ประโยคนี้ของไป๋ลี่เหมือนเป็คำประกาศิต ทำให้ศิษย์ทุกคนในที่นี้หยุดกระซิบกระซาบกันทันทีพร้อมกับสาดส่องสายตาแปลกประหลาดไปยังซ่งฉียวนที่อยู่ข้างๆ หร่วนสือจิ่ว
หลายคนในกลุ่มของพวกเขาต่างก็เคยมีเื่กับซ่งฉียวนมาก่อนก่อนหน้านี้พวกเขาแอบดีใจเพราะท่านเ้าสำนักมักจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขามากนักแต่ตอนนี้เมื่อเห็นไป๋หลิวลี่ออกหน้าแทนเขา อีกทั้งท่านเ้าสำนักก็ยอมรับในสถานะลูกศิษย์ของเขาจึงแอบรู้สึกเสียใจกับการกระทำทั้งหมดของตนก่อนหน้านี้ และแอบหวังอยู่ในใจลึกๆว่าซ่งฉียวนจะพ่ายแพ้ให้กับเฉิงเซียง
ซ่งฉียวนกวาดสายตามองไปยังอวี๋เคอไม่รู้ว่ามันเป็ภาพลวงตาหรือเปล่า แต่เขารู้สึกได้ว่าความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นได้หวนกลับมาอีกครั้งเพียงแต่เมื่อมองไปอีกรอบก็เห็นแต่กลุ่มศิษย์สำนักฉิงชางกลุ่มหนึ่งที่สวมชุดเครื่องแบบเหมือนกันเมื่อพยายามมองหาสายตาคู่นั้นที่มองมาก่อนหน้านี้ก็ไม่เจออีกเหมือนเคยจึงได้แต่ยอมแพ้
ซ่งฉียวนเหาะร่อนลงไปบนเวทีและพยักหน้าเป็การบอกกล่าวให้กับผู้าุโ ท่าทางของเขายังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคยปกติแล้วผู้าุโเฉินผู้นั้นไม่ค่อยชอบซ่งฉียวนมากนัก เนื่องจากลูกศิษย์ที่ถูกซ่งฉียวนทำร้ายก่อนหน้านี้ก็เป็ศิษย์ในสังกัดของเขาเช่นกันหากไม่ใช่เพราะหร่วนสือจิ่วปกป้องเ้าเด็กนี่ เขาคงไม่ยอมปล่อยให้ซ่งฉียวนถูกลงโทษง่ายๆโดยการจ้องกำแพงเพื่อสำนึกผิดแบบนั้นอย่างแน่นอน
ผู้าุโเฉินหรี่ตาลงในใจเกิดความคิดอยากจะสั่งสอนซ่งฉียวนขึ้นมาสักเล็กน้อย เขาคิดจะอาศัย่ที่ทั้งสองคนกำลังประลองกันซึ่งจะเกิดขึ้นในอีกสักครู่โดยใช้กลอุบายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อทำให้ซ่งฉียวนสะดุดตราบใดที่ไม่กระทบต่อการแข่งขันทั้งหมด แล้วสามารถทำให้เ้าเด็กนี่ทนทุกข์ทรมานและได้รับาเ็สักเล็กน้อยต่อให้ผู้าุโทุกคนและเ้าสำนักบนเวทีเห็นเข้าก็จะไม่กล่าวอะไรมากแน่นอนส่วนศิษย์ที่อยู่ใต้เวทีก็ไม่สามารถแม้แต่จะสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆของเขาได้
ขณะที่ในใจกำลังคิดไปต่างๆ นานาแต่ใบหน้าของผู้าุโเฉินนั้นก็ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเคย เขาลูบไล้เคราแพะที่นับว่าไม่ยาวมากนักก่อนจะโบกมือแล้วกล่าวว่า “เริ่มได้! ”
ทันทีที่สิ้นสุดประโยคนี้ แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากนักเฉิงเซียงยิ้มให้ซ่งฉียวนพร้อมกับกล่าวว่า “ในที่สุดเราสองคนก็จะได้ประลองกันจริงๆ แล้ว ก่อนหน้านี้เห็นเ้าทุบตีคนดูบันเทิงเริงใจนักจึงอยากรับคำชี้แนะมานานแล้ว แต่ทำอย่างไรเ้าก็ไม่เคยลงมือกับข้าเลยตอนนี้ก็ขอฝากบุญวาสนาไว้กับศิษย์พี่ไป๋แล้ว”
เจตนาในคำพูดของเฉิงเซียงนั้นชัดเจนมากเขาไม่มีทางออมมือในการประลองครั้งนี้อย่างเด็ดขาดและเห็นได้ชัดว่าซ่งฉียวนนั้นแข็งแกร่งมาก สุดท้ายเขาก็สลัดความสงสัยเื่ที่ตัวเองและไป๋หลิวลี่สมรู้ร่วมคิดกันก่อนหน้านี้ไปเรียกได้ว่าทุ่มเทและตั้งใจมากกับการประลองครั้งนี้
ซ่งฉียวนยกมุมปากขึ้นเพื่อที่จะเผยรอยยิ้มออกมาแต่ผ่านไปนานก็ไม่มีทีท่าว่าจะยิ้มเลย ใน่ครึ่งปีมานี้เฉิงเซียงช่วยตนไว้ไม่น้อยเห็นได้ชัดเลยว่าอีกคนที่อยู่ในร่างก็เข้ากันได้ดีกับคนผู้นี้เป็อย่างมากในใจของเขาเองก็รู้สึกว่าสหายเฉิงเซียงผู้นี้เป็คนที่พึ่งพาได้เช่นกันแต่ใบหน้าในตอนนี้แทบจะไม่สามารถเป็มิตรต่อผู้อื่นได้เลยเขาจึงได้แต่ประสานมือคารวะแล้วกล่าวว่า “โปรดชี้แนะด้วย” จากนั้นก็ตั้งท่าต่อสู้
เฉิงเซียงเคยชินกับท่าทีของเขาได้นานแล้วจึงไม่ได้สนใจอะไร จากนั้นก็เห็นแววตาของซ่งฉียวนฉายแววเ็า ขาทั้งสองข้างย่อลงและไม่ได้ถือกระบี่ไว้ในมือด้วยซ้ำพลังปราณอันบริสุทธิ์ที่ลอยขึ้นมารอบกายก่อตัวเป็ร่างของสัตว์ร้ายอันน่าสะพรึงกลัวอยู่เหนือศีรษะของเขาช่างเป็กลิ่นอายที่น่าเกรงขามยิ่งนัก
ดูเหมือนว่าเขา้าที่จะอุ่นเครื่องก่อนเฉิงเซียงหุบยิ้ม แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากไปมาเขาเองก็ไม่ได้ใช้แส้เงินเช่นกัน ทว่าคุกเข่าทั้งสองข้างลงเหมือนกับซ่งฉียวนจากนั้นสองมือก็แปรเปลี่ยนเป็กรงเล็บแล้วตั้งท่าต่อสู้ในระยะประชิดเขาอยากจะดูว่าจิ้งจอกที่กลายเป็ิญญาตนนี้อย่างเขาจะสู้กับสัตว์ร้ายที่หลอกตาคนตนนั้นได้หรือไม่!
ทุกคนในที่นี้ต่างก็สงสัยเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆของทั้งสองคน เพราะอย่างไรเสียหากมีอาวุธอยู่ในมือ อาวุธของผู้ใดยาวกว่าก็ย่อมได้เปรียบกว่าอีกอย่างสำนักฉิงชางของพวกเขาก็ไม่ใช่สำนักที่ป่าเถื่อนเหมือนกับสำนักไท่จี๋ที่ขึ้นชื่อเื่การใช้กำลังแล้วเหตุใดจึงต้องเริ่มการต่อสู้ระยะประชิดที่วิตถารเช่นนี้ด้วย? แต่หลังจากที่พวกเขาได้ดูฉากที่แท้จริงซึ่งจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเฮือก
จากนั้นก็เห็นซ่งฉียวนเป็ฝ่ายพุ่งเข้าใส่ก่อนมือของเขากลายเป็กำปั้นที่ห่อหุ้มด้วยพลังปราณเอาไว้จนเกิดเป็เสียงแหวกอากาศพุ่งเข้าใส่หน้าอกของเฉิงเซียงอย่างไร้ความปรานีส่วนเฉิงเซียงเองก็ใช้กรงเล็บตั้งเป็ฝ่ามือปะทะกับหมัดของซ่งฉียวนอย่างจังได้ยินเพียงเสียง “ปัง” ที่ดังขึ้นมา หลังจากการเข้าปะทะกันทั้งสองคนต่างก็ถอยออกไปคนละครึ่งก้าวทำให้แท่นหินเกิดสั่นไหวเล็กน้อยไปตามการถอยร่นนั้น
และในเวลาห่างกันเพียงเสี้ยววินาที หมัดของซ่งฉียวนก็พุ่งเข้าใส่ไปอีกครั้งด้านเฉิงเซียงก็ไม่ยอมอ่อนข้อโดยใช้ฝ่ามือโต้กลับไปเช่นกันเพื่อเป็การแก้เกมจากนั้นเพียงชั่วพริบตา ทั้งสองก็ปะทะกันต่อไปอีกเป็ร้อยๆ ครั้ง ทำให้บนสังเวียนเต็มไปด้วยฝุ่นผงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
ศิษย์ของสำนักฉิงชางส่วนใหญ่นิยมใช้กระบี่กันเป็จำนวนมากจะไปเคยเห็นการต่อสู้ที่เร้าใจเช่นนี้ได้เมื่อไรกันตอนนี้บางคนถึงกับละทิ้งอคติก่อนหน้าที่มีต่อการต่อสู้ในระยะประชิดเืที่ไหลเวียนอยู่ในร่างเริ่มสูบฉีดขึ้นมาทีละนิดเพราะสองคนนั้นถึงกับส่งเสียงโห่ร้องให้กับทั้งคู่ออกมาเบาๆ ทว่าเสียงโห่ร้องของพวกเขาแทบจะไปกระตุ้นให้เกิดเสียงสะท้อนจากทุกคนในชั่วพริบตาภายในเวลาไม่นาน ทั่วทั้งลานประลองก็มีเสียงโห่ร้องอันป่าเถื่อนดังขึ้นซึ่งแตกต่างจากสำนักฉิงชางที่ได้รับการยกย่องจากภายนอกว่าเป็สำนักอันดีงามที่สืบทอดกันมาไกลโข
เมื่ออวี๋เคอได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็นึกชื่นชมซ่งฉียวนอยู่ในใจเพราะตัวเอกที่ตนเองเขียนไว้นั้นยอดเยี่ยมมากตามแบบที่คิดเอาไว้แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีคนที่ไม่อยากดูเขาอยู่มากแต่เขาก็มีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ ตราบใดที่เขาคิดจะทำก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ การต่อสู้ในวันนี้ถือเป็การเอาชนะใจผู้คน
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้นทั้งสองคนในสนามประลองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดเืพล่านอยู่นานแล้วในที่สุดซ่งฉียวนก็หาช่องว่างได้แล้วชกไปที่จุดบอดของเฉิงเซียงจนเข้าที่ซี่โครงซ้ายของอีกฝ่ายพอดี เฉิงเซียงจึงสำลักเืออกมาเล็กน้อยแต่เขากลับแสยะยิ้มเห็นได้ชัดว่าเขาจงใจ เพราะเขาคว้าโอกาสนี้เพื่อเข้าใกล้ซ่งฉียวน แล้วกางมือออกเป็กรงเล็บกรีดไปที่หน้าอกของซ่งฉียวนแม้ว่าอีกฝ่ายจะป้องกันกรงเล็บพลังปราณทั้งสามเส้น แต่ก็ยังโดนเข้าไปสองเส้น จนเสื้อที่หน้าอกด้านหน้าฉีกขาดออกจากกันในพริบตาเผยให้เห็นาแที่ลึกพอสมควร เห็นได้ชัดเลยว่าเขาทั้งสองคนนั้นช่างโเี้อำมหิต
ซ่งฉียวนมองไปยังาแที่หน้าอกของตนเองแวบหนึ่งจากนั้นดวงตาดำขลับก็ฉายแววเืเย็นอยู่ภายใน และค่อยปรากฏแสงสีแดงจางๆ ขึ้นมาเขาร่ายคาถาอยู่ในใจ ทันใดนั้นกระบี่เล่มยาวที่อยู่ตรงเอวก็พุ่งเข้ามาในมือเขาอย่างรวดเร็วแล้วใช้จังหวะนั้นนำพลังปราณอันดุร้ายที่เคลือบอยู่บนเล่มกระบี่พุ่งเข้าใส่เฉิงเซียงในทันที
เฉิงเซียงเช็ดเืที่มุมปากออกเล็กน้อย เขารู้ตัวดีว่าซี่โครงหักอย่างน้อยสองซี่แต่กลับไม่สนใจเลยสักนิดตรงกันข้ามเขากลับยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นซ่งฉียวนใช้กระบี่เขาก็จะใช้แส้เงินเช่นกัน จากนั้นก็ฟาดฟันเข้าใส่กระบี่เล่มยาวด้วยระยะที่เฉียบคมเสียงโลหะกระทบกันดังกึกก้องไปทั่วสนามประลองในทันใด
หลังจากต่อสู้กันเป็ร้อยรอบ ทั้งคู่ต่างก็ตาแดงฉานจนเกือบจะตายเอาทั้งสองคนรอยแส้ที่เหมือนรูปฟันปลาบนร่างของซ่งฉียวนและาแจากกระบี่บนร่างของเฉิงเซียงนั้นดูแล้วน่าใมากอวี๋เคอรู้สึกปวดใจและเหงื่อแตกพลั่กเพราะเขาทั้งสองคน
ในตอนนั้นเอง ซ่งฉียวนก็ชี้กระบี่ออกไปราวกับได้หลอมรวมดวงจิตของตนเองเข้าไปในกระบี่แล้ว ซ่งฉียวนใช้กระบี่เล่มนี้ซึ่งนำพลังอันหาที่เปรียบมิได้ปะทะเข้ากับแส้เงินและด้วยความแข็งแกร่งอันมหาศาลก็สามารถสะบัดแส้เงินออกจากมือของเฉิงเซียงได้ในที่สุดจากนั้นปลายกระบี่อันคมกริบก็ชี้จ่อไปที่คอของเขา
ผู้าุโเฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นว่าโอกาสมาถึงแล้วหัวใจก็เต้นแรง จากนั้นก็แอบนำพลังปราณที่ไร้รูปร่างบนฝ่ามือพุ่งใส่ไปที่หลังของซ่งฉียวน
ทุกคนต่างกำลังมองเหตุการณ์ของซ่งฉียวนด้วยสีหน้าที่ตึงเครียดจึงไม่มีใครสังเกตเห็นการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของผู้าุโเฉินทว่าอวี๋เคอกลับมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันและไม่รอให้ต้องคิดเยอะเขาก็ปลดปล่อยพลังปราณออกมาปะทะเข้ากับพลังปราณของผู้าุโเฉินผู้นั้น จนพลังปราณนั้นสลายห่างออกจากด้านหลังซ่งฉียวนไปไกลกว่าสองเมตร
แทบจะในเวลาเดียวกัน ปลายกระบี่ของซ่งฉียวนก็หยุดอยู่ห่างจากลำคอของเฉิงเซียงเป็ระยะหนึ่งนิ้วตอนนี้สีเืในดวงตาของเขาเจือจางลงไปแล้ว จากนั้นจึงพูดเสียงเรียบว่า “เ้าแพ้แล้ว”