เห็นได้ชัดว่า แผ่นดินอาเซรอทที่ซุนเฟยทะลุมิติมานั้นเป็โลกที่เต็มไปด้วยความเชื่อเื่พระเ้าและพลังลี้ลับ คนส่วนใหญ่จึงเชื่อว่าพระเ้ามีจริง และเนื่องจากว่ามีาเกิดขึ้นได้ทุกพื้นที่ ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากที่ศรัทธาและเชื่อถือในตัวพระเ้า หากบอกว่าชัยชนะที่ได้รับมาเป็สิ่งที่พระเ้าอวยพรให้ ถ้าเป็โลกก่อนคงมองว่ามันเป็เื่ไร้สาระมากที่สุด แต่สำหรับโลกใบนี้มันกลับกลายเป็เื่ที่สมเหตุสมผลที่สุด กลายเป็ข้ออ้างที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ซุนเฟยจำเป็ต้องหาอะไรมาเป็ข้ออ้างในการอธิบายเื่ราวที่เกิดขึ้นกับอเล็กซานเดอร์ทั้งหมด
ตอนนี้ เขาหาพบแล้ว
ซุนเฟยเชื่อว่าใช้เวลาไม่นานหรอก สิ่งที่ตนเองพูดในเย็นนี้จะต้องถูกชายตรงหน้าที่มีนิสัยซื่อตรงนำไปพูดแบบปากต่อปากและเื่นี้ก็จะแพร่ไปทั่วเมืองแซมบอร์ด หลังจากนี้ตัวเองก็ไม่ต้องไปอธิบายทุกสิ่งอย่างกับทุกคนอีก
บางครั้ง ข่าวลือก็น่าเชื่อถือมากกว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาและมันยิ่งง่ายที่จะได้รับความไว้วางใจจากคนอื่น
แน่นอนว่าในขั้นตอนนี้ ซุนเฟยใช้กลอุบายโดยการจงใจที่จะเชื่อมโยงความสัมพันธ์อันคลุมเครือของตัวเองกับพระเ้าที่คนส่วนใหญ่นับถือ หนังสือประวัติศาสตร์มากมายในโลกก่อนได้บอกซุนเฟยว่า ความเชื่อส่วนบุคคลเป็สิ่งที่สร้างหายนะได้ใน่กลางทศวรรษ บางครั้งมันอาจะเป็สิ่งที่ดีและช่วยคุณอย่างคาดไม่ถึงโดยบังเอิญ
“เื่ราวก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าข้าจะจำไม่ค่อยได้...บรู๊ค เ้าพอจะอธิบายเื่ราวของเมืองแซมบอร์ดหรือเื่ราวของราชอาณาจักรทั้งหมดให้แก่ข้าหน่อยได้หรือเปล่า”
ด้วยลักษณะท่าทางภายนอกของซุนเฟยที่ดูเป็ธรรมชาติ และคำพูดที่เป็ทางการ ทำให้บรู๊ครีบตอบกลับว่า
“น้อมรับคำสั่ง ฝ่าา ขอบเขตในราชอาณาจักร พระองค์มีเพียงเมืองแซมบอร์ด แผ่นดินอาเซรอทได้มีการแบ่งระดับอาณาจักร เมืองแซมบอร์ดไม่ใช่อาณาจักรอิสระ แต่เป็เพียงอาณาจักรบริวารของราชอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ ประชาชนทั้งหมดมีไม่ถึงหนึ่งหมื่นคน ทหารรักษาพระองค์ก็มีเพียงสี่ร้อยคน...” ไม่ต้องสงสัยเลยว่า บรู๊คพยายามเค้นความคิดหัวแทบแตกเพื่อให้ได้ภาษาที่ง่ายต่อความเข้าใจและพูดออกมาในสิ่งที่ตัวเองรู้อย่างละเอียด
“อาณาจักรบริวาร?”
ซุนเฟยรู้สึกแย่ คำๆ นี้ทำให้ซุนเฟยรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างไรไม่รู้
สุดท้ายก็...
“ใช่แล้วขอรับฝ่าา ราชอาณาจักรที่เมืองแซมบอร์ดอยู่ใต้อำนาจคือราชอาณาจักรเซนิท ราชอาณาจักรเซนิทมีอาณาจักรบริวารทั้งหมดสองร้อยห้าสิบอาณาจักร อาณาจักรบริวารทั้งสองร้อยห้าสิบอาณาจักรได้ถูกแบ่งเป็หกระดับตามความแข็งแกร่งของอาณาจักร เมืองแซมบอร์ดอยู่ในระดับต่ำสุด” บรู๊คอธิบายรายละเอียดอย่างช้าๆ “นั่นคือระดับที่หก และยังมีอาณาจักรระดับเดียวกันกับเราที่อยู่ภายใต้การปกครองของราชอาณาจักรเซนิทอีกหกสิบแปดอาณาจักร...”
ซุนเฟยนิ่งเงียบท่ามกลางสายลมที่พัดโชยมา
นี่คือความจริง
อาณาจักรของตัวเองมีขนาดเล็กมาั้แ่แรกอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเมื่อเป็าาแล้วชีวิตก็จะสวยหรูอลังการ แต่ความจริงแล้วพื้นที่การปกครองของเขาก็มีเพียงเมืองแซมบอร์ด อีกทั้งประชาชนก็น้อยมาก แม้แต่ประชากรในพื้นทีู่เาที่ยากจนทางตะวันตกเฉียงเหนือของโลกก่อนยังมีคนมากกว่าซะอีก รู้สึกว่าตัวเองยังเทียบไม่ได้แม้แต่นายกเทศมนตรีเลยด้วยซ้ำ?
เป็ครั้งแรกที่ซุนเฟยพบว่า ความจริงไม่ได้สวยงามเหมือนที่เขาคิด
เขาก้มหน้าลงครุ่นคิด ก่อนจะถามอย่างไม่เต็มใจว่า “บรู๊ค ตามที่เ้าพูด ถ้าอย่างงั้นราชอาณาจักรเซนิทของพวกเราก็น่าจะมีอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินอาเซรอทใช่ไหม?”
สีหน้าของบรู๊คเปลี่ยนไปเล็กน้อย
แต่หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตอบออกไปเท่าที่ตัวเองทราบอย่างซื่อสัตย์ “แผ่นดินอาเซรอทมีพื้นที่กว้างใหญ่และมีอาณาเขตที่ใหญ่มาก ในตำนานก็ยังกล่าวว่า แม้แต่พระเ้าก็ไม่สามารถเดินทางไปทั่วแผ่นดิน บนแผ่นดินมีราชอาณาจักรมากมายและสามารถแบ่งระดับตามความแข็งแกร่งของราชอาณาจักรซึ่งจะมีั้แ่หนึ่งถึงเก้า โดยที่ระดับเก้าเป็ราชอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุด ระดับหนึ่งเป็ราชอาณาจักรที่อ่อนแอที่สุด ราชอาณาจักรระดับเก้าจะอยู่ยอดของพีระมิด ส่วนราชอาณาจักรเซนิทของเมืองแซมบอร์ดเป็เพียงหนึ่งในราชอาณาจักรระดับหนึ่งของแผ่นดิน....”
เมื่อซุนเฟยได้ฟัง ในใจของเขาพลันห่อเหี่ยว
เป็ความจริงที่เขาคาดไม่ถึง สถานะเมืองแซมบอร์ดอยู่ในระดับต่ำสุด ยิ่งไม่ต้องคิดเลยว่า ในแผ่นดินอาเซรอททั้งหมด ตำแหน่งาาของอาณาจักรเล็กๆ มันไร้ค่ามากแค่ไหน...เพียงแต่ตำแหน่งนี้มันฟังดูดีกว่านักศึกษาจบใหม่จากมหาวิทยาลัยเท่านั้นเอง
ใบหน้าซุนเฟยหมองคล้ำ ในใจนึกสงสัย ถ้าเป็ไปตามที่บรู๊คพูด เพียงอาณาเขตเล็กๆ พื้นที่ไม่กี่ไร่กับกองกำลังแค่สามสี่ร้อยคน ไม่ว่าใครก็สามารถตั้งตนเป็าาได้ าาแบบนี้กับหัวหน้าโจรูเาของยุคโบราณที่โลกเก่า มันก็แทบจะไม่แตกต่างกันเลยนะสิ
“บัดซบเอ๊ย โลกนี่มันอะไรกันวะ! พูดมาตั้งนาน สุดท้ายบิดาก็เป็เพียงหัวหน้าโจรูเาชัดๆ...แล้วยังเป็แค่หัวหน้าโจรูเาที่อ่อนแอสุดๆ อีกต่างหาก”
ซุนเฟยรู้สึกอยากจะร้องไห้ ทีแรกคิดว่าพอเป็าาแล้วจะมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ใครจะรู้ว่าที่จริงแล้วตัวเองก็แค่กบในกะลาที่เพียงมองโลกแค่ด้านเดียวแล้วคิดว่าตัวเองสามารถควบคุมคางคกบนโลกทั้งหมดได้
ซุนเฟยสับสนอยู่สักพัก ทันใดนั้นก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะถามด้วยความสงสัยว่า “ถ้าอย่างนั้น...ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรทั้งหมดบนแผ่นดิน...ก็ไม่น่าจะมีการทำาบ่อยๆ ใช่ไหม?”
“ในแผ่นดินอาเซรอท การทำาเป็เื่ปกติ...” บรู๊คเหมือนจะติดนิสัยชอบทำตัวเป็ ‘อริ’ กับซุนเฟย ก่อนจะพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจว่า “ทุกคนเกิดและตายในา...พ่อแม่ของข้าก็ตายในาเช่นกัน ตลอดเวลาก็จะมีคนตาย...”
ซุนเฟยตกตะลึง
พูดมาขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าตัวเองที่เป็าาจะถูกบดขยี้จากมหาอำนาจได้ทุกเมื่อหรือ? เมื่อามาถึง ในสนามรบต่อให้มีคนที่มีพลังมหาศาลไปปราบปรามคนนับล้าน แม้ว่าคนเพียงคนเดียวจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่ดี
“แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่ขอความช่วยเหลือจากราชอาณาจักรเซนิทล่ะ? ในฐานะที่เป็ราชอาณาจักรที่ปกครองเรา ราชอาณาจักรเซนิทก็ควรที่จะมีหน้าที่ในการปกป้องอาณาจักรบริวารของตัวเองสิ?” ซุนเฟยเริ่มจับใจความได้แล้ว
คำตอบของบรู๊คทำให้ซุนเฟยรู้สึกสิ้นหวัง
“หากทราบว่ามีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นที่นี่ ราชอาณาจักรเซนิทก็ควรจะส่งกองกำลังและผู้ที่แข็งแกร่งมาช่วย แต่ปัญหาคือ...” พูดถึงตรงนี้บรู๊คก็ชี้ไปทางค่ายสีดำฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำจูลี่ ก่อนจะพูดอย่างจนใจว่า “พวกมันปิดเส้นทางการติดต่อของเมืองแซมบอร์ดและโลกภายนอก พวกเราจึงไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้”
เป็แบบนี้นี่เอง
ซุนเฟยเริ่มเข้าใจโครงสร้างอำนาจของแผ่นดินอาเซรอทจากคำบอกเล่าของบรู๊คอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังพบจุดสำคัญที่จะหาหนทางรอดจากานี้ได้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แผ่นดินอาเซรอทยิ่งใหญ่เพียงใด พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลมากแค่ไหน มันใหญ่กว่าทวีปใดๆ ในโลกก่อน...มันอาจจะใหญ่กว่าพื้นที่ทั้งโลกก็ได้
แน่นอนว่า มันก็อยู่เหนือสิ่งที่ซุนเฟยจินตนาการไว้
ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ พื้นที่กว้างใหญ่นี้ แม้แต่ในตำนานยังบอกว่าพระเ้ายังไม่สามารถเดินทางได้ทั่ว เห็นได้ชัดว่าโลกนี้เต็มไปด้วยาที่ไม่หยุดหย่อนและความวุ่นวาย การฆ่าเกิดได้ทุกเมื่อ หลายอาณาจักรก็พากันทำาเพื่อพิชิตอาณาจักรไม่หยุดหย่อน าที่เป็ดั่งท่วงทำนองเพลงอันเป็นิรันดร์ของแผ่นดิน
ซุนเฟยรู้สึกถึงแรงกดดันของการเอาชีวิตรอดถาโถมเข้าใส่อีกครั้ง
“มารดามันเถอะ ไม่แปลกใจเลยว่าาาองค์ก่อนถึงเรียกว่าอเล็กซานเดอร์ แรงกดดันมันใหญ่กว่าูเาซะอีก...ความวุ่นวายที่เห็นได้ชัด มันก็เหมือนาฤดูใบไม้ผลิในประวิติศาสตร์ของจีน!”
แต่ซุนเฟยกลับจับประเด็นสำคัญในคำพูดของบรู๊คได้อย่างเฉียบแหลม
บทกลอนของยุคที่เจริญรุ่งเรืองได้เขียนถึงกฎการอยู่รอดของโลกที่วุ่นวาย ในคำตอบของบรู๊คที่ไม่ค่อยชัดเจน ซุนเฟยก็ค่อยๆ ค้นพบ บางทีในการใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางาที่ไม่เคยหยุดมานานหลายปี แผ่นดินอาเซรอทได้สร้างระบบพีระมิดที่น่าสนใจและเหมาะสำหรับการอยู่รอดในโลกนี้ ในระบบนี้มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอด ในเมื่ออาณาจักรที่อ่อนแอยังอยู่รอดได้ทำไมซุนเฟยจะพาอาณาจักรตัวเองอยู่รอดไม่ได้
สายลมยามกลางคืนพัดความชุ่มชื้นแม่น้ำที่อยู่ไกลๆ เข้ามา
บรรยากาศน่าอึดอัดเล็กน้อย
ซุนเฟยจะไม่คิดถึงเื่ในอนาคต ความคิดของเขากลับมาที่เมืองแซมบอร์ด “บรู๊ค อธิบายสภาพในเมืองแซมบอร์ดอย่างละเอียดมาสิ ในฐานะที่เป็าา ตอนนี้ข้ายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาณาจักรของข้าเลย เช่น นอกจากข้าแล้ว เมืองแซมบอร์ดยังมีขุนนางคนไหนบ้างที่อำนาจและอิทธิพล?”
ซุนเฟยรักษามาด ถามบรู๊คต่อ เขาอยากจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างจากปากของบรู๊ค
บรู๊คคิดแล้วคิดอีกก่อนจะพูดว่า “นอกจากฝ่าาแล้ว ผู้ที่มีอำนาจที่สุดในเมืองแซมบอร์ดคือบาร์เซิล เพราะว่าเมื่อก่อนท่าน...” บรู๊คพูดถึงตรงนี้ ในหัวก็พยายามเค้นหาคำพูดดีๆ ไม่รู้ว่าจะอธิบายถึงพฤติกรรมงี่เง่าของซุนเฟยเมื่อก่อนอย่างไรดี ลังเลอยู่นานก่อนจะพูดต่อว่า “เมื่อสองสามปีก่อน บาร์เซิลได้รับมอบอำนาจเป็ตัวแทนฝ่าาในการบริหารเมืองแซมบอร์ด นอกจากอำนาจทางการทหารที่ท่านแฟรงก์ แลมพาร์ดเป็ผู้กุมอำนาจไว้ เื่อื่นๆ ในเมืองแซมบอร์ดบาร์เซิลจะเป็ผู้ดูแลทั้งหมด...”
“บาร์เซิล?” ซุนเฟยคิดถึงเื่หนึ่งขึ้นมา ถามไปว่า “เขามีลูกชายที่อ้วนเหมือนหมูคนหนึ่งที่ชื่อว่ากิลใช่ไหม?”
“ใช่แล้วฝ่าา กิลเป็สหายคนสนิทของท่าน!”
ไอ้หมูอ้วนเนี่ยนะเป็สหายคนสนิทของบิดา? ในใจของซุนเฟยหัวเราะอย่างเ็า บาร์เซล กิล ทั้งสองคนนี้คาดว่าจะไม่ใช่คนดีอะไร คนหนึ่งอำนาจของาา คนหนึ่งคอยชักนำอยู่ข้างๆ ราวกับพ่อลูกผู้ชั่วร้ายคู่หนึ่งในตำนานเหยี่ยนซ่งและเหยี่ยนซื่อฝานที่แอบรวบอำนาจฮ่องเต้นำความหายนะมาสู่ราษฎร?
“เ้าว่าต่อเถอะ นอกจากบาร์เซิลแล้ว ยังมีคนอื่นที่มีอำนาจอีกไหม?” ซุนเฟยจำสองพ่อลูกคู่นี้ในใจอย่างเงียบๆ พลางวางแผนจัดการทีหลัง
“นอกจากบาร์เซิลแล้ว ยังมีตุลาการทหารคอนก้าและพัศดีโอเลเกร์ที่เป็ผู้มีอำนาจในเมืองแซมบอร์ด เดิมทีอดีตผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ท่านแปเตอร์ แช็คก็ถือว่าเป็ผู้มีอำนาจ แต่เมื่อครึ่งเดือนก่อน จู่ๆ บาร์เซิลก็พบหลักฐานมากมายและนำมาเปิดเผยว่าท่านแปเตอร์ แช็คมีเจตนาที่จะทรยศต่อาา ท่านแปเตอร์ แช็คจึงถูกจับขังคุก”
ซุนเฟยพยักหน้า
เขาได้พบเื่ที่น่าสนใจมากอย่างหนึ่งแล้ว...บรู๊คกล้าเรียกชื่อบาร์เซิล ผู้ที่มีอำนาจที่สุดในเมืองแซมบอร์ดนอกจากาาอย่างเฉยชา แต่กลับเป็ ‘ผู้คิดทรยศาา’ อย่างอดีตผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ แปเตอร์ แช็คที่ถูกจับกุมไป ซึ่งเขาใช้น้ำเสียงที่แสดงความเคารพ เรียกเขาว่า ท่าน...นี่ไม่ใช่การอธิบายถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเหรอ?
ซุนเฟยมีลางสังหรณ์บางอย่าง แม้ว่าเมืองแซมบอร์ดจะมีขนาดเล็กจนน่าสงสาร แต่เื่ราวที่เกิดขึ้นกลับทำให้ซุนเฟยรู้สึกว่ามันยังมี ‘คลื่นใต้น้ำ’ ซุกซ่อนอยู่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้