หลังจากกั๋วฉานสามารถควบคุมธงโลหิตได้อย่างสมบูรณ์ เจียงเฉินพาหวงต้าออกจากวังเซวียนอี้
เมื่อสิบกว่าปีก่อนคนทรงจันทราโลหิตได้ใช้ธงโลหิตก่อความวุ่นวายในแคว้นฉี เพราะมีธงโลหิตอยู่ในมือทำให้มันแทบอยู่ยงคงกระพัน กั๋วฉานเป็ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง เขาจึงไม่มีปัญหาในการควบคุมมัน ด้วยการใช้ธงโลหิต ความแข็งแกร่งของกั๋วฉานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเฝินจงถังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกั๋วฉานอีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้ เจียงเฉินสามารถวางใจที่จะให้เยี่ยนเฉินหยวี่และฮันหยานอยู่ที่นี่ได้ เขาจะต้องออกไปเพื่อที่จะช่วยเหลือฮันหยาน เขาไม่้าให้เกิดเื่เลวร้ายกับพี่ชายอีก
ภายในพระราชวังเซวียนอี้ นักพรตเซวียนอี้ได้รออยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง เมื่อเขาเห็นเจียงเฉินและหวงต้ามาถึง เขาได้ไปต้อนรับพวกเขาทันที
"เจียงเฉิน การเดินทางไปยังนรกอเวจีมันไม่ได้เป็เื่สนุกหรอกนะ ข้าหวังว่าเ้าจะลองคิดดูอีกครั้งหนึ่ง"
นักพรตเซวียนอี้เตือนเจียงเฉินด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ไม่จำเป็ต้องคิดใหม่หรอก ท่านผู้นำนิกายโปรดเปิดทางสู่นรกอเวจีให้แก่ข้าเถิด"
เจียงเฉินได้ตัดสินใจแน่วแน่ เขาจะต้องไปนรกอเวจีไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
"ดี ตามข้ามา"
นักพรตเซวียนอี้ไม่ได้พูดสิ่งใดอื่นอีก เขาพาเจียงเฉินและหวงต้าตรงไปยังส่วนลึกของวังเซวียนอี้
พวกเขาข้ามทางเดินยาว พวกเขารู้สึกได้ชัดเจนว่าทางเดินได้ทอดลงไป ทางเดินนั้นมืดมิดและหลังจากที่เดินไปได้สามลี้ ประตูเหล็กได้ปรากฎตรงหน้าพวกเขา
"ไม่คิดมาก่อนเลยว่าภายในนิกายเซวียนอี้จะมีสถานที่เช่นนี้อยู่ด้วย"
เจียงเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มองจากภายนอก นิกายเซวียนอี้ไม่มีสิ่งใดเป็พิเศษ เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะมีสถานที่แบบนี้ซ่อนอยู่ภายใน
"ทางเข้าสู่นรกอเวจีนั้นลึกลับนัก จะต้องเก็บซ่อนมันไว้อย่างมิดชิด"
นักพรตเซวียนอี้พูดขึ้น
"มันอยู่ด้านหลังประตูเหล็กสินะ?"
เจียงเฉินถาม
"ถูกต้อง"
นักพรตเซวียนอี้โบกมือและปลดปล่อยลำแสงใส่ประตูเหล็ก เสียงแกร้กได้ดังมาจากประตูเหล็กในทันที มันดูเหมือนว่าประตูเหล็กนี่ไม่ได้เปิดขึ้นเป็เวลานานหรือบางทีอาจเปิดขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น นั่นเป็เหตุว่าเกิดเสียงสนิมขึ้นเวลาเปิด
เื้ัประตูเหล็กเป็ห้องลับที่มีพื้นที่กว้างขวาง และมันถูกปิดผนึกไว้ทุกด้าน ตรงกลางห้องลับมีอาคมเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ มันลอยและเปล่งแสงออกมาอย่างต่อเนื่อง
"อาคมเคลื่อนย้าย!"
ดวงตาเจียงเฉินเปล่งประกาย อาคมนี้สำหรับเขามิใช่เื่แปลกประหลาดแต่อย่างใด เขาสามารถรู้ได้ทันทีในการมองเพียงครั้งเดียว
"ใช่ อาคมนี้นำทางไปสู่นรกอเวจี"
นักพรตเซวียนอี้ผงกหัว
"ครั้งสุดท้ายที่กวนอี้หยุนได้บอกข้ามา มันอาคมโบราณ แต่ว่าอาคมเคลื่อนย้ายนี้มันไม่ได้ดูเก่าแก่แต่อย่างใด ข้าคิดว่าผู้เชี่ยวชาญราชันย์ยุทธเป็ผู้สร้างมัน ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาคม อาคมเคลื่อนย้ายนี้ต่างจากอาคมเคลื่อนย้ายประเภทอื่นๆและอาคมนี้มันสัมพันธ์กับพลังมิติ หากไม่แตกฉานความรู้ในเื่อาคมผู้เชี่ยวชาญราชันย์ยุทธทั่วไปคงไม่อาจสร้างอาคมเคลื่อนย้ายที่แท้จริงได้"
เจียงเฉินพูดอย่างไร้อารมณ์
ท่าทางของนักพรตเซวียนอี้เปลี่ยนไป เขามองไปยังเจียงเฉินด้วยความประหลาดใจ เป็อีกครั้งที่เขาต้องตกตะลึงเพราะเจียงเฉิน อาคมเคลื่อนย้ายนี้อยู่ที่นี่กว่าทศวรรษแล้ว และกระทั่งนักพรตเซวียนอี้ไม่อาจบอกถึงสิ่งใดเกี่ยวกับมันได้ แต่เจียงเฉินสามารถที่จะบอกได้ทุกสิ่งด้วยการมองเพียงครั้งเดียว และเขาสามารถบอกได้ว่ามันถูกสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญราชันย์ยุทธ
ผู้เชี่ยวชาญราชันย์ยุทธ ราชันย์ยุทธผู้ทรงอำนาจ เป็ตัวตนขั้นสุดยอดที่เชี่ยวชาญพลังมิติ เป็ตัวตนที่สูงส่งอย่างแท้จริง เป็ขอบเขตที่นักพรตเซวียนอี้ไม่อาจจินตนาการได้ เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิติญญายุทธ สำหรับขอบเขตราชันย์ยุทธ เขาทำได้เพียงแค่ฝัน
"อาคมเคลื่อนย้ายนี้ราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์ได้มอบให้เมื่อทศวรรศที่แล้ว ข้าคาดว่าบรรดานิกายใหญ่ของทั้งยี่สิบแปดแคว้นในทวีปตะวันออกต่างมีอาคมเคลื่อนย้ายแบบเดียวกัน แม้ว่าข้าไม่รู้เื่ใดๆเกี่ยวกับอาคมเคลื่อนย้ายนี้ก็ตาม แต่ข้าคาดไม่ถึงเลยว่ามันถูกสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญราชันย์ยุทธ"
นักพรตเซวียนอี้ถอนหายใจออกมา ราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์เป็ผู้ปกครองทวีปตะวันออก และพวกเขาได้มอบอาคมเคลื่อนย้ายแบบเดียวกันแก่นิกายใหญ่ทุกๆแห่งและทำให้แน่ใจว่าแต่ละแคว้นจะสามารถส่งผู้คนลงไปยังนรกอเวจีได้ ถึงแม้ว่าแคว้นฉีและแคว้นเฉียนที่ไม่เคยได้รับความสนใจก็ได้รับอาคมเคลื่อนย้ายเช่นกัน
"ดูเหมือนว่าราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์จะมีผู้เชี่ยวชาญราชันย์ยุทธอยู่ด้วย ไม่เลว"
เจียงเฉินผงกหัว ดูเหมือนว่าราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดไว้ ผู้เชี่ยวชาญราชันย์ยุทธ ในทวีปศักดิ์สิทธิ์ ถือได้ว่าเป็ตัวตนที่มีชื่อเสียง การที่ราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์จะมีผู้เชี่ยวชาญราชันย์ยุทธอยู่ และสามารถปกครองทั่วทั้งทวีปตะวันออกได้นั้น เป็เื่ธรรมดานัก
"ท่านผู้นำ รีบเปิดการทำงานของอาคมเคลื่อนย้ายเถอะ"
เจียงเฉินไม่้าที่จะเสียเวลาอีก
"ได้"
นักพรตเซวียนอี้ผงกหัว ด้วยการพลิกฝ่ามือ เขานำตราสั่งการออกมาจากแหวนมิติ มันมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ และมันดูเหมือนว่าจะพอดีกับช่องที่อยู่ตรงกลางอาคมเคลื่อนย้าย
นักพรตเซวียนอี้เดินไปด้านหน้าอย่างช้าๆและใส่ตราสั่งการไปยังประตูเคลื่อนย้าย พริบตาต่อมา ประตูเคลื่อนย้ายเกิดเสียงดัง 'เปรี๊ยะๆ' ขึ้น จากนั้นมันเริ่มทำงาน
ฟู่ววว....ฟู่วววว......
หลังจากที่ได้เปิดการทำงานของอาคมเคลื่อนย้าย สายลมอันรุนแรงได้กวาดผ่านทั่วทั้งห้องลับ แรงดันมิติได้ไหลออกมาจากอาคมเคลื่อนย้าย ทำให้ผู้คนหายใจได้อย่างยากลำบาก
ฟู่วววว..........
ไม่นานหลังจากนั้น อุโมงดำสนิทได้ปรากฎขึ้นที่ใจกลางอาคมเคลื่อนย้าย สายลมอันหนาวเหน็บได้พัดออกมาจากอุโมงค์อย่างรุนแรง มันหนาวเหน็บราวกับว่ามันมาจากความมืดมิด ทำให้จิตใจผู้คนสั่นสะท้าน
กลิ่นอายเช่นนี้ กระทั่งนักพรตเซวียนอี้ยังมีท่าทางเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามเจียงเฉินยืนอยู่ด้านหน้าพายุ สีหน้าเขาไม่เปลี่ยน กลิ่นอายเช่นนี้ ทำให้เขาเกิดความคิดถึง หวงต้าแลบลิ้นออกมา แววตาของมันฉายแววตื่นเต้นเช่นกัน เ้าหมานี่ไม่หวาดกลัวต่ออันตรายใดๆ มันกลับยิ่งตื่นเต้นเมื่อพบเจอภัยอันตราย มันและเจียงเฉินต่างรักการผจญภัย พวกเขาต่างรู้สึกตื่นเต้น
"รีบหน่อย อุโมงค์นี้คงอยูู่ได้เพียงแค่สามลมหายใจเท่านั้น"
นักพรตเซวียนอี้รีบพูดขึ้น
"หวงต้า ไปกันเถอะ"
เจียงเฉินกระโจนเข้าไปและหายเข้าไปในอุโมงค์ หวงต้าก็ตามหลังเขาไปติดๆและหายไปในอุโมงค์ในเวลาเดียวกัน
แกร้ก!
ตอนที่เจียงเฉินและหวงต้าหายเข้าไป อุโมงค์ก็ได้ปิดทันที อาคมเคลื่อนย้ายก็หยุดทำงาน ตราสั่งการสีทองได้ตกลงบนมือของนักพรตเซวียนอี้
นักพรตเซวียนอี้จ้องไปยังอาคมเคลื่อนย้ายอย่างไม่ไหวติง จากนั้นเขาก็พึมพำกับตนเอง
"เจียงเฉิน ข้าหวังว่าเ้าจะออกมาจากนรกอเวจีได้อย่างปลอดภัย โชคชะตาของนิกายเซวียนอี้อยู่ในมือเ้าแล้ว"
ฟู่วว....ฟู่ววว.........
สายลมอันหนาวเหน็บยังคงกรรโชกไม่หยุด เจียงเฉินและหวงต้าต่างมุ่งไปตามเส้นทาง ลมพายุได้พัดจากทุกทิศทาง
ทางเดินแคบมาก มันให้คนผ่านได้เพียงแค่หนึ่งคนต่อหนึ่งเส้นทาง และมันทำให้ร่างของหวงต้าอึดอัด ยิ่งไปกว่านั้น พายุได้พัดเข้าใส่เส้นทาง ทำให้ใบหน้าของพวกเขาเ็ป
"บัดซบ น้องเขยมันสิ! เส้นทางขยะห่วยแตกนี่มันอะไรกัน?!"
หวงต้าก่นด่าออกมา เส้นทางนี้มันสั่นและไม่เสถียร ราวกับว่ามันอาจพังทลายได้ทุกขณะ
"ดูเหมือนว่าผู้เชี่ยวชาญราชันย์ยุทธผู้นี้จะมีความเชี่ยวชาญด้านพลังมิติ เขาได้สร้างอาคมเคลื่อนย้ายด้วยเส้นทางมิติ ดังนั้นมันจึงไม่เสถียร พวกเราจะต้องระวังให้มาก อย่าได้ปลดปล่อยพลังที่นี่แม้แต่น้อย หากว่าพวกเราหลุดเข้าไปยังกระแสมิติปั่นป่วน มันจะเป็ปัญหาใหญ่!"
เจียงเฉินพูดเตือน
"ท่านย่าทวดมันเถอะ!หากพวกเราหลุดไปยังกระแสมิติปั่นป่วน พวกเราจะติดอยู่ที่นั่นไปกว่าร้อยปี!"
หวงต้ารู้สึกสลดใจยิ่งกว่าเก่า มันมองไปรอบๆและพบมิติหลากสีที่กำลังปั่นป่วนอยู่ทุกหนทุกแห่ง เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง พายุมิติได้ปรากฎขึ้นสู่สายตาพวกเขา โชคดีที่เป็เจียงเฉินและหวงต้า หากเป็คนอื่นคงจะปัสสาวะราดเนื่องจากความกลัว
กระแสมิติปั่นป่วน เป็สถานที่มืดมิดและหนาวเหน็บ มันเป็เื่ยากที่จะหาปมมิติที่อยู่ภายใน ถึงแม้เป็ผู้เชี่ยวชาญราชันย์ยุทธที่เชี่ยวชาญด้านพลังมิติยังยากที่จะหาทางออกจากมันได้ มีเพียงจักรพรรดิ์ยุทธที่ทรงอำนาจเท่านั้นที่สามารถออกจากมันได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ พายุมิติภายในมิติปั่นป่วนเป็การดำรงอยู่ที่น่าสะพรึง พายุมิติเป็ดั่งหายนะ หากผู้ใดติดเข้าไปจักต้องหายไปอย่างแน่นอน
บนใบหน้าของเขาปรากฎรอยยิ้มขมขื่น ในชีวิตที่แล้วของเขา เขาสามารถไปที่ไหนก็ได้ในโลกด้วยทักษะเคลื่อนย้ายมิติ การที่เขาจะเข้าสู่นรกอเวจีเขาสามารถไปได้ในชั่วพริบตา
ยอดนักบุญ เป็ผู้เชี่ยวชาญกฎของมิติทุกแขนง พวกเขาสามารถเดินไปยังทุกหนทุกแห่งได้ที่พวกเขา้าไปภายในห้วงมิติ ดังนั้น นักบุญคนใดที่เชี่ยวชาญทักษะเคลื่อนย้ายมิติจะสามารถแหวกมิติด้วยมือเปล่าและเดินราวกับเป็สวนหลังบ้าน
ไม่ว่าอย่างไร มันเป็เพียงแค่อดีตไปแล้ว ในปัจจุบันเจียงเฉินเป็เพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้์ตัวจ้อย หนทางยังอีกยาวไกล
ภายในเส้นทางเคลื่อนย้าย เจียงเฉินและหวงต้าต่างชื่นชมแสงหลากสีของมิติปั่นป่วนที่อยู่รอบๆพวกเขาขณะที่กำลังพูดคุยกัน หลังจากที่ได้อยู่ในเส้นทางมิติมาทั้งวัน ทั้งคู่ก็พบถึงแสงทางออก
"พวกเราเกือบถึงแล้ว"
เมื่อเห็นเช่นนี้ กำลังใจของเจียงเฉินเพิ่มสูงขึ้น
"แม่เ้าโว้ย!ในที่สุดพวกเราก็สามารถที่จะออกจากสถานที่เฮงซวยนี่ได้ซะที!ข้าล่ะอยากรู้นักว่านรกอเวจีเป็อย่างไร"
หวงต้าตื่นเต้นะโไปมาจากที่ๆมันยืนอยู่และแลบลิ้นออกมจากปากด้วยความตื่นเต้น ด้วยการะโของมันทำให้เกิดรอยร้าวขึ้นที่เส้นทางมิติ
"ไอ้หมาบ้า!เ้าต้องระวังให้มากกว่านี้!บิดาไม่้าตกไปยังมิติปั่นป่วนและตกตายั้แ่ยังหนุ่มเช่นนี้!"
เจียงเฉินตบหัวหวงต้า และต่อว่ามันอย่างอับจนหนทาง
แสงสว่างสุดทางของเส้นทางยิ่งสว่างขึ้น และไม่นานหลังจากนั้น เจียงเฉินและหวงต้ามาถึงสุดทางของเส้นทาง ทั้งคู่ได้กลั้นหายใจขณะที่พร้อมที่จะเข้าสู่นรกอเวจี
ภายในนรกอเวจี่เวลานี้ ณ หุบเหวแห่งหนึ่ง
มันเป็สถานที่เต็มไปด้วยหมอกและทุกสิ่งดูเป็สีเทาไปหมด ที่หุบเหวเป็พื้นที่รกร้างอย่างสมบูรณ์ และมีก้อนหินใหญ่อยู่ทุกหนทุกแห่ง สัตว์อเวจีร่างของมันปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำกำลังตะเวนไปรอบๆอยู่ทุกพื้นที่
สัตว์อเวจีตนนี้สูงหนึ่งจ้าง ร่างของมันปกคลุมด้วยหมอกควันสีดำน่ากลัว มันมีดวงตาอยู่บนหน้าผากเพียงดวงเดียว มันมีรูจมูกเพียงแค่รูเดียวและมีปากขนาดใหญ่อยู่ใต้ดวงตา ตา จมูกและปาก พวกมันเรียงกันเป็เส้นตรงแนวตั้ง รูปลักษณ์ของมันดูน่าสะพรึงกลัวและดุร้ายนัก
สัตว์อเวจีได้ลาดตระเวณทั่ว ดวงตาของมันกลิ้งกลอกคอยระวังเต็มอัตรา เหมือนกับว่ามันกำลังค้นหาบางสิ่งอยู่ ทันใดนั้นเอง
ตูม!
เสียงตูมดังสนั่นได้ยินจากบนท้องฟ้า มันดังเหมือนสายฟ้าฟาดอย่างดุร้าย หลุมมิติได้ปรากฎขึ้น และมีร่างสองร่างพุ่งออกมา สัตว์อเวจีใ มันเงยหน้ามองไปยังทิศทางนั้น ทันใดนั้น บางสิ่งได้ลงสู่หัวของมัน
ตึง!
การมาถึงของสิ่งที่ไม่รู้จักอย่างกระทันหัน เ้าสัตว์อเวจีตนนี้ไม่มีเวลาที่พอที่จะตอบสนอง ดังนั้นสิ่งนั้นได้ร่วงหล่นใส่หัวของมันอย่างรุนแรง เ้าสัตว์อเวจีตนนี้ได้กรีดร้องออกมาอย่างน่ากลัวและเริ่มกลิ้งบนพื้น
ก๊าซ!
สัตว์อเวจีตนนี้โกรธเกรี้ยว มันยืนขึ้นจากพื้นทันทีและมองไปยังสิ่งที่ไม่รู้จัก ทันใดนั้นเกิดเสียงดังตูมดังมาจาก้าอีกครั้ง สิ่งที่ไม่รู้จักได้ตกใส่หัวมันอีกครั้ง ขณะที่สิ่งที่มันไม่รู้จักตกใส่หัว เ้าสัตว์อเวจีได้ยินเสียงก่นด่าเสียงดังว่า
"บัดซบ ท่านย่าทวดมันเถอะ! นี่มันเส้นทางเฮงซวยอะไรกัน?!"
