เสียงหยดน้ำค้างกระทบไม้ดังแว่วแ่เบาในยามเช้าตรู่ ภายในห้องเล็กยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นสมุนไพรจางๆ จากยาและผ้าพันแผลที่ใช้รักษาาแของเยียนชิงหลัว
ร่างของเด็กสาวนั่งขดตัวอยู่ที่มุมเตียงผ้าห่มถูกดึงเข้ามากอดแนบอก แม้ร่างกายจะได้รับการเยียวยาแต่จิตใจยังคงบอบช้ำ นางยังไม่ไว้ใจใครแม้แต่คนที่ช่วยชีวิต
ซูเอ๋อร์ก้าวเข้ามาพร้อมถาดอาหารที่มีโจ๊กอุ่นๆ และขนมแป้งทอด กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมากระทบจมูก ทว่าสายตาของเยียนชิงหลัวยังคงเ็าและเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
“อีกสองวันพวกเราจะเดินทางกลับเมืองหลวง” อวี้หลิงหลงเอ่ยขึ้นขณะวางถาดลง “เ้าหายดีขึ้นมากแล้ว..เ้าจะไปกับพวกเราหรือไม่”
เยียนชิงหลัวก้มหน้าลง ไม่ตอบอะไร
ซูเอ๋อร์มองนางด้วยความสงสาร ก่อนจะถอนหายใจแล้วกล่าวต่อ “พวกเราต่างถูกนายท่านมู่รับเลี้ยง… ข้ากับซูเหวินก็เหมือนเ้า ไม่มีบ้านไม่มีครอบครัวให้กลับไป ที่แห่งนี้อาจไม่ใช่ที่ของเ้า แต่ในตอนนี้เ้ามีที่ให้พึ่งพา”
เด็กสาวยังคงเงียบ นางไม่้าฟังสิ่งเหล่านี้ ความหวาดกลัวและความเ็ปกัดกินหัวใจของนางจนแทบไม่เหลือพื้นที่ให้คำพูดปลอบโยน
“เ้า… มาจากแคว้นไหนกัน?” ซูเอ๋อร์เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก
เยียนชิงหลัวเงยหน้าขึ้นทันที แววตาสั่นไหว นางเม้มริมฝีปากแน่นก่อนเอ่ยถามกลับเสียงแ่เบา “ที่นี่คือที่ใด?”
“แคว้นหลิว เมืองหลิวซาน”
ดวงตาของเยียนชิงหลัวเบิกกว้างขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่นางก็ก้มหน้าลงทันที ซ่อนความหวาดหวั่นไว้ภายใต้ท่าทีนิ่งเฉย
แคว้นหลิวคือแคว้นที่เป็ต้นเหตุของาทำลายบ้านเมืองของนาง และพรากครอบครัวของนางไปทำให้นางกลายเป็คนไร้ที่พึ่ง
มือเล็กกำแน่นอยู่ใต้ผ้าห่ม แต่ริมฝีปากกลับไม่เปล่งเสียงใดออกมา
สังเกตเห็นท่าทีของนางแต่ไม่ได้ซักไซ้ต่อ นางเพียงแค่ลุกขึ้นหยิบถาดอาหารก่อนจะเดินไปที่ประตู “กินเสียเถอะ โจ๊กจะเย็นแล้ว” เสียงประตูปิดลงทิ้งให้เยียนชิงหลัวอยู่ตามลำพังกับความคิดของตน
นางมองโจ๊กที่วางอยู่ตรงหน้า แต่ไม่แม้แต่จะเอื้อมมือไปแตะต้อง
เยียนชิงหลัวจำได้ว่าตอนนางอายุวัยสิบขวบท่านน้าของนางถูกส่งมาอภิเษกสมรสที่แคว้นหลิวเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น เวลานี้ท่านน้าเป็ถึงสนมเอกของฮ่องเต้หลิวฮ่าวและยังเป็ที่โปรดปรานของฮ่องเต้มาก
ทว่าเพราะเหตุใด ท่านน้ากลับนิ่งเฉยไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ..
เยียนชิงหลัวกะพริบตาช้าๆ ราวกับพยายามซึมซับคำพูดของซูเอ๋อร์ เมืองหลวง… เมืองหลวงของแคว้นหลิว…
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงบนหลังมือ นางรีบยกมือขึ้นเช็ดมันออกอย่างรวดเร็วก่อนจะขดตัวเข้าไปในผ้าห่มอย่างที่เคยทำมาตลอด
..
หลังจากที่ซู่เอ๋อร์เดินออกมาจากห้องเยียนชิงหลัว ในหัวของนางก็ยังคงคิดคำนึงถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
“เป็อย่างไร” เสียงของซูเหวินดังขึ้น “นางยอมไปกับพวกเราหรือไม่?” เขาเอียงหัวสงสัยเล็กน้อย
ทว่าซูเอ๋อร์ไม่ได้ตอบ นางเพียงส่ายหน้าไปมาราวกับคำถามนั้นไม่มีคำตอบ ก่อนจะเดินเข้าห้องถัดไป
เมื่อซูเอ๋อร์ผลักประตูเข้าไปนางก็พบมู่หรงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้บนโต๊ะเต็มไปด้วยหนังสือและกระดาษ สายตาของชายหนุ่มยังคงจดจ่ออยู่กับตัวเลขในมือโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองซูเอ๋อร์ที่ยืนอยู่
“นาง” มู่หรงเอ่ยขึ้นอย่างเรียบเฉย เขาเว้นจังหวะกล่าวต่อ “เป็อย่างไร”
“นางไม่ตอบเ้าค่ะ.. “ซูเอ๋อร์มองท่าทีนายที่ไม่สนใจ แล้วกล่าวต่อ “ข้าให้คนสืบเื่ของนางแล้ว นางมีความเกี่ยวข้องกับแคว้นเยียนจริงเ้าค่ะ นางมีนามว่าเยียนชิงหลัวเป็องค์เพียงคนเดียวของราชวงศ์เยียน “
“อือ” มู่หรงปรายตามองซูเอ๋อร์เล็กน้อย ก่อนคำนวณสินค้าต่ออย่างเงียบๆ ใบหน้าของเขาไม่แสดงความรู้สึกใดๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้