เหอหยาชิงยักไหล่ ทำท่าทีไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก “ฉันเลิกกับเขาไปแล้วล่ะ!”
“ถ้าเธอยังเป็แบบนี้ ฉันกลัวว่าพ่อแม่ของเธอคงเป็ห่วงเธอน่าดู” หยิ่นยวี๋โม่ส่ายหน้าอย่างจนใจ เธอคิดไว้อยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็แบบนี้
“อย่าเลย ฉันยังต้องปิดเื่นี้กับพวกเขา ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องวางแผนจับคู่ดูตัวให้ฉันอีกแน่ๆ ฉันล่ะรับไม่ได้” เหอหยาชิงกลัวเื่นี้ที่สุด ทุกครั้งที่มีการดูตัว หล่อนจะอึดอัดจนวางตัวไม่ถูกไปทุกที
หยิ่นยวี๋โม่ยิ้มเบาๆเธออิจฉาเหอหยาชิงมาก ไม่ว่าจะคิดอะไรก็ทำได้ไปเสียหมด ไม่เหมือนเธอต่อให้ตายยังไง ในใจของเธอก็มีแต่มู่อี้หาน ่สมัยเรียน ใช่ว่าไม่มีผู้ชายมาจีบเธอ แต่เป็เธอเองต่างหากที่ปฏิเสธผู้ชายพวกนั้น
บางทีความรักของเธออาจแพ้มาั้แ่ตรงนั้นก็เหมือนวันนี้ ที่เธอยังยืนกรานจะรัก แต่เขาจะมีหรือไม่มีเธอก็ได้แม้เขาจะไม่มีเธอ แต่เขาก็มีผู้หญิงอยู่ในสต๊อกไม่ซ้ำหน้า
“โม่โม่ เย็นนี้เธอมีธุระอะไรหรือเปล่า? เธอเพิ่งจะแต่งงาน ยังไง ฉันก็ยินดีกับเธอด้วยนะ” เหอหยาชิงกะพริบตา และมองเธอด้วยสายตาเ้าเล่ห์
หยิ่นยวี๋โม่คิดอยู่สักครู่อยู่บ้านคนเดียวก็อึดอัด ในเมื่อหยาชิงกลับมาแล้ว ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนบ้างน่าจะดีอย่างน้อยก็ดีกว่าอยู่เหงาๆ ในคฤหาสน์หลังใหญ่ หรือถ้าได้เจอหน้าเขาคงจะรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย?
หยิ่นยวี๋โม่ถูกหยาชิงพามาผับที่ใหญ่มากย่านเมืองหยุนเฉิงและตอนนี้เธอเริ่มเสียใจแล้วที่ตัดสินใจแบบนั้น
แสงสีเสียงหญิงสาวแต่งหน้าจัดจ้าน คละเคล้าไปด้วยกลิ่นเหล้าและบุหรี่ จนหายใจไม่ออกที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ผู้คนที่เดินผ่านไปมาล้วนแต่แต่งตัวเปิดเผยเนื้อหนังไม่เบาไม่เว้นกระทั่งเธอ เนื้อผ้าที่บางจนแนบเนื้อ กระโปรงรัดรูปพร้อมเสื้อคอวี คอเสื้อประดับด้วยเลื่อมระยิบระยับ
ส่วนเหอหยาชิงมาในชุดเดรสสีดำสุดยั่วยวนเพียงทั้งคู่ปรากฏกายขึ้น ก็กลายเป็ดาวเด่นในผับไปทันที ไม่ว่าย่างกรายไปมุมไหน ก็มีหนุ่มๆมาคอยชวนคุยไม่หยุด
“หยาชิง ทำไมเธอถึงพาฉันมาที่นี่ล่ะ? ฉันกินเหล้าไม่ได้นะ” หยิ่นยวี๋โม่เป็คนคออ่อน เหล้าเข้าปากแค่แก้วเดียว เธอก็เมาแล้ว
“ไม่เป็ไรหรอกน่า เดี๋ยวฉันช่วยเธอสั่งเครื่องดื่มฉันพาเธอมาที่นี่เพื่อคลายเครียดไง” เหอหยาชิงปรบมือ “ไม่ต้องห่วงไปผับนี้ต้องเป็สมาชิกเท่านั้น คนทั่วไปเข้าไม่ได้หรอก เธอสบายใจได้”
ความหมายของหล่อนก็คือพวกคนธรรมดาคงเข้ามาไม่ได้เพราะที่นี่คนระดับชั้นนำเท่านั้นถึงจะมีเงินจ่ายค่าสมาชิกเข้ามาได้ และแน่นอนค่าสมาชิกของที่นี่ก็ไม่ใช่ถูกๆ
ในที่สุดหยิ่นยวี๋โม่และเหอหยาชิงก็หาที่นั่งจนได้ใกล้ๆ โซฟา ชายหญิงคู่หนึ่งนัวเนียกันอย่างถึงพริกถึงขิง จนเธอรู้ได้ทันทีว่าที่แห่งนี้เป็สถานที่แห่งการค้นหาความรัก
“หยาชิง เธอมาที่แบบนี้บ่อยเหรอ?” หยิ่นยวี๋โม่คิดไม่ถึงว่าเหอหยาชิงไปต่างประเทศมาสามปี กลับมาจะกลายเป็คนที่เปิดเผยมากขนาดนี้ผู้ชายคนเมื่อครู่เข้ามาชวนหล่อนคุย ทั้งคู่ยังไม่ได้พูดกันซักประโยคแต่ก็ดื่มเหล้าด้วยกันไปหลายแก้วแล้ว
“ไม่บ่อยหรอกนะ ก็มีบ้าง” เหอหยาชิงมองเธอ อันที่จริง ตอนที่หล่อนมาก่อนหน้านี้ เป็เพราะถูกเพื่อนผู้ชายชวนมาผับหลังจากนั้น ไม่ว่าหล่อนจะอารมณ์ดีหรือไม่ดี ก็ชอบมาอยู่ที่ผับ กินเหล้าสักแก้วเพื่อให้ตัวเองได้ผ่อนคลายจากเื่เครียดๆ
“มา...พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อคลายเครียดกันใช่ไหม? เธอไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า ยังไงซะสามีของเธอก็คงงานยุ่ง แล้วก็ไม่กลับบ้านดึกๆ พวกเราค่อยกลับกันก็ได้” เหอหยาชิงรู้ว่าที่หยิ่นยวี๋โม่ตอบตกลงมากับตนยังไงก็ต้องเกี่ยวกับเื่สามีของเธอแน่ คงเป็เพราะมู่อี้หานไม่ใส่ใจและเธอก็คงจะทำตัวเ็าใส่เขา แต่ก็นั่นแหละ มันก็สมควรแล้ว
ถ้าผู้หญิงอ่อนแอเกินไปก็จะเป็การทำร้ายตัวเอง เหอหยาชิงไม่อยากให้หยิ่นยวี๋โม่กลายเป็แบบนั้นยี่สิบปีมานี้ เธออยู่ในตระกูลหยิ่น ยอมทำทุกอย่าง นั่นแหละคือหยิ่นยวี๋โม่ที่ไม่เคยต่อสู้เพื่อตัวเองแม้แต่ครั้งเดียว
ตอนนี้เธอแต่งงานแล้วแต่เธอยังคงเป็เหมือนเมื่อก่อน ในเมื่อมู่อี้หานไม่เห็นคุณค่าของเธอ หยิ่นยวี๋โม่ก็ไม่ควรไว้ใจและทำดีกับเขาอีกต่อไป
หยิ่นยวี๋โม่นั่งอยู่ที่โซฟาคนเดียวส่วนเหอหยาชิงลุกไปเต้นอยู่ที่ฟลอร์ท่ามกลางฝูงชนเบียดเสียดกันเต้นอย่างสุดเหวี่ยง
เธอทอดสายตามองไปโดยรอบไม่ไกลจากโซฟาที่เธอกำลังนั่งดื่มน้ำส้มอยู่ เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น “คุณผู้หญิง ผมขอนั่งตรงนี้ด้วยคนได้ไหมครับ?” หยิ่นยวี๋โม่เงยหน้ามองชายแปลกหน้าตรงหน้า เธอพลันส่ายหน้าตอบ “ตรงนี้มีคนนั่งแล้วค่ะ”เธอปฏิเสธเขาไป แต่เขายังคงนั่งอยู่ดี “ทำไมคุณถึงดื่มน้ำผลไม้ล่ะ? ลองเ้านี้หน่อยไหม?” เครื่องดื่มสีชมพูแก้วหนึ่งวางอยู่ตรงหน้าเธอ “ผมว่านี่เหมาะกับคุณนะ”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ดื่มเหล้า ขอบคุณ” หยิ่นยวี๋โม่ปฏิเสธความหวังดีของเขา เธอเป็คนคออ่อนดังนั้นแม้แต่หน้าตาของคนแปลกหน้าคนนั้น เธอยังไม่แม้แต่จะมอง
“มาถึงที่นี่ทั้งที อย่างน้อยก็ลองดื่มเหล้านี่หน่อยสิ มันชื่อ PinkLover”ชายหนุ่มมองเธอผู้หญิงคนนี้หลบตามองต่ำ ดวงหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเบาบางช่างเป็ผู้หญิงที่น่าค้นหาจริงๆ
“Pink Lover?” หยิ่นยวี๋โม่พูดออกมาเบาๆ ชื่อนี้ก็ไม่เลวแต่น่าเสียดายที่เธอดื่มไม่ได้
“เหล้าสีชมพูแก้วนี้ เป็หนึ่งในสิบของเหล้าชั้นดีของผับนี้ผมเลี้ยงคุณเอง” ชายหนุ่มดื่มเหล้าในแก้วของตัวเองพลางเชื้อเชิญให้หยิ่นยวี๋โม่ดื่มเหล้าให้ได้ แต่หยิ่นยวี๋โม่ไม่ดื่ม เธอมองหยาชิงที่ฟลอร์แต่หยาชิงกลับไม่มองเธอ ตอนนี้เธออยู่กับชายแปลกหน้าสองต่อสอง ความรู้สึกไม่ปลอดภัยก่อตัวขึ้นจนทำให้เธออยากจะหนีไปจากที่นี่ แต่เธอกลับไม่มีความกล้าพอจะลุกออกไป
เพียงแต่ ยังไม่ทันลุกไปไหนเธอก็มองเห็นเงาสะท้อนที่คุ้นตาของใครบางคน เป็เขา...เป็เขาจริงๆ ใช่ไหม?
อันที่จริงไม่ต้องสงสัยนั่นคือเขาจริงๆ แต่ข้างกายของเขา คนที่คลอเคลียกับเขาอยู่ ไม่ใช่โจวลี่ฉี แต่เป็หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งทุกวันที่เขากลับบ้านดึก คงจะมาอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่ทุกวันเลยใช่ไหม? ผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า คงปรนเปรออารมณ์ของเขาได้เป็อย่างดี และคงไม่ทำให้เขาเบื่อหน่าย
มู่อี้หานเงยหน้าขึ้นและพบเข้ากับเธอ คิ้วของเขาขมวดชิดกันในทันที เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? หรือว่า เธอจะมาพบผู้ชายคนอื่นที่นี่ ดูเหมือนเธอจะปีกกล้าขาแข็งขึ้นเรื่อยๆแล้วเื่ที่เธอพูดเมื่อคืนวาน ที่เขาไม่ได้ตอบรับข้อเสนอของเธอที่ต่อต้านเขา
เธอเลยจงใจมากับผู้ชายคนอื่นที่มาให้เขาเห็น ก็เพื่อทำให้เขาลำบากใจ หรือเธอ้าจะบีบให้เขารับข้อเสนอนั้นหรือว่าเธอจะเป็คนไม่รู้จักพอใช่ไหม? แค่เขา้าเธอ เธอก็ควรจะรู้จักพอได้แล้ว คิดไม่ถึง ว่าเธอจะกลายเป็ผู้หญิงที่ไม่ยอมเป็สองรองใครหยิ่นยวี๋โม่ภรรยาของเขาไม่ไร้เดียงสาอีกต่อไป
หยิ่นยวี๋โม่ยังใอยู่ตรงนั้นเมื่อมู่อี้หานกำลังโอบเอวผู้หญิงคนอื่นด้วยความสนิทสนม และบรรจงจูบลงไปที่ริมฝีปากของเธอคนนั้น
ภายในใจของหยิ่นยวี๋โม่เ็ปจน้าจะเมาไปพร้อมกับเหล้า หยิ่นยวี๋โม่หยิบแก้วเหล้าสีชมพูที่อยู่บนโต๊ะขึ้นดื่มไปครึ่งหนึ่งรสชาติเปรี้ยวหวาน ของเหล้านั้นเหมือนรสสตรอว์เบอร์รี่ เธอเลียริมฝีปากชมพูระเรื่อนี่คงเป็ครั้งแรกที่เธอดื่มเหล้าที่ทั้งไม่ขม ทั้งไม่แสบคอ และเธอไม่ได้รู้สึกต่อต้านแม้แต่น้อย