เื่ที่องค์หญิงใหญ่สั่งให้นางจัดงานเลี้ยงร้อยบุปผา หลังจากฮวารั่วซีตอบตกลงนางก็ไปรายงานไทเฮาทันที ในเวลานั้นแม้ไทเฮาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดเป็พิเศษ อีกทั้งยังเห็นด้วยกับเื่นี้ แต่ฮวารั่วซีรู้ว่าไทเฮาไม่ปล่อยนางไปง่ายๆ แน่
องค์หญิงใหญ่จะมาหานางโดยไม่มีสาเหตุได้อย่างไร? เหตุใดงานเลี้ยงร้อยบุปผาจึงเริ่มจัดหลังจากที่นางไป สิ่งเหล่านี้ควรกลั่นกรองให้ละเอียดยิ่งกว่านี้
และในวันนั้นฮวารั่วซีก็มิได้เอ่ยเื่ที่ตนเองแนะนำจวินอู๋เสียให้องค์หญิงใหญ่ เพียงแค่บอกว่าทูตซวี่หรงเสื่อมสมรรถภาพทางเพศจึงถูกองค์หญิงใหญ่ทอดทิ้ง องค์หญิงใหญ่ขาดคนข้างกายจึงอยากจัดงานเลี้ยงร้อยบุปผาสักครั้งเพื่อสรรหาคนเข้ามาในจวนองค์หญิงสักสองสามคน
นางไม่รู้ว่าไทเฮาจะเชื่อที่นางพูดไปหรือไม่ ดูท่าแล้วคืนนี้ไทเฮาคงไม่เชื่อ
ความสงสัยที่ถูกซ่อนไว้จำเป็ต้องขุดรากถอนโคน มิฉะนั้นจะเป็เหมือนต้นอ่อนที่ยิ่งเติบใหญ่จนควบคุมไม่ได้
ไม่ต้องเอ่ยถึงนางที่ยามนี้เป็เพียงนางสนม ต่อให้นั่งอยู่ในตำแหน่งฮองเฮาแล้วจะอย่างไร?
ดูอวิ๋นอู๋เหยียนเป็ตัวอย่าง กระทั่งมีตระกูลอวิ๋นให้พึ่งพิงยังบ้านแตกสาแหรกขาด แล้วนางที่ไม่มีสิ่งใดเลยเล่า?
แม้ไทเฮาบอกเป็นัยว่าจะช่วยนาง ทว่าคนในราชวงศ์จะเชื่อได้อย่างไร?
ซ่งอี้เฉินเคยบอกว่าจะรักนางไปชั่วชีวิต ตอนนี้คงไม่เกิดเื่แบบเดิมขึ้นอีกแล้วใช่หรือไม่?
เมื่อนึกถึงประโยคแรกที่ซ่งอี้เฉินเอ่ยยามตื่นขึ้นมาในวันนี้ หัวใจของฮวารั่วซีพลันหลั่งเป็โลหิต เขายังไม่ลืมอวิ๋นอู๋เหยียน ไม่ว่าดีหรือร้าย อวิ๋นอู๋เหยียนยังคงอยู่ในใจเขาเสมอมา
คำพูดบุรุษเชื่อถือได้อย่างไร!
……
ค่ำคืนในตำหนักเฟิ่งชัยเต็มไปด้วยความครึกครื้น เหยียนอู๋อวี้อยู่ในตำหนักบรรทมของตนเอง ภายในห้องนอนห้องอื่นคลาคล่ำไปด้วยผู้คน นอกจากเต๋อเฟยกับซูเฟยที่ถูกไทเฮาพาตัวไป และอู๋เจาหรงที่ถูกลากออกไปขัง คนอื่นๆ ต่างก็พากันนอนไม่หลับทั้งคืน จนกระทั่งถึงเช้าวันรุ่งขึ้นไทเฮาจึงยกเลิกคำสั่งกักบริเวณ
หลังจากส่งคนกลับหมดแล้ว แม่นมซูเดินถือกล่องยาทาผิวไปให้เหยียนอู๋อวี้และบอกว่าไทเฮาทรงประทานให้ หลังจากเหยียนอู๋อวี้รับไว้ แม่นมซูจึงจากไป
เหยียนอู๋อวี้ถือยาทาผิวกลับไปที่ห้อง ป้าโฉ่วรับมาตรวจดูอย่างละเอียดรอบหนึ่งจึงเอ่ยว่า “ยาทาผิวนี้ใช้ไม่ได้เ้าค่ะ”
เหยียนอู๋อวี้หันศีรษะมามองนางและรอให้นางพูดต่อเงียบๆ ป้าโฉ่วจึงกล่าวว่า “เดิมทียามีประสิทธิภาพดียิ่งนัก ทว่าผ่านการเติมแต่ง หากใช้แล้ว เกรงว่าแผลเป็จะอยู่บนใบหน้าตลอดไปเ้าค่ะ”
เหยียนอู๋อวี้ััใบหน้าที่ป้าโฉ่วพันด้วยผ้าหนึ่งชั้นอย่างดีเบาๆ นางในคันฉ่องสัมฤทธิ์ขาวจนน่ากลัว หากใช้แล้วแผลเป็จะอยู่บนใบหน้าตลอดไป ซ่งอี้เฉินยัง้ามาหานางอีกหรือ?
เกรงว่าคืนวันในวังหลวงของนางจะยิ่งลำบากขึ้นแล้ว
แม้ยามนี้นางไม่เกี่ยวอันใดด้วย ทว่าคล้ายไทเฮามิได้วางแผนเหลือทางรอดเอาไว้ให้นาง
“เก็บไว้เถิด”
“หากคุณหนูไม่ใช้ เช่นนั้นหากไทเฮาทรงถามขึ้นมาเล่า?”
เหยียนอู๋อวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงกล่าว “เช่นนั้นก็วางไว้บนโต๊ะ เอากระถางธูปมาจุดธูปสามดอก ทำทีท่าบูชาไปเสียเลย”
แม้ป้าโฉ่วจะงุนงง ทว่ายังคงทำตามที่นางบอก
ซูอิ่งเข้ามาจากด้านนอกเพื่อรายงานข่าวของอู๋เจาหรง
เมื่อคืนทุกคนรออยู่ด้านนอกตำหนักเฟิ่งชัย ผ่านไปครู่หนึ่งเว่ยหรูไห่ก็ออกมาสั่งให้องครักษ์ลากอู๋เจาหรงออกจากตำหนักเฟิ่งชัยไปตำหนักด้านข้าง องครักษ์ทั้งสองคนถูกบังคับให้มีสัมพันธ์สวาทกับอู๋เจาหรงภายใต้การกำกับดูแลของเว่ยหรูไห่
หลังจากนั้นไม่นาน ซ่งอี้เฉินก็ฟื้นขึ้นมา
เื่พวกนี้ตรงกับที่เหยียนอู๋อวี้คาดเดาไว้ไม่ผิดเพี้ยน
หลังจากไทเฮาเสด็จกลับตำหนักอี้คุนก็สั่งให้คนตรวจสอบเื่นี้อย่างละเอียดทันที ต่อมาพบจดหมายลับที่ติดต่อกับอาลักษณ์อู๋ในตำหนักบรรทมของอู๋เจาหรง ในจดหมายนั้นได้อธิบายไว้อย่างละเอียดว่าอู๋เจาหรงใช้พิษกู่นี้กักตัวซ่งอี้เฉินไว้ ตามแผนการที่วางไว้ นางจะอ้างเื่จดหมายไม่กี่วันนี้เพื่อแยกออกจากเขา แล้วดำเนินการอีกครั้ง
ไทเฮาได้อ่านจดหมายแล้วพลันเกิดโทสะทันที นางจึงรีบมีรับสั่งไปไต่สวนอาลักษณ์ทั้งคืน
ส่วนไต่สวนได้เื่อันใดมาบ้างไม่อาจทราบได้
การรับรู้ของซูอิ่งมีขีดจำกัด ภายในใจมีความงุนงงมากมาย ทว่าเมื่อเห็นเหยียนอู๋อวี้มิได้ถามคำถาม นางเอ่ยจบแล้วจึงแอบเป่าปากโล่งอก
หลังจากเหยียนอู๋อวี้ได้รู้เื่เหล่านี้ นางก็พอคาดเดาเื่ราวได้คร่าวๆ แล้ว
ดูท่าไทเฮาคงไม่รู้ว่าฮวารั่วซีเป็คนวางพิษกู่ บางทีนางอาจสงสัย เพียงแต่ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน
กระนั้นกลับใช้ประโยชน์จากเื่นี้เขียนเนื้อความชี้เป้าไปที่องค์หญิงใหญ่
อาลักษณ์อู๋เป็คนขององค์หญิงใหญ่ ในเมื่ออู๋เจาหรงเกิดเื่ เช่นนั้นก็ถึงคราวที่จวนอาลักษณ์จะต้องประสบกับหายนะแล้ว บุตรสาววางแผนลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ ผู้เป็บิดาจะไม่รู้เลยหรือ? นางต้องได้รับมอบหมายจากบิดาอย่างแน่นอน
ส่วนเื่ผลประโยชน์ เหตุใดจะจัดการไม่ได้ อย่างไรก็ต้องเป็ชื่ออาลักษณ์อู๋
ครั้งแรกแปลกหน้า ครั้งสองคุ้นเคย หากจะโยนข้อกล่าวหาอันใดให้ตระกูลอวิ๋น ใช้ตำแหน่งขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่งสะดวกสบายกว่ามาก
และเหยียนอู๋อวี้ก็รู้แน่ชัดด้วยว่าเื่ไม่จบเร็วถึงเพียงนี้แน่
ตัดแขนซ้ายแขนขวาไปไม่ถือว่าเป็อันใด? ยามนี้ไทเฮาคิดว่าองค์หญิงใหญ่เป็คนทำ คิดจะสังหารซ่งอี้เฉิน เช่นนั้นทั้งสองต้องต่อสู้กันสุดชีวิตเป็แน่
ละครฉากเด็ดเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
เหยียนอู๋อวี้ดื่มน้ำหนึ่งอึกแล้วจึงเอ่ยถาม “รู้หรือไม่ว่าอู๋เจาหรงถูกขังที่ใด?”
ซูอิ่งส่ายศีรษะ “หลังจากเว่ยหรูไห่พาตัวไปก็ไม่กลับมาอีกเลยเ้าค่ะ ในวังหลวงไม่มีข่าวคราวเช่นกัน ดูท่าคงจะออกจากวังหลวงไปแล้วเ้าค่ะ”
เหยียนอู๋อวี้พยักหน้า ในใจคาดการณ์เอาไว้แล้ว นางสั่งให้ซูอิ่งออกไปแล้วตามซวงสี่มา “ข้าอยากรู้ว่าอู๋เจาหรงถูกขังไว้ที่ใด”
ซวงสี่ไม่ถามหาเหตุผล ตอบรับคำแล้วรีบออกไป
ในเมื่อโจวหลู่ชิงทิ้งพวกนางไว้ที่นี่ นอกจากให้ความช่วยเหลือแล้วพวกนางยังต้องเฝ้าจับตามองด้วย นางมิได้สนใจการจับตามองของโจวหลู่ชิง ตรงกันข้ามกลับชื่นชมในความรอบคอบตรงจุดนี้เป็อย่างยิ่ง
หากเขาเห็นเพียงแค่ของยืนยันแล้วเชื่อจนหมดใจ นางควรต้องเป็กังวลมากกว่า
ในเมื่อซวงสี่อยู่ที่นี่ เช่นนั้นพวกเขาย่อมมีวิธีการติดต่อกันเองอย่างแน่นอน นางคิดอันใดก็บอกกับซวงสี่ทันที จากนั้นเพียงแค่รอคำตอบอยู่เฉยๆ
ป้าโฉ่วรอจนซวงสี่จากไปแล้วจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “คุณหนู ท่านอยาก...…ไปพบอู๋เจาหรงหรือเ้าคะ?”
เหยียนอู๋อวี้มิได้ปิดบัง นางพยักหน้าแล้วกล่าว “จำเป็ต้องไปพบ”
ป้าโฉ่วไม่เห็นด้วย “ไทเฮาขังนางไว้ ต้องมีแผนสำรองแน่นอนเ้าค่ะ อาจถึงขั้นใช้นางเป็เหยื่อล่อ เกรงว่าหากคุณหนูไปจะเป็อันตรายมากนะเ้าคะ!”
“การที่อู๋เจาหรงทำเื่เช่นนี้ออกมามันไม่มีประโยชน์อันใดสำหรับตระกูลอู๋เลย” เหยียนอู๋อวี้วิเคราะห์ “หลังจากทรมานถามเมื่อคืน ไทเฮาคงรู้ทุกอย่างที่อยากรู้แล้ว การที่เก็บนางไว้ก็เพียงแค่รอดำเนินคดีกับอาลักษณ์อู๋ จับคนทำผิดแล้วสำเร็จโทษร่วมกัน”
ป้าโฉ่วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ในเมื่อเป็เช่นนี้ คุณหนูไปหานางด้วยเื่ใดหรือเ้าคะ?”
เหยียนอู๋อวี้แย้มยิ้ม “อาลักษณ์อู๋เลือกข้างแล้ว ยามนี้ยังรอให้องค์หญิงใหญ่มาช่วยอยู่ วันนี้ก็ได้รู้แล้วว่าองค์หญิงใหญ่จะยื่นมือมาช่วยหรือไม่ ไม่ช่วยออกมาก็ปิดปากเขาตลอดไป อยากพบอาลักษณ์อู๋มิใช่เื่ง่าย ทว่าอู๋เจาหรงต่างกัน ต่อให้นางเป็หมากที่ถูกทิ้ง นางก็ยังพอรู้เื่บางอย่างอยู่บ้าง”
“ต่อให้รู้ นางก็คงไม่บอกคุณหนูเป็แน่เ้าค่ะ!” ป้าโฉ่วอดพูดมิได้
เหยียนอู๋อวี้เอ่ยถาม “ป้าโฉ่ว เ้ารู้หรือไม่ว่ากุญแจสำคัญที่สุดในการง้างปากสตรีที่อยู่ในตำหนักตามลำพังคือสิ่งใด?”
ป้าโฉ่วชะงักไปครู่หนึ่งแล้วจึงส่ายศีรษะ
เหยียนอู๋อวี้แย้มยิ้มพลางกล่าว “แน่นอนว่าเป็อารมณ์ความรู้สึก!”
ในตำหนักหลังเืเย็นไร้ความรู้สึกเป็ที่สุด ยิ่งเป็เช่นนี้ก็ยิ่งโหยหาความรู้สึกอบอุ่น
คนไร้ความรู้สึกอยากได้สิ่งที่มีความรู้สึก สุดท้ายจะเป็อย่างไร?
ก็คงตายอย่างโหดร้ายทารุณ