มู่อี้หานนั่งอยู่ในห้องทำงานเพียงมองไปยังกองเอกสาร อาการปวดหัวก็กำเริบขึ้นถึงขั้นต้องเอามือกุมขมับ จู่ๆ ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกร่างขาวของใครคนหนึ่งเดินเข้ามา และถือวิสาสะนั่งลงตรงหน้าเขาทันที
“เกิดอะไรขึ้นน่ะพี่มู่ ทำไมถึงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดขนาดนี้เมื่อคืนพี่สะใภ้ไม่ได้ปรนนิบัติพี่หรือไง?” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหล่าตรงหน้าเขา กล่าวด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ
“เฉินจื่อโม่ ่นี้ดูเหมือนแกจะว่างมากนะ?” มู่อี้หานมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์
“ก็ไม่นะ ผมแทบจะไม่ว่างเลย แต่ที่ผมมาที่นี่ก็เพราะเป็ห่วงพี่นั่นแหละแต่งงานมาตั้งเดือนนึง ยังไม่ได้ไปฮันนีมูนที่ไหน แล้วยังให้พี่สะใภ้อยู่แต่บ้านอีกพี่ไม่กลัวเ้าสัวเขาถามหรือไง?” เฉินจื่อโม่เตือนเขาด้วยความหวังดี
“แกคิดมากไปแล้ว เขาจะมาถามอะไรฉันล่ะ?” มู่อี้หานยกกาแฟเย็นชืดบนโต๊ะขึ้นดื่มไปอึกหนึ่ง
“พี่สะใภ้ก็ไม่เลวเลยนะ พี่อย่าทำให้เธอผิดหวังก็แล้วกัน” แต่ละประโยคของเฉินจื่อโม่ ล้วนหนีไม่พ้นเื่หยิ่นยวี๋โม่ยิ่งฟังก็ยิ่งเหมือนเขาจะมาช่วยพูดแทนหยิ่นยวี๋โม่ แต่มู่อี้หานกลับรู้สึกว่าเฉินจื่อโม่มาพูดเพื่อกระตุ้นเขาแม้ว่าเขาจะเคยเจอหยิ่นยวี๋โม่ในงานแต่งแค่ครั้งเดียว แต่เขาก็ดูคนออกโดนเฉพาะผู้หญิง เมื่อเทียบกับคุณหนูรองของตระกูลหยิ่นแล้ว หยิ่นยวี๋โม่ดีกว่าเป็ไหนๆ
“แกคงไม่คิดจะเคลมโม่โม่หรอกใช่ไหม?” มู่อี้หานไม่ค่อยอยากฟังคนอื่นพูดถึงความดีของเธอสักเท่าไรนัก ความดีของหยิ่นยวี๋โม่ต้องมีแต่เขาเท่านั้นที่เห็นและมีแต่เขาเท่านั้นที่พูดได้
“โธ่ พี่มู่ พูดอะไรเหลวไหล คุณหนูหยิ่นเธอเป็พี่สะใภ้ผมนะ” เฉินจื่อโม่ส่ายหน้าพลางโบกไม้โบกมือเขาไม่กล้าแตะผู้หญิงของมู่อี้หาน มิเช่นนั้นเขาอาจรับผลที่ตามมาไม่ไหว
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้แกมาหาฉัน มีธุระอะไร เื่ส่วนตัว? ถ้าเป็เื่นั้น แกกลับไปเลย” มู่อี้หานเริ่มไล่เขา เพราะเขาไม่อยากเอาเวลามาคุยเื่หยิ่นยวี๋โม่กับผู้ชายแสนน่าเบื่อคนนี้
“งาน ต้องเป็งานอยู่แล้ว!” เฉินจื่อโม่ไม่กล้าใช้เวลาทำงานพูดคุยกับเขามากนักไม่กี่นาทีต่อมาเขาจึงยื่นเอกสารออกไป
“พี่ต้องเซ็นเอกสารชุดนี้” แค่มองเอกสารที่อยู่ตรงหน้ามู่อี้หานก็มั่นใจในทันทีว่าคุณชายสามของตระกูลเฉินที่อยู่ตรงหน้าเพียง้าหาเื่คุยกับเขาเท่านั้น
เมื่อหยิ่นยวี๋โม่ตื่นเขาก็ไม่อยู่แล้ว เขาอาจจะโกรธ? เมื่อเธอกลับมาคฤหาสน์ตระกูลหยิ่นเธออุ้มลูกแมวสีดำที่เธอเคยเลี้ยงกลับมาด้วย ความจริง ในตอนที่เธอย้ายมาเธอไม่ได้เอามันมาด้วย นั่นเป็เพราะว่าเขาไม่ชอบมัน แต่ในตอนนี้เธอเหงาเหลือเกิน
เธอนั่งอยู่ลำพังในสวนดอกไม้ที่มีเ้าลูกแมววิ่งวุ่นไปทั่วไม่รู้ว่าในใจของลูกแมวจะรู้สึกดีหรือเปล่าแต่เกรงว่าเ้าของของมันจิตใจกำลังย่ำแย่ เธอยอมทิ้งการเรียนจนเรียนไม่จบ เพื่อมาทำหน้าแม่บ้านเต็มตัวเธอที่เป็แบบนี้จะทำให้เขาหันมาสนใจเธอบ้างสักนิดบ้างไหม?
เมื่อคืนวานที่เธอเสนอเงื่อนไขออกไปในตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่ามันดูโง่เง่าเหลือเกิน ผู้หญิงของเขามีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องยอมหยุดข้องเกี่ยวกับผู้หญิงทั้งหมดเพื่อเธอคนเดียวด้วย?
เมื่อจู่ๆแม่บ้านโจวนำโทรศัพท์ออกมาหาเธอเธอใไปชั่วขณะ “คุณหนูคะโทรศัพท์ของคุณหนูดังตลอดเลยค่ะ”
หยิ่นยวี๋โม่ได้รับโทรศัพท์มาจากแม่บ้านโจวเพียงเหลือบมองหมายเลขโทรเข้า ไม่ใช่มู่อี้หาน เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ก็ใจหายที่ไม่ใช่เขาทำไมเธอต้องหวังให้เขาโทรมาหาเธอด้วยล่ะ?
“ฮัลโหล” หยิ่นยวี๋โม่รับโทรศัพท์อย่างเฉื่อยชา
“โม่โม่ที่รัก เพิ่งแต่งงานไปมีความสุขดีไหมจ๊ะ? ฉันกลับมาจากอังกฤษแล้วนะ พวกเรามาเจอกันหน่อยไหม?” น้ำเสียงเปี่ยมสุขเล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์
“หยาชิง?” เมื่อหยิ่นยวี๋โม่ได้ยินเสียงที่คุ้นหูเธอก็มีความสุขขึ้นทันที “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”
เมื่อทั้งคู่นัดแนะสถานที่กันเรียบร้อยหลังจากนั้นหยิ่นยวี๋โม่ก็ให้คนขับรถพาเธอไปส่งในเมือง
“โม่โม่ มาแล้ว มานั่งนี่เร็ว ฉันสั่งน้ำส้มไว้ให้แล้ว” เหอหยาชิงรวบผมหยักศกของหล่อนขึ้น แล้วลากหยิ่นยวี๋โม่มานั่งด้วยความกระตือรือร้น
“หยาชิง เธอกลับมาั้แ่เมื่อไหร่?” หยิ่นยวี๋โม่มองหยาชิงหล่อนคือเพื่อนสนิทของเธอซึ่งไปต่างประเทศมาสามปี และตอนนี้หล่อนกลับมาแล้ว
เหอหยาชิงดื่มกาแฟไปจิบหนึ่ง “ฉันเพิ่งกลับมาเมื่อวาน พอมาถึง วันนี้ฉันก็มาหาเธอเลยเยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ? ถ้าทำได้ฉันก็อยากกลับมาให้เร็วกว่านี้ จะได้มาทันงานแต่งของเธอ”หล่อนพูดด้วยความเสียดาย เพียงแต่ว่า ในเวลานั้นหยิ่นยวี๋โม่แค่จับพลัดจับผลูสลับตัวจนได้กลายเป็เ้าสาวคนใหม่เท่านั้น
“ตอนนั้น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าตัวเองจะต้องแต่งงานวันนั้น” พิธีในงานแต่งงานของเธอ ผ่านไปอย่างรวดเร็วและเลือนรางจนเธอแทบจำอะไรไม่ได้
“คนนั้น เฮ้อ คนที่เป็เ้าบ่าวเธอน่ะั้แ่เด็กจนโตเขาก็อาศัยอยู่บ้านเธอ เขาทำตัวไม่ดีกับเธอเหรอ? ทำไมสีหน้าเธอดูแย่แบบนั้นละ” เหอหยาชิงมองเห็นสีหน้าขาวซีดของหยิ่นยวี๋โม่ มองยังไงก็ไม่เหมือนคนที่เพิ่งเป็เ้าสาวหมาดๆเลยสักนิด หยิ่นยวี๋โม่ส่ายหน้า เธอไม่แน่ใจว่าเธอควรจะพูดดีหรือไม่
เธอเป็เ้าสาวของเขาก็จริงถึงแม่ว่าหลังจากแต่งงานกับเขาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ถึงเพิ่งจะมีความสัมพันธ์กันแบบสามีภรรยาและยังไม่รู้อีกว่าเขามีผู้หญิงอยู่นอกบ้านอีกกี่คนก็ตามที
“เขาไม่ดีกับเธอใช่ไหม?” เหอหยาชิงมองสีหน้าของเธอออก
ในเวลานั้นการ์ดเชิญที่ตระกูลหยิ่นร่อนออกมา เ้าสาวที่จะต้องอยู่ในพิธีคือคุณหนูรอง หยิ่นยวี๋ซินแต่พอใกล้วันงานหยิ่นยวี๋ซินดันหนีไปกับรุ่นพี่เสียก่อน เ้าสัวหยิ่นด้วยความไม่อยากเสียหน้าเลยสลับตัวหยิ่นยวี๋โม่มาแทน ต้องเปลี่ยนเป็เธอ อย่างไรเสียเธอก็ไม่โต้แย้งอะไรกลับไปเพราะหยิ่นยวี๋โม่เป็คนหัวอ่อน
“เขา...เขาดีกับฉัน...เขาดีกับฉันมากเลยละ เธอไม่ต้องคิดมากเธอลืมไปแล้วหรือไง เราสองคนโตมาด้วยกันั้แ่เด็ก” หยิ่นยวี๋โม่แสร้งทำเป็พูดด้วยความสบายใจตอนนี้เื่ทุกอย่างมันจบแล้ว เธอเปลี่ยนใจไม่ได้อีกต่อไป มีแต่ต้องเผชิญหน้ากับมันเท่านั้น
“อือ ฉันรู้ เธอสองคนโตมาด้วยกัน แต่เธอก็จงใจหลบเขาตลอดเลยไม่ใช่หรือไง? ขนาดคนขับรถที่บ้านมารับ เธอยังยอมนั่งรถเมล์กลับบ้านคนเดียวเพราะไม่อยากนั่งรถคันเดียวกับเขา” เหอหยาชิงเป็ใครน่ะหรือ? ั้แ่สมัยเรียน หล่อนคือเพื่อนสนิทของเธอ จนกระทั่งหล่อนไปเรียนต่างประเทศทั้งคู่ยังคงเป็เพื่อนที่ดีต่อกันอยู่เสมอ
หยิ่นยวี๋โม่ดื่มน้ำส้มด้วยท่าทางอึดอัด “ฉันแต่งงานแล้วนะ และฉันก็คิดว่าแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ”
“ฉันรู้ว่าเธอชอบเขามาตลอดนั่นแหละ แต่เธอไม่กล้าบอกขนาดตอนนี้เธอแต่งงานกับเขาแล้วนะ ฉันว่า แบบนี้มันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ฉันกลัวว่าถ้าถึงเวลานั้น คนที่เจ็บจะเป็เธอ” เหอหยาชิงรู้ดี ว่าั้แ่เล็กจนโตหยิ่นยวี๋โม่เป็คนใจอ่อนอะไรอะไรก็ยอมไปหมด คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหยิ่น ดูยังไงก็ไม่เหมือนคุณหนูเลยแม้แต่น้อย
ความรักก็ดีหรือ การแต่งงานก็ดี คนที่ทุ่มเทความรู้สึกก่อน ล้วนแต่เป็ฝ่ายเ็ปอย่างง่ายดายั้แ่เล็กจนเติบใหญ่ คนที่ชอบพอหยิ่นยวี๋โม่ก็มีไม่ใช่น้อย แต่เธอมักจะปฏิเสธหรือไม่ก็เมินเฉยใส่พวกเขาเ่าั้ เพื่อนที่ดีอย่างเหอหยาชิงกังวลอยู่เสมอว่าเธอจะต้องปล่อยให้คนดีๆหลุดมือไป!
“เธอไม่ต้องกังวลน่า ว่าแต่เธอเถอะ? เธอบอกใช่ไหมว่ามีคนคุยๆ อยู่ที่อังกฤษ? เป็ไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไม่ได้พาเขากลับมาด้วยกันหรอกเหรอ?” หยิ่นยวี๋โม่และเหอหยาชิงไม่มีอะไรเหมือนกันเลย เหอหยาชิงไม่ว่าจะไปที่ไหนหล่อนมีแต่รอยยิ้มที่สดใส ช่างพูดช่างเจรจา ั้แ่เด็กจนโตมีชายหนุ่มเดินหน้าจีบหล่อนนับไม่ถ้วน แต่หล่อนก็คบใครได้ไม่นานนัก