเป็อย่างไร?”
หลงอวี้หัวเราะเบาๆ เมินเฉยท่าทีจิกกัดของอีกฝ่าย!
คนผู้นั้นพลันพูดอะไรไม่ออก!
“เอาล่ะ หยุดพูดเื่ไร้สาระได้แล้ว ยังไม่รีบกลับไปอีก?”
หลิงหานได้ยินเช่นนั้นก็รีบพูดแทรกพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“กลับไปเตรียมตัวให้พร้อมกันเถอะ การเข้าป่าโสมโบราณพรุ่งนี้พวกเ้าอาจจะได้เจอกับโอกาสหรือปาฏิหาริย์เข้าก็เป็ได้ หากได้โสมโบราณระดับสูงมาสักชิ้น พวกเ้าอาจจะยกระดับพลังขึ้นได้หนึ่งขั้นเลยนะ!”
พอพูดถึงตรงนี้ ทั้งสี่คนนั้นก็พลันใจรุ่มร้อน
เพียงแต่โสมโบราณ โดยเฉพาะระดับสูงนั้น จะได้มาง่ายๆ ที่ไหนกัน? นอกจากว่าจะดวงดีมากเท่านั้น สำหรับพวกเขาได้ระดับกลางมาก็ถือว่าไม่เลวแล้ว!
พวกเขาพากันเดินกลับที่พักด้วยความคิดต่างๆ นานา จากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
คืนนี้ แทบทุกคนล้วนนอนไม่หลับ เพราะนี่เป็โอกาสครั้งสำคัญที่เข้ามาในชีวิตพวกเขาเป็ครั้งแรก หากโชคดีละก็ การเข้าป่าโสมครั้งนี้อาจทำให้พวกเขายกระดับพลังขึ้นอย่างก้าวะโก็เป็ได้
จะมีก็แต่หลงอวี้เท่านั้นที่จิตใจแข็งแกร่งมาก เขาหลับเป็ตายโดยไม่คิดอะไรเลย!
........
เวลาหนึ่งคืนนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว
่เช้าตรู่ของวันที่สอง ผู้คนมารวมตัวกันที่สวนของโรงเตี๊ยม นอกจากหลงอวี้ คนอื่นๆ ล้วนมีสีหน้าอิดโรยไม่มากก็น้อย รวมถึงถานเจียนด้วย
แต่แววตาของทุกคนแฝงความตื่นเต้นอยู่ พวกเขารอคอยที่จะได้เข้าป่าโสมโบราณมานานแล้ว!
ผู้าุโอวี้ที่สวมชุดสีดำปรากฏตัวใกล้กับทุกคน
“ตามข้ามา วันนี้เราจะเข้าป่าโสมโบราณกันแล้ว พวกเ้าจงจำไว้ให้ดี ให้ความสำคัญกับชีวิตเป็อันดับแรก จงดูแลตัวเองให้ดี!”
ผู้าุโอวี้กล่าวเตือนเป็ครั้งสุดท้าย จากนั้นก็พาคนทั้งหลายออกจากโรงเตี๊ยม มุ่งหน้าสู่ป่าโสมโบราณที่ตั้งอยู่ท้ายเมือง
ผ่านไปไม่นาน ทุกคนก็มาถึงที่หมาย เพียงออกจากประตูท้ายเมืองไป ก็พบป่าโสมโบราณที่เป็ดั่งสวนดอกไม้ของราชวงศ์แล้ว!
ที่หน้าประตู มีลูกศิษย์ของสำนักน้ำแข็งเยือก ลัทธิพันไหม และลัทธิสยบฟ้าทั้งสามสำนักลัทธิใหญ่รวมตัวกันห้าสิบสามคน ต่างฝ่ายต่างมีผู้าุโนำทางมา
ส่วนเ้าหญิงและเหล่าผู้ฝึกวรยุทธ์ชุดเกราะทองได้ยืนอยู่ด้านหน้าสุด หากไม่มีสาสน์จากคนในราชวงศ์ละก็ ประตูเข้าสู่ป่าโสมโบราณแห่งนี้จะไม่มีทางเปิดออกเด็ดขาด
หลังจากที่ทุกคนรวมตัวกัน ชายหนุ่มที่หน้าตาคล้ายกับหลงอวี้ก็ได้ก้าวออกมา มองผู้คนทั้งหมดด้วยสายตาเย่อหยิ่ง
“ตอนนี้ พวกเ้าจะได้เข้าไปในป่าโสมโบราณของราชวงศ์แล้ว มีกฎเพียงข้อเดียว นั่นก็คือ หากมีโสมโบราณชั้นยอดปรากฏขึ้น ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องยกให้เป็ของราชวงศ์ทั้งหมด เข้าใจไหม?”
ชายหนุ่มเกราะทองส่งเสียงเตือนอย่างดุดัน
“เข้าใจขอรับ!”
ผู้คนต่างมีสีหน้าตื่นเต้น พวกเขากำลังจะได้เข้าไปในป่าโสม โอกาสของพวกเขากำลังจะมาถึง!
ส่วนโสมโบราณชั้นยอดนั่น มันไม่ได้ปรากฏง่ายๆ เสียหน่อย?
มันคือสมบัติแสนล้ำค่าที่สิบปีก็ยังไม่แน่ว่าจะปรากฏ ไม่มีใครคาดหวังหรือคิดจะไปแตะต้องอยู่แล้ว!