แม้โกดังเก็บสินค้าจะมีผ้าห่มหลายแบบ แต่ปัญหาสำคัญคือเซี่ยโม่ไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรเวลาที่นำมันออกมา
ชาติที่แล้วสุขภาพร่างกายของเธอไม่ค่อยแข็งแรง
กลับมาเกิดใหม่ชาตินี้ ไม่เพียงอยากปกป้องคนในครอบครัวให้อยู่ดีมีสุข แต่เธออยากมีสุขภาพแข็งแรงควบคู่ด้วย ด้วยเหตุนี้เธอเลยตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกาย แต่ก็ไม่โหมให้เหนื่อยจนเกินไป
เธอลงจากเตียง มองคุณตา คุณยาย และน้องชายที่กำลังนอนหลับสนิท ก่อนจะค่อยๆ ย่องออกไป
ภายในบ้านตอนนี้ยังไม่มีใครตื่น จะได้ถือโอกาสนี้ลองดูว่า เธอสามารถเข้าไปในโกดังเก็บสินค้าได้ด้วยหรือไม่
เธอเดินไปที่หลังบ้าน นึกภาพโกดังสินค้าในสมอง
พริบตาเดียวเธอก็เข้ามาอยู่ในโกดังสินค้า เธอหันไปมองด้านหลังเป็หลังบ้านของคุณตาคุณยายที่เธอเพิ่งเดินมาถึงเมื่อครู่
เซี่ยโม่นึกยินดีอยู่ในใจ ต่อไปหากมีอันตราย เธอสามารถเข้ามาหลบในโกดังสินค้าได้
เดินออกมาจากโกดังสินค้า เธอวอร์มร่างกายอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเริ่มวิ่งรอบตัวบ้านสองรอบ จนเริ่มรู้สึกเหนื่อยเหงื่อไหลเต็มตัว ถึงค่อยเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อต้มน้ำทำอาหาร
เพิ่งจะเริ่มต้มน้ำก็เห็นคุณตาเดินเข้ามา
“ทำไมตื่นเสียเช้าเลย ยังไม่ต้องรีบทำอาหารก็ได้”
เธอเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณตา ปกติเวลาไปเรียนหนูก็ตื่นเวลานี้อยู่แล้วค่ะ เพราะต้องไปตัดหญ้าแห้วก่อนหนึ่งกระบุง นานวันเข้าหนูก็เลยชินกับการตื่นเช้า”
คุณตาได้ฟังพลันรู้สึกแสบร้อนที่จมูก หลานสาวของเขาช่างเก่งเหลือเกิน ทั้งที่เป็เด็กขยันขันแข็ง แต่ชายหญิงคู่นั้นก็ยังรังเกียจ หลานทั้งสองคนของเขาช่างน่าสงสารนัก หากซิ่วหลานยังมีชีวิตอยู่จะดีสักเพียงใด
ครั้นเห็นแววตาของคุณตาหม่นแสง เธอจึงเอ่ยว่า “คุณตาคะ หลังกินข้าวเสร็จเดี๋ยวหนูไปทำเื่ย้ายทะเบียนบ้านคนเดียวก็ได้ ถ้าเท้าคุณตาไม่เป็อะไรแล้ว ก็ไปทำงานตามปกติเถอะค่ะ”
“โม่โม่ หลานไปคนเดียวได้แน่เหรอ”
“คุณตาคะ หนูอยู่ชั้นมัธยมต้นแล้วนะคะ เื่เล็กน้อยแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้ หากทำไม่ได้ก็ไร้ประโยชน์เกินไปแล้วละค่ะ”
คุณตานึกถึงท่าทางของหลานสาวเมื่อวานนี้ขึ้นมา ก่อนจะพยักหน้าออกไป“ก็ได้ งั้นไปเถอะ หากพวกนั้นหาเื่ หลบได้ก็หลบนะ”
“ค่ะ”
วันนี้เซี่ยโม่วางแผนจะเอาผ้าห่มออกมาจากโกดังสินค้า เธอเลยไม่อยากพาคุณตาไปด้วย
เธอทำบะหมี่ร้อนๆ เป็อาหารเช้าให้ทุกคนรับประทาน
เห็นคุณตาคุณยายกินอย่างเอร็ดอร่อย ในใจเธอทั้งรู้สึกอบอุ่นและมีความสุข
หลังจากจบมื้ออาหาร ครึ่งชั่วโมงต่อมาเธอก็มาถึงหมู่บ้านที่เคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้
เมื่อวานผู้ใหญ่บ้านช่วยออกหน้าให้ ทั้งที่มันไม่ใช่เื่ง่ายสำหรับท่านเลย เธอควรหาของขวัญไปตอบแทนท่านสักหน่อย
โบราณกล่าวไว้ว่า ยึดตามธรรมเนียม ผู้คนจะไม่ติติง ธุระที่จะทำในวันนี้จะได้ราบรื่นด้วย
เธอหยิบน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายแดงออกมาจากโกดังสินค้า ใส่ในถุงหิ้วใบหนึ่งที่เอาออกมาจากโกดังสินค้าเช่นกัน ก่อนจะเดินตรงไปบ้านของผู้ใหญ่บ้าน
เมื่อมาถึง คุณปู่ผู้ใหญ่บ้านกำลังจะออกจากบ้านพอดี “โม่โม่ มาเื่ย้ายทะเบียนบ้านใช่ไหม”
เธอกล่าวตอบอย่างเคารพนอบน้อม “สวัสดีค่ะคุณปู่ เมื่อวานหนูต้องขอขอบคุณมากนะคะ นี่เป็ของที่คุณตาฝากมาให้ค่ะ ถือเป็น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ คุณปู่รับไว้นะคะ”
เมื่อผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าในถุงหิ้วคือน้ำตาลก็คลี่ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยคำ “ช่างเป็เด็กที่รู้ความจริงๆ หลังจากนี้ก็กตัญญูต่อคุณตาคุณยายให้มากๆ นะ”
“ค่ะ” เธอพยักหน้า
“ไป ไปที่ทำการกับปู่”
“ค่ะ”
เซี่ยโม่เดินตามหลังผู้ใหญ่บ้านไปยังที่ทำการ ทั้งสองคนเดินทิ้งระยะห่างจากกันไม่มาก
ขณะที่กำลังเดิน ข้างหน้าไม่ไกลคือเซี่ยอวิ๋นกับเพื่อนผู้หญิงสามสี่คนกำลังเดินมาทางนี้พอดี
พอเด็กสาวเหล่านี้เห็นเซี่ยโม่ก็หยุดเดิน จ้องมองมาอย่างรังเกียจ
ผู้ใหญ่บ้านหยุดเดินเช่นกัน มองเด็กสาวเหล่านี้ด้วยแววตาเรียบเฉย
เซี่ยอวิ๋นมองเซี่ยโม่ด้วยสายตาโกรธแค้น ก่อนจะเหน็บแนมว่า “น้องสาวคนดี เรานี่ใจร้ายเหลือเกินนะ กินข้าวที่บ้าน อาศัยอยู่ที่บ้าน แต่กลับมาทำร้ายชื่อเสียงของที่บ้าน มีความสุขมากเลยใช่ไหม”
เป็ฝ่ายไม่เอาใจใส่เองแท้ๆ แต่กลับทำเหมือนตัวเองเป็ฝ่ายถูกกระทำ
เซี่ยโม่คิดขึ้นมาได้ว่า เซี่ยอวิ๋นคงไปได้ยินคนในหมู่บ้านพูดกันถึงเื่นี้ จากนั้นก็เข้าไปร่วมวงด้วย แล้วพูดกลับดำให้เป็ขาว
เช่นนั้นเธอจะพูดความจริงออกไป เอาให้ทุกคนรู้กันไปเลย
“พี่สาวคนดี กำลังฝันกลางวันอยู่เหรอ พวกเธอสองแม่ลูกต่างหากที่เอาน้องชายฉันไปทิ้งบนรถไฟก่อน เื่ที่เกิดขึ้นเป็กรรมที่ตามสนองพวกเธอสองแม่ลูกต่างหาก
ฉันไม่ไปแจ้งความแม่เลี้ยงข้อหาละเลยหน้าที่แม่ ก็ถือว่าไว้หน้าให้คุณพ่อมากแล้ว ฉันกับน้องจะย้ายไปอยู่บ้านคุณตาคุณยาย ไปแต่ตัวเปล่าด้วย หลังจากนี้พวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก ฉันกับน้องทำแบบนี้ผิดตรงไหน”
เพื่อนผู้หญิงที่ยืนอยู่กับเซี่ยอวิ๋นตาโตด้วยความใ
ละเลยหน้าที่ ไปแต่ตัวเปล่า ไม่เห็นเหมือนที่เซี่ยอวิ๋นเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้เลย
แล้วพวกเธอก็เชื่อที่เซี่ยอวิ๋นเล่าให้ฟังจนหมดใจด้วย
เซี่ยอวิ๋นเล่าให้ฟังว่า เซี่ยโม่ไม่ชอบใจคนที่บ้านก็เลยอาละวาด ถูกมารดาของเซี่ยอวิ๋นต่อว่าแค่ไม่กี่คำก็ขโมยอาหารและเงิน ก่อนจะพาน้องชายออกจากบ้านไป
แค่เห็นสีหน้าของเด็กสาวเหล่านี้ เซี่ยโม่เข้าใจในทันที พวกเธอคงถูกเซี่ยอวิ๋นหลอกเข้าให้แล้ว
เซี่ยโม่เอ่ยต่อ “หากทุกคนไม่เชื่อ ลองถามผู้ใหญ่บ้านดูสิ เมื่อวานท่านก็อยู่ด้วย”
ผู้ใหญ่บ้านยิ้มพลางพยักหน้า “โม่โม่พูดถูกต้อง”
โม่โม่ไม่ผิด เป็เซี่ยอวิ๋นที่โกหก
เดิมทีเด็กสาวเหล่านี้เข้าข้างเซี่ยอวิ๋น แต่พอได้รู้ความจริงก็รีบถอยตัวออกห่างเซี่ยอวิ๋นทันควัน
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นเต็มไปด้วยความเดือดดาล เมื่อครู่เธอคิดแต่จะขวางเซี่ยโม่ จึงไม่ทันสังเกตเห็นผู้ใหญ่บ้านที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
แล้วทีนี้เธอจะทำอย่างไรดี ใครก็ได้ช่วยบอกเธอที
เธอไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกไปดี จึงโพล่งออกไปว่า “แก…แม่ฉันเลี้ยงแกมาตั้งกี่ปี แกนี่มันใจจืดใจดำจริงๆ!”
เซี่ยโม่ยกยิ้มมุมปากอย่างเ็า “แม่เธอแต่งเข้ามาได้สองปีครึ่ง สองปีครึ่งที่ผ่านมาเคยทำงานอะไรบ้างหรือเปล่า อยู่เฉยๆ ไม่ทำงานไม่ใช่เหรอ อีกอย่างทั้งที่เธออายุมากกว่าฉัน เธอกลับไม่เคยทำงานบ้านอะไรเลยสักอย่าง เงินก็ไม่ช่วยหา
พวกเธอสองแม่ลูกอาศัยแต่เงินที่พ่อฉันหามาได้ แต่ฉันทุกวันต้องขึ้นเขาไปตักน้ำ หาฟืน ซักเสื้อผ้า ทำอาหาร งานบ้านทุกอย่างฉันเป็คนทำทั้งหมด ฉันต้องตื่นแต่เช้าไปตัดหญ้าแห้วเพื่อสะสมแต้มการทำงาน คนในบ้านไม่มีใครเลี้ยงดูฉันเลยสักคน”
ในหมู่บ้านมีคนแค่ไม่กี่คน ใครเป็อย่างไร มีสิ่งใดเกิดขึ้นก็จะรู้กันไปทั่วทั้งหมู่บ้าน
งานทุกอย่างภายในบ้าน เป็เซี่ยโม่ที่ดูแลทั้งหมด
โม่โม่เป็เด็กขยัน ตื่นไปตัดหญ้าแห้วแต่เช้าทุกวัน
ทุกคนในหมู่บ้านพูดกันว่า เด็กคนนี้เป็เด็กเก่ง ขยัน แล้วก็อดทน เพียงแต่โง่งมเกินไปหน่อย แม่เลี้ยงพูดอะไรก็เชื่อไปหมด
เซี่ยโม่พูดต่ออีกว่า “ตอนที่พวกเธอเข้ามา สวมแค่เสื้อผ้าเก่าๆ มีรอยปะไปทั้งตัว แต่ดูเสื้อผ้าเธอกับเสื้อผ้าฉันตอนนี้สิ ยังจะมีหน้ามาพูดว่าแม่เธอเลี้ยงดูฉันอย่างดี ไม่อายบ้างหรือไง”
เดิมทีผู้ใหญ่บ้านไม่ได้คิดจะเข้าไปยุ่งกับเื่ของเด็กๆ
แต่เซี่ยอวิ๋นเด็กคนนี้น้ำเข้าสมองไปแล้วหรืออย่างไร ไม่รู้จักหลบหลีก รู้จักแต่สร้างปัญหา ตอนนี้ยังมาเล่นงานเซี่ยโม่อีก
ตอนแรกเขาคิดว่าเซี่ยโม่เป็เด็กที่ไม่รู้ความเอาซะเลย ยอมแม่เลี้ยงไปหมดทุกอย่าง
แต่เมื่อวานเด็กสาวแสดงออกชัดเจนว่าไม่ยอมอีกต่อไป ก็อย่างว่า น้องชายถูกแม่เลี้ยงให้คนพาไปทิ้งไว้บนรถไฟ หากยังอยู่ที่บ้านอีกก็โง่เกินไปแล้ว
ที่เซี่ยโม่กล่าวมานั้นถูกต้อง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เด็กสองคนจะมาทะเลาะกัน เขาจึงเอ่ยตัดบทว่า
“เซี่ยอวิ๋น เธอกลับไปได้แล้วไป หลังจากนี้ก็อย่าพูดอะไรมั่วซั่วไปทั่ว ฉันกับโม่โม่ต้องรีบไปทำธุระ”
เซี่ยอวิ๋นถูกเซี่ยโม่พูดตอกหน้าจนเถียงไม่ออก ตอนนี้ยังมาถูกผู้ใหญ่บ้านสั่งสอนและไล่กลับอีก มีหรือจะรับได้
เธอหันหลังวิ่งออกไป พร้อมกับร้องไห้อย่างไม่ได้รับความเป็ธรรม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้