เมื่อจ้าวจือชิงก้าวลงจากรถม้าก็รู้สึกถึงอันตรายรอบด้านทันที เขาเคาะหน้าต่างรถม้าก่อนจะกำชับกับคนในรถเสียงเบา “พวกเ้าอย่าลงจากรถเด็ดขาด ข้ารู้สึกว่าที่นี่ผิดปกติ”
ตอนที่เพิ่งมาถึงจ้าวจือชิงก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของคนที่แอบซุ่มอยู่ อีกทั้งจิตสังหารยังมุ่งร้ายทำให้จ้าวจือชิงมิอาจไม่ระแวดระวัง
ชีเหนียงที่อยู่ในรถม้าเองก็รู้สึกวูบโหวงในใจเช่นกัน นางควักกริชสั้นออกจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้จิ่งเฉิน
ลั่วจิ่งเฉินรับไว้ทันที จากนั้นก็เห็นนางดึงปิ่นปักผมบนศีรษะลงมากำไว้ในมือพร้อมทั้งกวาดตามองรอบทิศอย่างระแวดระวัง
“ฮือๆๆ…ข้าช่างขมขื่นนัก…”
“ข้าหนาวเหลือเกิน เหนื่อยเหลือเกิน…”
“อาๆๆ…”
เสียงหลอกหลอนของหญิงสาวดังขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ เริ่มแรกยังเป็แค่เสียงแ่เบาจากนั้นก็ค่อยๆ ดังขึ้น
“เสียงนี้ได้ยินก็รู้ว่าผิดปกตินัก ห้ามฟังเด็ดขาด!” จ้าวจือชิงรีบปิดกั้นการได้ยินของตนเอง จากนั้นมุดเข้ารถม้าและปิดหูของลั่วชีเหนียงไว้ ในขณะเดียวกันลั่วจิ่งเฉินเองก็พยายามอย่างยิ่งที่จะปิดหูของตนไว้
เมื่อเห็นทุกคนยังอดทนได้ จ้าวจือชิงถึงเบาใจลงเล็กน้อย เพียงแต่ลมที่พัดผ่านม่านด้านนอกรถม้าเมื่อครู่นี้ ทำให้เขารับรู้ได้ว่าด้านนอกมีคนกำลังเข้ามาใกล้รถม้าของพวกตน
“ชู่”
จ้าวจือชิงส่งสัญญาณให้คนทั้งสองระวังตัว ขณะนี้เสียงิญญาสาวโหยหวนเมื่อสักครู่ได้หายไปแล้ว เหมือนกลุ่มโจรจะค่อนข้างมีความมั่นใจกับเสียงิญญาสาวของตนอย่างยิ่ง ดังนั้นพวกโจรจึงเข้าใกล้รถม้าอย่างไม่กลัวสิ่งใด พร้อมทั้งยังมีเวลาพูดคุยสัพเพเหระ
“เฮอะ ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว คู่ควรให้พวกเ้าระมัดระวังเพียงนี้เชียวหรือ แค่เสียงิญญาหญิงสาวดังขึ้นมา พวกนั้นก็หนีกันกระเจิงแล้ว”
“เ้าสาม เ้าอย่าได้ใจเกินไป หากครั้งนี้เ้ายังเกิดบ้าตัณหาอีกครั้ง ข้าจะแจ้งหัวหน้าแน่”
“ฮึ่ม ข้าอยากดูนักว่าโฉมงามในปฐีอะไรถึงสามารถทำให้ขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงเฝ้าคะนึงหา”
ขณะพูดมือคล้ำและผอมแห้งคู่หนึ่งก็ทำการกระชากม่านประตูรถม้าที่ปิดไว้ให้เปิดออก แล้วมองดูคนทั้งสามที่นอนหมดสติฟุบกองกันอยู่กับพื้นรถ ดวงตาเ้าเล่ห์จับจ้องชีเหนียง
“สมกับเป็หญิงงามจริงๆ” ขณะพูดก็ยื่นมือจะไปััคน ทันใดนั้นชีเหนียงลืมตาขึ้นแล้วสาดผงสีขาวใส่ชายผู้นั้นก่อนที่เสียงร้องด้วยความเ็ปจะดังขึ้น
“อ้าก ตาข้า ตาของข้า!” คนที่ถูกเรียกว่าเ้าสามหล่นลงจากรถม้าและเอามือปิดตาพร้อมกับกรีดร้อง
เสียงกรีดร้องนั้นดึงดูดความสนใจของคนทั้งหมด ชีเหนียงลุกขึ้นนั่งด้วยความโมโห เมื่อเห็นจิ่งเฉินกับจ้าวจือชิงมองมาที่ตนเอง จึงรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ต่างจากที่วางแผนกันไว้ แต่นางทนสายตากักขฬะแบบนั้นไม่ได้จริงๆ
“มองข้าทำไม? ข้าก็แค่อยากลองว่ายาที่ตาเฒ่าหลิงให้ไว้ใช้ได้ดีหรือไม่”
จ้าวจือชิงรู้ว่านางปากแข็ง อันที่จริงหากชีเหนียงไม่ลงมือก่อน เขาก็คงจัดการควักลูกตาของเ้าโจรผู้นั้นด้วยตนเอง เพียงแต่ขณะที่กำลังลังเลว่าจะกระทืบให้ปลิวออกไปหรือใช้มีดจัดการดี ชีเหนียงก็ดันชิงลงมือเสียก่อน
“เอาล่ะ ในเมื่อแหวกหญ้าให้งูตื่นแล้ว พวกเราก็ออกไปดูให้รู้แล้วรู้รอดว่าตกลงิญญานี่มันคืออะไรกันแน่”
พวกเขาเปิดม่านและลงจากรถม้า ก่อนจะเห็นคนเจ็ดถึงแปดคนถือดาบล้อมรถม้าเอาไว้ จากนั้นจึงปรายตามองคนกลุ่มนั้นแวบหนึ่งโดยไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่อย่างใด
ถัดมาก็มีมือขาวดุจหยกยื่นออกมาจับประตูรถม้าไว้ข้างหนึ่งหลังจ้าวจือชิงลงจากรถ จ้าวจือชิงขยับเข้าไปและช่วยประคองลั่วชีเหนียงลงจากรถ
ที่แปลกอย่างหนึ่งคือเมื่อชีเหนียงเห็นเหล่าคนที่ล้อมรอบรถม้ากลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่เพียงนิด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าคนกลุ่มนั้นต่างหากที่ควรกลัวพวกนาง
“พวกเขาคือิญญาในสันเขาิญญาหรือ? ดูแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่นา”
แต่ละคนนอกจากถือดาบทำให้ดูน่ากลัว อย่างอื่นก็ไม่ได้ดูน่ากลัวเท่าจ้าวจือชิงด้วยซ้ำ
เ้าสามที่ถูกพิษทำร้ายดวงตาตะคอกใส่พวกของตนอย่างโมโหร้อนใจ “เ้าสี่ เ้าตายไปแล้วหรือ ถูกคนดูิ่ยังไม่แสดงความร้ายกาจของพวกเราให้มันดูอีก”
คนที่ถูกเรียกว่าเ้าสี่หาได้สนใจไยดีเ้าสามไม่ ชายร่างใหญ่ไว้หนวดเคราทำให้หัวใจเขาหวาดหวั่น คนผู้นี้แผ่กลิ่นอายกดดันออกมาจากตัว ไหนจะสายตาคมปลาบคู่นั้นที่ดูพร้อมจะเข่นฆ่าพวกตนได้ทุกเวลา หากมิใช่เพราะสตรีที่อยู่ข้างกาย พวกเขาคงได้กลายเป็ิญญาเซ่นดาบไปนานแล้ว
มารดามันเถอะ! หัวหน้าไปรับภารกิจอะไรมากันแน่ ไหนบอกว่าแค่สตรีนางหนึ่ง ไฉนจึงปรากฏตัวยุ่งยากเช่นนี้เพิ่มขึ้นมาได้
……
สือเลี่ยหยาง หัวหน้ากลุ่มกองโจรเลี่ยหยาง กำลังจับตาดูสถานการณ์อยู่้าสันเขาิญญาอีกทั้งยังรู้สึกได้ว่ากำลังมีบางอย่างผิดปกติ
จากความสามารถของเ้าสามกับเ้าสี่ ไม่ควรใช้เวลาจับตัวคนนานเช่นนี้
......
เ้าสี่จ้องมองจ้าวจือชิงและหยั่งเชิงถาม “นายท่านท่านนี้ ที่พวกข้า้าคือแม่นางผู้นั้น ส่วนเ้า พวกข้าจะถือเสียว่าไม่เคยพบเจอกันมาก่อน ดีหรือไม่?”
ชีเหนียงสบตากับจ้าวจือชิง คนเหล่านี้พุ่งเป้ามาที่นางหรือนี่จะเป็ฝีมือของเฉินเจ๋อิอีกแล้ว
จ้าวจือชิงส่ายหน้าเบาๆ นับั้แ่ลูกน้องของเฉินเจ๋อิพลาดท่า สายสืบคนเดียวที่ติดต่อกับเฉินเจ๋อิอยู่ตอนนี้ก็คือตน ตอนนี้เฉินเจ๋อิเชื่อว่าแผนการของตัวเองนั้นสำเร็จ แล้วจะมีแก่ใจมาสร้างปัญหาให้ชีเหนียงได้อย่างไร ขณะนี้เขาคงห่วงแต่ว่าจะโผบินกับหญิงในดวงใจอย่างไรมากกว่า
ทว่าคำพูดที่มาจากปากของสามคนนั้นเมื่อครู่บอกว่า มีขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงคะนึงหา แม้ชีเหนียงไม่ได้ยิน แต่เขากลับได้ยินอย่างแจ่มแจ้ง
“นายท่าน เราคือคนของกองโจรเลี่ยหยาง กองโจรเลี่ยหยางรักษาสัจจะคำไหนคำนั้น ขอเพียงท่านยอมจากไป เราจะไม่มีทางสร้างความยุ่งยากใจให้แน่นอน”
กองโจรเลี่ยหยางเป็กองโจรที่ขึ้นชื่ออย่างมากในเมืองอัน แหล่งกบดานของกองโจรนี้ก็อยู่ที่เมืองอัน แล้วเหตุใดจึงมาอยู่ที่สันเขาิญญาได้
จ้าวจือชิงนั้นไม่ได้หวาดกลัวการถูกข่มขู่ เขาค่อยๆ ประคองชีเหนียงขึ้นนั่งบนรถม้า “นี่คือฮูหยินของข้า พวกเ้าคิดจะจับฮูหยินของข้าไป แต่กลับยังอยากให้ข้าปล่อยพวกเ้า เกรงว่าใต้หล้านี้คงไม่มีเื่ที่ดีเช่นนี้กระมัง”
“ท่านจะไม่ยอมส่งนางมาเช่นนั้นสินะ?” เ้าสี่ขวางเ้าสามที่คิดจะเข้าไปแก้แค้น สายตาที่มองดูจ้าวจือชิงนั้นทวีความหวาดหวั่นอย่างชัดเจน
เมื่อโบกมือ ดาบของกองโจรก็ถูกยกขึ้นในท่าเตรียมพร้อมพร้อมฉายประกายวาบ ทุกคนกำลังรอคำสั่งลงมือ
จ้าวจือชิงแสร้งทำเป็จัดแจงชีเหนียงและโน้มตัวกระซิบข้างหูของนาง “คนกลุ่มนี้คิดจะจับตัวเ้าโดยไม่มีเหตุผล เราต้องสืบให้รู้ว่าคนที่อยู่เื้ั้าอะไรกันแน่”
ชีเหนียงเข้าใจความหมายของจ้าวจือชิง นี่กำลังบ่งบอกว่าจ้าวจือชิงมีความมั่นใจอย่างมากว่าจะล้มคนกลุ่มนี้ได้ ในเมื่อไม่เข้าถ้ำเสือย่อมไม่ได้ลูกเสือ ฉะนั้นก็ลองมุดเข้าถ้ำนี้ดูสักครา
นางอาศัยจังหวะที่จ้าวจือชิงกับคนทั้งหมดต่อสู้กัน ทำสัญญาณมือลับจากด้านหลังให้ลั่วจิ่งเฉินที่อยู่ด้านในรถม้า
รอจนดาบทาบอยู่ตรงลำคอของชีเหนียง จ้าวจือชิงก็ะโเสียงดัง “ห้ามแตะต้องนาง!”
จางซื่อเห็นว่าลั่วชีเหนียงถูกจับตัวได้ ก็หัวเราะร่าทันใด “เมื่อครู่ให้เ้าไป เ้าไม่ยอมไป ตอนนี้เ้าคงไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ”
หลังจากจับตัวชีเหนียงได้ไม่นานนักจ้าวจือชิงก็ถูกรวบตัวและมัดอย่างแ่าเช่นกัน เพื่อให้จ้าวจือชิงขัดขืนไม่ได้ จางซื่อจึงกรอกยาสลบให้จ้าวจือชิง ทันใดนั้นคนที่มีเรี่ยวแรงมหาศาลเมื่อครู่ก็อ่อนระทวยคอพับในทันใด
“เอ๊ะ ในรถม้ายังมีบัณฑิตหน้าขาวซ่อนอยู่อีกคนหรือ?”
หลังจากมีคนะโขึ้นมา ลั่วจิ่งเฉินก็ถูกลากลงมาจากรถม้า ชีเหนียงรีบะโห้ามปราม
“พวกเ้าเบาๆ หน่อยเป็ไหม อาเฉินของข้านั้นขาไม่ดี”
เมื่อได้ยินชีเหนียงพูดขึ้นมาเช่นนี้จึงทำให้กลุ่มกองโจรที่ระแวดระวังตัวถึงกับโล่งอกในทันใด เมื่อครู่จ้าวจือชิงสร้างปัญหาให้พวกเขามากเกินไป พวกเขาจึงกลัวว่าเด็กหนุ่มที่ดูบอบบางคนนี้ก็เป็ผู้เยี่ยมยุทธ์เช่นกัน
แต่เมื่อดูจากสภาพเด็กหนุ่มที่เดินขาเป๋นี่แล้วก็ทำให้พวกกลุ่มกองโจรลดทอนความระมัดระวังตัวไปมากโข
-----