ตำนานเล่าขานกันว่าในอาณาเขตสมรภูมิสนามรบต่างแดน มีสถานที่แห่งหนึ่ง ทุกปีจะมีพลังแก่นแท้จิติญญาแทรกซึมเข้ามาจากอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ พลังแก่นแท้จิติญญาเหล่านี้จะรวมตัวเป็ลูกแก้วพลัง ทุกครั้งที่ลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญาควบแน่นรวมกันเป็จำนวนมากถึงระดับหนึ่ง และมีพลังแก่นแท้จิติญญามากเพียงพอแล้ว สถานที่แห่งนั้นก็จะถูกพลังดังกล่าวเปิดออก
ลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญาคือเม็ดพลังอัดแน่นจากอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ สามารถช่วยชะล้างพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของผู้คนให้บริสุทธิ์ แปรเปลี่ยนพลังสามัญเป็พลังจิติญญา ผันแปรบรรลุร่างพลังแก่นแท้จิติญญา เหนือล้ำกว่าเทพเ้าา น่าเสียดายที่ลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญามีจำนวนจำกัดยิ่งนัก ใช้เวลาร่วมร้อยปีจึงสามารถสะสมปริมาณให้เพียงพอ ดังนั้นแว่นแคว้นหลายแห่งบนแผ่นดินใหญ่นี้จึงเกิดศึกาเป็โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ขึ้นทุกร้อยปี เพื่อแย่งชิงลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญา
เล่าขานกันว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่ิญญาได้บรรลุขอบเขตพลังแก่นแท้จิติญญา หลังจากเหินบินขึ้นสู่อาณาจักรดินแดนปฐมภูมิแล้ว เหลือกระบี่เทพพิทักษ์ไว้กลายสมบัติวิเศษพิทักษ์สำนัก นอกจากบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักแล้ว ระยะเวลากว่าหมื่นปีนี้ มีเ้าสำนักเพียงไม่กี่ยุคสมัยเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับจากกระบี่เทพพิทักษ์ จากนั้นเหินบินขึ้นสู่อาณาจักรดินแดนปฐมภูมิโดยไม่มีข้อยกเว้น ด้วยเหตุนี้ยามที่เจี้ยนหลิงจื่ออาศัยฐานการบ่มเพาะปรมาจารย์นักยุทธ์และได้รับการขานตอบรับจากกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ จึงได้รับความสนใจและความสำคัญจากบรรดาผู้าุโกับเ้าสำนักกระบี่ิญญาทันที เนื่องจากคนผู้นี้มีความเป็ไปได้ที่จะเป็เ้านายของกระบี่เทพพิทักษ์ของยุคนี้มากที่สุด และสำเร็จเป็สุดยอดอัจฉริยะพลังจิติญญาแห่งยุค รายละเอียดตามข้อมูลจากสำนักบริบาลเดรัจฉาน คนผู้นี้ตอนที่ยังเป็แค่ปรมาจารย์เจ็ดดาว ก็เคยสังหารราชันาหนึ่งดาวมาแล้วผู้หนึ่ง ดังนั้นคนผู้นี้จึงกลายเป็หนึ่งในบรรดาคู่ต่อสู้ที่จ้านอู๋มิ่งสนใจ
อีกคนคืออาหนาน มิเพียงแต่สำนักบริบาลเดรัจฉานไม่ทราบชื่อแซ่ที่แท้จริงของคนผู้นี้ แม้แต่ศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญาเองก็ยังมิมีผู้ใดทราบศักดิ์ฐานะแท้จริงของคนผู้นี้ ทุกคนล้วนพูดว่าในระดับขอบเขตเดียวกัน คนผู้นี้ยังไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน อาหนาน[1] ความหมายก็คือแสวงหาความพ่ายแพ้ได้อย่างยากลำบากนั่นเอง แม้แต่เจี้ยนหลิงจื่อก็ไม่เคยจู่โจมคนผู้นี้จนพ่ายแพ้ กล่าวกันว่าสภาพคู่คี่เสมอกัน แต่คนผู้นี้อายุมากกว่าเจี้ยนหลิงจื่ออยู่มิน้อย เป็ปรมาจารย์นักยุทธ์เก้าดาวเช่นกัน
คนสุดท้ายคือเฉวียนจูผิง คนผู้นี้อาศัยอยู่ในสำนักกระบี่ิญญาั้แ่ยังเด็ก แรกเริ่มเดิมทีเป็เด็กทดลองยาของลูกศิษย์ผู้หนึ่ง แต่ความสามารถพิเศษเหนือธรรมดา เพียงแค่แอบขโมยเรียนวิชากระบี่ ตอนอายุสิบสองก็รุดหน้าจนแซงเ้านายแล้ว ได้รับการยอมรับเป็ศิษย์อย่างเป็ทางการโดยสำนักกระบี่ิญญา ได้รับการฝึกฝนอย่างเป็ระบบ คนผู้นี้จิตใจโเี้ฝีมืออำมหิต เพราะเ้านายเคยข่มเหงเมื่อยังเด็ก ถึงกับลงมือฆ่าเ้านายสิ้นชีวิต แต่ไม่ถูกลงโทษทางวินัยโดยสำนักกระบี่ิญญา กลับรับเข้าเป็ศิษย์สายหลักของสำนัก
จะเห็นว่าพร์ของคนผู้นี้ทำให้คนทั้งสำนักกระบี่ิญญาต้องประเมินใหม่ หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวใดๆ ของคนผู้นี้ออกมาอีก สำนักบริบาลเดรัจฉานก็พอจะทราบว่าคนผู้นี้ยังคงมีชีวิตอยู่ และไม่้าทะลวงด่านบรรลุขั้นราชันา เพราะเขา้าเข้าร่วมฝึกฝนในอาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียน
อาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียนจะต้องระดับต่ำกว่าราชันาจึงสามารถเข้าไปได้ ตำนานเล่าขานว่าอาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียนเป็ช่องว่างรอยต่อระหว่างแผ่นดินใหญ่นี้กับโลกภายนอก
แต่เนื่องจากนภากาศแถบบริเวณนี้ไม่เสถียรยิ่งนัก หากระดับราชันาขึ้นไปผ่านเข้าไป จะทำให้พื้นที่เกิดการพังทลายลงมาโดยง่าย
ดังนั้น ฟ้าดินแถวนี้จึงเป็ที่ฝึกฝนของศิษย์ระดับต่ำกว่าราชันาเท่านั้น เนื่องจากอาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียนอยู่ติดกับช่องว่างนภากาศของโลกภายนอก กลางนภากาศเต็มไปด้วยพลังแก่นแท้จิติญญา สามารถให้ลูกศิษย์ชะล้างบ่มเพาะร่างกาย แต่จะเปิดออกทุกๆ ยี่สิบปีเท่านั้น ด้วยเหตุนี้แต่ละสำนักนิกายหลักต่างจึงหวงแหนโอกาสนี้อย่างยิ่ง
แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านความมั่นคงเสถียรของพื้นที่ จำนวนคนที่เข้าไปแต่ละครั้งจึงค่อนข้างจำกัด การแข่งขันระหว่างสำนักนิกายจึงสูงและดุเดือดเข้มข้นยิ่งนัก
จ้านอู๋มิ่งอ่านคำแนะนำของสำนักบริบาลเดรัจฉานอย่างละเอียด เนื้อหาบรรยายได้ละเอียดอย่างยิ่ง จะเห็นว่าสำนักบริบาลเดรัจฉานทุ่มเทกำลังกายและใจเกี่ยวกับข้อมูลศิษย์อัจฉริยะของสำนักนิกายต่างๆ ไม่น้อย
อีกด้านหนึ่งก็อธิบายได้ว่าสำนักบริบาลเดรัจฉานทราบสถานการณ์ของสำนักนิกายอื่นๆ เป็อย่างดี ข้อมูลข่าวสารต่างๆ นั้นทำได้ดีมาก
ชาติภพที่แล้วจ้านอู๋มิ่งได้ยินผู้คนพูดว่าสำนักบริบาลเดรัจฉานเลี้ยงสัตว์อสูรมีลักษณะเป็หนูชนิดหนึ่ง สัตว์อสูรหนูวิเศษชนิดนี้มีสติปัญญาสูงมาก สำนักบริบาลเดรัจฉาน้าสืบข่าวสาร ก็จะส่งสัตว์อสูรหนูวิเศษออกไป แม้จะนำข่าวกลับมาสู่สำนักนิกายได้สำเร็จ แต่ในขณะเดียวกันการเสียสละก็สูงมากเช่นกัน โชคดีที่ความสามารถในการแพร่พันธุ์จำนวนแข็งแกร่งยิ่ง
สำนักบริบาลเดรัจฉานทุ่มเทค่าใช้จ่ายมากมายมหาศาลในการบ่มเพาะจักรพรรดิหนูที่สามารถแปลงร่างเป็มนุษย์ได้ตัวหนึ่ง เขาเข้าใจอารมณ์จิตใจและภาษาของหนู จักรพรรดิหนูมีหน้าที่คัดแยกและรวบรวมข้อมูลข่าวสารสำหรับสำนักบริบาลเดรัจฉาน
นี่เป็เพียงตำนานบทหนึ่งในชาติภพที่แล้ว ชาติภพนี้ เขาไม่ได้รับการยืนยันว่ามีจักรพรรดิหนูเช่นนี้อยู่จริงหรือไม่
จ้านอู๋มิ่งปิดหนังสือลง ถอนหายใจยาวคราหนึ่ง ลากประตูเปิดออก เขารู้สึกว่ามีคนอยู่นอกประตูตลอด แต่ไม่ได้เข้ามารบกวนเขา
“ท่านอาเกอ ท่านมาหาข้าหรือ?” จ้านอู๋มิ่งแปลกใจเล็กน้อย คนที่ยืนอยู่ข้างนอกคือพ่อบ้านจ้านเกอ
“ขอรับ มีจดหมายจากท่านรุ่ยฮูหยิน” พ่อบ้านนำกระบอกม้วนหนังนุ่มนิ่ม ซึ่งไม่ทราบทำจากหนังสัตว์ชนิดใดมอบแก่เขา จ้านอู๋มิ่งเปิดผนึกและหยิบผ้าไหมชั้นดีออกมาชิ้นหนึ่ง บนนั้นมีอักษรหรูหราสวยงามอยู่สองสามบรรทัด เป็ลายมือท่านแม่ที่เขาคุ้นเคย
“ตระกูลแยกกระจายออก แปรเปลี่ยนซ่อนเร้น แบ่งแยกแทรกซึมในแต่ละดินแดนพื้นที่ ก่อตั้งเครือข่ายการค้าลับๆ คอยควบคุมแต่ละสถานที่พำนัก แม่รวบรวมคนที่หลงเหลือของตระกูลฉิน เื่ราวของตระกูลเจิ้ง แม่จะลงมือจัดการด้วยตนเอง ขอให้ลูกถนอมตัว”
หลังอ่านจบจ้านอู๋มิ่งสลายให้กลายเป็ฝุ่นผง แอบรู้สึกโล่งอกในใจ ดูเหมือนท่านแม่ได้พบกองกำลังที่หลงเหลือของครอบครัวท่านยายแล้ว ไม่ว่ามหาจักรพรรดิชางเหยียนจะแข็งแกร่งมากเพียงใด กล่าวถึงที่สุดแล้วตระกูลฉินก็เป็ตระกูลใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยมีจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าท่านปู่ผู้เฒ่าฉินจะล้มเหลวในการผ่านทัณฑ์สายฟ้าบรรลุเป็เทพเ้าา แต่คงต้องเตรียมพร้อมเสร็จสรรพแล้วก่อนการรับทัณฑ์สายฟ้า ถึงอูฐจะผอมตายแต่ก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า แม้ว่าตระกูลฉินจะเหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบ แต่ก็มิใช่ว่าตระกูลเจิ้งจะสามารถข่มเหงรังแกกันง่ายๆ
“นายน้อย พลังอำนาจของสำนักกระบี่ิญญาแข็งแกร่งยิ่งนัก นายน้อยจำเป็ต้องทำเช่นนี้หรือ?” จ้านเกอพูดขึ้นด้วยรู้สึกกังวลอยู่บ้าง
“ข้าย่อมรู้จักประมาณตนเอง หลังจากข้าไปแล้ว กลุ่มลับนี้ต้องเปลี่ยนสักครั้ง ทุกอย่างเ้าดูแลด้วยตนเอง ข้ามีเงินมากมายที่นี่” พูดจบจ้านอู๋มิ่งหยิบแหวนจักรวาลวงหนึ่งออกมายื่นให้จ้านเกอ
พักหลังมานี้ จ้านอู๋มิ่งได้แหวนจักรวาลมามากมาย ส่วนใหญ่เป็ของราชันา ได้รับโชคลาภเล็กๆ เงินทองมาก้อนหนึ่ง โดยเฉพาะถูเหยียนเซิ่ง ในฐานะองค์ชายรองแห่งแคว้นถูเหยียน ลูกศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญา ในแหวนจักรวาลเฉพาะตั๋วทองนับล้าน เหรียญทองนับแสน มีทองคำแท่งนับล้าน ยังมีสิ่งของอีกมากมาย ทั้งอัญมณี แม้กระทั่งหินอัคคีิญญาก็ยังสะสมอยู่หลายสิบก้อน ขุนศึกสี่คนของถูเหยียน จ้านอู๋มิ่งรับแหวนมาสามวง ภายในก็มีอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเหรียญทองและหินอัคคีิญญาจะน้อยกว่ามาก แต่กลับมีวัตถุยาล้ำค่าจำนวนมากและวัสดุอื่นๆ มีเหรียญทองเกือบหนึ่งล้าน สามคนรวมกันขึ้นมาร่วมสองล้าน นี่คือความมั่งคั่งของราชันา
จ้านเกอรับมาแล้วมองดู สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย มีเหรียญทองนับล้านและตั๋วทองนับล้านอยู่ในแหวน นี่คือยอดรวมรายได้ของกิจการตระกูลจ้านทั้งหมดในหนานเจากว่าหนึ่งปี
“ข้าหวังว่าเ้าจะใช้เงินเหล่านี้อย่างคุ้มค่า ไม่เพียงแต่ทำการค้าของตระกูลจ้าน การค้าอื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน ั้แ่บัดนี้เป็ต้นไป เ้าเป็พ่อค้าอิสระ มีเพียงท่านพ่อท่านแม่ของข้าและข้าเท่านั้นที่ทราบว่าเ้าเป็คนของตระกูลจ้าน เวลาตระกูลจ้าน้าเ้า เ้าจึงเป็คนของตระกูลจ้าน เ้าอย่าได้เชื่อถือผู้ใด” จ้านอู๋มิ่งพูดเสียงเรียบๆ
“จ้านเกอเข้าใจ” พ่อบ้านผงกศีรษะ เขาทราบการเปลี่ยนแปลงของตระกูลจ้าน ไม่ใช่หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองมู่เหย่อีกต่อไปแล้ว แต่เป็ตระกูลที่หายสาบสูญ
“นอกจากนี้ อย่าลืมข่าวที่ข้าให้เ้าสืบเสาะ ขอเพียงมีข่าวของคนผู้นี้ เ้าต้องรีบรายงานให้ข้าทราบทันที” จ้านอู๋มิ่งพูดอีก
“นายน้อยโปรดวางใจ คนของข้าเฝ้าสังเกตอยู่ตลอดเวลา”
จ้านอู๋มิ่งสูดหายใจเข้าลึกๆ ในความทรงจำชาติภพก่อน สถานที่ซึ่งชายผู้มีดวงชะตาเก้าเป็เก้าตายปรากฏตัวครั้งแรกคือแคว้นหนานเจา แต่เขาอยู่ที่ใดกันแน่ จ้านอู๋มิ่งก็ไม่ทราบแน่ชัด ดังนั้นเขาจึงได้แต่ให้จ้านเกอใช้เครือข่ายสัมพันธ์ของการค้าแสวงหาคนผู้นี้ เพื่อย้อนทวนเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของหลิ่วหว่านอวี๋ เขาจำเป็ต้อง่ชิงชะตาชีวิตจากชายผู้มีดวงชะตาเก้าเป็เก้าตายผู้นี้
นี่ก็เป็หนึ่งในเหตุผลที่เขามาเมืองหนานเจาเช่นกัน
นึกถึงการท้าสู้ที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ จ้านอู๋มิ่งมิกังวลใจแม้แต่น้อย เขาพอจะััได้ถึงความขุ่นข้องหมองใจระหว่างสำนักบริบาลเดรัจฉานและสำนักกระบี่ิญญา สำนักนิกายหลักหลายสำนักไม่ได้มีความสมัครสมานสามัคคีอย่างในจินตนาการ
ส่วนพรุ่งนี้เขาจะทำได้ดีขนาดไหน สำนักบริบาลเดรัจฉานมิใส่ใจ ขอเพียงสามารถทำให้สำนักกระบี่ิญญาต้องอับอายขายหน้า สำนักบริบาลเดรัจฉานย่อมมีความสุข
ดังนั้น สำนักบริบาลเดรัจฉานจึงปล่อยข่าวออกไป ้าให้จ้านอู๋มิ่งตบหน้าสำนักกระบี่ิญญาต่อหน้าคนหนุ่มสาวผู้มีพร์ทั่วหล้า แน่นอน สำนักบริบาลเดรัจฉานก็มีการเตรียมพร้อมรับความเสี่ยงแทนจ้านอู๋มิ่งแล้วเช่นกัน
นึกถึงเลวี่ยเหวินซิว จ้านอู๋มิ่งหัวเราะแล้วสูดหายใจลึกๆ คราหนึ่ง พูดกับตัวเองอย่างเฉยชา “ในเมื่อเื่มาถึงขั้นนี้แล้ว อย่าโทษข้าจ้านอู๋มิ่งจิตใจโหดร้าย ข้า้าให้คนทั้งโลกได้รู้ว่าข้า จ้านอู๋มิ่งเป็คนที่ตอแยไม่ได้ แม้แต่สำนักกระบี่ิญญาของเ้าก็ไม่ได้เช่นกัน!”
……
เยี่ยนซานตั้ง ประกอบด้วยน่านน้ำมีทั้งแนวตั้งและแนวนอน มีทะเลสาบมากมายหลายแห่ง แต่ทัศนียภาพที่นี่สวยงามยิ่งนัก แต่กลับหาร่องรอยสัตว์อสูรยาก ใกล้จะสูญพันธุ์เต็มที ด้วยเหตุที่อยู่ใกล้เมืองหนานเจามากเกินไป องค์ชายและขุนนางชนชั้นสูงในเมืองหนานเจามักออกมาล่าสัตว์เป็ระยะ ดังนั้นสัตว์อสูรในเยี่ยนซานตั้งจึงสูญพันธุ์แล้ว กษัตริย์แห่งหนานเจานำสัตว์ตัวเล็กๆ มาปล่อยที่นี่เป็ครั้งคราว ทำให้ที่นี่เหมือนเช่นเป็สวนหลังตำหนักของราชวงศ์ แต่เวลานี้เยี่ยนซานตั้งกลายเป็สถานที่คัดเลือกใหญ่ของแปดสำนักนิกาย หนุ่มสาวผู้มีพร์แทบทั้งหมดของแคว้นมหาจักรพรรดิชางเหยียนตี้กั๋วมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ เพียงหวังมีสักวันสามารถเข้าแปดสำนักนิกายใหญ่สำเร็จ กลายเป็ศิษย์ของสำนักนิกายและรับโชคลาภวาสนา
ซึ่งความจริงแล้ว ศิษย์ดีเด่นหลายคนของตระกูลใหญ่ก็ไม่ด้อยไปกว่าศิษย์ธรรมดาของนิกาย แต่ทุกคนในแผ่นดินใหญ่นี้ล้วนทราบ เส้นทางก้าวข้ามขอบเขตแห่งเทพเ้าา อยู่ในกำมือของแต่ละสำนักนิกายใหญ่ มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่มีคุณสมบัติในการเปิดอาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียน เพื่อจะได้รับลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญา
แต่ละตระกูลใหญ่บางทีอาจสามารถมีจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่เทพเ้าา แต่ถ้าเข้าสำนักนิกายจะสามารถััความลับสำคัญของพลังธาตุก่อน สำหรับลูกศิษย์ของตระกูลแล้วก็มีความสำคัญและเป็เื่ดีเทียมฟ้า เปิดทางอนาคตในการทะลวงสู่จักรพรรดิา มหาจักรพรรดิา จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์เป็ต้น และแม้กระทั่งบรรลุเป็เทพเ้าาที่มีองค์ประกอบสำคัญของพลังธาตุ ยังทำให้ตระกูลได้รับการยกระดับสูงขึ้น พัฒนาก้าวหน้าไปได้อีกไกล
การมีพื้นฐานที่หนักแน่นมั่นคง จึงจะสามารถทำให้ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น!
ดังนั้น การคัดเลือกใหญ่ของแปดสำนักนิกาย สำหรับแต่ละตระกูลใหญ่แล้วล้วนเป็โอกาสที่ดีอย่างยิ่ง
ยิ่งเป็โอกาสของคนหนุ่มสาวทุกคนในใต้หล้า
ดังนั้นวันนี้เยี่ยนซานตั้งจึงครึกครื้นเป็พิเศษ ไม่ว่าจะเป็คนที่รู้จักนัดหมายกันมา หรือผู้มีความเกลียดชังและโกรธเคืองกัน ที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือความเป็ระเบียบเรียบร้อย
จ้านอู๋มิ่งเดินช้าๆ เข้าสูู่เาเยี่ยนซานตั้ง จุดคัดเลือกที่สำนักนิกายทั้งแปดจัดเตรียมไว้มีการต่อแถวยาวเหยียดแล้ว โดยเฉพาะสำนักิญญาเร้นลับ สำนักิญญา์และสำนักเมฆาอาทิตย์อัสดง จำนวนคนมากที่สุด ถึงอย่างไรสามสำนักนิกายนี้ก็เป็สำนักชั้นนำในแผ่นดินใหญ่ มีผู้คนไม่น้อยเมื่อเทียบกับอีกห้าสำนักนิกายอย่างสำนักหลอมโอสถ หอสมบัติล้ำค่าและนครอาทิตย์อัสดง กลุ่มอำนาจอิทธิพลเหล่านี้มีความแตกต่างกันอยู่ค่อนข้างมาก ไม่สามารถจัดให้มีการคัดเลือกศิษย์ในลักษณะนี้ได้
การทดสอบสอบแต่ละสำนักนิกายแตกต่างกัน ขอเพียงสามารถเดินออกจากเขตภาพมายาที่แต่ละสำนักนิกายกำหนดก็มีคุณสมบัติเข้าสำนักนิกายใหญ่ ดังนั้นการคัดเลือกจึงสะดวกกว่ามาก เข้าและออกจากเขตภาพมายาเป็ระเบียบตามลำดับ ผู้ที่เดินออกมาอย่างปลอดภัยลงชื่อด้วยความตื่นเต้น ผู้ที่ถูกเตะออกมาก็ถอยไปด้วยความผิดหวัง มีคนเสียชีวิตในเขตภาพมายาเช่นกัน แต่เป็จำนวนน้อย
จ้านอู๋มิ่งตรงไปที่สำนักกระบี่ิญญา เขาไม่ได้มาทดสอบในเขตภาพมายา คนยังมิทันเข้าใกล้ก็ะโเสียงดังลั่นขึ้น “ข้าได้รับการนัดหมายกับเจิงฉู่ไฉ ผู้าุโแห่งสำนักกระบี่ิญญา มารับการท้าต่อสู้กับศิษย์สำนักกระบี่ิญญาของพวกเ้า หากมิมีปัญหาใดก็เริ่มต้นั้แ่บัดนี้เลย พวกเ้าสามารถส่งศิษย์อัจฉริยะคนใดก็ได้มาต่อสู้กับข้า เป็หรือตายไม่เอาเื่กัน ทุกอย่างเป็ไปตามชะตาชีวิตฟ้าลิขิต!”
เสียงจ้านอู๋มิ่งดังถ่ายทอดไปไกล ได้ยินกันทั่วเยี่ยนซานตั้งในทันใด พลันดึงดูดสายตาทั้งหมดในที่แห่งนี้ทันที
“ฮ่าๆ แน่มากไอ้หนู ในที่สุดเ้าก็มาแล้ว ไม่ทำให้ข้าเลวี่ยเหวินซิวผิดหวัง ข้าเห็นเ้าประเสริฐมาก!” เสียงหัวเราะอย่างเบิกบานใจเสียงหนึ่งดังมาจากสำนักบริบาลเดรัจฉาน เลวี่ยเหวินซิวขี่กระทิงเขียวทะยานร่างไม่กี่ครั้งก็มาถึงข้างกายจ้านอู๋มิ่ง ในดวงตาฉายแววปีติยินดี
หากมิใช่จ้านอู๋มิ่งทราบว่าผู้เฒ่าท่านนี้รสนิยมทางเพศไม่ชอบผู้ชาย เกรงว่าคงใกลัวจนหนีไปแล้ว
“จ้านอู๋มิ่งน้อมพบท่านผู้าุโเลวี่ย” จ้านอู๋มิ่งรีบแสดงความคารวะ
“มิต้องเกรงใจข้าผู้ชรา ข้าผู้ชรารับปากเ้าว่าจะเปิดประตูใหญ่ของสำนักนิกาย รับเ้าเป็ศิษย์อย่างเป็ทางการ กระถางธูปเตรียมพร้อมเสร็จแล้ว รอให้เ้าตัดสินใจ พร้อมดำเนินพิธีการได้ตลอดเวลา ข้าคิดว่าเ้าคงไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” เลวี่ยเหวินซิวตอบรับคำอย่างเบิกบานใจ
“ไอ้หนูจากที่ใด กล้ามากำแหงที่สำนักกระบี่ิญญาของข้า!” เสียงเ็าเสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมรังสีฆ่าฟันเข้มข้นแผ่ออกมาดุจกระแสน้ำหลากก็มิปาน ปกคลุมใส่ร่างจ้านอู๋มิ่ง
[1] หนาน ความหมายคือ ยาก, ลำบาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้