แม้ไซพานอันจะรู้สึกว่าเื่นี้ยังพอมีความหวัง แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะย้ำกับบิดา “เช่นนั่นท่านพ่อต้องกราบทูลกับฝ่าาดีๆ นะขอรับ เพื่อที่ท่านจะได้ทานอาหารเลิศรสทุกวัน”
พูดไปแล้ว ความจริงข้อเสนอนี้ก็น่าดึงดูดมากเหลือเกิน นานแล้วที่ใต้เท้าไซไม่ได้ทานอาหารฝีมือหนิงมู่ฉือ ไม่ต้องให้บุตรชายย้ำ เขาก็จะพยายามทำให้สำเร็จให้ได้
ภายในห้องทรงพระอักษร หลังจากฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินว่าราชการใน่เช้าเสร็จจะต้องมาจัดการฎีกาในห้องทรงพระอักษร เวลานี้เองที่เสนาบดีกรมพิธีการมาขอเข้าเฝ้า
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินมีสีหน้าประหลาดใจไม่น้อย ปกติหากไม่มีเื่ใดเสนาธิบดีกรมพิธีการจะไม่มาขอเข้าเฝ้าเด็ดขาด แต่เื่สำคัญเขาก็ได้จัดการตอนว่าราชการ่เช้าไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ
“มาขอพบเรามีเื่ใดหรือ ว่ามาเถิด”
“ทูลฝ่าา กระหม่อมมีเื่อยากจะขอร้องพ่ะย่ะค่ะ”
“เื่ใดหรือ ท่านว่ามาเถิด” ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินมีสีหน้าแปลกใจด้วยอยากรู้ว่าเื่ใดถึงกับทำให้ใต้เท้าไซมาเข้าเฝ้าได้
“เทพแม่ครัวหนิงมู่ฉือยังอยู่ในฐานะบ่าวที่มีความผิดติดตัว กระหม่อมจึงคิดว่าฝ่าาควรมีรับสั่งถอนฐานะนี้ออกจากตัวนาง เพื่อคืนอิสระให้แก่นางพ่ะย่ะค่ะ”
ครั้นฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินได้ยินคำว่าหนิงมู่ฉือสามคำนี้ก็พลันชะงักนิ่งไป ขณะที่ในใจคิดว่าหนิงมู่ฉือผู้นี้ช่างร้ายกาจเหลือเกิน ถึงกับทำให้ญาติผู้น้องของเขาตกหลุมรักนางจนถอนตัวไม่ขึ้น ทำให้ท่านอาเอ็นดูรักใคร่นักหนา ตอนนี้ยังมาทำให้เสนาบดีกรมพิธีการของเขาซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับนางมาพูดขอร้องแทนนางได้
“หืม? ท่านสนิทกับนางมากหรือ เหตุใดถึงมาพูดขอร้องเราให้ถอนนางออกจากฐานะบ่าวที่มีความผิดติดตัว”
“กระหม่อมทำเพื่อหน้าตาของพระองค์ หนิงมู่ฉือเป็เทพแม่ครัวที่พระองค์พระราชทานฉายาให้ด้วยพระองค์เอง หากให้นางอยู่ในฐานะบ่าวที่มีความผิดติดตัวเช่นนี้ต่อไปจะดูไม่ดีสำหรับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางทั้งหลายล้วนเป็เช่นนี้ด้วยกันทั้งสิ้น ต่างใช้เหตุผลว่าทำเพื่อฮ่องเต้ทำเพื่อใต้หล้ามาเป็ข้ออ้างเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเอง้า
เดิมทีที่ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินให้หนิงมู่ฉือซึ่งเป็บ่าวที่มีความผิดติดตัวไปทำงานในตำหนักอ๋องก็เพื่อให้นางมีที่พึ่งพิง เพื่อให้มีคนที่จะสามารถคุ้มครองความปลอดภัยให้นางได้ แต่วันนี้ใต้เท้าไซแห่งกรมพิธีการกลับมาขอร้องแทน เื่นี้ต้องมีเหตุผล ไม่ได้ไม่มีที่มาที่ไปแน่ เื่นี้จะต้องเป็สิ่งที่หนิงมู่ฉือเองก็้าถึงได้ไหว้วานให้ใต้เท้าไซแห่งกรมพิธีการมาพูดกับเขา
ในใจเขาเองก็กระจ่างแจ้งในเื่นี้ดี ช่างเถิด ที่ใต้เท้าไซพูดมาก็ใช่ว่าไม่มีเหตุผล หากให้เทพแม่ครัวผู้หนึ่งมีฐานะเป็บ่าวที่มีความผิดติดตัวก็ออกจะดูแปลกไปสักหน่อย อาจจะทำให้ผู้คนคิดไปต่างๆ นานาได้
“เื่นี้เราอนุญาต แต่ฐานะนางมีความพิเศษ ถอดนางออกจากบ่าวที่มีความผิดติดตัว คืนอิสระให้นางได้ แต่เื่นี้ท่านต้องทำอย่างเงียบๆ ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของตัวนางเอง”
หนิงมู่ฉือคือทายาทคนสุดท้ายของสกุลหนิง หากขุนนางกังฉินทั้งหลายรู้เื่นี้ นางจะมีอันตราย
“กระหม่อมขอบพระทัยฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ หากไม่มีเื่ใดแล้ว กระหม่อมขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินโบกมือเป็การอนุญาต ก่อนจะก้มหน้ามองฎีกาซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ไม่รู้ว่ากำลังคิดเื่ใดอยู่
ในที่สุดเื่นี้ก็สำเร็จ ส่วนที่ว่าเหตุใดฝ่าาถึงอยากให้ทำเงียบๆ เื่นี้ใต้เท้าไซเองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ถึงอย่างไรฝ่าาก็ทรงอนุญาตแล้ว ทำตามที่รับสั่งก็พอ ในเมื่อฝ่าามีพระประสงค์ให้ทำอย่างเงียบๆ เขาจึงต้องไปจัดการด้วยตัวเอง ในบรรดาขุนนางทั้งหลายจึงมีเขาที่รู้เื่นี้เพียงผู้เดียว
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ในมือเขาตอนนี้มีหลักฐานถึงการถอดฐานะบ่าวที่มีความผิดติดตัวของหนิงมู่ฉืออยู่ เขารู้สึกดีใจเป็อย่างยิ่ง นับจากนี้เขาก็จะได้มีลาภปากทุกวันเสียที
ภายในตำหนักอ๋องมีคนว่างงานสองคนที่กำลังรอฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อ ใจของทั้งสองคนเต้นแรงอยู่ตลอดเวลา สำหรับเื่นี้ทั้งสองคนเองก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าจะสำเร็จหรือไม่ ขณะที่กำลังรู้สึกเบื่อหน่ายอยู่นั้น จวนเสนาบดีได้ส่งคนมาแจ้งแก่จ้าวซีเหอและหนิงมู่ฉือว่า้าให้ไปพบที่จวน ส่วนเหตุผลนั่นหรือก็คือไซพานอัน ‘คิดถึง’ ซื่อจื่ออย่างไรเล่า
ทั้งสองคนนั่งรถม้าไปยังจวนเสนาบดี เรียกให้ไปพบเช่นนี้แสดงว่าเื่ที่ทั้งสองคน้าให้ช่วยเหลือมีความคืบหน้า สำหรับหนิงมู่ฉือ หากนางสามารถพ้นจากการเป็บ่าวที่มีความผิดติดตัวได้ จะถือเป็เื่ที่น่ายินดีอย่างยิ่ง แต่สำหรับจ้าวซีเหอเื่นี้ไม่ใช่เื่ที่เขา้า
หากหนิงมู่ฉือพ้นจากการเป็บ่าวที่มีความผิดติดตัว เช่นนั้นเขาจะใช้เหตุผลใดมาอ้างเพื่อรั้งให้นางยังอยู่ข้างกายเขาอีกเล่า คำสัญญาหนึ่งปีก็จบไปนานแล้ว ไม่ช้าก็เร็วนางต้องจากเขาไปแน่
หนิงมู่ฉือไม่รู้ว่าจ้าวซีเหอกำลังคิดเื่ใดอยู่ เห็นชายหนุ่มท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดีก็นึกว่าเื่ที่นาง้ามันไม่สำเร็จ นางจึงรู้สึกห่อเหี่ยวตามไปด้วย พร้อมทั้งคิดว่าเหตุใดชีวิตนางถึงได้รันทดเช่นนี้ แม้แต่เป็คนธรรมดาสามัญก็ยังเป็ไม่ได้
เมื่อไปถึงจวนเสนาบดี ที่นั่นไซพานอันได้มายืนรอที่หน้าประตูอยู่แล้ว หลังจากใต้เท้าไซกลับมาจากวังหลวง เพื่อเก็บรักษาเื่นี้ไว้เป็ความลับ ใต้เท้าไซไม่ปริปากบอกผู้อื่นเกี่ยวกับเื่นี้ทั้งสิ้น แม้แต่บุตรชายก็ไม่ยอมบอก ไซพานอันจึงมีท่าทีร้อนใจ ไม่ว่าจะถามอย่างไรบิดาก็เอาแต่เงียบ
เมื่อเข้าไปในจวนเสนาบดี ใต้เท้าไซขอคุยกับหนิงมู่ฉือตามลำพัง ทั้งสองเข้าไปคุยกันในห้องหนังสืออยู่ครู่ใหญ่
“แม่นางหนิง นี่คือหนังสืออภัยโทษของเ้า ฝ่าารับสั่งว่าเื่นี้ต้องจัดการอย่างเงียบๆ ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของเ้า ข้ายินดีกับเ้าด้วย ตอนนี้เ้าเป็อิสระแล้ว!”
ได้ฟังที่ใต้เท้าไซพูด หนิงมู่ฉือรู้สึกดีใจยิ่งนัก นางมองหนังสืออภัยโทษที่นางถืออยู่ในมือด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ขอบคุณใต้เท้ามากเ้าค่ะ บุญคุณครั้งนี้ข้าจะไม่มีวันลืมแน่นอน”
“ข้าไม่้าให้เ้าตอบแทนอันใด ข้าแค่อยากทานอาหารฝีมือแม่นาง นานแล้วที่ข้าไม่ได้ทาน ข้าคิดถึงอาหารฝีมือเ้ามาก!” ใต้เท้าไซมีความทรงจำที่ดีต่อหนิงมู่ฉือไม่น้อย สตรีนางนี้ทำอาหารอร่อยยิ่ง เช่นนั้นนิสัยก็น่าจะดีเช่นกัน
“ฮ่าๆ ใต้เท้า ท่านพูดได้ดีเหลือเกิน ไม่ทราบว่าท่าน้าทานอาหารชนิดใดหรือ ใต้หล้านี้ไม่มีอาหารใดที่ข้าทำไม่ได้!”
สำหรับเื่นี้หนิงมู่ฉือไม่ได้คุยโวแม้แต่น้อย ต่อให้มีอาหารที่นางไม่เคยเห็นหรือไม่เคยได้ยิน แต่นางได้รับถ่ายทอดความสามารถมาจากเ้าแม่อาหารบูชา นางจึงสามารถทำอาหารทุกอย่างในใต้หล้านี้ได้
“แม่นางหนิง ข้าไม่ขอปิดบัง ข้าอยากทานอาหารชนิดหนึ่งมานานแล้ว ข้าเคยให้แม่ครัวที่อยู่ในจวนนี้ลองทำ แต่รสชาติก็ยังไม่เป็ที่ถูกใจ ไม่ทราบว่าเ้าจะลองทำให้ข้าทานได้หรือไม่”
จากท่าทางของใต้เท้าไซ เห็นได้ชัดว่าใต้เท้าไซอยากทานอาหารชนิดนี้มากเพียงใด เเล้วก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าใต้เท้าไซหวังในตัวหนิงมู่ฉือไว้มากแค่ไหนเช่นกัน
“เชิญใต้เท้าพูดมาได้เลย แม่ครัวแต่ละคนมีความแตกต่างกัน อาหารที่ทำออกมาจึงมีรสชาติต่างกัน เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าข้าจะทำออกมาได้รสชาติอย่างที่ท่าน้าหรือไม่ แต่ข้าก็จะลองทำให้สุดฝีมือ”
หนิงมู่ฉือรู้สึกสนใจในอาหารชนิดนี้เป็อย่างมาก คนผู้หนึ่งสามารถฝังใจกับสิ่งใดไม่รู้ลืมเช่นนี้ได้แสดงว่าสิ่งนั้นย่อมมีเื่ราวเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้น
การทำอาหารให้อร่อยถือเป็เื่พื้นฐาน แต่การทำอาหารให้คนผู้หนึ่งไม่สามารถลืมรสชาติของมันได้และทำให้คนที่ทานรับรู้ได้ถึงเื่ราวที่แฝงอยู่ภายในอาหารได้ แม่ครัวหรือพ่อครัวที่ทำได้ถึงขั้นนี้ต่างหากถึงจะควรได้รับสมญานามว่าเทพแม่ครัวพ่อครัว
“น้ำแกงข้นเห็ดหูหนูใส่รังนก!” ใต้เท้าไซเอ่ยชื่ออาหารออกมา แค่ได้ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าเป็อาหารบำรุงร่างกายที่นางสามารถทำได้แน่นอน แต่จะทำออกมาให้อีกฝ่ายมีความรู้สึกเช่นเดียวกับตอนที่ได้ทานในตอนนั้นได้หรือไม่นั้น เื่นี้เป็เื่ที่นางจะต้องถามอีกฝ่ายให้ละเอียดถึงความรู้สึกที่ได้ทานอาหารชนิดนี้ในตอนนั้นว่ามีความรู้สึกอย่างไร