หลังจากหยางโม่หลันกลับไปแล้ว เฉียวเยว่ก็ได้เข้าใจสถานการณ์และทิศทางของเมืองหลวง่เร็วๆ นี้ ต้องขอบคุณโม่หลัน หากไม่ได้นาง ตนเองก็คงไม่รู้ว่ามีการบิดเบือนสร้างเื่เหลวไหลเหล่านี้ขึ้นมา
มิน่าวันนั้นที่พี่หญิงใหญ่จัดงานเลี้ยงเล็กๆ ทุกคนถึงได้ค่อนข้างเฉยชากับพวกนางสองพี่น้อง ยกเว้นหยางโม่หลันซึ่งไม่มีความคิดซับซ้อนเพียงคนเดียว
ที่แท้ก็เพราะการเลือกชายารัชทายาทนี่เอง
รัชทายาทจะเลือกชายา พวกนางสองพี่น้องอาจเป็ตัวเลือกที่มีโอกาสเป็ไปได้สูงมาก เลี่ยงไม่ได้ที่จะสร้างความคลางแคลงใจให้กับทุกคน
เฉียวเยว่หัวเราะอย่างจนปัญญา เป็เด็กแท้ๆ แต่ความคิดกลับลึกลับซับซ้อน
แม้รัชทายาทจะดีมาก แต่สำหรับนางเขาเป็เหมือนพี่ชายแท้ๆ เฉียวเยว่ไม่มีทางคิดเป็อื่นได้ หากเด็กเก้าขวบก็ต้องหมั้นหมายแล้ว จะเป็เื่แปลกพิสดารเพียงใด
เหมือนอย่างพี่ิเยว่อายุสิบเจ็ดปีถึงแต่งงานก็ไม่นับว่าเร็วไป เฉียวเยว่รู้สึกว่าอายุเท่านี้กำลังเหมาะสม ความคิดอ่านเป็ผู้ใหญ่หน่อยแล้ว แต่แม่นางน้อยวัยแค่สิบขวบคนหนึ่งจะรู้อะไรมากมาย
เฉียวเยว่ถอนใจอยู่ลึกๆ รู้สึกว่าต้องสนทนากับอิ้งเยว่สักหน่อย
อิ้งเยว่อายุเท่ากับรัชทายาท แท้จริงแล้วนางมีโอกาสสูงกว่าเฉียวเยว่หลายเท่า
ตอนนี้นางกำลังอ่านตำราอยู่ในห้อง หลังจากฟังเฉียวเยว่เล่าความกลับไปกลับมาหลายรอบก็ทำท่าว่าเข้าใจแล้ว
"แทนที่เ้าจะมาพล่ามเื่ไร้สาระเหล่านี้ไม่สู้กลับไปอ่านตำรายังดีเสียกว่า"
เฉียวเยว่เลิกคิ้ว "ไร้สาระอย่างไร ข้ากลับคิดว่าเป็เื่สำคัญมาก ข้ายังเป็เด็กน้อย ไม่มีใครมองข้าหรอก แต่มิได้หมายความว่าจะไม่หมายตาท่าน พี่สาวของข้าแสนดีเช่นนี้..." นึกดูแล้วก็รู้สึกเหมือนหัวไชเท้าของบ้านตนกำลังจะถูกผู้อื่นมาขุดเอาไป เฉียวเยว่ก็ทำปากยื่น
"ให้ตายเถอะ ทำไมต้องหมั้นหมายเร็วขนาดนี้ด้วยนะ"
อิ้งเยว่ฟังนางพูดจนปวดประสาท ยกมือขึ้นนวดจุดไท่หยางแล้วเอ่ยว่า "ช่วยอะไรข้าสักอย่างสิ"
เฉียวเยว่ตอบอื้อ "อะไรหรือ?"
อิ้งเยว่ยกยิ้มน้อยๆ "เ้าเดินตรงออกไปข้างนอกแล้วช่วยปิดประตูให้ข้าด้วย"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ได้สิ" แต่พอวิ่งมาถึงประตูก็พลันหยุดชะงัก หน้าง้ำหันมา "หากพี่สาวจะไล่ข้าออกจากห้อง พูดตรงๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องเล่นลูกไม้แบบนี้!"
เฉียวเยว่รู้สึกเสียใจมากที่พี่สาวใช้กลอุบายกับตนเอง
อิ้งเยว่ชี้ไปที่ประตู "เ้ารบกวนข้า"
เฉียวเยว่ทำอะไรไม่ได้ เดินหน้าม่อยคอตกออกจากห้อง ถูกคนรำคาญแต่เช้า ชีวิตช่างน่าหดหู่ยิ่งนัก
"เฉียวเยว่!" ฉีอันใส่ความเร็วม้าที่ฝ่าเท้าวิ่งเข้ามา "เฉียวเฉียว เสด็จพี่รัชทายาทเสด็จมา"
เฉียวเยว่ "อะไรนะ?"
โอ้คนดีของข้า พูดยังไม่ทันขาดคำเลย
"มาถึงหน้าประตูใหญ่แล้ว ท่านพ่อกำลังต้อนรับเขาเข้ามาอยู่" ฉีอันบอก
พอเห็นเฉียวเยว่ยังไร้การตอบสนอง เขาก็เข้ามาจูงมือของนาง "ไปกันเถอะ ข้ารู้เ้าต้องคิดถึงเสด็จพี่รัชทายาทแน่ๆ"
แล้วลากนางออกไปข้างนอก
เฉียวเยว่ฉุกคิดในใจ เดี๋ยวนะ หากข้าออกไปอย่างกระตือรือร้น พรุ่งนี้ต้องมีข่าวลือเป็แน่ว่าข้าอยากเป็ชายารัชทายาท แต่ผู้อื่นไม่ได้อยากแต่งเข้าราชวงศ์เสียหน่อย!
นางรั้งฉีอันให้หยุด แล้วพูดอย่างจริงจัง "ลิงทโมนอย่างเ้าจะทำอย่างไรก็ได้ แต่ข้าไม่ได้ ข้าเป็คุณหนูสูงศักดิ์ ต้องรู้จักสงวนกิริยาวาจา เ้าเข้าใจหรือไม่"
ฉีอันยื่นมือมาแตะหน้าผากของนาง "เ้าไม่ได้ป่วยนี่?"
เฉียวเยว่หายใจติดขัด "เ้าสิป่วย"
"เห็นเ้าบ่นคิดถึงเสด็จพี่รัชทายาทอยู่ตลอดมิใช่หรือ เหตุใดเปลี่ยนความคิดแล้วเล่า ใจสตรียากแท้หยั่งถึงดุจเข็มก้นทะเล"
เฉียวเยว่เท้าสะเอว "ข้าเป็เข็มก้นทะเลแล้วอย่างไร?"
"พวกเ้าสองคนทำอะไรกัน?"
ขณะที่ทั้งสองโต้ฝีปากกันอยู่ ซูซานหลางกับรัชทายาทก็เดินเข้าประตูมาพร้อมกัน ยังมีจื้อรุ่ยตามมาด้วย ไม่ได้พบกันสองปี รัชทายาทสง่างามยิ่งกว่าเมื่อก่อน ต้องบอกว่าท่วงทีการวางตัวของรัชทายาทคล้ายคลึงกับบิดาของนางยิ่ง
ดังว่าอาจารย์เป็เช่นไร ศิษย์ก็เป็เช่นนี้
อ้อ แน่นอนว่าพี่จื้อรุ่ยเป็ข้อยกเว้น
เฉียวเยว่ทักเสียงหวานทันควัน "เสด็จพี่รัชทายาท" น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความยินดี
"เฉียวเยว่มาให้พี่มองเ้าชัดๆ" รัชทายาทยื่นมือมา พลางมองเฉียวเยว่อย่างพินิจ
ตอนแรกเฉียวเยว่ยังมีท่าทีลังเลอยู่บ้าง แต่เห็นผู้อื่นมาอย่างสง่าผ่าเผย หากตนเองเล่นตัวมากก็คงจะไม่ดี มานึกไตร่ตรองดูแล้ว ถึงแม้ว่านางจะโตขึ้นแต่ก็เป็เพียงเด็กเก้าขวบ จะต้องวิตกอันใดนักหนา
พอคิดได้เช่นนี้ก็รู้สึกโล่งใจ วิ่งโผเข้าไปโดยตรง ทว่ายังไม่ทันถึงตัวรัชทายาท ก็ถูกคนคว้าคอเสื้อแล้วหิ้วขึ้นมา
นางดิ้นรนขัดขืน "ิ่จื้อรุ่ย คนไร้คุณธรรม มาจับข้าไว้ทำไม อ๊าๆๆ"
ท่าทางเกรี้ยวกราดมาก
รัชทายาทยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี
"จื้อรุ่ย กำลังวังชาเ้ายังดีเหมือนเดิมเลยนะ"
รัชทายาทรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
เฉียวเยว่รู้สึกฉุนเฉียว พวกเขาเห็นนางเป็เครื่องทดสอบกำลังกายหรือไร!
นางค้อนปะหลับปะเหลือก "เสด็จพี่รัชทายาท พี่จื้อรุ่ย พวกท่านทำเกินไปแล้วนะ"
ิ่จื้อรุ่ยปล่อยนางลง แล้วพูดอย่างจริงจัง "ถึงเ้าจะผอมลง แต่คิดว่าแรงกระแทกน่าจะระดับเดียวกับตอนเป็กระต่ายอ้วน อย่าให้ชนถูกรัชทายาทจะดีกว่า นี่ข้าหวังดีกับเ้าหรอกนะ หากมีคนเอาไปพูดว่าเ้าปองร้ายรัชทายาท จะทำอย่างไร”
เฉียวเยว่ถลึงตากว้างราวกับลูกกระพรวน "ิ่จื้อรุ่ย เ้ามันชั่วร้าย! แรงกระแทกอันใด? ข้าเป็โฉมงามน่ารัก ตัวเบาดุจนกนางแอ่น ข้า..."
ฉีอันยกมือขึ้นมาปิดหูของตนเองก่อนผู้อื่น ต้องบอกว่าพี่สาวของเขาหลงตัวเองถึงขั้นที่เทพ์ยังทนฟังไม่ได้
รัชทายาทไม่ถือสาสิ่งที่พึงควรระวังระหว่างชายหญิง ยื่นมือมาลูบศีรษะของนาง "อืม แม่หนูน้อยโตแล้วสวยขึ้น แต่นิสัยยังไม่เปลี่ยน"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ข้ายังน่ารักเหมือนเดิม"
รัชทายาทยิ้มพร่างพราย พลางพยักหน้า "ยังน่ารักเหมือนเดิม"
เขาคิดจะใช้โอกาสนี้จับมือเฉียวเยว่ ซูซานหลางรู้สึกไม่พอใจ ขณะกำลังคิดว่าจะพูดอะไรบางอย่าง ก็เห็นฉีอันเข้ามาผลักเฉียวเยว่ออกไป แล้วเข้าไปยืนข้างกายรัชทายาทแทน
"เสด็จพี่รัชทายาท ข้าก็คิดถึงท่าน"
แล้วก็กอดรัชทายาทหมับ รัชทายาทถูกเขากอดแน่น รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
ฉีอันจูงมือรัชทายาท "เสด็จพี่รัชทายาท ไปกันเถอะ พวกเราไปนั่งในห้อง อย่าไปสนใจเฉียวเยว่เลย"
เฉียวเยว่ม้วนแขนเสื้อขึ้น "หน็อย บังอาจมายั่วโมโหข้า ข้าต้องอัดเ้าให้หาทิศไม่เจอเลยคอยดู"
ซูซานหลางกุมหน้าผาก "เฉียวเยว่ เ้าทำตัวดีๆ ให้ข้าหน่อยได้หรือไม่"
น้ำเสียงแฝงแววตักเตือนอยู่หลายส่วน เป็สาวเป็นางทำตัวแก่นแก้วเกินไป ไม่เหมาะสม
เฉียวเยว่ถูกบิดาตะคอกก็ตัวสั่น รีบทำตัวเรียบร้อยไม่กล้าพูดมากอีก
ฉีอันหัวเราะเยาะ
เฉียวเยว่ถลึงตาใส่เขา แต่สงบเสงี่ยมลงมามากแล้ว
ทั้งหมดเดินเข้าไปในห้องโถงด้านหน้า รัชทายาทเอ่ยอย่างสุภาพ "ข้ากลับมาถึงเมื่อคืน ได้ยินว่าอาจารย์กลับมาถึงก่อนแล้วก็ร้อนใจมาก การเดินทางของท่านสะดวกราบรื่นดีหรือไม่?"
ซูซานหลางอมยิ้ม "ทุกอย่างล้วนดี"
"หากมิใช่ว่าข้ามีสถานะพิเศษ ก็คงขอร่วมเดินทางไปพร้อมกับอาจารย์แล้ว คิดว่าคงจะได้เปิดหูเปิดตาเห็นความโชติ่ของขุนเขาสายน้ำอีกมากมายเป็แน่ ดูจากตรงนี้ ก็นึกอิจฉาฉีอันกับเฉียวเยว่ยิ่งนัก อายุน้อยเท่านี้ก็ได้ติดตามอาจารย์ขึ้นเหนือล่องใต้"
รัชทายาทถอนหายใจด้วยความเสียดาย แล้วเอ่ยขึ้นอีกว่า "วันหน้าหากมีโอกาส อาจารย์ต้องถ่ายทอดประสบการณ์การเดินทางเ่าั้ให้พวกเราฟังด้วยเล่า"
ซูซานหลางพยักหน้า "ย่อมได้อยู่แล้ว จื้อรุ่ย หากเ้าสนใจก็มาด้วยกัน ข้าจะเล่าเื่สนุกเกี่ยวกับประเพณีท้องถิ่นของชนเผ่าเ่าั้ให้พวกเ้าฟัง"
"คงไม่ใช่เื่สนุกที่เฉียวเยว่ไปก่อเื่มาหรอกกระมัง?" รัชทายาทแกล้งหยอก
เฉียวเยว่เบิกตากว้างอย่างไม่ยอมรับ "ท่านอย่ามาใส่ร้ายข้าสิ ข้าใช่คนเช่นนั้นเสียที่ไหน?"
"ใช่เลย ใช่ที่สุด" ฉีอันค่อนแคะ
เฉียวเยว่ปิดหน้า "ข้าอายุยังน้อย นึกสนุกทำสิ่งใดตามอำเภอใจไปบ้างก็เป็ธรรมดามิใช่หรือ พวกท่านจะเอาเกณฑ์มาตรฐานของผู้ใหญ่มาใช้กับข้าไม่ได้"
เหตุผลพร้อมมูล!
"เสด็จพี่รัชทายาทกับพี่จื้อรุ่ยต่างหากนิสัยไม่ดี ตอนนั้นรับปากว่าจะเป็พี่ชายให้ข้า แต่ผลเป็อย่างไร ข้ากลับมาเมืองหลวง พวกท่านล้วนไม่อยู่กันหมด ไม่มีใครมาหาข้าเลย ทำให้ข้าเสียใจผิดหวังแล้วก็โมโหด้วย"
เื่หาเื่กลับอย่าให้พูด คนผู้นี้ถนัดที่สุด
จื้อรุ่ยกลอกตา "เ้าไม่ได้บอกว่าจะกลับวันไหนนี่ หรือว่าพวกเราจะทำอะไรบ้างไม่ได้เลย ต้องอาบน้ำแต่งตัวไปรอเ้าที่หน้าประตูเมืองล่วงหน้าสักสองสามเดือน
คำกล่าวนี้กลับน่าสนใจ คล้ายกำลังเหน็บแนมใครบางคนอยู่
เฉียวเยว่หัวเราะคิกคัก "ท่านพี่จื้อรุ่ย ท่านหมายความว่าอย่างไร"
ิ่จื้อรุ่ยไม่พูดอะไรอีก ก้มหน้าก้มตาดื่มชา
เฉียวเยว่ถอนหายใจ "ข้าบอกแล้ว พี่จื้อรุ่ยไม่เปลี่ยนไปจากตอนเป็เด็กเท่าไร ยังชอบล่วงเกินคนเหมือนเดิม ท่านว่าคำพูดของเขา หากข้าเป็สาวน้อยความคิดซับซ้อนก็คงคิดเตลิดไปไกลแล้ว"
"เ้านี่แหละตัวคิดเยอะ" ฉีอันกล่าวเสียงเรียบ
เฉียวเยว่ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดหน้า "ใช่ที่ไหนกัน"
ซูซานหลางรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าวันนี้เฉียวเยว่ทำตัวร่าเริงซุกซน และไร้เหตุผลเกินปรกติไปมาก แต่นางกลับไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้จักขอบเขต ใครบางคนมักมีเป้าหมายในการกระทำ เช่นเฉียวเยว่เป็ต้น
ซูซานหลางไม่คิดว่าความผิดปรกติของเฉียวเยว่จะมาจากความดีใจจนเกินเหตุ
ใครเล่าจะรู้จักบุตรสาวมากไปกว่าผู้เป็บิดา เพียงพริบตาเดียวเขาก็เข้าใจทุกอย่าง ท่าทางร่าเริงซุกซนแสร้งทำเป็ประจบสอพลอเช่นนี้ อาจเพราะ้าให้ผู้อื่นรู้สึกว่านางเป็เพียงเด็กไม่ประสีประสา หรือไม่ก็ทำให้ผู้อื่นเห็นว่านางยังคงเป็เด็กน้อยห้าหกขวบคนเดิมคนนั้น
ชะรอย นางคงจะได้ยินข่าวลือข้างนอกเ่าั้ และตัดสินใจเลือกเส้นทางของตนเองแล้ว
แต่นึกไปก็จริงอยู่ เขาพูดกรอกหูเฉียวเยว่ั้แ่ยังเล็ก นางย่อมไม่ปรารถนาแต่งเข้าไปอยู่ในวัง
คิดมาถึงตรงนี้ ซูซานหลางก็เอ่ยว่า "เฉียวเยว่ เสด็จพี่รัชทายาทเอาขนมมาให้เ้า"
"เป็คนที่สาม!" เฉียวเยว่ตอบทันควัน
ดูเหมือนว่าของขวัญชิ้นสำคัญที่ทุกคนมอบให้ล้วนเป็ขนม
"ได้ยินว่าเฉียวเยว่ผอมลง แต่ไม่นึกว่าจะผอมถึงเพียงนี้" รัชทายาทกล่าว
เฉียวเยว่ยิ้มพลางยืดอกอย่างภูมิใจ "ท่านใส่ใจข้าเพียงนี้ คงมิได้แอบหลงรักข้ากระมัง?"
"ซูเฉียวเยว่" ซูซานหลางเริ่มขบกรามกรอด
เฉียวเยว่หัวเราะฮิๆ "ข้างดงามขึ้นมากใช่หรือไม่ ข้าคือโฉมสะคราญเพริศพริ้งที่สุดของเมืองหลวง ต่อให้พวกท่านมาสู่ขอ ข้าก็ไม่สนใจหรอก โฉมงามต้องเย่อหยิ่งทะนงตนและสงวนท่าที"
ิ่จื้อรุ่ยสำลักน้ำชาพรวด
รัชทายาทก้มศีรษะ แต่หัวไหล่ทั้งสองเริ่มสั่นอย่างมีนัยย
เฉียวเยว่ "พวกท่านสามารถมารับป้ายลงทะเบียนไว้ก่อน การคัดเลือกของข้ารับรองได้เลยว่าเข้มงวดยิ่งกว่ากั๋วจื่อเจียน"
"เฉียวเฉียว เ้าช่างหน้าหนายิ่งนัก" ฉีอันรู้สึกเสียหน้าอย่างยิ่ง "เ้าทำให้ข้าอับอาย"
เฉียวเยว่กลอกตา "นั่นมันเื่ของเ้า"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้