“วันนี้เป็วันแรก ทำของอร่อยให้พวกเธอหน่อยดีกว่าพวกเราไม่ไปกินข้างนอกแล้วล่ะ” ผ่านเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาไปแล้วกัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ ก่อนจะโทรหาโจวเทียนหยาง ได้ยินมาว่าเขามีวัตถุดิบชั้นดีและไม่ถึงห้านาที โจวเทียนหยางก็มาถึงคลินิกไม่
“ในหมู่พวกเธอมีคนทำอาหารเป็หรือเปล่า ไปเป็ลูกมือลุงโจวหน่อยสิ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ กับเหล่านักศึกษาเห็นได้ชัดว่านักศึกษาพวกนี้ยังไม่ตื่นจากความสะดวกสบายในคลินิกไม่จึงไม่มีใครยอมไปช่วยโจวเทียนหยาง ยกเว้นหลี่อวี้ เขาวิ่งไปล้างมือตรงก๊อกน้ำแล้วเข้าไปในครัวแต่ที่ทำให้กัวไฮว่ประหลาดใจก็คือเหอโม่เองก็ตามเข้าไปในครัวด้วย
“กัวไฮว่ ยังมีอุ้งตีนหมีวันนั้นอีกหรือเปล่า เอามาหน่อยสิ” โจวเทียนหยางพูดถามเสียงดัง
“อะแฮ่ม ๆ ลุงโจว ลุงคิดว่าอุ้งตีนหมีเป็ผักกาดหรือไง อุ้งตีนหมีหมดแล้วแต่ว่าเนื้อพวกนี้ลุงลองปรุงแบบวิธีปรุงเนื้อกวางก็ได้นะจะได้ให้ทุกคนได้ชิมกันหน่อย หูฉลามนี่เดี๋ยวผมทำเอง ผมอุตส่าห์ต้มมาทั้งวัน” กัวไฮว่พูดพลางเปิดจานจานหนึ่งที่ด้านในมีหูฉลามยาวหนึ่งเมตรกว่าอยู่
โจวเทียนหยางอดไม่ได้ที่จะชิมไปชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็เขาก็นิ่งอึ้งไป
“หูฉลามนี่เดี๋ยวฉันทำเอง เธอทำอย่างอื่นไปเถอะ” โจวเทียนหยางพูดยิ้ม ๆ กัวไฮว่เองก็ไม่ได้พูดอะไรมากเขาให้หูฉลามกับโจวเทียนหยางไป ห้องครัวมีขนาดใหญ่ทั้งสี่คนอยู่ในนั้นถือว่ากว้างขวางมาก หลี่อวี้เริ่มจากช่วยเด็ดผักกัวไฮว่มองเหอโม่แวบหนึ่งจากนั้นก็เรียกเธอมาตรงหน้าจากนั้นก็โยนเนื้อซี่โครงไปให้เหอโม่
“ลองมีดนี่ดู ดูหน่อยว่าใช้ได้หรือเปล่า หั่นซี่โครงนี่เป็ท่อนๆ” ในขณะที่พูดก็มีมีดทำอาหารเล่มหนึ่งปรากฏอยู่ในมือของกัวไฮว่ในขณะที่มีดปรากฏออกมานั่นเอง โจวเทียนหยางที่กำลังหั่นหูฉลามอยู่นั้นก็รู้เหมือนกับมีอะไรอันตรายเขานิ่งอึ้งไป ก่อนจะนำสายตามองไปยังมีดที่กัวไฮว่ส่งให้เหอโม่
“ยายหนู เธอถือให้ดี ๆ นะ มีดดีเลยล่ะ ไม่ได้แค่ใช้หั่นผักหั่นเนื้อดีนะใช้ฆ่าคนก็ไม่เลวเลย เฮอะๆ” โจวเทียนหยางพูดยิ้ม ๆจากนั้นก็จัดการกับหูฉลามของตน
“ขอบคุณค่ะอาจารย์” เหอโม่รับมีดมาจากนั้นก็หั่นซี่โครงไปอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงสามสี่นาทีซี่โครงชิ้นใหญ่ก็ถูกหั่นเป็ชิ้นเล็ก ๆ ขนาดพอ ๆ กัน
“ยายหนู ฝีมือการใช้มีดใช้ได้เลยเนี่ย” โจวเทียนหยางพูดยิ้มๆ
“มีดต่างหากที่ดี เมื่อกี้ฉันใช้มือคลำกระดูกแล้วเหมือนว่าจะเป็กระดูกวัวนะ แต่หยาบกว่ากระดูกวัวเยอะเลย แข็งกว่ากระดูกวัวสิบเท่ามีดนี่สุดยอดมากเลย” เหอโม่พูดเบา ๆ
“ถ้าชอบก็เก็บเอาไว้ให้ดี แต่จำไว้นะว่าอย่าเอาไปทำร้ายใคร แต่จากความสามารถของเธอในตอนนี้คงควบคุมมันไม่ไหวหรอก” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ มีดทำอาหารเล่มนี้มาจากน้ำเต้าเหล่าจวินแม้เ้าของคนก่อนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับของที่อยู่ในน้ำเต้านี่เลยแต่กัวไฮว่กลับรู้ที่มาของมีดทำอาหารเล่มนี้เพราะบนมีดทำอาหารเล่มนี้แกะสลักอักษรคำว่า ‘เผา[1]’ ตัวเล็ก ๆ เอาไว้ มีดเล่มนี้เป็มีดที่เผาติ่ง[2]เคยไว้ใช้ชำแหละวัว ทุกคนต่างรู้ว่าเผาติ่งเป็พ่อครัวแต่มนุษย์โลกจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเขาเองก็ได้ขึ้นไป์เช่นกันเพียงแค่เขาใช้มีดชำแหละวัวเล่มเดียว ก็สามารถฆ่าผีทำลายิญญาได้ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก
“กัวไฮว่ มีดแบบนี้ยังมีอีกหรือเปล่า จะให้ฉันสักเล่มเหมือนกันใช่หรือเปล่า” โจวเทียนหยางถามยิ้ม ๆ ในขณะเดียวกันเขาก็ทำหูฉลามจานใหญ่เสร็จแล้ว
“ถ้ามีเวลาเดี๋ยวผมทำมีดดี ๆ สักเล่มให้ มีดแบบนั้นมีแค่เล่มเดียวและเกรงว่าทั้งโลกใบนี้จะมีแบบนั้นแค่เล่มเดียวด้วย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ก็บอกแล้วว่าปลากับอุ้งตีนหมีจะเอาพร้อมกันไม่ได้[3] ไม่ทราบว่าถ้าผมให้อุ้งตีนหมีลุงชิ้นนึงลุงจะเอามันกับหูฉลามมาทำได้ไหมครับ”
“คิดไว้แล้วเชียวว่าเธอต้องมีอุ้งตีนหมีแบบนั้นอีก เอามาให้ฉันเร็วฉันเคยอ่านตำรับโบราณเขียนเกี่ยวกับวิธีทำอุ้งตีนหมีกับหูฉลามถ้าวันนี้พวกเธออยากกินของดี ๆ ก็รีบเอามาให้ฉันเลย” โจวเทียนหยางพูดด้วยเสียงดังกัวไฮว่เองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจ โยนอุ้งตีนหมีขนาดใหญ่ไปให้โจวเทียนหยาง
“อู๋กัง อุ้งตีนหมีราดน้ำผึ้งนั่นอร่อยใช่ไหมเล่า” ภายในวังแห่งจันทรา ฉางเอ๋อมองอู๋กังที่กินอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมกับถามยิ้มๆ
“อร่อย ๆ อร่อยกว่าของกินในงานเลี้ยงดอกท้อ์เสียอีก ท่านพี่ไม่คิดเลยว่าท่านจะมีฝีมือเช่นนี้ ท่านควรจะบอกก่อนหน้านี้สิเดี๋ยวข้าจะไปเอาหัวหมีมาจากแดนมาร”
“ฮ่า ๆ เ้าว่าถ้าให้หยางเจี่ยนเห็นเ้าในสภาพเช่นนี้เขาคงจะมีท่าทางเอิบอิ่มมากทีเดียวใช่หรือไม่” ฉางเอ๋อพูดยิ้มๆ “นักรบ์ผู้กรีทัพสามาใหญ่มาแล้วอย่างอู๋กังกลับมานั่งบนเก้าอี้เตี้ยกินอุ้งตีนหมี ทั้งยังดูดเลียนิ้วอีก ฮ่า ๆ ตลกเสียจริง”
“หยางเจี่ยนแล้วอย่างไร หากหยางเจี่ยนได้ทานของเช่นนี้ก็คงไม่ได้จะสุภาพเรียบร้อยไปกว่าข้าหรอก” อู๋กังพูดยิ้มๆ “หลายหมื่นปีมาแล้ว อาหารมื้อนี้อร่อยที่สุดไม่พูดต่อแล้ว ไปตัดไม้ดีกว่า” อู๋กังพูดพลางแบกขวานด้ามใหญ่เตรียมจะออกไป
“ยังมีของอร่อยกว่านี้อีกหลายอย่าง ทว่าหากจะไปจับมารวาฬที่แดนมารก็จะอันตรายไปหน่อย” ฉางเอ๋อพูดยิ้ม ๆ “ข้าไม่ให้เ้าไปแล้วล่ะเ้าให้หยางเจี่ยนมาหาข้า หวังว่าตาที่สามของเขาจะจัดการกับมารวาฬได้ดีนะ”
“ท่านพี่ ท่านอย่าลำเอียงสิ เื่มารวาฬเดี๋ยวข้าไปหาหยางเจี่ยนเองไว้ตอนข้ากับเขากลับวังแห่งจันทรา ท่านอยากได้อะไรอีกพวกเราจะนำกลับมาด้วยกัน” อู๋กังพูดพลาง
“ไปเอาหัวมารหมีมา” ฉางเอ๋อพูดยิ้ม ๆ “ทว่าเมื่อสักครู่ข้าคำนวณดูแล้ว พวกเ้าสองคนไปครานี้ จะมีอันตรายไม่น้อย ถ้าเจอจอมมารรีบหนีกลับมา ไม่เช่นนั้นสรวง์ได้สูญเสียนักรบไปถึงสองคนแน่ตาแก่หงจวินนั่นได้ประจานอีก”
“เป็เซียนแต่เหตุใดต้องมาว่าร้ายข้าลับหลังด้วยเล่านี่ไม่ใช่การกระทำของเซียนเลย” เสียงอันนุ่มลึกดังขึ้นในวังแห่งจันทรา
“หงจวิน ในเมื่อท่านได้ยินแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ถือว่าพูดลับหลังเ้าลอบดูข้าในวังแห่งจันทรา หรือว่าอยากจะดูข้าอาบน้ำด้วย ฮ่าๆ!” ฉางเอ๋อพูดพลางถอดชุดสุ่ยซิวหงจวินผู้ซึ่งกำลังเล่นหมากอยู่ไกลกว่าหมื่นเมตรก็พลันใไปถึงดวงจิตตัวหมากที่อยู่ในมือก็วางผิดที่
“สตรีบ้า สตรีบ้าของแท้” หงจวินพูดเสียงดังท่านเทพแห่งดาวศุกร์ที่เล่นหมากกับเขานั้นก็มีความงุนงงเต็มใบหน้าส่วนฉางเอ๋อก็หัวเราะลั่นอยู่ในวังแห่งจันทรา ทว่าอู๋กังถึงกับเหงื่อท่วมหัวที่ฉางเอ๋อถอดสุ่ยซิวเมื่อสักครู่อู๋กังก็วิ่งออกไปจากวังแห่งจันทราราวกับหลบหนีอะไรบางอย่าง ดิ่งตรงไปยังวังสิงกงของหยางเจี่ยน
เป็เวลาประมาณเที่ยงครึ่ง ทุกคนต่างนั่งล้อมโต๊ะกลมตัวใหญ่เฉินเจี่ยตี้มองโต๊ะโดยละเอียดแวบหนึ่ง หน้าโต๊ะใหญ่ขนาดนี้แถมยังทำมาจากไม้แผ่นเดียว ไม่ได้มีรอยต่อทำให้เขามีความรู้สึกเคารพนับถือหัวหน้าคลินิกผู้มีอายุน้อยกว่าตนไม่กี่ปีผู้นี้เป็อย่างมาก
“เดี๋ยวตอนบ่ายฉันจะให้พวกเธอทุกคนไปซื้อยาจีนเที่ยงนี้คงไม่ให้พวกเธอดื่มเหล้าล่ะนะ มาชิมฝีมือทำอาหารของฉันกับลุงโจวกันเถอะ” พูดเสร็จ ตรงหน้าของทุกคนก็มีจานใบเล็กๆ จากนั้นก็เสิร์ฟซุปหยกขาวรสชาติหอมเข้มข้นของปลาตรงมาสู่ใบหน้า
“นี่มันหูฉลามนี่ แต่ทำไมถึงเป็รสชาติแบบนี้ล่ะ อร่อยมากเลย” นักศึกษาคนหนึ่งดื่มไปคำนึง ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ
“ลุงโจว ข้างในเป็เนื้ออะไรเนี่ย คุณพระ อยู่ในมหาลัยอู่เฉิงก็เคยได้ยินชื่อร้านอาหารเทียนหยางแต่ไม่เคยไปสักครั้ง ผมพลาดของอร่อยไปเท่าไหร่แล้วเนี่ย” เฉาเฉียนคุนพูดเสียงดัง
“ลุงโจว ลำบากแล้วล่ะ มา บ่ายนี่ลุงไม่มีธุระอะไร เต็มแก้ว” ในขณะที่พูด กัวไฮว่ก็เทหล้าในแก้วของโจวเทียนหยางจนเต็ม โจวเทียนหยางเห็นเด็กๆกลุ่มหนึ่งกินกันอย่างมูมมามก็หัวเราะเฮฮาขึ้นมา
“เนื้อในหูฉลามก็คืออุ้งตีนหมีก็บอกแล้วว่าหงปลากับอุ้งตีนหมีจะเอาพร้อมกันไม่ได้แต่วันนี้เหล่าโจวต้องเอามันมาอยู่ด้วยกันให้ได้” โจวเทียนหยางพูดด้วยเสียงดัง
[1] มีความหมายว่าการทำครัวทำอาหาร
[2] มีตำนานว่าเผาติ่งเป็ผู้ชำแหละวัวผู้เก่งกาจใจสมัยก่อนเขาชำแหละวัวจนสามารถจดจำอวัยวะ กระดูก จนกระทั่งถึงเส้นเืทุกส่วนของวัวได้
[3] เป็สำนวนหมายความว่าไม่อาจเอาสองสิ่งมาได้ในเวลาเดียวกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้