จวีจื่อหลิงเมื่อได้ยินดังนั้นก็หันไปมองทันที แล้วจึงพบว่ายามนี้มีสาวใช้น้อยผู้หนึ่งกำลังวิ่งเข้ามาหานางด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา ความทรงจำของร่างเดิมบอกว่านี่คือซุนฉิงสาวใช้ประจำตัวของนางที่ติดตามมาจากบ้านเดิม จวีจื่อหลิงรีบปรับสีหน้าให้เป็ปกติเพื่อไม่ให้ซุนฉิงสงสัย อย่างไรเสียย่อมต้องตามน้ำไปก่อน
“ข้ายังไม่ตายเสียหน่อย เ้าจะร้องไห้ไปทำไมกัน”
จวีจื่อหลิงเอ่ยอย่างอ่อนเพลีย ร่างนี้บอบบางเกินไป นางเพิ่งเปิดปากพูดไม่กี่คำก็รู้สึกเหนื่อยเสียแล้ว
ซุนฉิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มเต็มใบหน้า นางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
“ฮูหยิน ฮึก ยามนี้บ่าวในจวนพูดกันไม่หยุดปากว่าใต้เท้าฉินจะหย่ากับท่านแล้วส่งท่านกลับบ้านเดิม ฮือ ฮูหยินเ้าคะ หากต้องกลับไปจวนตระกูลจวีจริงๆ ท่านจะต้องไม่มีจุดจบที่ดีเป็แน่”
จวีจื่อหลิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่ายามนี้นางยังอยู่ในฐานะฮูหยินของฉินเสวียนที่กำลังจะถูกเขาหย่าขาด ซ้ำร้ายบ้านเดิมของนางก็ไม่มีใครอยากให้นางกลับไป เฮ้อ ชีวิตของเ้าของร่างเดิมช่างน่าเวทนาจริงเชียว
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องร้อง ทุกอย่างมีทางออกเสมอ ยามนี้ข้าจะต้องพักผ่อนและทำให้ตนเองกลับมาแข็งแรงดังเดิม แล้วค่อยคิดหาหนทางต่อไป”
ซุนฉิงชะงักนิ่งอย่างงุนงง ดูเหมือนว่าเ้านายของตนจะเปลี่ยนไป มิหนำซ้ำยังไม่ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเช่นหลายวันก่อนอีกด้วย ซุนฉิงรู้สึกดีใจมาก นางไม่สบายใจเลยยามเห็นเ้านายเอาแต่ร้องไห้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นสาวใช้ตัวน้อยจึงรีบไปยกสำรับอาหารและยามาให้เ้านายตนทันที จวีจื่อหลิงมองดูอาหารตรงหน้าแล้วถึงกับหมดอารมณ์ เนื้อไม่มีสักชิ้น มีแต่ผัก
นางรู้สึกหมดอาลัยตายอยากในชีวิตเหลือเกิน แต่ยามนี้นางต้องกินให้อิ่ม รักษาตัวให้ดีขึ้นจะได้มีแรงไปรับมือกับสามีชั่ว เมื่อคิดได้เช่นนั้นจวีจื่อหลิงก็ไม่รั้งรอเวลา นางรีบกินอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อกินอิ่มแล้วก็นอนพัก หลายวันมานี้ซุนฉิงส่งอะไรมาให้นางก็กินหมดไม่เลือกกินเลยแม้แต่น้อย และยังกินยาตรงเวลาอีกด้วย เป็เช่นนี้วันแล้ววันเล่าในที่สุดอาการป่วยของนางก็หายเป็ปลิดทิ้งร่างกายแข็งแรงกว่าเดิม
หลายวันต่อมาหลังจากที่จวีจื่อหลิงหายดีแล้ว ก็มีสาวใช้จากเรือนใหญ่มาแจ้งว่าฉินเสวียนเรียกนางให้ไปพบ จวีจื่อหลิงเพียงผงกศีรษะรับคำ ก่อนจะรีบเดินไปที่เรือนใหญ่พร้อมกับซุนฉิงในทันที
จวนตระกูลฉินแห่งนี้กว้างใหญ่ไม่น้อย จวีจื่อหลิงที่เห็นแล้วก็รู้สึกดูแคลนอยู่ในใจ เดิมทีตระกูลฉินมีฐานะยากจน บิดาของฉินเสวียนเป็อาจารย์ในสำนักศึกษาเล็กๆ แห่งหนึ่ง พอฉินเสวียนอายุได้สิบหกปีเต็มบิดาก็ล้มป่วยและตายจากไป ทิ้งให้มารดาของฉินเสวียนเลี้ยงดูบุตรชายเพียงลำพังมาจนเติบใหญ่ แต่เพราะฉินเสวียนเป็คนทะเยอทะยานเ้าเล่ห์มากกล จึงสามารถหลอกเ้าของร่างเดิมมาแต่งงานด้วยเพื่อใช้ฐานะคุณหนูใหญ่ของนางเป็บันไดปีนขึ้นสู่ที่สูง ซ้ำร้ายยังเอาสินเดิมของนางไปขายเป็ค่าเล่าเรียน พอเขาได้เป็ขุนนางมีเงินทองจึงซื้อจวนใหม่และเก็บจวนหลังเก่าไว้เป็ที่เก็บป้ายสุสานของบรรพบุรุษ จวนใหม่แห่งนี้หากจะนับกันตามจริงก็ควรเป็สมบัติของจวีจื่อหลิงเช่นเดียวกัน เพราะนางก็มีส่วนช่วยให้เขามีวันนี้ แต่เพราะคนอย่างฉินเสวียนมันเลวทรามบัดซบนางจึงต้องตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้
เมื่อเดินเข้ามาในเรือนใหญ่ก็พบว่ายามนี้ฉินเสวียนกำลังนั่งสนทนาอยู่กับมารดาของเขา ฮูหยินผู้เฒ่าฉินปรายตามองนางอย่างไม่ชอบใจ ฉินเสวียนเองก็ไม่ต่างกัน เขามองจวีจื่อหลิงพลางย่นหว่างคิ้ว รู้สึกว่าวันนี้ภรรยาตัวดีดูเหมือนจะมีชีวิตชีวากว่าที่ผ่านมายิ่งนัก
“มาแล้วหรือ วันนี้ท่านแม่บ่นว่าอยากกินขนมดอกไม้ฝีมือเ้า ไปทำมาให้นางกินเสียสิ”
ฉินเสวียนออกคำสั่งอย่างเ็า จวีจื่อหลิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมาทีหนึ่ง ฉินเสวียนไอ้เลวนี่ จะหย่ากับนางอยู่แล้วยังเรียกนางมาจิกหัวใช้อีก ช่างหน้าหนายิ่งนัก!
จวีจื่อหลิงยืนนิ่งไม่ขยับทำราวกับไม่ได้ยิน ฮูหยินผู้เฒ่าฉินที่เห็นเช่นนั้นก็ส่งสายตาให้บุตรชายตนทันที ฉินเสวียนที่เห็นว่าจวีจื่อหลิงไม่ยอมทำตามคำสั่งก็เริ่มมีโทสะ
“ข้าสั่งเ้ายังไม่ไปทำอีก ยืนโง่อยู่ทำไมกัน!”
“หากอยากกินก็ไปทำเองสิ บ่าวไพร่ในจวนมีมากมายเหตุใดจึงไม่ใช้ ข้าไม่ใช่ขี้ข้าของพวกเ้าเสียหน่อย อีกอย่างพวกเราก็ใกล้จะหย่ากันเต็มทีแล้ว ท่านจำไม่ได้หรือ?”
นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ ทำเอาฉินเสวียนและมารดาอึ้งตะลึงงัน คนทั้งสองแปลกใจเป็อันมาก ทุกครั้งจวีจื่อหลิงมักจะไม่กล้ามีปากมีเสียง พวกเขาให้นางทำสิ่งใดนางก็ยอมทำทุกอย่าง แต่วันนี้กลับกล้าที่จะต่อต้านขึ้นมา
เมื่อคิดได้เช่นนั้นชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปหาจวีจื่อหลิง ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงไปบนใบหน้าของนางเต็มแรง ฮูหยินผู้เฒ่าฉินที่เห็นดังนั้นก็ฉีกรอยยิ้มเยาะในคราวเคราะห์ของผู้อื่น
“ข้าสั่งเ้ากล้าไม่ทำหรือ ใช่แล้ว ข้าจะหย่ากับเ้า แต่ยามนี้ยังไม่ได้หย่า เ้าก็ยังถือว่าเป็คนของจวนตระกูลฉิน ข้าสั่งให้เ้าทำสิ่งใดเ้าก็ต้องไปทำ!”
ฉินเสวียนไม่ไว้หน้าจวีจื่อหลิงเลยสักนิด นางถูกตบจนหน้าชาหญิงสาวจ้องหน้าเขาเขม็งดวงตางามฉายแววเย็นเยียบ
ผัวชั่วในตำนานผู้นี้จะสารเลวเกินไปแล้ว!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นจวีจื่อหลิงจึงพุ่งเข้าไปหาฉินเสวียนก่อนจะยกมือซัดหมัดเข้าใส่ใบหน้าของเขาอย่างไม่ออมแรง ฉินเสวียนถูกต่อยจนเซ เขามองนางอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
“จือจือ เ้ากล้าตีข้าหรือ!”
“กล้าสิ นับแต่นี้ข้าจะไม่ยอมคนชั่วอย่างเ้าอีกแล้ว มาเลย ตบมาต่อยกลับ ใครกลัวกันเล่า!”
กล่าวจบนางก็พุ่งเข้าไปกระชากดึงทึ้งเส้นผมของฉินเสวียนจนหลุดออกมาเป็กำมือ เื่ต่อยตีนางไม่กลัวอยู่แล้ว ตอนอยู่ในยุคปัจจุบันนางก็เรียนการต่อสู้มาไม่น้อยทั้งยิงธนู ขี่ม้า ใช้มีดนางก็เรียนมาทั้งหมด นางด้อยกว่าฉินเสวียนตรงไหนกัน!
ฉินเสวียนที่ยังไม่ทันตั้งตัวจึงถูกจวีจื่อหลิงตบตีจนเืกลบปาก นางลงมืออำมหิตนักไม่เปิดทางให้เขาได้สวนคืนเลยแม้แต่น้อย
ด้านฮูหยินผู้เฒ่าฉินก็คิดจะเข้าไปห้ามแต่กลับถูกจวีจื่อหลิงต่อยเสยปลายคางจนสลบเหมือดไปเสียดื้อๆ
จวนตระกูลฉินวุ่นวายขึ้นมาทันที แต่จวีจื่อหลิงกลัวเสียที่ไหน
เหอะ คนจวนเดียวกันทั้งนั้น อะไรยอมได้ก็อย่าไปยอม!
