แม้แต่ผลิญญาสีแดงยังมีอสูรร้ายคอยพิทักษ์ ดังนั้นยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงสมุนไพรขั้นหกอย่างเม็ดบัวอัคนีที่ล้ำค่ายิ่งกว่าเลย แน่นอนว่ามู่เฟิงนั้นไม่ได้โง่เขลา
หลิ่วอีเสวี่ยเหลือบสายตามองมาทางเด็กหนุ่มอย่างเฉยเมย ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ถูกต้อง ข้างในนั้นมีอสูรร้ายผู้พิทักษ์คอยเฝ้าอยู่ มันคือปีศาจงูเจียวไฟ*ที่ฝึกฝนพลังมานานหลายร้อยปี เป็อสุรกายจากเผ่าปีศาจ”
(*งูใหญ่ที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับั หากบำเพ็ญเพียรถึงหนึ่งพันปีก็จะกลายเป็ัได้ในที่สุด)
เมื่อได้ยินดังนั้นมุมปากของมู่เฟิงก็กระตุกทันที เขาสบถด่าอีกฝ่ายในใจ ‘บัดซบ จะให้เขาส่งตัวเองไปตายหรืออย่างไร?’
แต่หลิ่วอีเสวี่ยกล่าวต่อทันทีว่า “ข้าจะจัดการกับปีศาจงูเจียวไฟตัวนั้นเอง ข้าจะไปล่อมันออกมา จากนั้นเ้าก็ฉวยโอกาสนี้ขโมยเม็ดบัวอัคนีมาให้ได้ หากเ้าช่วยข้าสำเร็จ เ้าจะได้รับประโยชน์ไม่น้อยอย่างแน่นอน”
มู่เฟิงยิ้มเจื่อนออกมา “ผู้าุโ ข้าสามารถปฏิเสธได้หรือไม่?”
“ไม่ได้ หากว่าเ้าไม่ยินยอมจะช่วย ข้าจะสังหารเ้าเสียเดี๋ยวนี้”
หลิ่วอีเสวี่ยกล่าวเสียงเย็น
มู่เฟิงยกมือขึ้นแตะจมูกตัวเอง ตอนนี้เขาทำได้เพียงแต่ต้องพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นเด็กหนุ่มก็ถอยห่างออกจากปล่องูเาไฟ เขาเดินไปแอบซ่อนตัวอยู่ในช่องว่างระหว่างซอกโขดหินขนาดใหญ่
เมื่อเห็นว่ามู่เฟิงถอยออกไปหลบซ่อนตัวแล้ว หลิ่วอีเสวี่ยก็ปลดปล่อยพลังปราณสีน้ำเงินออกมาห่อหุ้มร่างกายของตัวเองเอาไว้เพื่อเป็เกราะปกป้องกัน จากนั้นนางก็ลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศและบินตรงเข้าไปในปล่องูเาไฟทันที
มู่เฟิงแอบซ่อนตัวอยู่ในซอกโขดหิน คอยเฝ้ามองสถานการณ์จากระยะไกล
ตู้ม…!
ทันใดนั้นก็ได้เสียงเสียงะเิพลังดังขึ้นมาจากด้านล่างของปล่องูเาไฟ พร้อมกับที่พื้นดินเกิดการสั่นะเืเล็กน้อย ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้น่าจะเกิดจากหลิ่วอีเสวี่ย
“โฮก!”
จากนั้นก็มีเสียงคำรามดังสนั่น ซึ่งเป็เสียงคำรามที่ฟังออกได้ชัดเจนว่าเป็เสียงคำรามของงูเจียว
พรึ่บ! พรึ่บ!
ปรากฏเงาร่างสองสายพุ่งทะยานออกมาจากปากปล่องูเาไฟ มู่เฟิงจ้องมองอสุรกายตัวใหญ่ั์ที่บินตามหลังหลิ่วอีเสวี่ยด้วยสายตาตกตะลึง
มันคือปีศาจงูเจียวไฟที่มีความยาวหลายสิบเมตร
ร่างของงูเจียวตัวนี้ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีแดง บนหัวของมันมีเขาสีแดงหนึ่งเขา มีครีบปลารอบปาก ขาทั้งสี่โผล่พ้นออกมาจาก่ท้อง โดยขาแต่ละข้างก็มีกรงเล็บสามกรงเล็บ ดวงตาสีทองเข้มของมันทอประกายความดุร้ายออกมา นอกจากนี้มันยังปล่อยคลื่นพลังสะกดข่มออกมาด้วย
นี่เป็ข้อแตกต่างระหว่างงูเจียวและั งูเจียวจะมีกรงเล็บเพียงสามกรงเล็บเท่านั้น ในขณะที่ัจะมีสี่กรงเล็บ นอกจากนี้งูเจียวยังไร้เส้นหนวดอีกด้วย
นี่คือร่างของงูเจียวอย่างแท้จริง ในขณะที่เสี่ยวเทียนของมู่เฟิงเป็เพียงงูที่กลายพันธุ์เป็งูเจียวอีกที
มู่เฟิงมองไปยังเงาร่างสองร่างที่อยู่บนท้องฟ้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างออกไปไกล แต่เด็กหนุ่มก็ยังััได้ถึงคลื่นพลังอันแข็งแกร่งที่แผ่ออกมาจากร่างของคนทั้งสอง โดยเฉพาะเสี่ยวเทียนที่กำลังสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนของมู่เฟิง คาดไม่ถึงว่าการต่อสู้ของงูเจียวไฟตัวนี้จะมีอำนาจสะกดข่มมาถึงสายเืทางจิติญญาอย่างมัน
งูเจียวไฟตัวนี้ไม่ใช่อสูรร้ายธรรมดาทั่วไป ภายในร่างกายของมันมีพลังปีศาจ ดังนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่ามันคือเผ่าปีศาจตัวหนึ่ง
ทันใดนั้นร่างกายของงูเจียวไฟก็ถูกปกคลุมด้วยประกายแสงสีแดง จากนั้นมู่เฟิงก็พบว่ามันได้กลายร่างเป็บุรุษในชุดคลุมสีแดง ทว่าบนหน้าผากของมันยังมีเขางอกออกมาและมีเกล็ดบนใบหน้า
เขาแปลงกายเป็มนุษย์!
แน่นอนว่าเมื่องูเจียวแปลงกายเป็มนุษย์ก็ย่อมมีรูปลักษณ์เป็มนุษย์งู ไม่อาจมีรูปลักษณ์เหมือนมนุษย์อย่างแท้จริงได้
บุรุษในชุดคลุมสีแดงจ้องมองไปยังหลิ่วอีเสวี่ย ดวงตาสีทองของเขาทอประกายเย็นะเื ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็างว่า “หลิ่วอีเสวี่ย เ้ายังคิดที่จะแย่งชิงบัวอัคนีที่ข้าดูแลอยู่อีกรึ?”
‘แท้จริงแล้วนางก็มีนามว่าหลิ่วอีเสวี่ยนี่เอง ชื่อนี้ฟังดูไพเราะดีทีเดียว แต่เหตุใดคนถึงได้เ็านักนะ’
มู่เฟิงลอบคิดกับตัวเอง
“เ้าเองก็ทราบดี เจียวคุน มอบเม็ดบัวอัคนีมาแต่โดยดีเถอะ"
หลิ่วอีเสวี่ยที่กำลังถือกระบี่สีน้ำเงินเล่มยาวในมือกล่าวขึ้นอย่างเ็า กระบี่เล่มยาวในมือของนางถูกโอบล้อมด้วยไอน้ำสีน้ำเงิน พลังแผ่ออกมาจากตัวกระบี่ดูทรงอำนาจอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่ามันคือเครื่องมือิญญา
“ฮ่าๆ ๆ เหลวไหล สิ่งของที่เปิ่นจั้ว*ดูแล หนูน้อยอย่างเ้ายังกล้าโลภมาก ครั้งก่อนเพราะข้ารักหยกถนอมบุปผาจึงไม่ได้ลงมือสังหารเ้า คราวนี้ข้าจะจับเ้ามาปรณนิบัติรับใช้อยู่ใต้ร่างของข้าเสีย”
(*ข้าผู้สูงส่ง)
เจียวคุนบุรุษในชุดคลุมสีแดงเผยรอยยิ้มที่ดูหื่นกระหายจนน่าขนลุกออกมา ในขณะที่สายตาของเขาก็โลมเลียไปทั่วร่างของหลิ่วอีเสวี่ย
ันั้นมักมากด้วยตัณหา ซึ่งเจียวคุนผู้นี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
“เฮอะ วันนี้ข้าจะสังหารเ้าและตัดหัวงูของเ้าเสีย!”
ใบหน้าของหลิ่วอีเสวี่ยพลันเปลี่ยนเป็เ็า มือของนางกระชับกระบี่ิญญาสีน้ำเงินที่มีความยาวสี่ฉื่อเอาไว้แน่ จากนั้นไม่นานคมกระบี่สีน้ำเล่มหนึ่งก็พุ่งทะลวงไปทางเจียวคุนที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตร
คมกระบี่นี้ทะลวงแหวกอากาศจนเกิดเป็เสียงหวีดหวิว ความทรงพลังของมันนั้นมากพอที่จะตัดผ่านูเาขนาดเล็กลูกหนึ่งได้อย่างง่ายดาย
เจียวคุนแสยะยิ้มเย็น จากนั้นมือที่มีกรงเล็บของเขาก็ตบไปยังคมกระบี่เล่มนั้นโดยตรง กรงเล็บสีแดงอันแหลมคมปะทะกับคมกระบี่เล่มนั้นในทันที
เปรี้ยง...!
เสียงการปะทะกันของพลังกระบี่และพลังจากกรงเล็บดังสนั่นขึ้นมาฉับพลัน คลื่นะเิพลังจากสองฝั่งสาดซัดไปทั่วบริเวณ ก้อนหินขนาดเล็กมากมายบนพื้นด้านล่างที่ห่างไปไกลออกไปหลายร้อยเมตรถึงกับปลิวกระเด็นจากตำแหน่งเดิม
หลิ่วอีเสวี่ยเคลื่อนไหวกายอย่างรวดเร็วจนกลายเป็ลำแสงสีน้ำเงินสายหนึ่ง ไม่นานคมกระบี่ก็พุ่งทะลวงออกมาอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นมันก็กลายเป็คมกระบี่จำนวนหลายร้อยเล่มในทันที ซึ่งคมกระบี่ทั้งหมดนี้ก็กวาดซัดมาทางเจียวคุนราวกับห่าฝน
เกราะป้องกันสีแดงพลันปรากฏขึ้นบนผิวกายของเจียวคุน เกราะนี้ห่อหุ่มร่างของบุรุษผู้นั้นเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ทำให้บรรดาคมกระบี่จำนวนมากที่พุ่งทะยานเข้ามาปะทะเข้ากับเกราะป้องกันจนเกิดเสียงดังสนั่น
แม้จะมีคมกระบี่บางเล่มที่สามารถเจาะทะลวงผ่านเกราะป้องกันนี้ได้สำเร็จ แต่พวกมันก็ไม่อาจเฉือนไปถึงผิวเนื้อของเขาได้ เนื่องจากยังมีเกล็ดบนผิวคอยสกัดกั้นอีกที
คนทั้งสองกำลังต่อสู้กันกลางอากาศอย่างดุเดือด คลื่นพลังที่สาดซัดไปทั่วบริเวณทำให้ผู้คนที่พบเห็นต้องตื่นตะลึงในความทรงพลังของมัน
มู่เฟิงที่แอบซ่อนตัวอยู่ด้านล่างกำลังจับจ้องการต่อสู้นี้อย่างไม่วางตา เวลานี้ดวงตาของเขากำลังเต็มไปด้วยความปรารถนา
“สักวันหนึ่งข้าจะยืนหยัดอยู่บนฟ้าอย่างภาคภูมิ และแข็งแกร่งมากพอที่จะทำลายฟ้าทลายดิน”
มู่เฟิงลอบคิดในใจ
หลังจากที่คนทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดมาได้สักพัก ฉับพลันนั้นหลิ่วอีเสวี่ยก็มุ่งหน้าบินไปยังยอดเขาอีกลูกหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป เจียวคุนไม่รอช้ารีบไล่ตามนางไปในทันที
เมื่อมู่เฟิงเห็นคนทั้งสองบินห่างออกไปไกลแล้ว เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าหลิ่วอีเสวี่ยจงใจหลอกล่องูเจียวไฟตนนั้นออกไป
เขาเดินออกจากรอยแยกของโขดหิน ก่อนจะตรงไปยังปากปล่องูเาไฟ เมื่อมองลึกเข้าไปในปากปล่องด้านใน ดวงตาของเขาก็มีร่องรอยความลังเลปรากฏขึ้น
เขาไม่รู้ว่าข้างในนั้นจะมีอันตรายอะไร ซึ่งมันอาจจะอันตรายถึงชีวิตหากเขาตัดสินใจลงไป
ในตอนนี้หลิ่วอีเสวี่ยกำลังต่อสู้พัวพันอยู่กับงูเจียวไฟ นี่เป็โอกาสอันดีที่เขาจะสามารถหลบหนีได้
“เฮ้อ ลืมมันไปเถอะ เมื่อตกเป็เป้าของผู้แข็งแกร่งระดับหยวนตานแล้ว การหลบหนีก็ไม่มีประโยชน์ อย่างมากก็ทำได้แค่ลองเสี่ยงโชคดูเท่านั้น”
มู่เฟิงถอนหายใจ จากนั้นดวงตาของเขาก็ฉายแววแน่วแน่มั่นคง เขาตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อ
มู่เฟิงกัดฟันแน่นก่อนจะะโลงไปในที่สุด
ภายในปล่องูเาไฟถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหิน ในตอนที่ร่างของมู่เฟิงตกลงมา เขาก็ได้ดึงดาบออกมาจากด้านหลังและแทงดาบเข้าไปในกำแพงหิน และในที่สุดดาบของเขาก็สามารถเกาะยึดกำแพงหินเอาไว้ได้ ทำให้ร่างของเด็กหนุ่มห้อยอยู่บนกำแพงหิน
ด้านล่างลึกลงไปอีกหลายพันเมตรมีหินหนืดที่กำลังเดือดพล่าน
จากนั้นมู่เฟิงก็หยิบดาบอีกเล่มออกมาจากแหวนเฉียนคุน เด็กหนุ่มใช้ดาบสองเล่มนี้เสียบแทงลงไปบนร่องกำแพงหินสลับกัน เพื่อเป็ตัวช่วยในการปีนลงจากกำแพงหินนี้
ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีมู่เฟิงก็สามารถลงมาถึงด้านล่างได้ในที่สุด หินหนืดเ่าั้อยู่ต่ำกว่าเท้าของเขาเพียงเจ็ดถึงแปดเมตรเท่านั้น
บริเวณขอบของหินหนืดมีโขดหินก้อนใหญ่ยื่นออกมาและมีรูขนาดใหญ่อยู่ในกำแพงหิน
มู่เฟิงะโขึ้นไปบนโขดหินก้อนนั้น ก่อนจะพบว่าเบื้องหน้าเขาคือถ้ำูเา ไฟ อุณหภูมิของที่นี่พุ่งสูงจนน่าใ เกรงว่าอุณหภูมิคงไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยองศา
มู่เฟิงเหงื่อไหลอาบไปทั่วร่างเพราะความร้อน เขาโคจรพลังปราณภายในร่างให้ไหลเวียนอยู่ตลอดเพื่อต้านทานอุณหภูมิที่ร้อนระอุนี้
มู่เฟิงถือดาบเอาไว้ในมือ เขาเดินเข้าไปในถ้ำหินอย่างระมัดระวัง เกรงว่าถ้ำหินนี้คงจะเป็ที่พำนักของงูเจียวไฟตัวนั้น
เมื่อก้าวเข้าไปในถ้ำหิน เด็กหนุ่มก็ค้นพบว่าด้านในของถ้ำหินนั้นมีหินหยกจำนวนมากถูกฝังเอาไว้้า หินหยกจำนวนมากเหล่านี้กำลังเรืองแสงออกมา เห็นได้ชัดว่ามันมีประโยชน์เป็อย่างยิ่ง ทำให้ภายในถ้ำสว่างไสว
ทางเดินภายในถ้ำหินมีความยาวประมาณยี่สิบเมตร ในที่สุดมู่เฟิงก็เดินมาถึงโพรงหินขนาดใหญ่
โดยรอบๆ ข้างโพรงหินขนาดใหญ่นี้มีห้องหินอยู่หลายห้อง โดยภายในห้องหินนั้นมีโต๊ะ เก้าอี้ เตียงหยกและของใช้จำเป็อย่างอื่นอีก
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของมู่เฟิงได้เป็อย่างดีก็คือแอ่งหินหนืดขนาดเล็กใจกลางถ้ำ ในแอ่งหินหนืดนี้มีดอกบัวสีแดงกำลังบานสะพรั่ง หากมองจากสายตาคิดว่าคงมีเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งเมตร ดอกบัวดอกนี้กำลังบานสะพรั่งท่ามกลางหินหนืด และมันก็งดงามเป็อย่างมาก กระทั่งกลิ่นหอมของดอกบัวยังลอยอบอวลอยู่ภายในถ้ำ
ตรงกลางขแงดอกบัวนั้นมีฝักบัวอยู่ และบนฝักบัวก็คือเม็ดบัวสีแดง
ดวงตาของมู่เฟิงตาเป็ประกาย นี่คือสมุนไพรขั้นหก บัวอัคนีและเม็ดบัวอัคนี!