ภายในตำหนักฉางเล่อเงียบงันและสุขสงบ
เหนียนยวี่เดินไปเดินมาอยู่นอกตำหนักฉางเล่อ เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวนาง คนฉลาดเช่นนางเชื่อมโยงคำพูดของฉางไทเฮากับปฏิกิริยาของฮ่องเต้และฮองเฮา ความคิดคาดเดาหนึ่งก่อตัวเป็รูปเป็ร่างในหัวนาง
การคาดเดานั้นทำให้นางใ ต่อให้เป็ชาติก่อน นางก็ไม่เคยได้ยินเื่ราวชีวิตในมุมอื่นของจ้าวเยี่ยนเลย ทว่าเมื่อครู่นี้...
จ้าวเยี่ยนเป็พระโอรสของฮ่องเต้หยวนเต๋อจริงหรือ?
ทว่ามิรู้เพราะเหตุใด เหนียนยวี่กลับไม่ค่อยเชื่อถือเท่าใด
จากความเข้าใจของนางที่มีต่อแม่ลูกคู่นี้ หากจ้าวเยี่ยนเป็พระโอรสของฮ่องเต้หยวนเต๋อ ตัวตนของเขาคงจะถูกเปิดเผยไปนานแล้ว เช่นนั้นเขาก็จะมีโอกาสอันน่าเชื่อถือในการแย่งชิงราชบัลลังก์
ทว่าชาติก่อน เขาหลอกใช้ผลประโยชน์จากนางถึงเพียงนั้น เขาค่อยๆ วางหมากอย่างรอบคอบเพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์ ทุ่มเทเวลาและกำลังมากมาย ทว่ากลับไม่เคยกล่าวถึงชีวิตของเขา
แต่การคาดเดาเื่นั้น...
ระหว่างที่เหนียนยวี่กำลังครุ่นคิด มีเสียงดังเอะอะวุ่นวายเกิดขึ้น เหนียนยวี่หันไปมอง ตรงประตูทางเข้าตำหนักฉางเล่อ นางเห็นฮองเฮาอวี่เหวินถูกขันทีสองสามคนรั้งตัวไว้ที่หน้าประตูอย่างประจวบเหมาะ และด้านหลังของฮองเฮา มีองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ รวมถึงอวี่เหวินหรูเยียนเองก็ไล่ตามมา
เหนียนยวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน นางจึงรีบก้าวไปข้างหน้าทันที
เหล่าข้าหลวงของตำหนักฉางเล่อรับมือกับฮองเฮาอวี่เหวิน ทว่ากลับยังไม่อาจหยุดยั้งฮองเฮาอวี่เหวินได้ ฮองเฮาอวี่เหวินเดินเข้ามาในตำหนักฉางเล่อ ทันทีที่ก้าวเข้ามาในตำหนักฉางเล่อพลันได้ยินเสียงไม้มู่อวี๋ดังมาจากห้องพระ
“ฮองเฮาเพคะ ไทเฮากำลังสวดมนต์ พระนางมิอาจ...” ข้าหลวงเดินตามหลังฮองเฮาอวี่เหวินมา ้าจะหยุดยั้งนางต่อไปอย่างตื่นตระหนก
ภายในห้องพระ
ฉางไทเฮาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านนอก ทว่ายังคงเคาะไม้มู่อวี๋ต่อไป มีเพียงคิ้วงดงามที่ขมวดมุ่น
เพียงไม่นาน ประตูห้องพระถูกเปิดออก เสียงปังที่ดังตามหลัง ดูเหมือนผู้มาเยือนจะพกพาโทสะมาด้วย เสียงเคาะไม้มู่อวี๋จึงหยุดชะงักไปเล็กน้อย
“ไทเฮาเพคะ ฮองเฮาทรง...”
"พวกเ้าทุกคนออกไป" ท่ามกลางเสียงไม้มู่อวี๋ ฉางไทเฮาเอ่ยปากอย่างช้าๆ ฟังดูอ่อนโยนอย่างยิ่ง
เหล่าข้าหลวงในวังชะงักงันเล็กน้อย รัศมีเพลิงพิโรธที่พุ่งออกมาของฮองเฮาอวี่เหวิน เกรงว่าไทเฮาคงจะถูกเอาเปรียบแน่ ทว่าด้วยพระเสาวนีย์ของไทเฮา...เหล่าข้าหลวงชำเลืองมอง ในที่สุดจึงถอยหลังออกไปจากห้องพระ
ประตูห้องพระถูกปิดลงอีกครั้ง องค์หญิงใหญ่ชิงเหอกับองค์หญิงหรูเยียนที่ตามมาแยกตัวอยู่ด้านนอก
ต่อหน้าองค์พระ ด้านหลังของสตรีในชุดเรียบง่ายทว่างดงามคือฮองเฮาอวี่เหวินที่แต่งกายสง่างามหรูหรา ผู้ซึ่งกำลังจ้องมองแผ่นหลังสะโอดสะอง ความเกลียดชังในดวงตาพลุ่งพล่าน
เสียงไม้มู่อวี๋กระทบดังครั้งแล้วครั้งเล่า คนสองคนในห้องพระไม่มีผู้ใดกล่าวสิ่งใด บรรยากาศตึงเครียด ราวกับจะะเิออกได้ทุกเมื่อ
“เสด็จพี่สะใภ้น่าสนใจนัก อยู่ต่อหน้าองค์พระทุกวัน ทว่าในใจมีแต่เื่ผิดศีลธรรม และทำพฤติกรรมชั่วร้ายผิดศีลธรรมเ่าั้ ท่านไม่กลัวว่าจะทำให้ดวงตาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องด่างพร้อยเลยหรือ”
ท่ามกลางความเงียบงันอันยาวนาน ในที่สุดฮองเฮาอวี่เหวินก็เอ่ยปาก หลายปีมานี้ เมื่ออยู่ร่วมกัน ทั้งสองมักเฉยเมยและสุภาพต่อกันเสมอมา และนี่ยังเป็ครั้งแรกที่ถ้อยคำของฮองเฮาอวี่เหวินกล่าวมุ่งเป้าเยี่ยงนี้
ละความวุ่นวายทางโลก...
หึ ยิ่งสตรีผู้นี้ตีหน้าซื่อเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกรังเกียจ
ทว่าฉางไทเฮากลับเหมือนจะไม่ได้ยินถ้อยคำที่นางกล่าว สีหน้าของไทเฮาไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย อากัปกิริยาเช่นนี้ยิ่งยั่วเย้าฮองเฮาอวี่เหวิน ครั้นนึกถึงข่าวที่ได้รับรู้เมื่อครู่ ในที่สุดฮองเฮาอวี่เหวินก็ทนไม่ไหว ก้าวเท้ายาวเดินไปด้านหลังของสตรีในชุดเรียบง่ายผู้นั้น
“นี่มันหลายปีมาแล้ว เ้ายังไม่เปลี่ยนไปสักนิด!” ฮองเฮาอวี่เหวินกล่าวอย่างเ็า ดวงตาไม่ปิดบังความเย้ยหยันแม้แต่น้อย “ฉางหนิง อดีตองค์หญิงแห่งแคว้นหนานเยวี่ย ในสายตาของผู้คนบนโลก นางอ่อนหวานถ่อมตน รู้หนังสือมีหลักการ บริสุทธิ์ใสซื่อใจดี ทว่าผู้ใดจะรู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเ้าคืออันใด”
ครุ่นคิดถึงอดีตในปีนั้น ภายในพระทัยของฮองเฮาอวี่เหวินจึงยิ่งมีโทสะ “หลายปีมานี้ เ้าสวมเสื้อคลุมของผู้ไร้ปรารถนามาโดยตลอด ยามนี้ในที่สุดก็เผยธาตุแท้แล้วหรือ?”
เสียงไม้มู่อวี๋หยุดชะงัก ฉางไทเฮายังคงหลับตา ทว่ามุมปากกลับผุดรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่ง “ธาตุแท้? อวี่เหวินซิน หลายปีมานี้ เ้าเองก็แสดงงิ้วเหมือนกันมิใช่หรือ? เ้าอยากจะพูดจากับข้าอย่างเฉียบขาดเยี่ยงนี้มานานแล้ว ทว่ากลับต้องแสร้งทำท่าทีเหมาะสมงดงามเพียบพร้อม ทำไมเล่า เหตุใดไม่เสแสร้งเล่นงิ้วต่อไปแล้ว?”
ฮองเฮาอวี่เหวินที่อยู่ด้านหลัง ดวงตาจ้องถลึง ท่าทีเช่นนี้ของฉางไทเฮาชัดเจนอย่างยิ่ง
ระหว่างพวกนาง ในที่สุดก็ทำลายหน้าต่างกระดาษ[1]นั่นได้แล้ว
ฮองเฮาอวี่เหวินแย้มพระสรวลเ็า “ไทเฮาไม่เสแสร้งแล้ว เปิ่นกงเองก็ย่อมไม่ต้องเสแสร้งแล้วเช่นกัน”
“เช่นนั้นก็ดี ในเมื่อเป็เช่นนี้ ฮองเฮามาหาเปิ่นกงที่ตำหนักฉางเล่อมีเื่อันใด กล่าวมาตามตรงเถิด” ฉางไทเฮาเอ่ยปาก ถ้อยคำที่กล่าวว่า ‘เปิ่นกง’ แผ่ซ่านรัศมีอันน่าเกรงขามอย่างไม่อ้อมค้อมแม้แต่น้อย
ฮองเฮาอวี่เหวินได้ยิน ดวงตาฉายประกายกระแนะกระแหนผสมผสานกับแรงโทสะ จ้องมองแผ่นหลังที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ยื่นมือออกไปจับนางให้ลุกขึ้นจากพื้น บังคับให้นางเผชิญหน้ากับตนเอง ฮองเฮาจ้องมองใบหน้าตรงหน้า ใบหน้านั้นยังคงดูเรียบร้อยดั่งเคย ทว่าท่าทางในยามนี้กลับฉายชัดถึงความพอใจอันเหนือกว่า
นางกำลังพอใจสิ่งใด?
พอใจที่ฝ่าามอบตำแหน่งแม่ทัพหลวงให้บุตรชายของนางงั้นหรือ?
ครั้นคิดถึงตรงนี้ โทสะภายในพระทัยของฮองเฮาอวี่เหวินก็ยิ่งยากจะควบคุม
"นางคนชั่วช้า!" ฮองเฮาอวี่เหวินกัดฟันอย่างแค้นเคือง
ทว่าครั้นเอ่ยตอบ สตรีในชุดเรียบง่ายผู้นั้นยกมือขึ้นตบพระพักตร์ของฮองเฮาอวี่เหวิน เสียง ‘เพียะ’ ดังสนั่นชัดเจน ทันใดนั้นฮองเฮาอวี่เหวินพลันตกตะลึง เสียงนั้นดังออกไปถึงข้างนอกห้องพระ องค์หญิงใหญ่ชิงเหอกับอวี่เหวินหรูเยียน รวมถึงเหนียนยวี่ที่ปลอมตัวเป็นางกำนัลน้อยอยู่ด้านข้างยังตกตะลึงไปเล็กน้อยเช่นกัน
เกิดอะไรขึ้นข้างใน?
ระหว่างที่กำลังคิด มีเสียงดังออกมาอีกครั้ง ภายในห้องพระ ฮองเฮาอวี่เหวินไหนเลยจะยอมให้ฉางไทเฮาตบง่ายๆ
ทันใดนั้น ฮองเฮาอวี่เหวินจึงตบกลับไป แรงตบนั้น นางลงแรงอย่างยิ่งยวด ความเ็ปแสบร้อนลามทั่วพระพักตร์ของฉางไทเฮา พระพักตร์ขาวนวลพลันมีรอยนิ้วมือประทับอย่างชัดเจน
สตรีสองคนต่างถลึงตามองใส่กัน สายตาดุดัน ไม่มีผู้ใดยอมผู้ใด
ทว่าพริบตาต่อมา ฉางไทเฮากลับทรงพระสรวลแ่เบา สบดวงตาของฮองเฮาอวี่เหวิน “ลูกตบนี้ เ้าคงอยากจะตบมานานแล้วสินะ!”
“ใช่ ข้าอยากจะตบเ้ามานานแล้ว ยามนั้น...ยามที่จี้เยวี่ยตาย วันนั้นยามที่ข้าเห็นเ้าตอนออกมาจากสวนร้อยสัตว์ ข้าก็อยากตบเ้าแล้ว” ฮองเฮาอวี่เหวินกัดฟันกรอด ทุกถ้อยคำแทบจะเล็ดลอดออกจากไรฟัน “เ้าฆ่าจี้เยวี่ย และยังวางแผนทำร้ายข้าด้วย หึ...อย่าคิดว่า ข้าจะไม่รู้ใครบงการอยู่เื้ัให้ข้าเข้าไปในสวนร้อยสัตว์วันนั้น!”
“ใครเป็คนบงการหรือ?” ฉางไทเฮาขมวดคิ้ว นางกลับไม่คิดใส่ใจ และสบตาฮองเฮาอวี่เหวิน “ในเมื่อเ้ารู้ เช่นนั้นเหตุใดเ้าไม่ทูลฝ่าา... หึ ข้าลืมไปว่าเ้าไม่กล้า อย่าลืมเล่าว่าปีนั้นเกิดเื่อันใดขึ้นในสวนร้อยสัตว์ หากนำเื่เก่าๆ มาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เ้าว่าตำแหน่งฮองเฮาของเ้า ภายใต้โทสะของฝ่าา จะไม่...”
ฉางไทเฮาเอ่ยถึงตรงนี้ ทว่ากลับมิได้เอ่ยต่อ ทว่าสีพระพักตร์ของฮองเฮาอวี่เหวินกลับแข็งค้าง ทั่วทั้งร่างกายสั่นเทิ้ม ั์ตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
เื่ที่เกิดขึ้นในสวนร้อยสัตว์เมื่อปีนั้น...
“ไม่ เื่นั้น เ้าเองก็หนีไม่พ้นเช่นกัน” แววเนตรของฮองเฮาอวี่เหวินสั่นไหว พยายามทำให้ตัวเองสงบนิ่ง พลางจ้องมองฉางไทเฮา ทันใดนั้นฮองเฮาอวี่เหวินค่อยๆ หัวเราะออกมา รอยยิ้มเจือความบ้าคลั่งเบาบางไม่ชัดเจน เื้ัความบ้าคลั่ง ฉายชัดถึงดวงตาที่เต็มไปด้วยความดุร้าย
"หึ ฉางหนิง เ้าเองก็หนีไม่พ้นเช่นกัน ปีนั้นพวกเรามาถึงเป่ยฉีด้วยกัน ยามนั้นมิใช่แค่ข้า แต่ยังมี...นาง!”
[1] ทำลายหน้าต่างกระดาษ (捅破窗户纸) หมายถึง ทำให้สิ่งต่างๆ กระจ่างชัดเจนขึ้นมาแล้ว