หม่าซื่อร้องไห้อย่างอัดอั้นตันใจ “์ เหตุใดชีวิตข้าจึงยากลำบากเพียงนี้ ต้องแต่งกับชายี้เีและโง่งมเช่นนี้… ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ์... ท่านเอาชีวิตข้าไปเถิด”
“ร้องอะไรของเ้า ข้าถามเ้าดีๆ แต่เ้ากลับมาร้องห่มร้องไห้กับข้า” สวี่เจิ้งเห็นลูกๆ ยืนหน้าเครียดอยู่นอกประตูห้องโถงจึงรีบวิ่งไปปิดประตูแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้ามาทันที เขาเอื้อมมือมาดึงสาบเสื้อของหม่าซื่อ กล่าวเสียงต่ำว่า “พูดมา ในสิบสองคนนั่นผู้ใดเป็ชายชู้ของเ้า!”
หม่าซื่อโกรธจนถ่มน้ำลายใส่หน้าสวี่เจิ้ง ทั้งยังยกมือขึ้นตบหน้าสวี่เจิ้งไปฉาดหนึ่ง
แม้สวี่เจิ้งจะเจ็บหน้า แต่ก็ไม่ได้ลงมือลงไม้กับหม่าซื่อ หลายปีมานี้เขาไม่เคยตบตีหม่าซื่อเลยสักครั้ง ทำเพียงใช้มือใหญ่ๆ ของตนจับมือทั้งสองของหม่าซื่อไว้ “หากไม่ใช่ชายชู้ เ้าจะทำไข่ไก่ให้พวกเขากินทุกมื้อทำไม” กระทั่งเขาก็ยังไม่เคยกินไข่ไก่เลย หม่าซื่อเป็ภรรยาเขา แต่กลับต้มไข่ให้บุรุษอื่น หากบอกว่าไม่มีเื่อันใดคงไม่เชื่อ!
หม่าซื่อเสียใจจนร้องไห้ กล่าวไปว่า “ไข่ไก่พวกนั้นบ้านหลี่ขอให้ข้าต้มให้พวกเขากิน น้องจ้าวกลัวว่าคนนอกจะพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับข้าจึงอยู่กับข้าทุกวัน หากเ้าไม่เชื่อก็ไปถามน้องจ้าวได้”
สวี่เจิ้งถามอย่างแปลกใจ “ทุกวันที่ผ่านมาจ้าวซื่ออยู่ที่บ้านพวกเราหรือ”
หม่าซื่อสะบัดมือของสวี่เจิ้งออกไปอย่างแรง ทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น ใช้มือทุบพื้นพลางร้องห่มร้องไห้ แล้วกล่าวว่า “ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”
สวี่เจิ้งเปิดประตูด้วยใบหน้าดำคล้ำ ทำให้เด็กๆ ที่แอบฟังอยู่ด้านนอกใจนรีบถอยหลังไปหลายก้าว เขาถามลูกๆ ว่า “วันที่บ้านเราช่วยบ้านหลี่ทำอาหารให้คนสิบสองคนนั่น จ้าวซื่อของบ้านหลี่มาอยู่เป็เพื่อนแม่ของพวกเ้าทุกวันหรือ”
เด็กๆ พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง
อู่โก่วจื่อเงยหน้ามองไปยังหม่าซื่อที่นั่งร้องไห้อยู่บนพื้น รวบรวมความกล้ากล่าวขึ้นว่า “น้องๆ ก็อยู่บ้านด้วย”
ซื่อโก่วจื่อกล่าวเสียงเบา “ท่านพ่อ ข้าได้ยินท่านแม่บอกว่า ต้องขอบคุณครอบครัวหลี่ที่ไหว้วานพวกเราทำอาหารให้คนสิบสองคนนั้นกิน ในเวลาเพียงครึ่งเดือนบ้านเราทำเงินได้ร้อยแปดสิบห้าทองแดง แล้วยังมีไข่ไก่ที่เหลืออีกเก้าฟองด้วย” ขวานที่เขาทำหายมีมูลค่าสามสิบห้าทองแดง หนึ่งร้อยแปดสิบห้าทองแดงสามารถซื้อขวานได้ห้าเล่มเชียว
สวี่เจิ้งคิดไม่ถึงว่าจะหาเงินได้มากเพียงนี้ จึงถามไปว่า “หาเงินได้มากเพียงนี้ เหตุใดแม่ของเ้าไม่บอกข้าเล่า?”
ซื่อโก่วจื่อตอบไปว่า “ท่านแม่นำเงินทองแดงพวกนั้นไปใช้หนี้แล้ว ส่วนไข่ไก่เก้าฟองก็ขายออกไปไม่ได้กิน”
สวี่เจิ้งเข้าใจกระจ่างขึ้นมาโดยพลัน “ข้าถูกคนพวกนั้นหลอก”
“พวกเ้าอย่าพูดกับเขาอีกเลย เขาไม่เชื่อข้าแล้วก็ไม่เชื่อพวกเ้าด้วย เชื่อเพียงคำพูดของคนนอก” หม่าซื่อลุกขึ้นยืน เช็ดน้ำมูกน้ำตา วิ่งออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนู จูงเด็กๆ ตามหลังมา กล่าวกับสวี่เจิ้งว่า “ข้าจะหย่ากับเ้า ส่วนเด็กๆ ก็คืนให้ข้าทุกคน ส่วนเ้าไสหัวไป!”
สวี่เจิ้งมองหม่าซื่อที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงใบหน้าเหลืองซีดจนเป็ปกติ นี่คือภรรยาที่ร่วมลำบากลำบนมากับตนหลายปี ในใจจึงอ่อนยวบยาบ พูดไปว่า “เอาล่ะ เ้าอย่าก่อเื่ พรุ่งนี้ข้าจะไปสร้างกำแพงเมืองที่เมืองเยี่ยนแล้ว”
“เ้าพูดแล้วนะ หากเ้าไม่ไปเ้าก็เป็ไอ้ลูกเต่า!” หม่าซื่อได้ยินว่าครอบครัวจะมีรายรับเข้ามา ความโกรธในใจจึงสลายไปพลัน ครอบครัวยากจนข้นแค้นจนไม่มีข้าวสารจะกรอกหม้อจริงๆ มิเช่นนั้นคงไม่ให้สวี่เจิ้งไปสร้างกำแพงเมืองต่อแน่นอน
สวี่เจิ้งรู้สึกอับอาย รีบออกจากบ้านไปเดินเล่นในหมู่บ้าน กระทั่งมาหยุดอยู่ที่ประตูบ้านหลี่โดยไม่รู้ตัว เมื่อมองไปยังอิฐสีดำกำแพงสีขาวและบ่อน้ำที่เพิ่งขุดใหม่ ทำให้เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อว่า เพิ่งผ่านไปไม่กี่เดือนบ้านหลี่จะเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงนี้ พานให้นึกถึงความดีต่างๆ นานาที่บ้านหลี่มีให้กับบ้านของตนตามที่หม่าซื่อบอก ในใจจึงรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก
หลี่ิ่หานกำลังให้อาหารไก่ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นสวี่เจิ้งพอดีจึงะโเรียก “อาสวี่”
“พรุ่งนี้ข้าจะไปสร้างกำแพงเมืองที่เมืองเยี่ยนต่อ เ้าถามแม่เ้าดูซิว่า จะฝากสิ่งใดไปให้พ่อเ้าหรือไม่” สวี่เจิ้งกล่าวจบก็เดินจากไป
ครั้งที่แล้วหลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังไปอย่างรีบร้อน จึงได้แต่นำแป้งย่างใส่ไข่หลายสิบแผ่น ที่หลี่หรูอี้ทำไปให้ท่านพ่อและท่านอา ทว่าคราวนี้มีเวลาเหลือเฟือ บ้านหลี่จึงเตรียมของไปให้พวกเขามากมาย
อู่โก่วจื่อเดินออกมาจากบ้านเพื่อตั้งใจจะบอกกับหลี่หรูอี้เื่ที่สวี่เจิ้งกับหม่าซื่อทะเลาะกัน
วันนี้ตอนที่หม่าซื่อพูดกับสวี่เจิ้งเื่หย่าร้างอยู่ภายในบ้านและกันลูกๆ ไว้ทางด้านหลัง มีอู่โก่วจื่อรวมอยู่ด้วย การกระทำนี้ทำให้อู่โก่วจื่อรู้สึกะเืใจ
ก่อนหน้านี้อู่โก่วจื่อคิดว่าหม่าซื่อไม่เห็นตนอยู่ในสายตา แต่คราวนี้เมื่อคิดดูแล้ว หม่าซื่อคงทำงานหนักจนไม่มีเวลามาใส่ใจนางมากกว่า นางจึงหวังให้หม่าซื่อและสวี่เจิ้งมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
ตอนเย็นจ้าวซื่อและหลี่เจี้ยนอันนำสัมภาระที่เตรียมให้สองพี่น้องหลี่ซานและหลี่สือไปฝากไว้ที่บ้านสวี่
จ้าวซื่อพูดกับสวี่เจิ้งว่า “ปากของคนเราก็เป็เช่นนี้ เมื่อริมฝีปากบนล่างกระทบกัน ไม่ว่าคำพูดอะไรก็พูดออกมาได้ทั้งนั้น บางคนมีจิตใจคิดไม่ดี ไม่อยากเห็นสามีภรรยาบ้านอื่นกลมเกลียวกัน จึงตั้งใจพูดเื่ร้ายๆ เพื่อยุแยงความสัมพันธ์ของสามีภรรยาบ้านอื่น ข้ากลัวว่าเ้าจะได้ยินคำพูดเหลวไหลของคนในหมู่บ้านแล้วไปสงสัยพี่หม่า ทุกวันที่ผ่านมาข้าจึงอยู่ที่บ้านของเ้าเป็เพื่อนพี่หม่าั้แ่เช้าจนเย็น”
สวี่เจิ้งก้มหน้าหลบตาด้วยความละอาย ไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
จ้าวซื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เ้าทำงานอยู่นอกบ้านลำบากไม่น้อย พี่หม่าที่อยู่กับบ้านก็ไม่ได้เอาแต่ใช้ชีวิตสุขสบาย พี่หม่าต้องปักผ้าหาเงิน ทั้งยังต้องดูแลลูกๆ หากมีเงินก็แล้วไปเถิด แต่นี่ไม่มีเงิน ไม่ว่าเื่ใดก็ต้องคำนวณให้ดีว่าจะใช้จ่ายเท่าใด จะใช้เงินแค่ทองแดงเดียวก็ยังต้องคิดแล้วคิดอีก ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากยากเข็ญ”
เมื่อได้ยินดังนั้นสวี่เจิ้งก็รู้สึกสำนึกผิด กล่าวเสียงอ่อยๆ ว่า “คราวนี้ข้าผิดต่อนางแล้ว”
หม่าซื่อรู้สึกซาบซึ้งใจต่อจ้าวซื่อยิ่งนัก ปาดน้ำตาพลางพูดว่า “คนในหมู่บ้านอิจฉาที่เ้ามอบหมายเื่ทำอาหารให้บ้านข้า สามีของข้าคนนี้ทั้งโง่งมและมีความคิดตรงไปตรงมา ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าคนพวกนั้นชั่วร้ายเพียงใด”
ในที่สุดสวี่เจิ้งก็รู้ว่าคนพวกนั้นไม่เพียงแต่จะคิดทำลายความสัมพันธ์สามีภรรยาของเขาและหม่าซื่อ ทั้งยังคิดแย่งเื่ดีๆ ของบ้านหลี่ไปอีกด้วย ในใจจึงรู้สึกเคียดแค้นชิงชังนัก กระทั่งสาบานว่าต่อไปจะไม่ฟังข่าวลือไร้สาระอีก
จ้าวซื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของหม่าซื่อเกิดประกายคาดหวัง จึงรีบพูดว่า “ครอบครัวพวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาหลายปี ต่อไปหากมีเื่ดีๆ ข้าจะมาหาพวกเ้าแน่ เื่นี้เ้าวางใจเถิด”
หม่าซื่อรีบกล่าวขอบคุณ
จ้าวซื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้หม่าซื่อ กล่าวเตือนไปว่า “ข้าได้ยินอู่โก่วจื่อบอกว่า เ้าจะหย่ากับสวี่เจิ้ง เ้าพูดเช่นนี้ทำให้เด็กๆ ใกันหมดแล้ว ทั้งยังทำให้พ่อของเด็กๆ เสียใจด้วย ต่อไปก็อย่าพูดอีก”
สายลมอ่อนๆ ของฤดูใบไม้ร่วงพัดมา ดวงอาทิตย์ยามเย็นเคลื่อนสู่ทิศตะวันตก
ณ สถานที่ก่อสร้าง นอกประตูเมืองเยี่ยน ชายฉกรรจ์หลายร้อยคนกำลังรอรับค่าแรง บางคนสายตาเฉียบแหลมชี้ไปยังชายฉกรรจ์ที่สวมใส่ชุดสีดำที่กำลังเดินมาบนถนน ะโเสียงดังว่า “สวี่เจิ้ง!”
“ข้ากลับมาอีกแล้ว” สวี่เจิ้งที่เดินทางมาหลายสิบลี้มองไปยังกำแพงเมืองที่คุ้นเคยและใบหน้าของสหายร่วมงานที่คุ้นตา แต่ลึกๆ แล้วก็รู้สึกทอดถอนใจ
ทุกคนพากันกล่าวว่า “เ้าเด็กนี่ยอมทิ้งอ้อมกอดอุ่นๆ ของภรรยากลับมาแล้ว”
“สวี่เจิ้ง เ้ากลับมาได้ถูกเวลาจริงๆ ทางการขึ้นค่าแรงให้พวกเราแล้ว ได้วันละยี่สิบห้าทองแดง มากกว่าเมื่อก่อนห้าทองแดง!”
สองพี่น้องตระกูลหลี่มีเหงื่อเต็มกาย พวกเขายืนอยู่ในกลุ่มคน กำลังโบกมือให้สวี่เจิ้ง
สวี่เจิ้งเดินเข้าไปของานกับผู้คุมงานร่างอ้วน หลังจากได้รับคำอนุญาตแล้วจึงเดินไปหาสองพี่น้องบ้านหลี่ นำห่อสัมภาระที่ทางบ้านหลี่เตรียมไว้ออกมาส่งให้
ทุกคนหิวจนท้องแทบจะติดกับหลัง จึงรีบโร่เข้าไปต่อแถวรับอาหารเย็นราวกับผีหิวตายกลับชาติมาเกิด ไม่ได้สนใจดูสัมภาระของบ้านหลี่
สวี่เจิ้งและสองพี่น้องบ้านหลี่เดินไปคุยกันใต้ต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป
.......................................