หลังจากรู้ ‘ความจริง’ ฮั่วเสี่ยวเหวินได้แต่ถอนหายใจในใจเงียบๆ เธออดนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของจางอิ่นปินที่ด่าว่า ‘ผู้หญิงมันหน้าไม่อายกันทุกคน’ ไม่ได้
เมื่อลองคิดดูอย่างละเอียดแล้วก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลเสียทีเดียว อย่างน้อยก็เหมาะสมกับหลินเข่อเอ๋อร์
ขณะที่ฮั่วเสี่ยวเหวินกำลังถอนหายใจคร่ำครวญอยู่ในบ้าน ในเวลาเดียวกันนี้เอง หลินเข่อเอ๋อร์กำลังนั่งยองอยู่ในบ้านถ้ำทรุดโทรมหลังหนึ่ง ข้างกายคือโจวเหอที่เนื้อตัวมีกลิ่นอายของอันธพาล
เขานอนเอนอยู่บนเตียงอิฐที่เพิ่งทำความสะอาด มองพิจารณารูปร่างของหลินเข่อเอ๋อร์แบบไม่เกรงกลัว
หากไม่นับเื่รอยกระบนใบหน้า หลินเข่อเอ๋อร์นับว่าเป็สาวสวยที่ได้มาตรฐานเลย คิ้วเข้มตาโต รูปหน้าเรียว
โจวเหอซึ่งนอนเอนอยู่มุมข้างสามารถมองเห็นรูปร่างอันเย้ายวนของเธอได้พอดี หน้าอกเอิบอิ่มเบียดกับเสื้อผ้าบนตัวที่ไม่ใหญ่นัก กางเกงขนาดพอดีตัวรัดให้เห็นรูปทรงของขาเรียวยาว
โจวเหอกลืนน้ำลายแล้วะโไปกอดหลินเข่อเอ๋อร์ มือข้างหนึ่งคอยลูบคลำไปทั่ว
“โอ๊ย” โจวเหอร้องออกมา ตอนที่ถอดเสื้อผ้าออกดู เขาพบว่าบนไหล่มีรอยฟันฝังลึก
หลินเข่อเอ๋อร์ลุกขึ้นแสยะยิ้ม “คิดว่าฉันอยากได้เงินแค่นั้นของนายจริงหรือ? ขืนยังกล้าลวนลามอีก ฉันจะตัดไอ้นั่นของนายไปให้สุนัขกินจะได้ไม่เอาไปทำร้ายผู้หญิงคนอื่นอีก”
โจวเหอหายใ สีหน้าเปลี่ยนจากคลุมเครือไม่แน่นอนมาเป็รอยยิ้ม
“เข่อเอ๋อร์ เธอก็รู้ว่าชีวิตนี้ฉันรักเธอแค่คนเดียว จะไปมีผู้หญิงอื่นได้อย่างไร?”
เขาพูดถ้อยคำรักที่คิดว่าซาบซึ้งกินใจที่สุด แต่หลินเข่อเอ๋อร์ฟังแล้วไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น
เธอยิ้มเยาะ “รักฉัน? ล่อลวงฉันด้วยวิธีต่ำช้าแบบนั้นแล้วข่มขืน นี่น่ะหรือวิธีที่นายรักฉัน?”
โจวเหอจุดบุหรี่หนึ่งมวน เขารวบรวมคำพูดอย่างจริงจังด้วยกลัวว่าตัวเองจะพูดผิด หลังจากคิดอยู่นานจึงพูดออกมาว่า “เข่อเอ๋อร์ เธอก็รู้ว่าฉันตกหลุมรักเธอั้แ่แรกเห็น แต่ฉันไม่กล้าพูดออกไป กระทั่งเมื่อวาน ฉันจึง…”
หลินเข่อเอ๋อร์แค่นเสียงเย็นเป็การตัดบทเขา “จึงกล้าลงมือกับฉันในจังหวะที่จางอิ่นปินไม่อยู่ใช่หรือไม่? แค่นี้ก็แย่พออยู่แล้ว จะอธิบายเื่ที่นายให้เงินฉันหลังเสร็จกิจว่าอย่างไร เห็นฉันเป็โสเภณีที่ให้ความบันเทิงหรือ?”
โจวเหอเกาจมูกอย่างกระอักกระอ่วน เป็ความจริงที่เขาชอบหลินเข่อเอ๋อร์ แต่หลังจากหลับนอนกับเธอแล้วดันรู้สึกผิดขึ้นมา ด้วยเหตุนี้จึงจ่ายเงินให้เธอตามความเคยชิน
เขาคิดว่านี่เป็วิธีเดียวที่จะชดใช้ให้เธอได้ แต่ในสายตาของเธอกลับกลายเป็การดูถูกไปเสียได้
หลินเข่อเอ๋อร์ยังไม่หายโมโห แต่เธอด่าคนไม่เก่ง ทำได้เพียงยืนโมโหอยู่อย่างนั้น เหมือนไม้แห้งที่แค่จุดไฟก็ติด
โจวเหอปิดปากเงียบไม่พูดอะไรอย่างเป็งาน เขาอาจไม่มีความสามารถด้านอื่นแต่เก่งเื่การอ่านสีหน้าคนมาก
เห็นเธอค่อยๆ ใจเย็นลงแล้วจึงพูดเสียงเบาว่า “ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ชอบจางอิ่นปินมานานแล้ว อยู่กับฉันก็ไม่มีอะไรเสียหาย ต่อไปฉันจะดูแลเธออย่างดี”
หลินเข่อเอ๋อร์ทำเป็ไม่ได้ยินที่เขาพูด คิดในใจว่า ‘เขารู้ได้อย่างไรว่าฉันเลิกชอบจางอิ่นปินมานานแล้ว?’
หลินเข่อเอ๋อร์เลิกชอบจางอิ่นปินั้แ่เมื่อไรไม่รู้ หรือจะบอกว่าไม่เคยชอบมาั้แ่ต้นก็ยังได้ สิ่งที่เธอสนใจมีเพียงใบหน้าที่เหมือนกับจางอิ่นเซิงของเขาเท่านั้น
เธอมักฝันถึงจางอิ่นเซิงอยู่บ่อยๆ ฝันว่าเขากอดเธออย่างอบอุ่นพร้อมกับพูดถ้อยคำรัก บ้างก็ฝันว่าเขาถือร่มบังฝนให้เธอ บางครั้งก็ฝันว่าเขามองมาที่เธออย่างเคียดแค้น ถามว่าเหตุใดจึงหักหลังเขา
เธอเกลียดจางอิ่นเซิง เธอไม่ใช่คนใจกว้างมาั้แ่ไหนแต่ไร ตั้งใจจีบเขาให้ติดแล้วทิ้งเขาเพื่อแก้แค้นที่เขาเคยดูถูกตัวเอง
ทุกอย่างเป็ไปตามที่เธอคาดการณ์ เื่ราวดำเนินไปตามแผนเช่นกัน แต่ตัวเธอเองกลับไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองยังคงชอบเขาอยู่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ตอบตกลงกับจางอิ่นปินง่ายดายขนาดนั้น
กระทั่งวันที่จางอิ่นเซิงทิ้งจดหมายจากไป เธอถึงเพิ่งรู้สึกสำนึกเสียใจขึ้นมา ความสะใจที่ได้ ‘แก้แค้น’ มลายหายไปจนสิ้น
เธอคิดถึงจางอิ่นเซิงขึ้นมาอีกครั้งแต่เขาไม่มีวันกลับมาแล้ว เธอทำได้เพียงมอบความรู้สึกที่มีต่อเขาให้จางอิ่นปินแทน
เธอััเขา จุมพิตเขา เรียกเขาไปดูพระอาทิตย์ตกบนเนินเขาด้วยกัน คุยเื่สนุกสมัยมัธยมปลาย…ทำทุกอย่างเหมือนตอนที่อยู่กับจางอิ่นเซิง
แต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเหนื่อยล้ามาก จางอิ่นปินเหมือนไม่เคยได้รับการศึกษาอย่างไรอย่างนั้น เขาไม่อาจต่อกลอนที่เธอท่อง คำพูดที่ออกมาจากปากมีแต่ถ้อยคำหยาบคาย
หลินเข่อเอ๋อร์หลับตาลงด้วยความเ็ป เธอไม่อยากนึกถึงเื่ในอดีตอีกแล้ว
เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อ ตอนนี้พ่อของจางอิ่นปินเกณฑ์คนในหมู่บ้านมาตามหาเธอให้ทั่ว
โจวเหออ่านใจเธอได้ เขาบอกเธอว่าไม่ต้องกังวล ฉันจะพาเธอไปจากที่นี่ั้แ่คืนนี้
จากนั้นเขาเริ่มบ่นว่าที่นี่ทุรกันดารจนแม้แต่นกยังไม่อยากมาถ่ายท้อง ไม่ใช่ที่ที่คนจะอยู่ได้
โจวเหอพอจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาพาหลินเข่อเอ๋อร์ออกจากหมู่บ้านหลังจากฟ้ามืดได้จริงตามที่พูด ทั้งที่เคยมาหมู่บ้านที่นี่เพียงครั้งเดียวแต่กลับจำทางกลับได้
…..
สายลมยามเช้าพัดผ่านพืชใบอ่อนที่เขียวขจี พัดผ่านฝุ่นผงของอดีต ทำให้คนเราลืมความเสียใจของเมื่อวาน นำมาซึ่งความหวังของวันใหม่
จางเจียิเคยชินกับการตื่นเช้าั้แ่เมื่อไรไม่รู้ เขาเงยหน้ามองต้นไม้ที่อยู่ตรงข้ามบ้านอย่างเหม่อลอย นั่นเป็ต้นสนธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ มีให้พบเห็นได้ทั่วไป
อาการเช่นนี้เป็สัญญาณบ่งบอกว่ามีเื่ในใจ ทว่าเขาไม่ยอมพูดออกมา แววตาของเขามืดมึนไร้ประกาย ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ไม่ว่าใครก็มองออกว่าเขาไม่มีความสุข
เขาหันหน้ากลับมา ฮั่วเสี่ยวเหวินกำลังยืนมองเขาจากไกลๆ เช่นกัน นี่เขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียงฝีเท้า เธอมายืนมองอยู่นานแค่ไหนแล้ว?
เธอพูดว่า “พี่เจียิ ่นี้พี่ดูอารมณ์ไม่ค่อยดี มีเื่กวนใจอะไรหรือไม่?”
จางเจียิส่ายหน้าตอบเรียบๆ ว่า “ไม่มีอะไร” แล้วเดินเข้าบ้าน เื่กวนใจของเขามีต้นเหตุมาจากเธอทั้งสิ้น แต่เขาไม่อาจพูดว่า ‘เสี่ยวเหวิน เธอช่วยอ่อนโยนหน่อยได้หรือไม่ ไม่ต้องเข้มแข็งขนาดนั้น’
ด้วยเหตุนี้จึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรดีกว่า แต่เมื่อกลับเข้าบ้านแล้วกลับรู้สึกวุ่นวายใจกว่าเดิมจึงออกไปใหม่
ฮั่วเสี่ยวเหวินไปทำกับข้าวที่ครัว นอกจากฮั่วเสี่ยวเจียที่ไปอาศัยนอนบ้านจางซู่ พี่สาวคนอื่นๆ ล้วนกลับบ้านไปหมดแล้ว
ตอนแรกฮั่วเสี่ยวอี๋รับปากว่าจะอยู่ ‘ช่วยงาน’ แต่เมื่อฮั่วเสี่ยวเหวินให้ ‘ยืม’ เงินห้าสิบหยวน เธอกลับจากไปทันที
ฮั่วเสี่ยวเหวินกำลังจุดไฟ มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นที่ด้านนอก ทั้งยังดังขึ้นพร้อมกันสองเสียง
“จางเจียิ ปกติตื่นเช้าขนาดนี้เลยหรือ?”
“เช้าขนาดนี้จะไปไหน?”
จากนั้นฮั่วเสี่ยวเจียกับเฉินอวี่โหรวก็ทยอยกันเข้ามาในครัว เฉินอวี่โหรวะโเข้ามา เธอเหมือนคนที่ไม่เคยมีเื่กวนใจ
ฮั่วเสี่ยวเจียเดินมาบอกว่าพี่ทำกับข้าวให้เอง พี่อาจไม่เก่งเื่อื่น แต่พอจะมีฝีมือด้านการทำอาหารอยู่
คำพูดนี้เป็ความจริง ฝีมือการทำอาหารของฮั่วเสี่ยวเจียไม่เลวเลย ฮั่วเสี่ยวเหวินชอบกินอาหารฝีมือเธอมาก
แต่เธอไม่อาจให้ฮั่วเสี่ยวเจียรับหน้าที่นี้ได้ คนเขามาเพื่อทำเต้าหู้ไม่ได้มาเป็คนรับใช้ของบ้านเธอ
ฮั่วเสี่ยวเหวินปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม บอกว่าที่นี่เป็บ้านของเธอ จะให้พี่รองเป็คนทำอาหารได้อย่างไร ส่วนฮั่วเสี่ยวเจียก็ยืนกรานว่าไม่เป็ไร
เฉินอวี่โหรวเดินมาลากฮั่วเสี่ยวเหวินออกไป พูดกับเธอด้วยรอยยิ้มว่า “มีคนทำกับข้าวให้กินแต่ไม่รู้จักรับ นี่เธอโง่หรือเปล่า?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้