เย็นวันนี้หลินหวั่นชิวตุ๋นแกงไก่ หั่นเนื้อเสือก้อนหนึ่งออกมาผัดกับหน่อกระเทียมและพริกแดงแห้ง ทั้งยังเคี่ยวเนื้อเสือใส่รากบัวหม้อใหญ่ แบ่งส่วนที่ไม่ใส่พริกของเจียงหงป๋อออกมาต้มแยกบนเตา เมื่อน้ำเริ่มเดือดและส่งกลิ่นหอมจึงทำหมั่นโถวแป้งขาวนึ่งรอบขอบกระทะ
น้ำแกงในกระทะซึมเข้าหมั่นโถว พอยกออกจากเตาจะอร่อยสุดๆ
หลินหวั่นชิวตักแกงไก่เป็สี่ชาม อาศัยจังหวะที่ไม่มีผู้ใดอยู่ในห้องครัวมาใส่โอสถชำระไขกระดูกสัดส่วนที่แตกต่างกันลงไป ของเจียงหงหย่วนคือหนึ่งเม็ดเต็มๆ ของเจียงหงป๋อใส่แค่เศษผง ส่วนเจียงหงหนิงใส่หนึ่งส่วนสี่ของเม็ด
ส่วนของนางเองไม่ได้ใส่ นางยังไม่ถึงเวลากิน
ใช้ต้นหอมเป็ตัวแบ่งแยก ถ้วยที่ยาเยอะสุดจะโรยต้นหอมมากที่สุด
“มา ดื่มน้ำแกงไก่ให้กระเพาะชุ่มฉ่ำก่อนค่อยกินข้าว” หลินหวั่นชิวเรียกทุกคนมากินข้าวที่ห้องครัว แจกจ่ายน้ำแกงไก่ให้แต่ละคน “ต้องดื่มให้หมดนะ!” นางกำชับ
ต้องดื่มให้หมดอยู่แล้ว ไก่ตัวนี้เสียเงินซื้อมานะ!
เจียงหงหนิงคิดในใจ ยกชามดื่มคำโต
หลินหวั่นชิวรีบพูด “ค่อยๆ ดื่ม เป่าเสียก่อน ระวังลวกปาก!”
เจียงหงหนิงถึงจะลดความเร็วลงอย่างเขินอาย
แต่น้ำแกงไก่วันนี้รสชาติไม่เหมือนปกติ
“เ้าใส่สมุนไพรลงไปหรือ?” เจียงหงหย่วนถาม
หลินหวั่นชิวมองเขายิ้มๆ “กลัวข้าวางยาพิษแล้วหอบเอาเงินท่านหนีไปหรือไร?”
นางพูดแบบนี้เพราะใจฝ่อ!
เป็เื่จริงที่นางแอบใส่ยา!
เพราะใจฝ่อเลยต้องพูดจาก้าวร้าวเพื่อปิดบังความไม่เป็ธรรมชาติของตัวเอง
“ชิ…” เจียงหงหย่วนพ่นลมหายใจเย็นๆ “เ้าไม่กล้าวางยาฆ่าสามีตัวเองหรอก! หากโดนจับได้ต้องถูกแก้ผ้าเดินประจานไปรอบๆ”
หลินหวั่นชิว “…”
นางรู้สึกว่าความขี้ขลาดของตัวเองช่างไร้ค่าสิ้นดี
“แต่เ้าต้องทำไม่ลงเป็แน่” เจียงหงหย่วนอยากพูดแหย่ภรรยาตัวน้อย แต่น้องชายสองคนกำลังนั่งมองอยู่ ต้องกลืนคำพูดที่เหลือกลับลงลำคอไป
เจียงหงหย่วนพูดจบก็แหงนหน้าดื่มน้ำแกงจนหมด หลินหวั่นชิวแค่มองยังรู้สึกแสบคอแทน
ร้อนมากนะ!
“หงหนิง หงป๋อ อย่าเลียนแบบต้าเกอพวกเ้า จะกินข้าวหรือดื่มน้ำต้องห้ามร้อนเกินไป ไม่อย่างนั้นหลอดอาหารจะโดนลวก พื้นที่ตรงนั้นไม่มีวิธีรักษา ได้แต่รอความตาย!”
โรคมะเร็งหลอดอาหารรักษาได้ด้วยการผ่าตัดเท่านั้น มิเช่นนั้นเท่ากับรอความตาย เพราะอาการบวมจะค่อยๆ ขยายใหญ่จนอุดหลอดอาหาร ท้ายที่สุดแล้วโรคมะเร็งยังไม่ทันพรากเอาชีวิตผู้ป่วยไป ความหิวโหยก็เอาไปเสียก่อน
“พี่สะใภ้โปรดวางใจเถิด วันหน้าข้าจะไม่กินของร้อนเกินไป”
“ข้าจะระวังเช่นกัน”
ท่าทีที่เหมือนเรียกร้องคำชมของทั้งคู่รกหูรกตาเจียงหงหย่วนเป็อย่างมาก
เจียงหงหย่วนมองเด็กทั้งสองทำท่าเป็น้องชายผู้เชื่อฟังต่อหน้าภรรยาตัวน้อยอย่างหงุดหงิด รู้สึกอยากโยนพวกเขาออกไปเสียตอนนี้
“มัวบื้อกระไรอยู่ จะให้ข้าหิวตายหรือ เหล่าซานรีบกินเสีย เหตุใดกัน รอให้คนปรนนิบัติหรือ?”
พอนายพรานเจียงไม่พอใจ คำพูดคำจาล้วนไม่น่าฟังตามไปด้วย
เจียงหงหนิงรีบตักข้าว แอบส่งสายตาบอกหลินหวั่นชิวไปด้วยว่า: ต้าเกอเป็เช่นนี้แหละ พี่สะใภ้อย่าได้ถือสา
หลินหวั่นชิวมองตอบ : ข้ารู้ ถ้าจะให้ถือสาเอาความกับเขาคงได้โมโหตายไปนานแล้ว
ภาพที่ทั้งคู่แอบส่งสายตาคุยกันย่อมไม่รอดพ้นจากสายตาเจียงหงหย่วน เขาโมโหแล้ว ตัดสินใจแล้วว่าคืนนี้จะสั่งสอนภรรยาตัวน้อย ให้นางรู้ว่าผู้ใดกันแน่ที่เป็สามีของนาง
ส่วนเหล่าซาน ต้องรีบไล่ออกจากบ้านโดยเร็วที่สุด
เหล่าเอ้อร์ขวางหูขวางตาเช่นกัน!
แต่ความหงุดหงิดในใจกลับถูกอาหารรสเลิศบนโต๊ะขับไล่ออกไปอย่างรวดเร็ว ฝีมือของภรรยาตัวน้อยอร่อยมากจริงๆ
เนื้อเสือผัดหน่อกระเทียมหอมมาก เคี้ยวแล้วเด้งหนึบหนับ
รากบัวผัดเนื้อเสือเช่นกัน ตุ๋นจนนุ่มแต่ไม่เละ แค่เข้าปากก็ละลาย อร่อยจนไม่รู้จะอร่อยอย่างไร
ส่วนหมั่นโถวชุ่มน้ำแกง…ไอ๊หยา เสียดายที่มีน้อยไปหน่อย ยังไม่ทันสะใจก็หมดเสียแล้ว
ในเมื่อมีน้ำแกงไก่ หลินหวั่นชิวย่อมหุงข้าวสวย นางชอบกินข้าวใส่น้ำแกงที่สุดแล้ว แม้จะรู้ว่าไม่ดีแต่…อดใจไม่ไหวจริงๆ
“มื้อเย็นอย่ากินเยอะนัก เดี๋ยวย่อยยาก!”
นางเห็นเจียงหงหย่วนกินหมั่นโถวหลายลูกแล้วยังจะพุ้ยข้าวชามโตเข้าปากก็รีบเตือน
เจียงหงป๋อดื่มน้ำแกงไก่หมดแล้ว กินเนื้อเสือผัดรากบัวที่หลิวหวั่นชิวทำแยกให้เขาคนเดียว ไม่ได้กินข้าว
เดิมทีเจียงหงหนิงจอมขี้เหนียว เคยชินกับการกินน้อย มีแต่เจียงหงหย่วนที่กินเยอะจนน่าเป็ห่วง
กับข้าวมื้อเย็นมีเพียงไม่กี่อย่างก็จริง แต่หลินหวั่นชิวทำออกมาปริมาณมาก
กระนั้นยังสู้ความกินเก่งของบุรุษที่บ้านไม่ได้ กินจนไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว
ยังดีที่หลินหวั่นชิวเคยเห็นมาแล้ว ทำกับเสร็จจึงตักแบ่งใส่ชามเก็บไว้ในตู้ บะหมี่ใส่เนื้อที่นางอยากกินเช้าวันพรุ่งต้องใส่น้ำแกงด้วย!
“พี่สะใภ้ เดี๋ยวข้าล้างจานให้ ท่านไม่ต้องทำแล้ว!” หลังกินข้าวเสร็จ เจียงหงหนิงรีบเก็บชามเก็บตะเกียบ กลัวหลินหวั่นชิวจะเหนื่อย
“อื้ม ขอบใจเ้ามากนะหงหนิง ล้างเสร็จแล้วต้มน้ำร้อนให้เยอะหน่อยนะ” บุรุษสามคนต้องอาบน้ำ ต้มน้อยคงไม่พออาบ
“ได้ขอรับพี่สะใภ้” เจียงหงหนิงไม่ได้คิดสิ่งใดมาก ไปทำงานอย่างมีความสุข
จากประสบการณ์คราวก่อน หลินหวั่นชิวรู้ว่าอีกไม่นานยาจะออกฤทธิ์แล้ว
นางใช้เสียนอวี๋ทำเสื้อผ้าชุดใหม่ให้พี่น้องทั้งสาม วางไว้ที่ห้องตัวเองหนึ่งชุด เอาอีกสองชุดไปส่งให้หงป๋อกับหงหนิง
“ทำจากเศษผ้าทั้งนั้น พวกเ้าใส่ไปก่อนเถิด ไว้พวกเราสร้างบ้านใหม่แล้วข้าค่อยทำเสื้อผ้าดีๆ ให้พวกเ้า”
หลินหวั่นชิวมอบเสื้อผ้าให้เจียงหงป๋อที่กำลังเดินเล่นในลานบ้าน ถือโอกาสบอกเขาเื่ที่จะสร้างบ้านใหม่ด้วย
“ขอบคุณพี่สะใภ้ พวกเราจะสร้างบ้านใหม่หรือ?” เจียงหงป๋อใเล็กน้อย
หลินหวั่นชิวตอบด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ครั้งนี้ต้าเกอเ้าได้เงินจากการล่าสัตว์มาไม่น้อย มีเงินหลายร้อยตำลึง วันนี้พวกเราเข้าอำเภอไปซื้อที่รกร้างในหมู่บ้านมาหกสิบไร่ ห้าไร่ในนั้นใช้ปลูกบ้านใหม่ ส่วนที่เหลือเป็ป่าเขา ต้าเกอเ้าตั้งใจจะล้อมรั้วรอบป่า วันหน้าล่าสัตว์มาได้แล้วจะได้เลี้ยงไปก่อน เขาบอกว่าสัตว์เป็ๆ ขายได้ราคาดีกว่า”
เจียงหงหนิงเดินออกมาเพราะได้ยินเสียง เขาตื่นเต้นจนหน้าแดง
“พี่สะใภ้ ท่านบอกว่าบ้านเราซื้อที่ไปหกสิบไร่หรือขอรับ?”
“ใช่ จะโกหกเ้าไปเพื่อเหตุใด?” หลินหวั่นชิวอดยีหัวเจียงหงหนิงไม่ได้
“ตอนนี้พวกเรายังมีเงินไม่มากนัก พอแค่สร้างบ้านใหม่ ไว้วันหน้ามีเงินเยอะแล้วค่อยซื้อที่เพิ่ม กลายเป็เ้าของที่ดินผืนใหญ่ ถึงเวลานั้น พวกเ้าเองจะได้เป็นายน้อยเ้าของที่ดิน!”
“ดีเลย!” ตอนนี้เจียงหงหนิงเป็น้องชายผู้คลั่งไคล้หลินหวั่นชิว พี่สะใภ้เพิ่งมาอยู่บ้านพวกเขาได้ไม่นาน เดิมทีพวกเขาแค่กินข้าวยังไม่อิ่มด้วยซ้ำ ทว่าตอนนี้กลับมีเงินซื้อที่ดินสร้างบ้าน
ทั้งยังเป็ที่ดินถึงหกสิบไร่!
เจียงหงหนิงไม่สนใจว่าที่หกสิบไร่นี้เป็ที่รกร้างหรือนาดี เขาสนเพียงตัวเลขหกสิบไร่เท่านั้น
พี่สะใภ้เป็ดาวนำโชคของครอบครัวพวกเขา!
เจียงหงป๋อรู้สึกเช่นนี้เช่นกัน
เจียงหงหย่วนตัดฟืนเสร็จพอดีเห็นน้องชายทั้งสองมีความสุขก็สบายใจ แม้เงินหลายร้อยตำลึงที่หามาได้ครั้งนี้จะมาจากประสบการณ์เมื่อชาติที่แล้วก็เถิด
แบบนี้สิถึงจะเหมือนบ้าน มีสตรี มีคนเป็ห่วงพวกเขาสามพี่น้อง ประเด็นสำคัญคือ มีคนเป็ห่วงเขา!
