ที่ไกลออกมา นกน้อยะโร้องจิ๊บๆ รอบข้างเงียบสงบ
ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ แม้แต่ใจของคนล้วนเปลี่ยนมานิ่งสงบ ละมุนละไม
“ข้ามา...ลาเ้า ครั้งนี้ข้าจะต้องไปที่ไกลๆ กับท่านอาจารย์ หากราบรื่นอาจจะกลับมาภายในหนึ่งปี หากไม่ราบรื่น ระยะเวลาที่กลับมานั้นไม่แน่นอน” เงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายโจวอ้าวเสวียนพูดประโยคนี้ออกมา
เฉินเนี้ยนหรานดีใจ ต่อมามีความผิดหวังอยู่เล็กน้อยเขาไม่อยู่ที่เรือน นั่นหมายความว่าเขาจะไม่มาแย่งลูกๆ ทว่าเหตุใดนางถึงได้มีความรู้สึกอึดอัดมากเช่นนี้!
“อืม เ้า...ไม่ต้องบอกข้าหรอก” นางปากไม่ตรงกับใจ
“ในสายตาของข้า เ้าคือฮูหยินของข้า ฮูหยินของโจวอ้าวเสวียน ั้แ่แรกข้ามีแค่เ้าคนเดียว ก่อนหน้านี้ข้าเพียงคิดว่าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย จึงค่อยพาเ้าเข้ามาอย่างเปิดเผย ตอนนี้...ยังไม่ถึงเวลา แม่นาง รักษาตนเองดีๆ รอข้ากลับมา”
ประโยคนี้ทำให้เฉินเนี้ยนหรานที่ฟังอยู่ขมวดคิ้วไม่พอใจ นางมองเขาเย็นเยียบ “ข้าคือฮูหยินของท่าน แล้วคนที่อยู่ในเรือนของท่านจะทำเช่นไร? นางต่างหากที่เป็ฮูหยินของท่าน โจวอ้าวเสวียน พวกเรามีความสัมพันธ์เพียงคืนเดียว ท่านไม่จำเป็ต้องคิดจริงจังไป”
“ข้าใช้ประโยชน์จากนาง...” โจวอ้าวเสวียนโอนอ่อนพูดประโยคนี้ออกมา แต่กลับทำให้เฉินเนี้ยนหรานเข้าใจอย่างลึกซึ้ง แต่ไหนแต่ไร การออกเรือนของเขาเป็เพียงการใช้ผลประโยชน์เท่านั้น
“ชื่อเสียงพวกนั้นสำคัญกับท่านมากถึงเพียงนี้หรือ? เพื่อพวกมัน ท่าน...ยอมทอดทิ้งทุกอย่าง สามารถใช้ประโยชน์จากทุกคน โจวอ้าวเสวียน ท่านทำให้ข้ารู้สึกไม่ปลอดภัย”
โจวอ้าวเสวียนหลับตาลงด้วยความเ็ป “แม่นาง เ้าไม่เข้าใจ เ้าไม่เข้าใจจริงๆ เื่บางเื่ไม่ได้เป็แบบที่เ้าเห็น จริงอยู่ที่ข้าใช้ประโยชน์จากนาง แต่หากข้าไม่ใช้ประโยชน์จากนาง สกุลโจวของพวกเรารวมถึงชาวบ้านที่นี่ มีความเป็ไปได้ที่จะกลายเป็เชลยของคนคนนั้น”
“คนคนนั้น? เชลย? ท่านกำลังพูดถึงฮ่องเต้?” เฉินเนี้ยนหรานถามออกมา แผ่นดินนี้เป็ของโอรส์ หากจะพูดถึงเชลย มีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นแล้ว
โจวอ้าวเสวียนกลับส่ายหน้าหนักแน่น “ไม่ ไม่ใช่ฮ่องเต้ เป็...ท่านอ๋องแปด หากเขาแย่งชิงสำเร็จ เขาจะได้รับการยอมรับจากคนเ่าั้ ทั้งหมดของที่นี่จะอยู่ในขอบเขตการดูแลของเขา และพวกเราจะกลายเป็เชลยศึกของเขา ซึ่งข้าไม่ยินดีแน่ และไม่้าให้ทุกอย่างที่พวกเราทุกคนพยายามได้มาอย่างยากลำบากตกเป็ของเขาเพียงคนเดียว...”
“ท่านอ๋องแปด? เหตุใดจึงเป็ท่านอ๋อง แต่ไม่ใช่ฮ่องเต้ที่ครองราชย์อยู่ในตอนนี้เล่า?เหตุใดข้ายิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ ไม่ใช่ว่าแผ่นดินนี้เป็ของฮ่องเต้หรือ? ท่านอ๋องคนหนึ่งจะมีอำนาจมากเท่าใด คงไม่มีทางมีอำนาจมากกว่าฮ่องเต้หรอกกระมัง?”
โจวอ้าวเสวียนมองนางนิ่ง กลับไม่มีความรำคาญ “ใช่ โดยปกติแล้วแผ่นดินเป็ของฮ่องเต้ ในความเป็จริง แม้ภายนอกจะมองว่าแผ่นดินเป็ของฮ่องเต้ แต่แท้จริงแล้วกลับเป็ของอ๋องแปด หากข้าไม่ได้ท่านอาจารย์สั่งสอนคงไม่มีทางเชื่อ หลังจากเข้าไปในเมืองหลวง ข้าถึงได้พบว่าเป็เช่นนั้นจริงๆ ฮ่องเต้ในตอนนี้...อ่อนแอนัก เขาเชื่อฟังรับสั่งของฮองเฮามากเกินไป เป็เหตุให้เกิดเื่อย่างเช่นในวันนี้ และโจวอ้าวหลี่ดันเป็คนของท่านอ๋องแปด หากการค้าของข้าไม่เข้าตาอ๋องแปด สกุลโจวคงไม่มีอีก”
นี่เป็ครั้งแรกที่โจวอ้าวเสวียนพูดเื่ราวในเรือนของเขากับเฉินเนี้ยนหรานอย่างอดทน และเป็ครั้งแรกที่เขาพูดถึงเื่จวนสกุลโจว
“ข้ายังไม่เข้าใจอยู่ดี?” เฉินเนี้ยนหรานผายมือออกอย่างไร้หนทางและไม่สามารถเข้าใจได้
“อืม ข้าพูดไม่ชัดเจนเท่าใด เ้าอาจจะไม่เข้าใจ ได้ ครั้งนี้ข้าจะพูดกับเ้าให้ชัดเจนสักหน่อยแล้วกัน”
ราวกับได้ตัดสินใจแล้ว โจวอ้าวเสวียนจูงมือเฉินเนี้ยนหรานเดินไปข้างหน้าด้วยกัน และเฉินเนี้ยนหรานที่กำลังจมอยู่กับเื่สถานการณ์ของจวนสกุลโจว จึงไม่ได้สังเกตว่าตนเองในตอนนี้ไม่ได้ต่อต้านที่จะจูงมือกับเขา
“พูดไปแล้ว หลายปีก่อนฮ่องเต้ยังเป็คนที่มากความสามารถ ขณะที่สถานการณ์การเมืองไม่มั่งคง เขาสามารถใช้วิธีการอันรวดเร็วในการทำให้อำนาจของเมืองหลวงมั่นคง หลายปีต่อมาล้วนพัฒนามาได้ดีโดยตลอด แต่สองปีมานี้ฮ่องเต้เปลี่ยนไป นิสัยเปลี่ยนไปมา โดยเฉพาะเื่ที่เกี่ยวข้องกับภายในราชวัง เขายิ่งไม่สนใจไม่รับฟัง จนกระทั่งปล่อยปละละเลย”
“ทั้งหมดนี้ จากที่สืบสถานการณ์มาเป็การกระทำของฮองเฮา และไม่รู้เหตุใดตอนนี้ฮองเฮาถึงได้เข้าข้างอ๋องแปด โดยการจำกัดอำนาจฮ่องเต้ ต่อมาก็โจมตี อีกทั้งยังยกสิบแปดเมืองที่รุ่งโรจน์มากให้กับอ๋องแปด สามารถพูดได้เลยว่าตอนนี้นางได้มอบเมืองที่เจริญแล้วครึ่งหนึ่งให้แก่ท่านอ๋อง”
เฉินเนี้ยนหรานสูดหายใจเข้า “ฮ่องเต้คนนี้คงไม่ได้โง่เขลาไปแล้วหรอกนะ? เขาไม่รู้หรือว่ายกให้กับท่านอ๋องคนหนึ่งเช่นนี้ เป็ไปได้หรือไม่ว่าสุดท้ายอำนาจของท่านอ๋องคนนี้จะล้นฟ้าจนยากจะควบคุมน่ะ?”
โจวอ้าวเสวียนพยักหน้า “ใช่ ฮ่องเต้คงไม่ใช่คนโง่เขลา แต่เขายกเมืองเ่าั้ให้กับอ๋องแปด ตอนนี้ที่เมืองหลวงพูดกันอย่างไม่เกินจริงเลยว่าภายนอกคือแผ่นดินของฮ่องเต้ แต่ในความเป็จริงหลายผู้คนต่างมองออกว่าแผ่นดินนี้เป็ของท่านอ๋องแปด ที่ยิ่งทำให้คนรำคาญใจมากที่สุดคืออ๋องแปดคนนี้ไม่เพียงจะเป็คนมากความสามารถ ยังเป็คนที่ทะเยอทะยานมากอีกด้วย”
“หลังจากควบคุมสิบแปดเมืองที่เจริญรุ่งเรืองได้แล้ว เขายังพัฒนาไปไม่หยุด อย่างเช่นในตอนนี้ เขตของเราก็ถูกท่านอ๋องแปดจับจ้อง หากเขตนี้ถูกอ๋องแปดได้ไปอย่างราบรื่นล่ะก็ ถึงตอนนั้นเขาจะต้องส่งคนที่เขาเชื่อใจมาจัดการดูแล และพี่ใหญ่...ในจวนสกุลโจว จะกลายเป็กำลังของเขา”
“เป็ไปไม่ได้ พี่ใหญ่ของท่านเป็คนไม่ได้เื่พึ่งพาแต่อำนาจสกุล จะเป็กำลังของท่านอ๋องแปดได้อย่างไร?” ในหัวสมองของเฉินเนี้ยนหรานมีรูปร่างหน้าตาของลูกชายคนโตของสกุลโจวปรากฏขึ้นมา ท่าทางที่ถูกกามารมณ์และสุราควบคุม คนเช่นนี้จะกลายมาเป็กำลังของท่านอ๋องแปดที่แสนทะเยอทะยาน ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
“พี่ใหญ่ของข้าแสดงละครให้คนอื่นดูมาโดยตลอด พื้นเพสถานะของเขาเป็กำลังให้กับท่านอ๋องแปดจริง หากไม่มีโอกาสที่บังเอิญแบบพอดิบพอดี ข้าเองก็คงมองไม่ออก”
“คุณชาย ที่ท่านพูดมาทั้งหมดคือความจริงหรือ?” เฉินเนี้ยนหรานตะลึงอีกครั้ง คำพูดนี้หากไม่ใช่โจวอ้าวเสวียนพูดออกมา ต่อให้ตีให้ตาย นางไม่มีทางเชื่อ
“ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดคนเบื้องบนถึงได้ถูกใจพี่ใหญ่ ไม่เพียงแค่เ้าที่ไม่เชื่อ ข้าเองก็ไม่เชื่อ การมีอยู่ของพวกนั้น แม้แต่คนของราชวงศ์ยังต้องยอมถอยให้ คนเช่นนี้้าหาลูกน้องที่ทุ่มแรงใจให้เป็สิ่งที่ง่ายดายนัก มีข่าวหนึ่งลือกันว่า ยอมเป็สุนัขอยู่ในม่านเมฆ แต่ไม่ยอมเป็คนของราชวงศ์ แม้จะเป็สุนัขรับใช้ของคนพวกนั้น แต่กลับมีคนจำนวนไม่น้อยที่แย่งกันเข้าไปทำ แม้แต่สังฆราชในตอนนี้ยังหวังว่าจะส่งลูกของตนเองไปอยู่ในมือของคนพวกนั้น เพื่อที่ตำแหน่งของพวกเขาจะได้ไม่สั่นคลอน ทั้งความสามารถก็ดี ดังนั้น...พวกเราที่เป็คนธรรมดา จึงไม่มีความสามารถพอที่จะทำสิ่งใดได้”
พูดถึงตรงนี้ โจวอ้าวเสวียนทำเพียงยิ้มขมขื่น
แม้เขาจะแข็งแกร่งมาก สามารถทำการค้าให้ยิ่งใหญ่ได้ตอนอายุสิบสองปี แต่ความสามารถเช่นนี้ของเขา ในสายตาของคนที่อยู่ในม่านเมฆ ไม่ถือว่ายิ่งใหญ่อะไร
“ข้ารู้แล้ว จากที่ท่านเล่ามา ข้ารู้สึกว่าคนพวกนี้คล้ายคนที่ฝึกเซียนอยู่สักหน่อย แต่คนเช่นนี้สามารถกำเนิดออกมาได้หรือ? บนโลกใบนี้ มีคนที่ฝึกเซียนได้จริงหรือ?”
จากเื่เหล่านี้ เฉินเนี้ยนหรานคิดได้ว่าคนพวกนั้นเป็คนบำเพ็ญเซียน มีแต่คนเช่นนี้เท่านั้นจึงจะสามารถอยู่จุดที่สูงขึ้นไป แม้แต่สังฆราชในตอนนี้ยังต้องคอยดูสีหน้าพวกเขา
“ใช่ จากที่ได้ยินมาพวกเขามีการมีอยู่เช่นนี้” โจวอ้าวเสวียนพยักหน้า “แม้ข้าไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ใช้วิธีการใดติดต่อกับคนเหล่านี้ แต่ข้าสามารถพูดได้ว่า เป้าหมายสุดท้ายของพี่ใหญ่ จะต้องอาศัยคนพวกนี้มาแย่งอำนาจทั้งหมดในสกุลโจวกลับไป และเขายังคิดจะแย่งตำแหน่งผู้นำสกุลไปจากข้า ที่จวนโจวของข้า...ไม่ล้มละลายลง เพราะมีความสัมพันธ์กับราชวงศ์”
“อะไรนะ เหตุใดอำนาจของจวนสกุลโจวถึงได้ยิ่งใหญ่เช่นนี้?” เฉินเนี้ยนหรานร้องออกมาอย่างใอีกครั้ง
จากที่นางรู้มา จวนสกุลโจวเป็สกุลที่มีอำนาจมากมาตลอด ในที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใดจะสามารถมีเื่ด้วยได้ และไม่มีผู้ใดมีอำนาจเท่าพวกเขา ได้ยินมาว่าพวกเขามีคนอยู่ในเมืองหลวง แต่เพราะพวกเขาระวังตนมาก ทุกการเคลื่อนไหวทั้งหมดจึงไม่มีผู้ใดรู้เลย
แต่เื่ที่ออกจากปากของโจวอ้าวเสวียนในวันนี้ จู่ๆ กลับได้ยินเื่ราวความลับเหล่านี้ เฉินเนี้ยนหรานถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ตนเองรู้เกี่ยวกับจวนสกุลโจว เป็เพียงแค่ยอดูเาน้ำแข็งเล็กๆ เท่านั้น
โจวอ้าวเสวียนมองไปทางนางด้วยความหมายลึกซึ้ง “ใช่ สกุลโจวมีบรรดาศักดิ์ชั้นหวังซึ่งเกี่ยวข้องกับราชวงศ์มาสี่รุ่นแล้ว ผ่านสี่รุ่นนี้มา อำนาจ...ของสกุลโจวก็เพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุด แต่คนของสกุลโจวยังถ่อมตนมาก เกรงว่าอำนาจมากเกินจะไปบีบคั้นเ้านาย ดังนั้นจึงส่งคนจากหลายจวนไปฝึกตนบนความลำบากอยู่ในหลายๆ ที่ คนในจวนสกุลโจวที่ถืออำนาจบรรดาศักดิ์ชั้นหวังในตอนนี้ ร่างกายแข็งแรงมากขึ้นทุกวัน ทั้งยังเผชิญหน้ากับ่เวลาที่จะเปลี่ยนคนถือครองอำนาจ ทุกครั้งที่มาถึง่เวลานี้ การแข่งขันการตำแหน่งล้วนอนาถเสียจนทนไม่ได้ ทั้งภายนอกและมุมอับ แม้แต่วางยาพิษก็ถือเป็เื่ที่เจอได้ปกติ และสกุลโจว ขอเพียงไม่มีการฆ่าล้างบางใหญ่โต ก็อนุญาตให้ผู้เข้าแข่งขันใช้เล่ห์เหลี่ยมพวกนี้ได้”
“เพราะพวกเขาจะเลือกผู้สืบทอดที่มีมันสมองมากที่สุด และมีความสามารถมากที่สุดมารับบรรดาศักดิ์ ดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยให้พวกท่านแย่งชิง และปล่อยให้พวกนาง...วางยาญาติตนเอง การสั่งสอนของสกุลโจวไม่เหมือนผู้ใดจริงๆ”
โจวอ้าวเสวียนยิ้มขมขื่นออกมา ในรอยยิ้มที่แสนโดดเดี่ยวมีความเหงาแฝงอยู่ เฉินเนี้ยนหรานเข้าใจมาก มีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ครอบครัวไม่เหมือนครอบครัว เพราะพวกเขาต่างปรารถนาจะปีนขึ้นไปยังตำแหน่งสูงสุด
และมีเพียงการปีนขึ้นไปอยู่ตำแหน่งนั้นเท่านั้น จึงจะสามารถอำนาจที่ยาวนานและปลอดภัย
“ท่านเองก็อยู่ในการแข่งขันนั้นหรือ?!”
“อืม คนที่อยู่ในรุ่นข้าทุกคน รวมถึงพวกลุงๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมการแย่งชิงครั้งก่อน ต่างมีโอกาสนี้ หากพี่ใหญ่เป็พันธมิตรกับคนพวกนั้นได้จริง เช่นนั้นความเป็ไปได้ที่จะชนะก็สามารถพูดได้ว่าเป็หนึ่งร้อยคะแนน และหากเขาขึ้นตำแหน่งได้แล้ว คนที่เขาจะโจมตีคนแรกจะต้องเป็ข้าแน่นอน ข้าไม่้าเป็เครื่องมือของเขา และไม่อยากตาย...ดังนั้นแม่นาง เ้ารอข้านะ รอข้ากลับมาจากการแข่งขันนี้...”
ไม่ใช่ไม่อยากออกเรือนกับนาง แต่หากออกเรือนกับนางในตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็การทำร้ายนาง หรือว่า...
โจวอ้าวเสวียนหลับตาลงอย่างเ็ป ในวินาทีนี้ เขาผิดหวังในความไร้พลังของตนเอง
มือนุ่มข้างหนึ่งมาจับกุมปลายนิ้วของเขาเอาไว้ ดวงตาสุกใสของเฉินเนี้ยนหรานมองไปทางเขา “ข้า...จะยืนข้างท่านตลอดไป”
ดวงตาสว่างไสวคู่นั้นราวกับกำลังบอกว่า ท่านสามารถเชื่อข้าได้ และคล้ายกำลังส่งพลังมาให้เขา
เขาจับมือของนางกลับ โจวอ้าวเสวียนพยักหน้าหนักแน่น “แม่นาง พวกเราคบกันเถิด”
รู้สึกดีต่อกันมานานแล้ว ทว่านี่เป็ครั้งแรกที่เขาพูดออกมาอย่างนิ่งสงบไม่สนใจสิ่งใดเช่นนี้
