การเลือกเปิดโลงด้านซ้ายมือดูเหมือนจะเป็การเลือกที่ถูก แต่การเลือกที่ถูกต้องในครั้งนี้กลับไม่ได้ก่อให้เกิดความรู้สึกดีใดๆ ทั้งสิ้น จางจื่ออี๋หลับตาลงเมื่อสภาพศพของจางจื้อหลินปรากฎสู่สายตา นางต้องตั้งสติให้สงบนิ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมาช้าๆ ท่ามกลางแสงตะเกียงวูบไหวเหตุด้วยผู้ถือสั่นเทาไปทั่วทั้งร่าง นางไม่ได้เอ่ยคำใดกับผู้เป็น้องชายด้วยอุปสรรคนี้ตัวเขาต้องยอมรับมันให้ได้ เพราะนี่เป็สิ่งที่มิอาจแก้ไข สิ่งที่ทำได้ในยามนี้คือมุ่งหาตัวผู้กระทำความผิด ให้พวกมันได้ชดใช้อย่างสาสม
"อาเหยาเ้าแขวนตะเกียงไว้้า เตรียมกระดาษผู้กันสำหรับจดบันทึก"เนื่องจากสภาพโลงศพที่บอบบางราวกับกระดาษจึงไม่สามารถยกออกมาจากหลุมได้ ดังนั้นจางจื่ออี๋จึงใช้วิธีการห่อศพด้วยผ้าต่วนก่อนจะยกร่างของผู้ตายออกมาวางไว้บนพื้นด้านข้าง เมื่อเห็นน้องชายเตรียมตัวจนพร้อมแล้ว นางก็เริ่มขั้นตอนการชันสูตรพลิกศพอย่างเป็ทางการ
"ผู้ตายเพศชาย อายุราว28-35ปี ส่วนสูงไม่อาจระบุได้ชัดเจน จากการประเมินน่าจะราว7ฉื่อ สภาพภายนอกร่างกายที่สังเกตได้ด้วยตาเปล่า ่กลางลำคอบริเวณลูกกระเดือกถูกตัดขาด ลักษณะบาดเเผล เรียบเป็ลักษณะที่ถูกของมีคมตัดในครั้งเดียวทำให้่ศีรษะและลำตัวขาดออกจากกัน ส่วนของศีรษะหายไป ประเมินจากการไหลของเืที่ย้อมอาภรณ์จนชุ่ม สรุปได้ว่าาแจากการตัดศีรษะนี้เกิดขึ้นขณะที่ผู้ตายยังมีชีวิตอยู่
ส่วนของลำตัวส่วนบนไร้ร่องรอยการถูกทำร้าย มองจากสภาพการเน่าเปื่อยของศพประมานเวลาเสียชีวิตไว้ที่หนึ่งเดือนก่อน ต่อมาคือส่วนด้านล่างของลำตัวนั้นไร้ซึ่งร่องรอยการถูกทำร้าย สภาพอาภรณ์ของผู้ตายเรียบร้อยไร้รอยยับย่น
ลำดับต่อมาคือการผ่าชันสูติ..."
จางจื่ออี๋หยุดชะงักเล็กน้อยเพื่อหันไปหยิบมีดเล่มเล็ก นี่เป็มีดสั้นคมกริบที่นางค้นเจอให้หีบของใช้ของบิดา มีสั้นธรรมดาๆ ที่มีด้ามจับสีดำเมื่อมตัวปลอกก็เช่นกัน คนไม่รู้ก็อาจจะมองเป็ท่อนไม้ผุๆ ที่ถูกไฟเผาจนไม่น่ามอง แต่เื่หาของเก่าเป็งานถนัดของนางอยู่แล้ว บิดาของนางที่ตายไปแล้วผู้นี้ช่างเต็มไปด้วยเงื่อนงำ แต่เ้าตัวเกรงว่าคงจะนึกไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ วันที่ของสะสมสุดหวงต้องกลายมาเป็เครื่องมือชำแหละร่างของตน
ก็...ถือว่าได้ใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่เสียเปล่า
การผ่าตัดเปิดช่องอก เป็การผ่าเป็รูปตัววายY การกรีดผ่านชั้นผิดหนังนั้นไม่ใช่เื่ยากพอมาถึงส่วนกระดูก เมื่อไม่มีเลื่อยตัดกระดูกหรือเลื่อยขนาดเล็ก จางจื่ออี๋ก็ได้แต่หวังพึ่งความคมจองมีสั้นเล่มนี้ แล้วก็เป็ดังคาดการตัดกระดูกผ่านไปอย่างราบรื่น ขั้นตอนต่อมาคือการถ่าง จนใจที่เครื่องมือขัดสนได้แต่หวังพึ่งกำลังของตนเท่านั้น
เปาะ... เปาะ... เปาะ...
การยึดตัวของพังผืด เส้นเอ็น และข้อต่อต้องออกแรงระดับหนึ่งจึงสามารถแบะถ่างรอยแยกออกมาได้ อวัยวะภายในอยู่ในสภาพไม่น่ามองเท่าไหร่ ที่เจิ่งนองอยู่ด้านในคือน้ำเืและน้ำหนอง เพราะศพเสียชีวิตมาได้กว่าหนึ่งเดือนแม้จะถึงฝังลงดินอย่างรวดเร็วอีกทั้งอุณหภูมิยังลดต่ำลงทุกวัน แต่ก็ไม่ได้ชะลอการเน่าเปื่อยของศพได้เท่าใดนัก จางจื่ออี๋ใช้มีดตัดชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ ออกมาวางไว้บนผ้าขาวที่ถูกปูไว้ด้านข้าง หัวใจ ปอด กระเพาะ ลำใส้ ตับ ม้าม ไต เมื่อนำชิ้นส่วนต่างๆ ออกมาเรียงอย่างเป็ระเบียบหญิงสาวก็เริ่มค้นหาเบาะแสต่อไปทันที
"หัวใจ ปอด ตับ ม้าม ไต ล้วนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไร้ร่องรอยการถูกพิษ ขั้นต่อไปจะเป็การผ่าเปิดกระเพาะอาหารของผู้ตาย สิ่งที่พบด้านใน มีผักใบเขียวเเละเศษอาหารเล็กน้อย ไร้ร่องรอยการถูกพิษหรือยากล่อมประสาท"จางจื่ออี๋เขี่ยเศษอาหารให้กระจายพลางดึงผ้าปิดปากออก ใช้จมูกรับัักลิ่นเพื่อหาสิ่งแปลกปลอมที่อาจจะหลงเหลืออยู่ เมื่อไม่พบสิ่งใดนางก็ค่อยๆ เขี่ยเศษอาหารออกไปแหนบไม้ไผ่ที่กำลังควานอยู่ในซางอวัยวะที่กำลังขึ้นอืดอย่างเต็มที่พลันหยุดชะงักเมื่อมันััวัตถุแปลกปลอมบางอย่าง
"พบวัตถุแปลกปลอมบางอย่างในกระเพาะของผู้ตาย เป็แผ่นหยกสีเขียวทรงกลมด้านหน้าสลักลาดลาย'เทาเที่ย'ด้านหลังสลักอักษร'รุ่ย'ขนาดของแผ่นหยกประมาณการจากเส้นผ่าศูนย์กลางคือ1ชุ่น ตรวจสอบจากร่องรอยบริเวณหลอดอาหารที่มีร่องรอยฉีกขาดอย่างชัดเจน อนุมานได้ว่าเป็ลักษณะของการกลืนของแข็งผ่านลำคออย่างรวดเร็ว"นี่ไม่ใช่สาเหตุการตาย ตามตำราโบราณการกลืนของแข็งลงท้องมีมาโดยตลอด ที่นิยมมากที่สุดคือเหล่าสตรีที่ชอบกลืนทองฆ่าตัวตาย ซึ่งก็ตายจริงๆ เพราะลำไล้ฉีกขาดเป็การตายที่ทรมาน เคสเ่าั้สามารถนำมาเทียบเคียงกับเคสของจางจื้อหลินได้หรือไม่
จางจื่ออี๋ตอบได้ทันทีว่าไม่ นี่มิใช่การกลืนของฆ่าตัวตายแต่เป็การกลืนของเพื่อรักษาหลักฐานต่างหาก บุคคลที่ฉลาดเฉลียวอย่างจางจื้อ หลินจะไม่รู้ได้เช่นไรว่าตนเองมิอาจมีชีวิตรอดกลับไป ส่วนเื่ที่บิดา่ชิงป้ายหยกที่ดูเหมือนจะเป็สัญลักษณ์สำคัญมาได้เช่นไรนั้นตัวนางก็มิอาจหาคำตอบ เมื่อมองเบาะแสชิ้นสำคัญที่บิดาทิ้งไว้นางได้แต่ถอนหายใจออกมาสายหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่ต้องเดินงมในความมืด
"จางจื่อเหยาจดบันทึกครบถ้วนหรือไม่"หลังจากที่พบเบาะแสชิ้นสำคัญขั้นต่อมาก็คือการประกอบชิ้นส่วนกลับคืน ขั้นตอนนี้ต้องใช้ความละเอียดและระมัดระวังเป็อย่างสูง ด้วยชิ้นส่วนที่เริ่มเน่าเปื่อยจะเกิดความเสียหายได้ง่าย การเย็บต่อกลับในรูปเดิมจึงใช้เวลามากกว่าตอนนำออกมา
“ท่านพี่สิ่งที่ท่านพูดข้าจดบันทึกเอาไว้ไม่ขาดแม้เพียงครึ่งคำ”จางจื่อเหยาจัดการนำแผ่นกระดาษน้ำมันมาวางช้อนด้านล่างและ้าก็กระดาษบันทึกข้อความก่อนจะม้วนแล้วสอดเก็บในกระบอกไม้ไผ่ที่ใช้สำหรับเก็บม้วนอักษรภาพของผู้เป็บิดา กระบอกไม้ไผ่ทำมือไม่นับเป็ของมีราคาอันใด เพียงเดินไปตรงป่าไผ่อีกฝั่งหนึ่งของหุบเขาก็มีต้นไผ่ให้เลือกตัดได้ตามใจชอบ
“เห็นต้นไม้ต้นนั้นหรือไม้เ้าไปนั่งรออยู่ตรงนั้น หากง่วงก็หลับสักงีบข้าทำตรงนี้เสร็จจะปลุกเ้าเอง”ยิ่งเวลาล่วงเลยไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเรียกความง่วงงุนได้มากเท่านั้น กับเด็กน้อยวัยเพียงเก้าขวบจะอดหลับอดนอนฝืนร่างกายตนเองเช่นนี้ เป็เื่ที่จางจื่ออี๋ยอมรับไม่ได้
“ท่านพี่ข้าจะอยู่เป็เพื่อนท่าน!”จางจื่อเหยาเม้มปากเป็เส้นตรงบอกถึงความดื้อดึงของเ้าตัวอย่างชัดเจน แต่นั่นจะทำให้จางจื่ออี๋คล้อยตามได้อย่างไร ไม่มีทางเสียล่ะ
“ทำตามที่ข้าบอกอย่าดื้อ!”ทั้งที่สองตาและสองมือไม่ได้หยุดทำงานที่อยู่ต้องหน้า แต่อำนาจกดดันของหญิงสาวก็แผ่ออกมาเป็สัญญาณว่าไม่้าได้ยินคำคัดค้านใดๆ อีก
“ขอ รับ”เด็กชายสะดุ้งโหยงเพราะผู้เป็พี่สาวไม่เคยมีท่าทีเช่นนี้มาก่อน แม้ในใจอยากกล่าวทัดทานแต่ถ้อยคำที่เปล่งออกไปกลับเป็เพียงคำตอบรับแ่เบา ร่างเล็กเดินคอตกไปนั่งพิงต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปราวสิบก้าว พอได้นั่งเอนหลังเช่นนี้ต่อให้อยากฝืนตนเองไว้สักเท่าไหร่ก็ไม่เป็ผล คืนนี้เป็ครั้งแรกที่จางจื่อเหยารับรู้ว่าตนเองเล็กจ้อยมากถึงขนาดที่ว่า เื่ราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันกดทับร่างของเขาให้เล็กลงไปอีกเท่าตัว สายตาที่ปิดปรือทอดมองร่างผอมบางทว่ากลับเปี่ยมไปด้วยความทะนงตนของพี่สาว
เื่ที่พวกเราพี่น้องกำลังเผชิญ จะสามารถก้าวผ่านไปได้อย่างที่ใจอยากหรือไม่ สิ่งใดล้วนไม่แน่นอน กระทั่งชีวิตยิ่งซ้ำรวนเรผันแปรตามกระแสธารแห่งการกระทำทั้งหลาย
จางจื่ออี๋เหลือบมองน้องชายที่ผล็อยหลับไปอยู่เป็ระยะ สองมือเร่งเป็ระวิงในใจให้สงสัยว่าตนเองมีทักษะที่เรียนรู้มากี่แขนงกันแน่ ความไม่แน่ใจนี้ก็แค่ความคิดตลกๆ ที่นางมักล้อเล่นกับตัวเองและสหายร่วมงานอยู่เนืองๆ เอาเป็ว่ามีทักษะความรู้ย่อมเอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์ แต่ก็มีข้อยกเว้นนิดหน่อย
ก็คนนี่นะ ไม่ใช่เทพเ้าหากว่าพบพานสถานการณ์เข้าขั้นจนตรอกแบบหลังชนฝา เงยหน้าก็ท้องฟ้า มองลงมาก็คอนกรีตเสริมเหล็กเบื้องหน้าคือกองกำลังติดอาวุธคบครัน ทว่าตัวนางกับมีเพียงธนูหนึ่งคันกับลูกศรอีกสามสิบ ก่อนที่นางจะได้ง้างธนูชีวิตคงดับดิ้น
งานนี้เรียกว่าวิ่งหาที่ตาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้