หุบเขาด้านล่างของบ่อน้ำในแดนลับมีเปลวเพลิงอันกว้างใหญ่กำลังแผดเผาทุกสิ่ง ควันดำโขมงลอยผสานกับหมอกโกลาหล ส่งผลให้สายหมอกสลายไปอย่างรวดเร็วและเผยให้เห็นทิวทัศน์โดยรอบ
ลวดลายเืทั้งเก้ารูปแบบบนพื้นก่อตัวเป็วงแหวนคล้ายดาวเก้าดวงเรียงต่อกัน แต่ละจุดมีเปลวเพลิงสูงร้อยจั้งที่จู่โจมหมอกทมิฬและหมอกโกลาหลจนสลายไป
การก่อตัวที่แปลกประหลาดนี้ปกคลุมไปทั่วหุบเขา โลงศพไม้สีดำยังคงอยู่ที่เดิม และฝาโลงศพก็อยู่ห่างออกไปกว่าสิบจั้ง ปลายด้านหนึ่งปักเข้าไปในดินจนฝาโลงตั้งตรงคล้ายประตู
ดวงตาสีแดงเข้มคู่หนึ่งปรากฏบนโลงศพ เมื่อมันกะพริบจะมีประกายแสงรั่วไหลออกมา ทำให้มิติบริเวณใกล้เคียงบิดเบี้ยวและผันผวน
หมอกทมิฬพรั่งพรูออกมาจากโลงศพราวกับเหวที่ไร้จุดสิ้นสุด ทั้งยังมีเงาปีศาจทมิฬสามสิบหกตนกระจายอยู่รอบๆ โดยมีโลงศพไม้สีดำเป็ศูนย์กลาง พวกมันดูเหมือนมนุษย์ที่มีปีกวิเศษอยู่ด้านหลัง พร้อมปลดปล่อยพลังแห่งความแค้นออกมาอย่างต่อเนื่องราวกับ้าทำลายโลก
เป็เื่ยากที่จะบอกได้ว่าเงาปีศาจเหล่านี้เป็ของจริงหรือภาพมายา พวกมันสูงสองจั้ง มีใบหน้าพร่ามัว และยามนี้พวกมันก็กำลังต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตสีแดงในเปลวเพลิงโกลาหล
วัตถุแปลกปลอมรูปร่างคล้ายมนุษย์มีสีแดงราวกับถือกำเนิดจากเปลวเพลิง มันมีส่วนสูงไล่เลี่ยกับคนธรรมดาทั่วไป ทว่ากลับมีดวงตาอยู่บนหน้าผากราวกับฝังด้วยทับทิม
เงาปีศาจสองปีกและเงาสีแดงสามตาแบ่งฝ่ายตรงข้ามกัน ซึ่งหนิงเทียนและเหล่าศิษย์แต่ละสำนักแทบไม่เชื่อภาพตรงหน้า เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตเช่นนี้มาก่อน
เงาสีแดงสามตามีจำนวนมากกว่าเงาปีศาจสองปีกเล็กน้อย รวมทั้งหมดมีสี่สิบเก้าตน แม้ร่างของมันจะเตี้ยแต่ความสามารถในการต่อสู้ก็น่าทึ่งไม่น้อยไปกว่าเงาปีศาจสองปีกเลย
นอกจากนี้ยังมีเถาวัลย์สีดำพลิ้วไหวในแสงไฟ มันหยั่งรากห่างจากโลงศพไม้สีดำเพียงไม่กี่จั้ง ใบเถาวัลย์บนกิ่งก้านล้วนเหี่ยวแห้งกลายเป็อักขระผสานรวมกับค่ายกลโลหิตน่าพิศวง
หนิงเทียนรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็ฝีมือของเถาวัลย์หัวผีพันิญญา แต่จุดประสงค์ของมันคืออะไรกันแน่?
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าแสนประหลาดดังมาจากในโลงศพไม้สีดำ ซึ่งน่าสยดสยองจนทำให้ขนลุกชัน
จู่ๆ ร่างปีศาจสองปีกทั้งสามสิบหกตนก็ถอนตัวออกไป และเฝ้ามองอยู่รอบโลงศพไม้สีดำโดยไม่ยอมเข้าใกล้แม้แต่น้อย
เงาสีแดงสามตาเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนพวกมันจะรับรู้ถึงภัยคุกคามบางอย่างจึงส่งเสียงประหลาดออกมา
ศิษย์หลักซิงซิวหยิบไข่มุกกลืนเงาซึ่งเป็อาวุธิญญาระดับต่ำออกมา เพื่อบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ไว้ดูภายหลัง
เดิมทีนี่เป็กลยุทธ์อันชาญฉลาด แต่ใครจะคาดคิดว่าไข่มุกกลืนเงาจะถูกแทรกแซงด้วยพลังลึกลับจนแตกออกเป็เสี่ยงๆ ในทันทีที่เริ่มบันทึกเหตุการณ์
“อย่าทำตัวหุนหันพลันแล่น!” สหายร่วมสำนักะโขึ้น ในสภาพแวดล้อมแปลกประหลาดและเต็มไปด้วยจิตสังหารเช่นนี้ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าขยับตัวด้วยเกรงว่าจะชักนำปัญหาเข้ามา
เงาปีศาจสองปีกและเงาสีแดงสามตานั้นไม่อาจเข้าไปข้องเกี่ยวอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้ พวกมันเป็ศัตรูกันจึงยังไม่มุ่งเป้ามาที่เหล่าผู้บำเพ็ญ ซึ่งหากสมดุลนี้ถูกรบกวน ทุกคนอาจจะตายอยู่ที่นี่ก็เป็ได้
ดวงตาคู่หนึ่งปรากฏขึ้นนอกหุบเขาท่ามกลางหมอกโกลาหล และมีข้อความปริศนาส่งมาเหมือนภาษาที่ไม่มีศิษย์คนใดสามารถเข้าใจได้
หนิงเทียนและคนอื่นๆ จ้องมองโลงศพไม้สีดำ เสียงฝีเท้าเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว ทั้งยังเหยียบย่ำหัวใจทุกคนจนไม่อาจสงบจิตลงได้เลย
ทว่าเสียงฝีเท้ากลับหายไปในพริบตา ก่อนจะมีมือยื่นออกมาจากโลงศพไม้สีดำ ทำให้ผู้รอดชีวิตทั้งยี่สิบเจ็ดคนตึงเครียดยิ่งกว่าเก่า
มือนั้นขาวดุจหยก นิ้วเรียวยาว บนหลังมือมีสัญลักษณ์พระจันทร์สีดำ และมีสตรีนางหนึ่งนั่งอยู่บนพระจันทร์เสี้ยว
นี่คือมือของหญิงสาว ทันทีที่นางจับขอบโลงศพ หมอกทมิฬหนาทึบก็พวยพุ่งออกมา ก่อนจะถูกกัดกร่อนด้วยเปลวเพลิง
ร่างที่ปกคลุมไปด้วยหมอกทมิฬโผล่ขึ้นจากโลงศพ สายหมอกแปรเปลี่ยนเป็ชุดสีดำ พร้อมเผยให้เห็นร่างที่ทรงเสน่ห์อย่างถึงที่สุด
นางคือหญิงงามล่มเมือง ความงามที่นำมาซึ่งหายนะ ความงามที่เป็ภัยพิบัติต่อแว่นแคว้นและผู้คน แสงสีม่วงดำทอประกายในรูม่านตาของนางกวัดกวาดไปทั่วบริเวณ ทำให้ศิษย์ทุกสำนักเริ่มมีอาการฟุ้งซ่านราวกับถูกครอบงำ
“ก้มหน้าลง!” หนิงเทียนดึงซิ่งอวี่เจวียนหลบไปข้างหลังเพื่อบังสายตา ขณะเดียวกันเขาก็ก้มศีรษะลงและไม่กล้าสบตาสตรีผู้นั้น
ทางฝั่งตำหนักดาวเหนือ สตรีชุดม่วงก็ออกคำเตือนพร้อมก้มศีรษะเพื่อหลบสายตาเช่นกัน
สตรีชุดดำที่ออกมาจากโลงศพนั้นช่างน่าหลงใหล ผมยาวสลวยของนางเปล่งประกายสีม่วงดำ ห้วงอากาศโดยรอบเริ่มปะทุ และเสียงะเิก็หนาแน่นขึ้นมาก
ดูเหมือนนางจะสังเกตเห็นสตรีชุดม่วงและหนิงเทียน จากนั้นนางก็มองเถาวัลย์หัวผีพันิญญาอีกครั้งแล้วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ทำให้มัวเมา
“น่าสนใจยิ่งนัก ดูเหมือน์จะเมตตาข้าแล้ว” น้ำเสียงของนางไพเราะเสนาะหูและนุ่มนวลอย่างมาก แต่ทุกคนในที่นี้ล้วนไม่กล้าประมาท
ร่างของนางรอบล้อมไปด้วยปีศาจมีปีกทั้งสามสิบหกตัว เพียงมองแวบแรกทุกคนก็รับรู้ได้ถึงความทรงพลังของนาง
ดวงตาคู่หนึ่งนอกหุบเขาพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วท่ามกลางกลุ่มหมอกโกลาหล ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็ใบหน้าขนาดใหญ่ ทั้งยังมีดวงตาสามดวงที่เปล่งแสงสีแดงสดมองมาทางหุบเขาด้วย
“ิญญาจากโลกอื่น จงกลับเข้าโลงศพไปเสีย!” เสียงบุรุษผู้ยิ่งใหญ่และทรงพลังดังกึกก้องไปทั่วปฐี ทำให้หัวใจของผู้บำเพ็ญในที่แห่งนี้เต้นรัวอย่างดุเดือด ราวกับอวัยวะภายในกำลังจะแตกสลาย
นี่คือการดำรงอยู่ที่เหนือกว่าขอบเขตผนึกดารา และเหล่าศิษย์หลักก็ไม่อาจยั่วยุเขาได้เลย
สตรีชุดดำแหงนมองใบหน้าขนาดใหญ่แล้วเยาะเย้ย “ข้าเบื่อที่จะอยู่ในนั้นและไม่อยากกลับไปอีก แม้โลงศพลายเพลิงจะเป็หนึ่งในเก้าสถานที่ฝังศพอันเป็เอกลักษณ์ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะกักขังข้าไว้ได้”
“หากเ้ายอมกลับเข้าไปข้าจะไว้ชีวิตเ้า ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารเ้าทิ้งเสีย!” เสียงกังวานสื่อเจตจำนงอันแน่วแน่ ทั้งยังเขย่าห้วงอากาศ บิดเบือนจักรวาล และปิดผนึกหุบเขา
ทว่าสตรีชุดดำกลับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้เ้ายังสังหารข้าไม่ได้เลย ยังต้องพูดถึงยามนี้อีกหรือ? ค่ายกลโลหิตเก้าวงแหวนนี้ก็น่าสนใจทีเดียว ดูเหมือนข้าจะไม่ใช่คนเดียวที่อยากออกจากที่นี่ ยังมีิญญาอีกมากที่้าหนีไปจากสถานที่แห่งนี้เช่นกัน”
“หลุมศพลายโลหิต เข้าได้ออกไม่ได้!”
เถาวัลย์หัวผีพันิญญายิ้มอย่างเ้าเล่ห์และพูดว่า “เว้นแต่จะรวบรวมกุญแจทั้งเก้าดอกไว้ด้วยกันได้สำเร็จ!”
ใบหน้ามหึมาเหลือบมองเถาวัลย์หัวผีพันิญญาด้วยจิตสังหารอันดุเดือดในทันที จากนั้นหนิงเทียนก็ถามขึ้นว่า “นี่มันเื่บ้าอะไรกัน?”
เถาวัลย์หัวผีพันิญญาแสยะยิ้มชั่วร้ายแล้วกล่าวว่า “นี่คือหนึ่งในเก้าสถานที่ฝังศพที่หายากในใต้หล้าซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกแสนเลวร้าย ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาล้วนต้องแก่ตายอยู่ที่นี่ เว้นแต่กุญแจทั้งเก้าดอกจะปรากฏขึ้นพร้อมกัน”
หนิงเทียนถาม “มีกุญแจถึงเก้าดอกที่ไหนกัน?”
เถาวัลย์หัวผีพันิญญากล่าวด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่ามี แต่แค่มีคนซ่อนกุญแจดอกสุดท้ายไว้และไม่เคยเรียกใช้มันเลยสักครั้ง”
เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าของหนิงเทียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย หากสมบัติของหอฉินก็อยู่ที่นี่ แล้วยามนี้มันซ่อนอยู่ที่ผู้ใด?
“ที่เ้าลอบโจมตีก็เพื่อหาทางออกไปจากที่นี่หรือ?”
“ก่อนหน้านี้ข้าสังหารคนอยู่ด้านนอกเพื่อกลืนกินเืเนื้อและเพิ่มกำลัง ภายหลังข้ามาซ่อนตัวอยู่ในบ่อน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงเ้า ทว่ากลับต้องประสบปัญหาอย่างไม่คาดคิด ข้าศึกษามานานจนรู้ว่านี่คือหลุมศพลายโลหิต ข้าจึงสังหารคนอีกเก้าคนและวางผังค่ายกลโลหิตเก้าวงแหวนเพื่อให้มีโอกาสรอด”
ชิวซานอวิ๋นถามขึ้น “ในเมื่อเราสิ้นหวัง แล้วเราจะหาความหวังในชีวิตได้จากที่ใด?”
เถาวัลย์หัวผีพันิญญายิ้มอย่างมีเลศนัย “สิ่งที่เรียกว่าสถานการณ์สิ้นหวัง การหาทางหลีกหนีจากความตายอย่างหวุดหวิดนั้นย่อมริบหรี่เป็ธรรมดา เพียงแต่เ้าไม่รู้เท่านั้นเอง”
หนิงเทียนพึมพำ “ด้วยความไร้ยางอายของเ้า เพื่อให้มีโอกาสเอาชีวิตรอด เ้าก็คงจะจ่ายด้วยราคามหาศาลเป็แน่”
เถาวัลย์หัวผีพันิญญาเอ่ยชม “ฉลาดยิ่งนัก! การเปิดใช้ค่ายกลโลหิตเก้าวงแหวนได้อย่างเต็มที่จำเป็ต้องสังเวยอีกเก้าชีวิต ดังนั้นในหมู่พวกเ้าจะต้องมีคนตายอย่างน้อยหนึ่งในสาม!”
สีหน้าของชิวซานอวิ๋นเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เขาขมวดคิ้วโดยไม่พูดอะไร
ส่วนหนิงเทียนก็ก่นด่าอย่างฉุนเฉียว “ฝันไปเถอะ! ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ข้าจะไม่ให้โอกาสเ้า”
เถาวัลย์หัวผีพันิญญายิ้มเยาะ “เ้าต้องปกป้องสตรีข้างกายผู้นั้น มือเท้าของเ้าไม่ต่างจากถูกมัดไว้เลย เ้าย่อมไม่อาจหยุดข้าได้และควรรักษากำลังเอาไว้ ไม่เช่นนั้นนางอาจตายอยู่ที่นี่”
หลี่ตู้อีจากสำนักั์พฤกษาคำรามอย่างเกรี้ยวกราด “ผายลม! เ้าคิดว่าเราทุกคนสร้างขึ้นจากดินเหนียวและไม่สามารถสังหารเ้าได้หรือ?”
ตี๋เยี่ยนจวินแห่งสำนักทะยานเวหากล่าวว่า “เรารวมกันเป็หนึ่งเดียวแล้วมาทำลายเถาวัลย์ประหลาดนี้ด้วยกันเถอะ!”
เถาวัลย์หัวผีพันิญญายิ้มอย่างน่ากลัวและพูดว่า “ข้าจะไม่สังหารผู้ที่มีกุญแจ เพราะเราจะต้องเปิดใช้กุญแจร่วมกันในภายหลัง มิฉะนั้นจะเป็การฝ่าฝืนข้อจำกัดของหลุมศพลายโลหิต ส่วนผู้ที่ไม่มีกุญแจก็ควรระวังตนไว้ หากไม่แหกกฎเกณฑ์พวกเ้าก็จะต้องตายอยู่ที่นี่”
ใบหน้าขนาดใหญ่นอกหุบเขาพูดขึ้น “ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถออกไปได้ จงตายเสียเถอะ!”
เงาสีแดงสามตาทั้งสี่สิบเก้าตนกระโจนเข้าหาสตรีชุดดำและเงาปีศาจสองปีก การต่อสู้ที่ดุเดือดทำให้ศิษย์แต่ละสำนักตื่นใและถอยกลับอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของหนิงเทียนมืดมน เขา้าจัดการเถาวัลย์หัวผีพันิญญาแต่เขาก็ต้องปกป้องซิ่งอวี่เจวียนด้วย ยามนี้เขาตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นหกของเขาก็ยังไม่สมบูรณ์ ทักษะดวงเนตรของเขายังไม่บรรลุระดับที่เหมาะสม ในเวลานี้แม้เขาจะสู้กับเถาวัลย์หัวผีพันิญญาจนยิบตา เขาก็ไม่อาจขึ้นมาเป็ฝ่ายได้เปรียบ ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจรอดูสิ่งที่เกิดขึ้น
สตรีชุดดำยืนอยู่ข้างโลงศพและจ้องมองใบหน้าขนาดใหญ่เหนือหุบเขา นางยกมือขวาปัดผมม้าบนหน้าผาก และสัญลักษณ์พระจันทร์สีดำด้านหลังมือก็สว่างขึ้นราวกับดวงจันทร์สีดำสนิทลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า ทั้งยังปลดปล่อยพลังที่สั่นะเื์ออกมาอย่างต่อเนื่อง
เสียงคำรามดังมาจากเปลวเพลิงอันสับสนวุ่นวาย ทันใดนั้นลำแสงสีแดงแห่งการทำลายล้างก็พุ่งออกมาจากหน้าผากของใบหน้าั์สามตา แล้วโจมตีพระจันทร์สีดำอย่างรวดเร็ว
ห้วงอากาศพังทลายไปชั่วขณะหนึ่ง มิติโดยรอบเกิดความผันผวน และคลื่นพิโรธก็โหมกระหน่ำมาจากเบื้องบน ราวกับหายนะที่ร่วงลงมาจาก์ ก่อนจะกลายเป็สายอัสนีคำรามอย่างดุเดือด
“ระวัง!” ศิษย์ซิงซิวคนหนึ่งะโพลางเรียกใช้อาวุธิญญาระดับต่ำ ทว่าทั้งหมดกลับพังทลายในพริบตาด้วยพลังสายฟ้าที่กึกก้อง
ทันใดนั้นเถาวัลย์หัวผีพันิญญาก็มาปรากฏข้างกายศิษย์ซิงซิวราวกับภูตผี พร้อมกลายเป็หอกแหลมแทงทะลุหัวใจของเขาโดยตรง จากนั้นก็โยนร่างไร้ิญญาเข้าสู่ค่ายกลโลหิตเก้าวงแหวน
เสียงกรีดร้องโหยหวนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ศิษย์ซิงซิวถูกค่ายกลโลหิตกลืนกินอย่างรวดเร็วและกลายเป็เครื่องบูชา ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในค่ายกลอย่างชัดเจน
พลันแสงสีแดงสว่างวาบขึ้น และเงาสีแดงสามตาจำนวนสามดวงก็พุ่งหาเถาวัลย์หัวผีพันิญญาด้วยเจตนาสังหาร
เถาวัลย์หัวผีพันิญญายิ้มอย่างเ้าเล่ห์ แสงลวงตาประหลาดปรากฏขึ้นจากภายในของมันก่อนจะปะทะกับเงาสีแดงสามตาโดยตรง ทั้งสองฝ่ายประสานพลังกันอย่างรุนแรงจนเงาสีแดงไม่อาจเข้าใกล้ ซึ่งการโจมตีทั้งหมดล้วนใช้กับเถาวัลย์หัวผีพันิญญาไม่ได้ผล
ดวงตาของหนิงเทียนโชติ่ดุจคบเพลิง เขาจ้องเถาวัลย์หัวผีพันิญญาอย่างถี่ถ้วนก่อนจะพบว่ามียันต์โปร่งใสโผล่ออกมา ร่างของมันจึงดูว่างเปล่าและไม่ถูกพลังภายนอกก่อกวน
นอกจากนี้บนกระดาษยันต์ยังมีเส้นโค้งซึ่งประกอบด้วยเสน่ห์ของเส้นสาย พร้อมก่อตัวเป็แผนที่จิติญญาที่ลึกลับอย่างยิ่ง
