เจิ้งเจวียนโดนพี่สาวของเธอดักรอทันทีที่กลับบ้าน
บนศีรษะเธอติดกิ๊บติดผมสีแดงที่เจิ้งหยวนให้ เธอวิ่งะโเข้าลานบ้านพลางะโไปทางห้องครัว “พี่ฉันกลับมาแล้ว พี่ กลับมาแล้วนะ” จากนั้นเข้าห้องไปวางกระเป๋า หลังวางกระเป๋า เธอเตรียมขึ้นเขาไปตัดหญ้าเลี้ยงหมูตามปกติ แต่เพิ่งออกจากห้องก็เห็นเจิ้งหยวนยืนจังก้ารออยู่ตรงลานบ้านแล้ว
“พี่ มีอะไรเหรอ?”
เจิ้งหยวนเชิดคางขึ้น “เข้าไปคุยในห้อง”
“อื้อ” เจิ้งเจวียนหันหลังกลับเข้าห้องอีกรอบ แล้วนั่งลงตรงข้างเตียง พอเห็นสีหน้าเจิ้งหยวนไม่ค่อยดีนัก ใจพลันตุ๊มๆ ต้อมๆ ช่วยไม่ได้นี่ เธอกลัวพี่สาวคนรองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
เจิ้งหยวนก็ไม่อ้อมค้อม ถามตรงเข้าประเด็น “เื่ฉันหาคู่ในอำเภอ แกเอาไปพูดกับใคร?”
เจิ้งเจวียนอุทานออกมาทันที “ฮะ” เธองงงันไปพักหนึ่ง ก่อนใบหน้าจะซีดขาวฉับพลัน ตอนนี้เธออายุไม่น้อยแล้ว ย่อมรู้ความร้ายแรงที่เื่นี้แพร่สะพัดออกไป เธอพูดอย่างลนลาน “ฉัน... ฉัน.... ขะ ขอโทษ พี่ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เธอทั้งใ ทั้งกลัวจนไม่รู้จะวางมือไม้ไว้ตรงไหน
“ค่อยๆ พูด แกบอกใครไปบ้างแล้ว?”
“ฉัน ฉันเคยพูดกับชุนเหมยครั้งหนึ่ง เธอหัวเราะเยาะพี่ว่าสกุลเฝิงจะรังเกียจที่พี่อารมณ์ร้ายจนถอนหมั้น ฉันโมโหมากไปหน่อย เลยบอกว่าพี่ไม่ง้อสกุลเฝิงหรอก พี่หาคนในเมืองมาเป็คนรักแล้ว” เจิ้งเจวียนอธิบายต้นสายปลายเหตุของเื่ราวออกมาอย่างติดๆ ขัดๆ และภาวนาให้ครานี้พี่สาวใจกว้าง ยอมยกโทษให้เธอ
“ทำไมแกปากไวนัก! เื่พรรค์นี้พูดข้างนอกสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง!” เฉินชุ่ยอวิ๋นตามเข้ามาในห้อง
และอดสั่งสอนเจิ้งเจวียนหลังได้ยินจากตรงหน้าประตูไม่ได้
พอเข้ามายังถลึงตาใส่เจิ้งหยวนต่อ “แกก็เหมือนกัน เอาเื่นี้ไปบอกน้องทำไม!”
เจิ้งเจวียนละอายใจอย่างยิ่ง เธอพูดอ้ำอึ้งเสียงแ่เบา “ฉะ... ฉัน... ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ…”
“แกไม่รู้อะไร วันนี้ตอนบ่ายป้าสะใภ้ใหญ่แกมาบ้านพวกเรา ใช้เื่นี้ข่มขู่ให้พวกเรายกการแต่งงานนี้ให้เจิ้งสยา” เฉินชุ่ยอวิ๋นพูดถึงเื่นี้ทีไรก็ปวดใจนัก กว่าเธอจะตกลงกับเจิ้งหยวนได้ไม่ง่าย พี่สะใภ้ใหญ่ยังมาก่อเหตุอีก หรือลูกสาวเธอไม่มีวาสนากับสกุลเฝิงกัน?
“หา?ป้าสะใภ้ใหญ่รู้แล้วเหรอ? รู้ได้ยังไงกัน!” หลังพูดจบลมหายใจพลันสะดุดกึก ดวงตาเบิกกว้าง
“ชุนเหมยเป็คนกระจายข่าวออกไปใช่ไหม?” เธอลุกพรวด เอ่ยเค้นเสียงลอดไรฟันว่า
“ฉันจะไปหาเธอ!”
เฉินชุ่ยอวิ๋นรีบห้ามปรามและจับแขนเธอไว้ “จะสร้างปัญหาเพิ่มหรือไง!”
“เจวียนจื่อ” เจิ้งหยวนเปลี่ยนเื่กะทันหัน “แกเคยพูดเื่นี้กับใครอีก?”
เจิ้งเจวียนส่ายหัว “ไม่มีคนอื่นแล้วนะ”
“บางทีชุนเหมยอาจไม่ได้พูดออกไป แกลองคิดทบทวนดูอีกทีสิ?” เจิ้งหยวนจำชุนเหมยได้เด็กคนนั้นเป็สาวน้อยค่อนข้างฉลาดเฉลียวคนหนึ่ง ต่อมามีชีวิตความเป็อยู่ไม่เลวดูไม่เหมือนคนที่จะกระจายเื่ทำนองนี้มั่วซั่ว
เจิ้งเจวียนขมวดคิ้ว เธอพยายามเค้นความทรงจำทั้งหมดให้มากที่สุด มั่นใจมากว่าไม่เคยบอกเื่นี้กับใครนอกจากชุนเหมย จึงส่ายหัวรัวเร็ว “ไม่มีจริงๆ คราวนั้นฉันโกรธจัดถึงพูด”
เจิ้งหยวนยกมือลูบปลายคาง พลางถามต่อว่า “งั้นแกพูดอะไรกับเธอบ้าง?”
เจิ้งเจวียนนึกย้อนถึงเหตุการณ์ตอนนั้น เมื่อเธอบอกว่าพี่สาวตนหาคนรักในเมืองได้แล้ว ชุนเหมยก็ใ รีบหันมองรอบบริเวณ โชคดีที่เด็กสาวที่เคยล้อเจิ้งหยวนสองคนก่อนหน้าเดินจากไปไกลแล้ว เห็นไม่มีใครสนใจค่อยดึงแขนเสื้อเตือนเธอเงียบๆ ว่าห้ามพูดแบบนี้ส่งเดช เจิ้งเจวียนที่สำนึกเสียใจหลังจากพูดอยู่แล้ว เมื่อชุนเหมยเตือน เธอเลยไม่กล้าพูดอีก
เจิ้งเจวียนเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้เจิ้งหยวนฟังั้แ่ต้นจนจบ เจิ้งหยวนแตะปลางคางพลางยิ้ม ดวงตาเธอส่องประกายวาววาม “น่าสนใจจริงๆ ป้าสะใภ้ใหญ่ของเรารู้ละเอียดเชียวว่าคนรักฉันทำงานที่โรงงานเครื่องจักร”
เจิ้งเจวียนสะดุ้งพร้อมอุทาน ‘ฮะ’ คำหนึ่ง ก่อนโบกมือเป็ระวิง “อันนี้ฉันไม่ได้พูดนะ พี่ ฉันสาบาน ฉันไม่เคยบอกใครจริงๆ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้