ไม่มีใครอยากจะเป็คนแรกที่ทำการทดสอบเพราะว่าคนแรกที่เข้าไปจะยังไม่รู้สถานการณ์ภายในใดๆ ทั้งสิ้น แต่คนถัดมาจะสามารถเดาสถานการณ์ภายในโดยการสังเกตจากสีหน้าท่าทางของคนแรกทำให้พอรู้ว่าการทดสอบนั้นง่ายหรือว่ายากกันแน่และเมื่อรู้เช่นนี้แล้วก็จะได้เตรียมใจไว้ล่วงหน้า
ดังนั้น การเป็ผู้กล้าก็ไม่ใช่เื่ที่ดีนักหรอก
จะให้ดีขอให้คนอื่นไปก่อนขอแค่ไม่ใช่ตนเองก็พอแล้ว
มีอยู่หลายคนที่แอบคิดไว้เช่นนี้
“ไม่มีใครเสนอตัวเป็คนแรกหรือ?”
ผู้เฒ่าหลิวส่งยิ้มและถามขึ้นอีกครั้งแต่ทว่าสีหน้าและสายตาของเขาดูมีความผิดหวังแฝงอยู่
หลายคนที่อยู่ตรงหน้าผู้เฒ่าหลิวก็รู้สึกละลายจนต้องก้มศีรษะลงส่วนที่คนหน้าหนาหน่อยก็แกล้งทำเป็ไม่เห็นสายตาของผู้เฒ่าหลิวแล้วเบนสายตาหันไปมองทางอื่น
“ไม่มีจริงๆ หรือ?”
มุมปากของผู้เฒ่าหลิวที่กำลังยิ้มเล็กน้อยพลันหายไปทันทีและสิ่งที่เข้ามาแทนที่ก็คือรอยยิ้มฝืนๆ ที่เกิดจากความรู้สึกผิดหวังส่วนน้ำเสียงที่พูดนั้นก็มีความผิดหวังและสะท้อนใจแฝงอยู่
เฮ่อ! คนแต่ละรุ่นก็ค่อยๆแย่ลงทุกที ช่างผลิตเครื่องเคลือบก็เป็เช่นนี้ คาดไม่ถึงว่านักพิสูจน์เครื่องเคลือบก็เป็เช่นนี้เช่นกันดูแล้วพวกเขาเหล่านี้ก็ไม่ได้มีความโดดเด่นตรงไหน พวกเขาไม่มีทางประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ได้หรอกตอนนี้คงทำได้เพียงจับฉลากเพื่อจัดลำดับการแข่งขันเท่านั้นแล้วล่ะ
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็......”
ขณะที่ผู้เฒ่าหลิวเตรียมประกาศว่าจะใช้วิธีการจับฉลากเพื่อเป็การจัดลำดับนั้นก็มีน้ำเสียงชัดแจ๋วดังขึ้น
“ผมเอง”
เมื่อประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมา สีหน้าท่าทางของทุกคนต่างนิ่งงันหลังจากนั้นพวกเขาจึงหันไปมองยังที่มาของเสียงนั้น
คนที่พูดคือหลินเยว่!
หลินเยว่มองไปทางผู้เฒ่าหลิวพร้อมส่งยิ้มให้
ในเมื่อไม่มีใครยินดียอมที่จะเข้าไปเป็คนแรกถ้าอย่างนั้นเขาก็เข้าไปคนแรกก็ได้ ตายก่อนก็จะได้เกิดใหม่ก่อนใครไงล่ะ!
ทุกคนต่างมองหลินเยว่อย่างตกตะลึงในใจพวกเขาต่างเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและรู้สึกสงสัยในตัวหลินเยว่
ไอ้หนุ่มคนนี้มันบ้าไปแล้วหรือเปล่า? ใครๆต่างก็รู้ดีว่าใครเข้าไปก่อนก็จะกลายเป็คนที่เสียเปรียบที่สุดแต่ไอ้หนุ่มนี่กลับเป็คนแรกที่ลุกขึ้นเสนอตัวเอง?
หรือว่าเขาอยากทำตัวเด่นหรือเปล่า?
หรือว่าเขาคิดช่างหัวมันก็เลยทำไปส่งๆ ให้มันจบๆไป เพราะเขารู้ตัวดีว่าตนเองจะต้องตกอยู่อันดับบ๊วยอยู่แล้ว ดังนั้นก็เลยทำตัวโง่ๆ เสนอตัวออกมาก่อนใครเพื่อน?
สายตาของทุกๆ คนที่มองหลินเยว่ก็เปลี่ยนไปจากเดิมมีทั้งรู้สึกสงสัย รู้สึกดีใจ แล้วก็ยังมีคนแอบคิดดูถูก
หึหึกำลังกังวลว่าจะไม่มีใครวิ่งไปเหยียบกับะเิก่อนอยู่พอดีแต่ไอ้นี่กลับเสนอตัวเองออกมา ช่างเป็ไอ้โง่อย่างแท้จริง!
หลี่เฉียนโจวมองหลินเยว่พร้อมยิ้มอย่างร้ายกาจสายตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกและสะใจ
ส่วนจางฮุยิก็รู้สึกไม่เข้าใจหลินเยว่อยู่เหมือนกันเขามองหลินเยว่อย่างสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมศิษย์น้องคนนี้ถึงได้้าทำตัวเด่นในตอนนี้ด้วย
เขา้าทำตัวเด่นจริงๆ หรือ?
แต่สุดท้ายจางฮุยิก็ได้แต่ส่ายศีรษะถึงแม้ว่าเขากับหลินเยว่จะรู้จักกันเพียงไม่นาน แต่เขาก็รู้ว่าหลินเยว่ไม่ได้เป็คนที่ชอบทำตัวโดดเด่นแบบนั้นเขาเป็คนอ่อนน้อมถ่อมตน ชอบอยู่อย่างเงียบๆ มากกว่า ดังนั้นจางฮุยิจึงไม่เข้าใจว่าทำไมครั้งนี้เขาถึงได้เป็คนแรกที่ลุกขึ้นเสนอตัวเอง
จวงเมิ่งเตี๋ยก็มองหลินเยว่ด้วยสายตาราบเรียบ แต่สายตาของเธอยังแฝงไปด้วยความดูถูกและเย้ยหยันเช่นเคย
ชอบทำตัวเด่น! หึ!
“ฮ่าๆ! ดี! ดี! ดี! ลูกศิษย์ของเฮ่อฉางเหอก็ต้องใจกล้าอย่างนี้สิฮ่าๆ......”
เฮ่อฉางเหอหัวเราะเสียงดังไม่ว่าใครก็ย่อมฟังออกว่าเขารู้สึกพอใจกับการกระทำของหลินเยว่ขนาดไหน
จวงตงเฟิงและเจี่ยเหวยเกิ่งต่างสบตากันแล้วสุดท้ายจึงได้ยิ้มอย่างอ่อนใจพร้อมส่ายศีรษะ
แต่เมื่อเฉินเฟยได้ยินเสียงหัวเราะนี้แล้วเขาก็ส่งเสียงหึในลำคออย่างเ็า
ผู้เฒ่าหลิวกวาดตามองหลินเยว่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม พร้อมพูดขึ้น “ไม่เลวๆคาดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าลุกขึ้นเสนอตัวจริงๆ ดูแล้วครั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนใจกล้าเสียหน่อยดูแล้วตอนนี้ก็ยังพอฝากความหวังไว้กับคนรุ่นใหม่ได้บ้าง ฮ่าๆ......”
ผู้เฒ่าหลิวพูดชมเชยหลินเยว่ต่อหน้าทุกคน และก็เป็การตบหน้าผู้เข้าแข่งขันอีก9 คนที่เหลืออย่างชัดเจน
เมื่อหลี่เฉียนโจวได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าหลิวเขาก็หัวเราะอย่างสบประมาท
นี่มันเรียกว่าใจกล้าที่ไหนล่ะมันเป็ความโง่เง่าต่างหาก!
“ท่านชมเกินไปแล้วครับ”
หลินเยว่พูดตอบอย่างถ่อมตัว
“ฮ่าๆ ไม่ได้ชมเกินไปเลยแค่ดูความใจกล้าและความอ่อนน้อมถ่อมตนของคุณในตอนนี้ ผมก็รู้สึกดีใจแทนอาจารย์ของคุณแล้วล่ะ”
ผู้เฒ่าหลิวอดไม่ได้ที่จะตบบ่าของหลินเยว่
“ไปเถอะ”
หลินเยว่พยักหน้าหลังจากนั้นจึงหันไปมองอาจารย์ของตัวเอง แล้วจึงเดินตามเ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่พาเขาเข้าไปด้านในของคฤหาสน์โดยตรง
เมื่อหลินเยว่เข้าไปในคฤหาสน์แล้ว ผู้เฒ่าหลิวจึงพูดกับผู้เข้าแข่งขันที่เหลือทั้ง9คนและผู้าุโทั้ง 10 คน “ท่านอื่นๆสามารถไปพักผ่อนที่ศาลาข้างสระว่ายน้ำได้เลย ที่นั่นได้เตรียมผลไม้ ของหวานและเครื่องดื่มต่างๆ ไว้สำหรับทุกท่านแล้ว ขอเชิญทุกท่านไปพักผ่อนตามอัธยาศัย”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าหลิว ทุกคนในที่แห่งนี้จึงพูดคุยกันอย่างยิ้มแย้มและเดินตรงไปยังศาลาข้างสระว่ายน้ำแห่งนั้น
เฮ่อฉางเหอและผู้เฒ่าหลิวเดินรั้งท้ายอยู่กันสองคน
เฮ่อฉางเหอพูดขอบคุณกับผู้เฒ่าหลิว “ตาแก่หลิวขอบใจนะ”
“ระหว่างพวกเรายังต้องขอบใจกันด้วยหรือ? ขอแค่คุณไม่กล่าวโทษผมก็พอแล้วและผมก็คงช่วยได้เท่านี้แหละ เพราะการแข่งขันทั้งหมดนี้ไม่ได้มีผมเป็คนตัดสินใจอยู่คนเดียว”ผู้เฒ่าหลิวพูดขึ้น
“ไม่ว่ายังไงก็เถอะ ก็ยังต้องขอบใจคุณจริงๆ”
“คุณเกรงใจเกินไปแล้ว”ผู้เฒ่าหลิวตบหลังเฮ่อฉางเหอเบาๆ แล้วพูดอย่างอ่อนใจ หลังจากนั้นจึงพูดต่อ
“ลูกศิษย์ของคุณไม่เลวเลย เขามีแววกว่าคนอื่นๆเยอะเลยล่ะ นอกจากจะมีความใจกล้าแล้วยังรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนอีกด้วยครั้งนี้คุณหาลูกศิษย์ได้ดีจริงๆ” ผู้เฒ่าหลิวพูดรำพึงจากใจจริง
“ก็พอไหวอยู่ หากตอนนี้ผมยังไม่หาลูกศิษย์อีก ชีวิตนี้ก็คงจะไม่มีโอกาสถ่ายทอดวิชาแล้วล่ะ”
เฮ่อฉางเหอพูดกึ่งเล่นกึ่งจริงออกมา
“คุณกลายเป็คนถ่อมตัวั้แ่เมื่อไรนี่ไม่ใช่ตัวคุณเลยนะ หลายวันมานี้ั้แ่วันที่พวกคุณมาที่นี่ ผมก็ยุ่งมากจนไม่มีเวลาออกไปหาคุณเลยรอให้การแข่งขันสิ้นสุดลง พวกเราจะต้องไปดื่มด้วยกันให้สะใจ ไม่เมาไม่กลับ!”
“ได้! อย่าผิดคำพูดล่ะ!”
เฮ่อฉางเหอหัวเราะฮ่าๆ เสียงหัวเราะของเขาก็กลับมาเบิกบานเหมือนแต่ก่อน
“ดูสิ ต้องเสียงหัวเราะแบบนี้สินี่ถึงจะเป็เฮ่อฉางเหอตัวจริง!”
ผู้เฒ่าสองคนพูดไปยิ้มไป พร้อมกับเดินมุ่งหน้าไปยังศาลาริมสระว่ายน้ำ
เฉินเฟยหันมามองความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างเฮ่อฉางเหอและผู้เฒ่าหลิวด้วยสายตาริษยา
ส่วนหลินเยว่ถูกเ้าหน้าที่พาเข้าไปยังคฤหาสน์ด้านในเมื่อเข้าไปในคฤหาสน์แล้วเขาจึงพบว่าภายในคฤหาสน์ถูกตกแต่งอย่างประณีตสวยงาม ทั้งๆที่สภาพภายนอกคฤหาสน์กลับดูเรียบง่ายไม่หรูหราเลยสักนิด ภายในมีผลงานแกะสลักไม้ที่เป็ศิลปะตะวันออกและมีผลงานแกะสลักหินที่เป็ศิลปะตะวันตกมีความผสมผสานกันระหว่างความเป็จีนและความเป็ตะวันตกเป็ความกลมกลืนที่สร้างความโดดเด่นซึ่งกันและกัน
เ้าหน้าที่พาหลินเยว่ขึ้นไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่งบนชั้น2 หลังจากนั้นจึงพูดขึ้น“นับั้แ่คุณเดินเข้าไปภายในห้อง พวกเราจะเริ่มจับเวลาทันทีเมื่อครบครึ่งชั่วโมง พวกเราจะเข้าไปเชิญคุณออกมา คุณต้องจัดการเวลาครึ่งชั่วโมงนี้เองทั้งหมด”
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้ารับทราบ
เ้าหน้าที่เปิดประตู หลินเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆหลังจากนั้นจึงเดินเข้าไปด้านใน
เมื่อรอให้หลินเยว่เดินเข้าไปในห้องแล้วเ้าหน้าที่จึงปิดประตูให้เรียบร้อย หลังจากนั้นจึงยืนรออยู่หน้าห้องเพื่อรอเวลาครบกำหนดครึ่งชั่วโมง
เมื่อเดินเข้าไปในห้องแล้วสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจของหลินเยว่ได้ดีที่สุดก็คือโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่ตรงกลางแกะสลักเป็ลายฉลุที่อยู่เบื้องหน้าของเขามันมีลักษณะคล้ายกับโต๊ะที่ตั้งอยู่ในห้องประชุม บนโต๊ะมีการปูด้วยผ้าสีแดงและบนผ้าสีแดงนั้นก็มีเครื่องเคลือบจำนวน 10 ชิ้นตั้งอยู่ เป็การจัดเรียงไปตามแนวโต๊ะอย่างเป็ระเบียบ
มีแจกัน มีชาม มีแก้ว......
เครื่องเคลือบทั้ง 10 ชิ้นนี้เป็เครื่องเคลือบที่ถูกจัดอยู่ในคนละประเภทและเป็เครื่องเคลือบที่อยู่ใน 10 ยุคสมัยที่แตกต่างกันแสดงให้เห็นว่าผู้ออกแบบการแข่งขันมีความตั้งใจมากขนาดไหน
หลินเยว่ไม่มีเวลาสำรวจการตกแต่งภายในห้องเพราะเวลาของเขามีไม่มากนัก เขาจำเป็ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมงนี้สำรวจเครื่องเคลือบทั้งหมดให้ครบถ้วน!
ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังพิเศษตาทิพย์แต่ทว่าเขาไม่สามารถใช้มันได้นานสักเท่าไร ตอนนี้หากไม่ได้ใช้มองสิ่งอื่นเลยเขาสามารถใช้พลังพิเศษตาทิพย์ร่วมกับสภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กได้นาน 5 นาที แต่หากเป็การสำรวจเครื่องเคลือบแล้วเวลาที่เขาสามารถใช้ได้ก็จะลดน้อยลง อีกทั้งหากเขาใช้เพื่อััความหนืดของหินพอร์ซเลนในเครื่องเคลือบแล้วพลังของเขาก็จะลดน้อยลงอย่างรวดเร็วยิ่งกว่า นั่นก็หมายความว่า เขาสามารถมองหินพอร์ซเลนทุกยุคทุกสมัยได้ภายในเวลาชั่วหนึ่งอึดใจแต่เขาไม่สามารถสำรวจเครื่องเคลือบทั้ง 10 ชิ้นภายในเวลาชั่วหนึ่งอึดใจได้เลยนี่ก็คือความแตกต่างของมัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้