อาคารเสินหวัง ห้องโถงใหญ่บนชั้นสาม
บนแผ่นกระดานสีขาวขนาดั์ มีประวัติศาสตร์นองเืถูกเขียนเอาไว้ ยอดฝีมือพรรคสำนักทั้งหลายที่เข้ามาในห้องโถงใหญ่พากันเงียบเสียงด้วยหัวใจดิ่งวูบ
บรรยากาศกลายเป็หนักอึ้งหดหู่ ทำให้ทั้งห้องโถงเงียบสนิท
แม้จะมีหลายคนที่ตะลึงกับความโอ่อ่าของโถงใหญ่ แต่คนจำนวนมากกว่าต่างพากันย้อนรำลึกถึงโศกนาฏกรรมในอดีต ญาติสนิทมิตรสหายที่ต้องตายในการต่อสู้กับเหล่ามารไม่อาจลบเลือนจากความทรงจำ วันนี้เื่ราวทั้งหมดถูกเขียนแปะป้ายเอาไว้เด่นหรา ที่แท้มีเหตุผลใด?
“ท่านประมุข หวังเค่อมันทำอะไร?” โม่ซันซันมุ่นคิ้วขณะนั่งอยู่ข้างเฉินเทียนหยวน
เฉินเทียนหยวนจะทราบได้อย่างไร มันรู้เพียงว่าหวังเค่อคิดอยากเปิดร้านค้า ใครจะคิดว่าเ้าศิษย์เนรคุณนี่จะทำเื่วุ่นวายมากมายปานนี้?
“ดูกันไปก่อน!” เฉินเทียนหยวนส่ายหน้า
ไม่ไกลออกไป จางหลี่เอ๋อร์เองก็ประหลาดใจ หวังเค่อเขียนประวัติศาสตร์นองเืเหล่านี้ไว้ทำไม? อดีตก็คืออดีตไม่ใช่หรือ?
ชายหัวโล้นร่างสูงคนหนึ่งกระซิบกับสาวชุดชมพูข้างกาย “ผู้ดูแล มีบางอย่างไม่ถูกต้อง งานพิธีเปิดตัวบริษัทเสินหวังเป็แค่ฉากหน้าหรือไม่? จุดประสงค์แท้จริงใช่รวมพลฝ่ายธรรมะต้านอธรรมหรือเปล่า?”
“หุบปาก ห้ามเรียกข้าว่าผู้ดูแล เ้าจะพูดไว้ค่อยคุยกันหลังออกไปแล้ว อยากให้พวกเราโดนจับได้เรอะ?” สาวชุดชมพูดถงอันอันสบถเสียงแ่
ถงอันอันเดิมทีไม่อยากเข้าห้องโถงใหญ่ แต่เพราะทุกคนล้วนเบียดเสียดจนมันโดนดันเข้ามาด้วย ข้าแค่อยากหาโอกาสลอบสังหารหวังเค่อ ข้าไม่ได้อยากร่วมประชุมอะไรด้วยสักหน่อย
ขณะที่ห้องโถงใหญ่กลายเป็เงียบสงัด
หวังเค่อเดินไปหยุดตรงหน้าแผ่นกระดานสีขาวขนาดใหญ่
“ทุกท่าน! บนป้ายนี้บันทึกเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เอาไว้ ทุกท่านเห็นแล้วหรือไม่? ศึกระหว่างธรรมะอธรรมที่ข้าเขียนไว้เป็เพียงศึกขนาดใหญ่เท่านั้น ยังมีศึกขัดแย้งยิบย่อยอีกมากมาย คนตายอีกนับไม่ถ้วนจนข้าเขียนไม่หมด ข้าคิดว่าทุกท่านเองก็ทราบดี!” หวังเค่อกล่าวเสียงเข้ม
ภายในห้องโถงใหญ่ ทุกคนต่างพลันเหยียดตัวนั่งหลังตรง นี่ใช่เข้าเื่แล้วหรือไม่?
“ทุกท่านคงสงสัยยิ่งว่าข้าจะเขียนประวัติศาสตร์นองเืเหล่านี้ไปทำไม! พวกท่านล้วนแต่เป็เสาหลักค้ำจุนวิถีธรรมะ เป็หลักศิลาเที่ยงธรรม! ข้าคิดว่าเมื่อได้เห็นตัวอย่างเหล่านี้ ท่านเองก็คงมีความรู้สึกโศกเศร้าต่อบรรพชนและพี่น้องผู้ล่วงลับเช่นเดียวกัน! ไม่จำเป็ต้องบอกว่าไม่รู้สึก เพราะตราบที่ในใจพวกเรายังมีความเป็มนุษย์อยู่ ก็ย่อมต้องเศร้าโศกเสียใจ เหล่าผู้เสียชีวิตล้วนแต่เป็ญาติสนิทมิตรสหายเรากันทั้งนั้น ทั้งหมดล้วนเป็ผู้สละชีพผดุงธรรม เพื่อปกป้องแิและพรรคสำนักของพวกเรา ยอมเสียสละชีวิตเพื่อให้เราทุกคนได้อยู่รอดต่อไป พวกเขาล้วนแต่เป็คนที่ยอดเยี่ยมสุดเปรียบ แต่ก็น่าสงสารที่สุดเช่นกัน!” หวังเค่อะโด้วยอารมณ์เต็มเปี่ยม
ต่อหน้าเื่ผิดถูกนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าหาว่าหวังเค่อพูดจาไร้สาระ ทำเช่นนั้นไม่ถือเป็การลบหลู่ผู้ตายหรือไร จะไม่ถูกทุกคนในห้องโถงรุมสาปส่งหรอกหรือ
“พวกเขาสละชีวิตตัวเองเพื่อผดุงธรรม สละชีวิตเพื่อปกป้องพวกเรา สละชีวิตเพื่อคุ้มกันพวกเราจากอันตราย! แต่แล้วพวกเขาเล่า? พวกเขาได้อะไร? ไม่ได้อะไรสักอย่าง แม้แต่ชื่อแซ่ก็ยังถูกลืมเลือน! พวกท่านคนใดบ้างยังจดจำชื่อของผู้เสียชีวิตทุกคนได้? มีไหม มีหรือเปล่า? ท่านล่ะ ท่านจำชื่อของผู้เสียชีวิตทุกคนได้หรือเปล่า?” หวังเค่อสุ่มชี้หน้าศิษย์สำนักเซียนคนหนึ่ง
ศิษย์ผู้นั้นเผยสีหน้าละอายก่อนก้มหน้างุด
“ท่านเล่า ท่านจำชื่อของผู้สละชีวิตผดุงธรรมได้หรือไม่?” หวังเค่อชี้หน้าอีกคน
“ขะ ข้าขอโทษ!” ศิษย์ผู้นั้นก้มศีรษะต่ำ
“มีใครจำได้อีก? นั่น สหายนักพรตหญิงชุดชมพูท่านนั้น ท่านเล่า ท่านจำชื่อยอดคนเ่าั้ได้หรือไม่?” หวังเค่อชี้นิ้วไปยังสาวชุดชมพูที่โดดเด่นสุดแสนท่ามกลางฝูงชน
เพียงชั่วพริบตา ทุกคนในห้องโถงต่างก็มองไปยังสาวชุดชมพู
สาวชุดชมพู?
ถงอันอันตะลึงงัน เสื้อคลุมชมพูข้าเด่นขนาดนั้นเชียว? อยู่กลางฝูงชนยังชี้โดนข้าอีก?
ตอนนี้ขาใหญ่ทั้งห้องโถงพากันจ้องข้ากันหมด ทำยังไงดี? ข้าเป็ฝ่ายอธรรม โดยพวกเ้าฝ่ายธรรมะนับไม่ถ้วนจ้องเขม็งแบบนี้อยากให้ข้าทำอะไรอีก?
“คุณผู้หญิง ไม่ต้องประหม่าไป ที่ข้าเลือกท่านเป็เพราะเห็นท่านสวมชุดสีชมพูนั่งอยู่กลางดงบุรุษ ท่านว่าท่านจำชื่อของผู้ตายได้หรือไม่?” หวังเค่อถามซ้ำ
“ไม่ จำไม่ได้!” ถงอันอันบีบเสียงแหลมตอบ
ถงอันอันเหงื่อไหลท่วมแต่ไม่กล้าขยับเคลื่อนไหว ขนาดคิดหลบหนียังไม่กล้า เพราะบนชั้นสองมีเฉินเทียนหยวนกับโม่ซันซันนั่งอยู่
“จำไม่ได้รึ? ไม่ต้องละอายไป คนที่จำไม่ได้ไม่ได้มีเพียงท่าน มีอีกมากที่จำไม่ได้เช่นกัน ใครเล่าจะจดจำชื่อแซ่ของผู้ตาย?” หวังเค่อส่งเสียงกึกก้อง
ความสนใจของทุกคนกลับมาอยู่ที่หวังเค่ออีกครั้ง สาวชุดชมพูทรุดนั่งลงพลางถอนหายใจโล่งอก ชายหัวโล้นด้านข้างเองก็ตัวสั่นเทิ้มยิ่งกว่า มันไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
“แต่นี่ยุติธรรมหรือไม่? ยุติธรรมแล้วหรือ? เหล่ายอดคนผู้สละชีวิตผดุงธรรมโดยไม่มีใครจดจำพวกเขาได้ นี่ยุติธรรมด้วยหรือ?” หวังเค่อะโ
เหล่าศิษย์สำนักเซียนทั้งหมดพากันขมวดคิ้ว
“ไม่เลย ไม่ยุติธรรมสักนิด เหล่ายอดคนยอมสละชีวิตผดุงธรรม แต่ทุกคนกลับหลงลืมพวกเขา แล้วยังมีใครจดจำครอบครัวของยอดคนเหล่านี้ได้หรือไม่?” หวังเค่อกวาดตามองทุกคนขณะเอ่ยปาก
“ครอบครัวรึ?” หลายคนสงสัย
“ใช่แล้ว ครอบครัว มีใครรู้จักพวกเขาบ้าง? เมื่อยามที่เหล่ายอดคนยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาได้รับการนับหน้าถือตาจากคนนับพัน มีคนช่วยปกป้องครอบครัวเอาไว้ ครอบครัวเ่าั้ได้มีสภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตที่ดี แต่หลังจากเหล่ายอดคนเสียชีวิตแล้วเล่า? มีใครทราบบ้างว่าครอบครัวเ่าั้มีกันกี่คน? ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมหรือไม่? สหายนักพรตหญิงชุดชมพู ท่านทราบหรือเปล่า?” หวังเค่อส่งเสียงถามถงอันอัน
ถงอันอันเผลอตัวสั่นสะท้าน ทำไมเ้าถามข้าอีกแล้ว?
“ขะ ข้าไม่ทราบ!” ถงอันอันบีบเสียงตอบ
“ใช่แล้ว ท่านไม่ทราบ หลายคนไม่ทราบ แต่ข้าทราบ!” หวังเค่อตอบเสียงเข้ม
“หา?” ทุกคนต่างมองหวังเค่อ
“เนื่องจากมีคนเยอะเกินไป ข้าจึงยกตัวอย่างได้เพียงคนเดียวโดยไม่ขอเอ่ยนาม ข้าขอเล่าว่าในสำนักเซียนแห่งหนึ่งมีอัจฉริยะมากพร์ผู้หนึ่ง เขาเป็ความภาคภูมิของสำนักตลอดมา เป็ที่นับหน้าถือตาของพี่น้องทุกคน เขาคนนี้มีครอบครัวเปี่ยมสุข บิดามารดาที่ไม่ได้ฝึกตนได้ใช้ชีวิตยามชราอย่างสงบ มีภรรยาที่รักใคร่ มีลูกน้อยรอให้ป้อนนม อัจฉริยะผู้นี้ได้กำราบปราบมารนับไม่ถ้วนเพื่อสำนักของตน ครอบครัวได้อยู่ดีมีสุข แต่อนิจจา เพราะาธรรมะอธรรม เขาได้สละชีวิตเพื่อช่วยเหลือศิษย์น้องเอาไว้! เขาตาย! ตอนที่เขาตาย ยังมีคนแวะเวียนไปไว้อาลัยถึงที่บ้าน แต่หนึ่งปีให้หลัง ครอบครัวของอัจฉริยะผู้นี้เป็ตายร้ายดีอย่างไร พวกท่านทราบหรือไม่?” หวังเค่อกวาดตามองทุกคน
“สหายนักพรตหญิงชุดชมพู ท่านทราบหรือไม่?” หวังเค่อเรียก
หวังเค่อพบว่าสาวชุดชมพูท่านนี้พอโดนเรียกถามก็ไม่ได้ถามอะไรนอกบทสักคำ เพียงตอบคำถามตนอย่างว่าง่าย ตัวประกอบว่าง่ายที่ตนไม่ได้จัดแจงแบบนี้หายากนัก ช่วยขับเน้นให้เื่ราวดูน่าเชื่อถือ ดังนั้นหวังเค่อจึงถามสาวชุดชมพูคนนี้ไม่หยุด
สาวชุดชมพูตัวสั่นสะท้าน “ขะ ข้าไม่ทราบ!”
“ข้าขอบอกท่าน อัจฉริยะผู้นี้หลังครบรอบวันตายหนึ่งปี! บิดามารดาของเขาถูกขับไล่ออกนอกประตูพรรค ถูกศิษย์ลัทธิมารล้างแค้นจับกินทั้งเป็! ภรรยาของเขาถูกศิษย์น้องที่หมายตาในความงามของนางฉุดคร่าไป ลูกของเขาถูกขายเป็แรงงานทาส ต้องกินอาหารหมู ช่างน่าอดสูเหลือเกิน!” หวังเค่อบีบน้ำตา
“ผู้ใดกัน? เป็คนของสำนักไหน?”
“น่าเวทนาเกินไปแล้ว!”
“บัดซบ สำนักไหนมันทำเื่เลวร้ายแบบนี้ได้ลง?”
………
………
……
……
…
…
เสียงร่ำร้องด้วยโทสะดังระงมห้องโถงใหญ่อยู่สักพัก
“เอาละ ทุกท่าน ข้าได้เตรียมการไว้แล้ว ดังนั้นข้าไม่ขอกล่าวถึงครอบครัวเ่าั้อีก ข้าไม่อยากให้ครอบครัวของเหล่ายอดคนผู้เสียสละต้องถูกรบกวนอีกต่อไป นี่คือสิ่งที่ข้ากำลังพูดถึง นี่เป็เพียงยอดูเาน้ำแข็งเท่านั้น! ยังมีครอบครัวของผู้สละชีพผดุงธรรมอีกหลายท่านที่มีชีวิตเลวร้ายยิ่งกว่านี้!” หวังเค่อเอ่ย
เสียงะโดังลั่นของหวังเค่อเองยังกระตุ้นความคิดห้วงลึกของเหล่าผู้าุโพรรคขึ้นมา
“ท่านประมุข? หวังเค่อมันคิดระบายความอัดอั้นให้ครอบครัวของเหล่าผู้สละชีพผดุงธรรม?” โม่ซันซันถามอย่างสงสัย
เฉินเทียนหยวนส่ายหน้า มันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ไม่ใช่หวังเค่อมันคิดเปิดร้านค้าขายของหรอกหรือ? แล้วไหงกลายเป็องค์กรการกุศลไปแล้ว? นี่ไม่ถูกต้อง!
ขนาดจางเจิ้งเต้ากับจางหลี่เอ๋อร์ยังคาดเดาลูกไม้ของหวังเค่อไม่ออก จริงด้วย เ้าไม่อยากทำเงินแล้วหรือไร? แล้วปลุกเร้าอารมณ์ไปทำไม?
“ทุกท่าน ข้าเองก็พูดมานาน พวกท่านคงสังเกตเห็นบางอย่างแล้ว ข้าอยากถามว่าพวกท่านมีญาติพี่น้องหรือไม่?” หวังเค่อมองดูศิษย์สำนักเซียนสามพันคนเบื้องหน้า
หือ?
ศิษย์สำนักเซียนทั้งสามพันคนพลันเงียบกริบทันที
พวกเราเองก็มีครอบครัวเหมือนกันใช่หรือไม่? หลายคนคล้ายคาดเดาสิ่งที่หวังเค่อ้าสื่อได้แล้ว
“พวกท่านต่างต่อสู้กับเหล่ามารเพื่อผดุงธรรม นี่เป็เื่ปกติสามัญ พวกท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าสักวันท่านอาจต้องสละชีพขณะผดุงธรรม แลกชีวิตกับเหล่ามารเพื่อให้วิถีธรรมยืนยงชั่วกาล พวกท่านเคยคิดอยากเป็วีรชนฝ่ายธรรมะบ้างหรือไม่? เคยคิดหรือเปล่าว่าท่านอาจต้องตายเพราะความประมาท? พวกท่านเตรียมใจพร้อมแล้วหรือยัง?” หวังเค่อถาม
คำถามนี้ทำให้ทุกคนในห้องโถงต่างสับสน
าระหว่างธรรมะอธรรมเป็เื่ปกติวิสัย เจ็บตายก็เป็เื่ธรรมดา ใครบ้างจะรับรองได้ว่าตัวเองจะไม่ตาย?
จนถึงเมื่อครู่นี้ ทุกคนยังกล้าตบอกเอ่ยปากว่าเพื่อผดุงธรรม พวกตนล้วนพร้อมยอมตาย! แต่ถ้าหากญาติพี่น้องครอบครัวพวกเราต้องมีสภาพน่าอดสูเหมือนที่หวังเค่อพูดไว้เล่า?
“ไม่ต้องกล่าวถึงว่า อีกครึ่งปีนับจากนี้ จะถึงกำหนดครบสิบปีงานชุมนุมประตูัแล้ว ข้าได้ยินมาว่าทุกครั้งที่มีงานชุมนุมประตูั ธรรมะอธรรมจะเปิดศึกขัดแย้ง มีคนตายทุกครั้งไป! ข้าอยากถามว่าพวกท่านจะไปร่วมงานหรือไม่? พวกท่านจะหลีกทางหรือเผชิญหน้ากับฝ่ายอธรรม?” หวังเค่อกวาดตามองทุกคน
ทุกคนพากันเงียบเสียง พวกเราควรตอบอย่างไร? พวกเราไหนเลยจะหลีกเลี่ยงฝ่ายอธรรมเพียงเพราะกลัวตายได้? แต่ว่า พวกเราเองก็ไม่ได้อยากเป็คนสละชีพผดุงธรรมเหมือนกัน!
“สหายนักพรตหญิงชุดชมพู ท่านกลัวหรือไม่?” หวังเค่อถามอีก
ถงอันอันในใจอัดแน่นด้วยคำด่าพ่อล่อแม่นับหมื่น ทำไมมันถึงเรียกข้าอยู่คนเดียว?
“กลัว!” ถงอันอันบีบเสียงสุดคอ
“กลัวน่ะถูกแล้ว! ข้าเองก็กลัวเหมือนกัน!” หวังเค่อเอ่ย
“หา?” ทุกคนต่างมองหวังเค่ออย่างสงสัย
“แต่ข้ากลัวเลยไม่ไปได้หรือ? พรรคสำนักเซียนจะยืนยงต่อไปได้อย่างไรหากไม่ได้เืชุดใหม่เข้ามา? หากทุกคนหวาดกลัวก็จะไม่มีศิษย์ใหม่เข้าสำนัก ไม่ได้เืชุดใหม่ถ่ายเข้าสู่พรรค ไม่มีคนใหม่เพิ่มเติม ภายในเวลาไม่กี่ปี สัดส่วนจำนวนระหว่างฝ่ายธรรมะและอธรรมก็จะปรากฏความต่าง เหล่ามารจะได้เปรียบทางจำนวนอย่างทาบไม่ติด วันที่ฝ่ายธรรมะทั้งหมดจะถูกกวาดล้างก็อยู่อีกไม่ไกล!” หวังเค่อกล่าว
หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วครอบครัวของพวกท่านเล่า? ญาติพี่น้องของพวกท่าน? บุพการี ภรรยา สามี ลูกชาย ลูกสาว หลานชาย หลานสาวอีก? พวกท่านจะปล่อยพวกเขาไว้ลำพังรึ? ท่านแสดงความกล้าหาญเสียสละชีพผดุงธรรมเพื่อผู้คน แต่ลูกหลานญาติพี่น้องท่านจะทำอย่างไร? ทำอย่างไร? ใครจะดูแลพวกเขา?” หวังเค่อะโ
ห้องโถงใหญ่กลายเป็เงียบสนิทอยู่พักใหญ่
อย่างไรเสีย เื่ที่หวังเค่อพูดก็จี้ใจดำทุกคนเหลือเกิน แล้วจะให้ตอบอย่างไร? เื่นี้ไม่ง่ายเลย! คือบางทีเื่ราวอาจไม่ได้เวอร์อย่างที่เ้าพูดก็ได้ แต่ถ้าหากเป็จริงขึ้นมาล่ะ?
ใครจะดูแลพวกเขา? ตัวอย่างของผู้สละชีพผดุงธรรมเมื่อครู่นี้ยังแจ่มชัดน่าหวาดหวั่นไม่หาย
“ข้าจะบอกพวกท่านเองว่าใครจะเป็คนดูแลพวกเขา!” หวังเค่อเอ่ยเสียงเข้ม
“หือ?” ทุกคนต่างมองหวังเค่อ
“ข้าจะดูแลให้เอง บริษัทเสินหวังของข้าจะดูแลพวกเขาให้เอง!” หวังเค่อกล่าวด้วยน้ำเสียงทรงพลัง
“เ้าจะดูแลให้เอง?” หลายคนต่างแปลกใจ
ทันใดนั้น ห้องโถงด้านล่างก็เต็มไปด้วยใบหน้าไม่เชื่อถือ ภายในโถงที่เงียบสงัดพลันเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยเซ็งแซ่วุ่นวาย
“สหายนักพรตหญิงชุดชมพู ท่านคิดว่าข้าหวังเค่อจะทำได้หรือไม่?” หวังเค่อเรียกเสียงดัง
ทันใดนั้น ทุกคนต่างพากันเงียบปาก ใบหน้าถงอันอันอัดแน่นไปด้วยคำด่าพ่อล่อแม่
“ข้าไม่รู้!” ถงอันอันบีบเสียงตอบ
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน!” หวังเค่อตอบอย่างพอใจ
“อ้าว?” ทุกคนต่างมองหวังเค่ออย่างมึนงง
“นี่ก็คือผลิตภัณฑ์ที่ข้าอยากนำเสนอทุกท่าน เป็หลักประกันที่บริษัทเสินหวังเราเตรียมไว้ให้เหล่าผู้พลีชีพผดุงธรรมทุกท่าน! นี่ก็คืออนาคตและความสุข! นี่ก็คือหลักประกันที่ต้องให้ทุกท่านร่วมใจกันทำให้เกิดขึ้น!” หวังเค่อกล่าวอย่างจริงจัง
“อ้อ? มันคืออะไร?” ทุกคนสงสัย
“สหายนักพรตหญิงชุดชมพู ท่านมีญาติพี่น้องหรือไม่?” หวังเค่อถามอีก
ใบหน้าใต้หมวกของถงอันอันบิดกระตุก เ้าจำข้าได้แล้วใช่มั้ย? แม่งเอ๊ย ทำไมเ้าต้องลากศพข้ามาเฆี่ยนซ้ำด้วย?
“มี!” ถงอันอันบีบเสียงตอบ
“งั้นถ้าหาก ข้าย้ำว่าถ้าหาก! ถ้าหากท่านโชคร้ายบังเอิญต้องสละชีพผดุงธรรม แล้วกำไลมิติถูกขโมยไป แล้วญาติพี่น้องท่านจะใช้ชีวิตต่ออย่างไร? ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่?” หวังเค่อถาม
ถงอันอัน “...!”
“ท่านไม่เคยคิดรึ? เอาละ ถ้าหากข้าบอกว่าบริษัทเสินหวังเราจะจ่ายศิลาิญญาจำนวนหนึ่งแสนชั่งให้ครอบครัวท่านได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็ง นับว่าเพียงพอหรือไม่?” หวังเค่อถาม
“อะไรนะ?” ทั้งห้องโถงใหญ่กลายเป็โกลาหลวุ่นวาย
นี่หมายความอย่างไร? บริษัทเสินหวังเ้าสรุปเป็องค์กรการกุศลส่งเงินให้ผู้อื่น?
จางเจิ้งเต้ากับจางหลี่เอ๋อร์เองก็เบิกตาโต ไม่ใช่เ้ามาเพื่อหาเงิน? ไฉนกลายเป็มอบเงินแล้ว?
“หนึ่งแสนชั่งยังไม่พอรึ? งั้นสองแสนชั่งเป็ไง?”
“ขะ ข้า…!” สาวชุดชมพูพูดไม่ออกไปพักใหญ่
แม่งเอ๊ย เ้าล้อข้าเล่นหรือไง? ข้าเห็นบนเกาะเทพัแล้วว่าเ้ามันไก่ขนเหล็ก มีหรือจะให้เงินข้า?
“สองแสนชั่งยังไม่พอ งั้นสองล้านชั่งล่ะ?” หวังเค่อแหกปากดังลั่น
“โอ้ว!”
ภายในห้องโถงเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ล้อกันเล่นใช่ไหม สองล้านชั่ง? ขนาดยอดคนชั้นทารกแกนิญญาทั่วไปก็ยังไม่แน่ว่าจะมีศิลาิญญาถึงสองล้านชั่ง? ข้าว่าเ้าจะโม้เหม็นเกินไปแล้ว
โม่ซันซันมองเฉินเทียนหยวนคล้ายถามซ้ำ นี่ศิษย์ท่านทำอะไรอยู่กันแน่? งานชุมนุมอวดรวยเหรอ?
เฉินเทียนหยวนเองก็หน้าดำคล้ำไม่อธิบาย เ้าศิษย์เนรคุณ ถ้าเ้าคิดโม้เหม็นเกินตัว อาจารย์ไม่ขอช่วยแบกรับหรอกนะ
“พอหรือไม่?” หวังเค่อถามสาวชุดชมพูอีกครั้ง
“พอ พอแล้ว!” สาวชุดชมพูส่งเสียงก่อนพยักหน้า
“พอแล้วรึ? งั้นก็ดี ดีแล้วไม่ใช่หรือ? เป็เช่นนี้ เหล่ายอดคนผดุงธรรมก็ไม่ต้องห่วงเื่ครอบครัวตนเองอีกต่อไป ใช่หรือไม่?” หวังเค่อยิ้มแย้ม
“หวังเค่อ ที่เ้าพูดเป็ความจริง? เ้าไม่ได้หลอกพวกเรา?” มีบางคนในฝูงชนขมวดคิ้ว
หวังเค่อส่ายหน้า “ข้าหวังเค่อ พูดคำไหนคำนั้น นี่คือสิ่งที่ข้าจะเสนอขาย!《ประกันอุบัติเหตุ》!”
“ประกันอุบัติเหตุ?” ทุกคนอุทานอย่างแปลกใจ
“ใช่แล้ว《ประกันอุบัติเหตุ》ประกันหนึ่งชุด ราคาห้าพันชั่งศิลาิญญา! ผู้ซื้อประกันสามารถระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์ได้อย่างชัดเจน เมื่อมีใบประกันนี้ ผู้รับผลประโยชน์สามารถมารับศิลาิญญาจำนวนหนึ่งแสนชั่งได้ที่อาคารเสินหวังได้ทุกเวลา!” หวังเค่อกล่าวอย่างจริงจัง
“ศิลาิญญาห้าพันชั่งเพื่อซื้อประกัน? ผลตอบแทนยี่สิบเท่า?” หลายคนขมวดคิ้ว
“ใช่แล้ว ท่านสามารถซื้อประกันได้สิบชุด เมื่อถึงเวลารับเงินประกัน ท่านก็จะได้รับศิลาิญญาหนึ่งล้านชั่ง ยิ่งซื้อมากเท่าไหร่ ยิ่งได้เงินประกันมากเท่านั้น!” หวังเค่ออธิบายให้ทุกคนฟัง
บรรยากาศภายในห้องโถงพลันเงียบสงัด บรรยากาศคล้ายจับตัวค้างแข็งไปชั่วขณะ นี่เหมือนพวกเราถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปหรือไม่? รู้สึกชอบกลนัก!
