เต๊ง!เต๊ง! เต๊ง!
พลังกระบี่พุ่งเข้าสกัดวิหคสีเพลิงขณะเข้ามารุมจิกซึ่งข้ากวัดแกว่งกระบี่ด้วยพลังของการผสานสองพลังรวมเป็หนึ่งเพื่อปกป้องระยะสามเมตรครึ่งแม้ว่าวิหคสีเพลิงจะเข้ามาพร้อมกันสามตัวก็ไม่สามารถเข้ามาทำร้ายคนที่อยู่ข้างหลังข้าได้อยู่ดีพอได้ถังเชวียหรานที่โจมตีด้วยการยิงมาช่วยอีกแรงไม่นานร่างอันไร้ิญญาของวิหคสีเพลิงเจ็ดถึงแปดตัวก็ร่วงหล่นลงบนพื้นส่วนคะแนนจากการสังหารก็แบ่งกันไปตามนั้น
ซูเหยียนชูกระบี่เพลิงกัลป์ของนางขึ้นฟ้าพร้อมกับพลังของเมฆาเพลิงัที่ก่อตัวเป็กลุ่มพลังขนาดใหญ่และส่องแสงประกายจนไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่าซึ่งพลังที่ว่าได้พุ่งเข้าหาฝูงวิหคสีเพลิงจนตกลงมาเกลื่อนกลาด
ทั้งถงจั๋วซือคงอี้ เชวียนหยวนจิ้น และคนอื่นๆ ต่างก็ใช้พลังของตัวเองเข้าโจมตีวิหคสีเพลิงที่บินอยู่บนท้องฟ้าจนทั้งยอดเขาสั่นะเืด้วยแรงพลังราวกับท้องฟ้าจะถล่มลงมา
“ระวัง มันจะปล่อยขนปีกเพลิงลงมาแล้ว!”
ถงจั๋วะโบอกทุกคนเสียงดัง
และก็เป็ไปตามคาดเมื่อวิหคสีเพลิงพวกนั้นกางปีกและกระพือปีกก่อนที่ขนแต่ละเส้นของมันจะถูกสะบัดลงมาในระยะที่ห่างจากพวกเราเพียงสามสิบเมตรเส้นขนสีแดงเพลิงของมันถูกสะบัดลงมาพร้อมกับพลังไสยศาสตร์ในตัวทำให้บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยสีแดงเพลิงอย่างน่าหวาดกลัว!
...
“พระเ้าช่วย...แม**งเอ๊ย!”จวงเหิงซิ่งร้องออกมาด้วยความประหลาดใจเพราะถูกพลังไสยศาสตร์ของวิหคสีเพลิงกดดันจนเหงื่อท่วมตัวส่วนหวินยู่เก็ไม่ต่างกันเพราะเขาทั้งสองคนเป็ผู้ฝึกฝนิญญาในขั้น์ที่ต้องมาเจอกับสัตว์ิญญาที่มีพละกำลังเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ในขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์ย่อมต้องรู้สึกหวาดกลัวเป็ธรรมดา นี่ดีแค่ไหนแล้วที่พวกนั้นไม่กลัวจนฉี่ราด...
ข้ากวัดแกว่งกระบี่คมจันทราในมือด้วยพลังของมหาัั์เพื่อทำให้ร่างกายดูหนักแน่นและแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อกรกับขนปีกสีเพลิงที่พุ่งลงจากท้องฟ้าข้าใช้เวลาเพียงสามวินาทีก็สามารถปล่อยพลังลมของกระบี่เพื่อสกัดขนปีกสีเพลิงอันรุนแรงให้กระเด็นออกไปไกลได้ถึงสิบครั้งก่อนที่พลังลมของกระบี่จะรวมตัวเข้าด้วยกันและกลายเป็รูปทรงของกระบี่ที่มีขนาดกว้างกว่าห้าเมตรเพื่อเป็โล่กำบังที่สมบูรณ์แบบ
จวงเหิงซิ่งเคยดูถูกพลังลมจากกระบี่ของข้าแต่มาวันนี้กลับต้องหลบอยู่ภายใต้การป้องกันจากพลังลมของกระบี่คนที่เคยดูถูกเขายืนอ้าปากค้างก่อนจะหันไปยิ้มเจื่อนๆให้กับหวินยู่แทนการยิ้มแบบเหยียดหยามที่เคยทำกับข้าเพราะพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ต่อให้สองคนนั้นฝึกฝนอีกสามหรือห้าปีก็คงจะฝึกได้ไม่ดีเท่าข้าด้วยซ้ำ
ซูเหยียนและถงจั๋วที่คอยป้องกันอยู่อีกฝั่งจนพลังของกระบี่และขวานรบส่องประกายไปทั่วฟ้า
เชวียนหยวนจิ้นที่อยู่ไม่ไกลกำลังพยายามประคับประคองการป้องกันอย่างยากลำบากส่วนไอลาก็ถึงกับถูกขนปีกของวิหคสีเพลิงปักลงมาที่ขาจนเืไหลไม่หยุดแต่ก็ต้องพยายามกัดฟันสู้ต่อสำหรับซือคงอี้ที่เป็ถึงจอมยุทธ์ในขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์แล้วก็ยังพอป้องกันได้แบบสบายๆเพราะวิชาลมหายใจัของสำนักหมื่นิญญานั้นแข็งแกร่งและมีพลังที่เข้มข้นดังนั้นเมื่อต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่ในขั้นเดียวกันแบบนี้จึงถือว่ามีพลังมากกว่าอยู่ดี
อีกฝั่งเป็คนของสำนักยาตรา์ที่แม้จะมีการป้องกันที่ไม่เท่ากับพลังของข้าแต่พอได้หยู่เหวินชิงหยู่เหวินฉี มู้หยิงหยิงและฟางซิ่งจือใช้พลังของผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์มารวมกันแล้วก็ยังถือว่าป้องกันได้ไม่เลว
ส่วนทางฝั่งคนของสำนักวรยุทธ์นักปราชญ์ก็ดูจะสบายที่สุดเพราะแค่ใช้พลังของฟางชิงยวนและมู้เซวี่ยนก็สามารถป้องกันการโจมตีของวิหคสีเพลิงได้อย่างสบายๆแล้ว แถมซากศพของวิหคสีเพลิงที่ตกลงมาตายอยู่ตรงหน้าของฟางชิงยวนก็เยอะจนน่าใถ้าให้เดาละก็เขาคงคิดจะใช้คะแนนเพื่อสังหารวิหคสีเพลิงมาสะสมให้เยอะมากพอที่จะเป็ที่หนึ่งในการประลองครั้งนี้แน่นอน
...
หลังจากวิหคสีเพลิงตกลงมาตายและาเ็จำนวนมากจึงทำให้ความกดดันของพวกเราลดลงไปมากแม้จะเห็นวิหคสีเพลิงบนท้องฟ้าเหลือเพียงสิบกว่าตัวพวกเราก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ทว่าสายตาของข้ากลับมองไปยังใจกลางของวิหคสีเพลิงพวกนั้นที่เริ่มก่อตัวกันจนเกิดพลังอันรุนแรงและน่าเกรงขามราวกับพร้อมจะะเิออกทุกๆ เมื่อ และตอนนี้เองข้าก็ะโขึ้น “เสี่ยวเหยียนเชวียหราน อย่าเพิ่งชะล่าใจ ข้างในนั้นมันมีอะไรก็ไม่รู้!”
ขณะนั้นฟางชิงยวนที่อยู่ไม่ไกลก็หันมามองข้าด้วยสายตาประหลาดใจ
ถงจั๋วที่กำลังถือขวานลาวาเพลิงอยู่ก็ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย“อะไรเหรอ?”
“ข้างในนั้นมีพลังไสยศาสตร์สีแดงเพลิงที่กำลังรอวันปะทุอยู่ มันจะต้องมีอีกแน่ๆ”ข้าบอกไปอย่างหนักแน่นและจริงจัง
และก็เป็ไปตามคาดเพราะข้าพูดลิ้นยังไม่ทันเข้าปากวิหคสีเพลิงสิบกว่าตัวก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนาก่อนจะแตกออกไปคนละทิศละทางและเผยให้เห็นแสงสีแดงประกายทองลอยอยู่บนเวหาอันสูงส่ง สายตาที่บ่งบอกถึงความเ็าและเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นมองลงมายังพวกข้าที่อยู่ด้านล่างก่อนที่สัตว์ขนาดใหญ่ตัวนั้นจะกางปีกออกกว้างทำให้รู้ว่าเมื่อปีกของมันสยายออกจะกว้างถึงสิบเมตรซึ่งร่างของมันเปล่งแสงประกายสีแดงทองออกมาถึงแม้รูปร่างของมันจะเหมือนกับวิหคสีเพลิงแต่กลับมีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่าตัว!
และตอนนี้เองฟางชิงยวนก็ะโขึ้น“ระวัง! มันคือาาวิหคสีเพลิงขั้นจักรพรรดิและพลังของมันยังเทียบเท่ากับสัตว์ิญญาระดับแปดอีกต่างหาก!”
สัตว์ิญญาระดับแปด?
พวกเราต่างก็ยืนอึ้งเมื่อได้ยินเพราะสัตว์ิญญาระดับแปดที่ว่ามีพลังเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ในขั้นผู้พิทักษ์ระดับดาวเลยทีเดียวแต่ดูพวกข้าสิ...พวกข้าแต่ละคนยังไม่มีขั้นการบำเพ็ญไม่ถึงผู้พิทักษ์ระดับพิภพเลยด้วยซ้ำและระดับดาวก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยก็ว่าได้!
อ๊าก!อ๊าก!
แววตาของาาวิหคสีเพลิงที่บินอยู่บนท้องฟ้าราวกับพลังอันร้อนระอุของลาวาที่แข็งแกร่งและดุดันจนไม่กล้าสบตาไม่นานมันก็กางปีกกว้างและกระพือเสียงดังก่อนจะปล่อยเส้นขนที่เหมือนกับหอกอาบไฟลงมาจากท้องฟ้าจนบรรยากาศทั่วทุกอณูที่มันพุ่งผ่านแตกเป็เสียงดังเปรี๊ยะๆและพุ่งเข้ามาหาพวกข้าอย่างรวดเร็ว
การโจมตีของมันในครั้งนี้จะต้องรับมือได้ยากมากเป็แน่!
พวกเราต่างก็นึกไม่ถึงว่าพวกวิหคสีเพลิงจะมีจ่าฝูงที่แข็งแกร่งขนาดนี้และยิ่งคิดไม่ถึงไปใหญ่ว่ามันจะเป็ถึงสัตว์ิญญาระดับแปดในขั้นจักรพรรดิแบบนี้!
ยอดเขาเป็หน้าผาสูงที่ไร้ซึ่งโอกาสหนีรอดนึกไม่ถึงว่าจุดที่พวกเราคิดว่าจะเป็ต่อในการต่อสู้จะกลายเป็สุสานของพวกเราในที่สุด
“อย่าขยับ!”
ข้าหันไปมองจวงเหิงซิ่งและหวินยู่ที่ยืนอยู่ข้างหลังก่อนจะพูดขึ้นอีก“ถ้าไม่อยากตายก็ยืนดีๆ!”
ว่าแล้วข้าก็ใช้พลังขั้นสูงสุดของวิชาลมหายใจัขั้นที่เก้าอย่างพลังของมหาัั์ทำให้ัั์พุ่งออกมาจากปลายกระบี่ ข้าขยับกระบี่คมจันทราในมือเบาๆแล้วรวบรวมพลังที่แข็งแกร่งของมันเข้าด้วยกันจนกลายเป็การผสานสี่พลังรวมเป็หนึ่งที่เปล่งแสงสีเงินไปทั่วบริเวณซึ่งพลังที่เหมือนกับความร้อนใต้พิภพกำลังรอวันปะทุอยู่นั้น ทำให้ฟางชิงยวนมู้เซวี่ยน หยู่เหวินชิงและคนอื่นๆ ต่างหันมามองด้วยแววตาที่แปลกใจในความแข็งแกร่งของมัน
ตูม!
ทันทีที่ปลายกระบี่ของข้าฟันไปยังพลังของาาวิหคสีเพลิงที่สลัดขนออกมาจึงทำให้ข้อมือของข้าชาไปไม่น้อยเหมือนกัน พลังของมันช่างแข็งแกร่งยิ่งนักไม่เสียแรงจริงๆ ที่เป็ถึงสัตว์ิญญาระดับแปดในขั้นจักรพรรดิ!
ขณะที่ข้าสกัดพลังของาาวิหคสีเพลิงครั้งที่สองและครั้งที่สามจนไหล่เริ่มชาไร้ซึ่งความรู้สึกทั้งซูเหยียน ถังเชวียหรานและถงจั๋วต่างก็ละทิ้งการป้องกันแล้วมายืนหลบอยู่ข้างหลังข้าเพราะปลอดภัยกว่า
พักหนึ่งซูเหยียนก็ดึงแขนของถังเชวียหรานเอาไว้เหมือนไม่อยากจะแสดงพลังที่แท้จริงของตัวเองออกมา
บริเวณรอบๆมีผู้เข้าร่วมการประลองที่ถูกพลังของาาวิหคสีเพลิงพุ่งเข้าใส่อย่างเลี่ยงไม่ได้ต่างก็ร้องออกมาด้วยความเ็ปและน่าเวทนาเพราะทั้งร่างถูกแผดเผาจนไหม้เกรียมและตายในที่สุดดูเหมือนว่าที่ท่านาุโเคยบอกไว้ว่าในทุกๆ ปีของการประลองที่สนามเซินยวนแห่งนี้จะมีคนที่ต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ข้างในที่แท้ก็เป็แบบนี้เองสินะ...
หยู่เหวินชิงและหยู่เหวินฉีรวมถึงคนอื่นๆที่รับมือกับการโจมตีครั้งนี้ไม่ไหวต่างก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนาชั่วพริบตาเดียวหยู่เหวินฉีก็ร้องออกมาเสียงดังเพราะถูกพลังปีกของาาวิหคสีเพลิงพุ่งเข้าใส่ที่ขาและะเิออกจนทั้งร่างเต็มไปด้วยเื ซึ่งนอกจากเกราะรบิญญาของเขาจะสลายไปแล้วแรงะเิยังทำให้หน้าอกของเขาเป็แผลกว้างจนเห็นหัวใจที่อยู่ด้านในได้เลย
“ท่าน ท่านพี่! อ๊ากกก...”
หยู่เหวินฉีร้องเสียงดังด้วยความทรมานและตอนนี้หยู่เหวินชิงก็พุ่งเข้าไปสกัดการโจมตีครั้งต่อไปของาาวิหคสีเพลิงเพื่อเป็เกราะป้องกันให้น้องชายของตัวเองก่อนจะพูดขึ้น“เ้าจะมาตายที่นี่ไม่ได้ รีบเป่าขลุ่ยกระดูกแล้วกลับออกไปรับการรักษาเดี๋ยวนี้!”
“อืม...”
หยู่เหวินฉีตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเทาจากความเ็ปก่อนจะเป่าขลุ่ยกระดูกและหายวับไป
นอกจากเขาแล้วยังมีผู้เข้าร่วมการประลองคนอื่นๆที่รีบหยิบขลุ่ยกระดูกออกมาเป่าแล้วหายออกไปนอกสนามเพียงชั่วพริบตาก็เหลือผู้เข้าร่วมการประลองไม่ถึงหนึ่งในสามส่วนของจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบคนที่เข้ามาด้วยซ้ำ
นี่แค่สนามชั้นที่สามเองนะ...
...
อ๊าก!อ๊าก!
าาวิหคสีเพลิงตัวนั้นส่งเสียงร้องออกมาเสียงดังก่อนจะดิ่งลงมาพร้อมกับกรงเล็บที่เหมือนกับตะขอเกี่ยวและมันก็เลือกจะพุ่งเข้าหาคนที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดอย่างฟางชิงยวนนั่นเอง!
และตอนนี้ฟางชิงยวนก็สลายฤทธิ์ยาสะกดพลังทำให้เขาปล่อยพลังระดับเซียนของผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์ออกมาอย่างรุนแรงพลังของเขามีมากจนแทบจะบรรลุเข้าสู่ระดับต้นของขั้นผู้พิทักษ์ระดับพิภพเลยทีเดียวและถ้าขั้นการบำเพ็ญของเขาเข้าสู่ขั้นผู้พิทักษ์ระดับพิภพเมื่อไรเ้าจะสามารถดูดพลังิญญาจากผืนดินขึ้นมาใช้ได้ และถ้าถึงตอนนั้นพลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งเท่าตัวด้วยซ้ำ!
แต่เนื่องจากเขาแข็งแกร่งเกินไปจึงทำให้ถูกาาวิหคสีเพลิงเข้าโจมตี
เขาใช้มือทั้งสองข้างจับกระบี่เอาไว้แน่นก่อนจะตวาดขึ้นเสียงดัง“เ้าสัตว์หน้าขนตัวนี้ช่างรนหาที่ตายจริงๆไปหาคนอื่นก็ไม่ไปแต่กลับพุ่งเข้ามาทำร้ายข้า ทำแบบนี้มันรนหาที่ตายชัดๆ!”
พลังของเพลงกระบี่โลกชิตของเขาปะทุขึ้นมาแล้วะเิออกรัวๆก่อนจะพุ่งเข้าหาาาวิหคสีเพลิงตัวนั้นแต่แม้ว่าพลังของเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ยังสู้ขนปีกที่แข็งแกร่งของาาวิหคสีเพลิงตัวนี้ไม่ได้อยู่ดีเพราะแบบนี้เ้าาาวิหคสีเพลิงตัวนั้นจึงใช้กรงเล็บตะปบเข้าที่หน้าอกของฟางชิงยวนจนเขาต้องทำในสิ่งที่ผู้คนต่างคาดไม่ถึงว่าคนเก่งอย่างเขาจะทำนั่นก็คือการหมุนตัวหลบการโจมตีนั่นเอง!
เขาหมุนตัวหลบการโจมตีแบบไม่นึกถึงภาพลักษณ์ของตัวเองก่อนจะตวาดขึ้นเสียงดัง “มู้เซวี่ยน หยู่เหวินชิง พวกเ้ามัวรออะไรอยู่มาช่วยข้ากำจัดเ้าสวะตัวนี้สิ!”
...
าาวิหคสีเพลิงตัวนั้นบินกลับขึ้นไปบนฟ้าแล้วดิ่งลงมาอีกครั้งด้วยพลังของสัตว์ิญญาระดับจักรพรรดิที่รุงแรงและร้ายกาจจนูเาลูกนี้สั่นะเืราวกับพร้อมจะะเิออกตลอดเวลา
“พวกเราลุยกันเถอะ!” ข้าบอก
ซูเหยียนพยักหน้ารับเพราะาาวิหคสีเพลิงตัวนี้มีเพียงไม่กี่คนจะจัดการได้แต่จะต้องร่วมมือกันถึงจะสำเร็จ
แต่ขณะที่ข้าจะใช้พลังของวิชาลมหายใจัขั้นที่สิบอยู่นั้นหยู่เหวินชิงก็หันมามองข้าด้วยแววตาที่ไม่เป็มิตรก่อนจะพูดขึ้น “อะไรกันนี่พวกเ้าเห็นว่าาาวิหคสีเพลิงตัวนี้ถูกพวกข้าโจมตีจนาเ็ แล้วคิดจะเข้ามาเอาส่วนแบ่งอย่างนั้นเหรอ? เ้าไสหัวไปเลยนะปู้อี้ชวียนพวกข้าไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากสวะอย่างเ้าสักหน่อย!”
ซูเหยียนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยความเดือดดาล “หยู่เหวินชิงเ้าคิดว่าตัวเองเป็ใครในเมืองหลินเสี่ยเฉิงแห่งนี้ ถึงได้กล้ามาพูดกับคนของสำนักหมื่นิญญาอย่างพวกข้าแบบนี้ได้มาเจอฟางชิงยวนเ้ามันก็แค่สุนัขรับใช้ที่คอยแกว่งหางประจบเท่านั้นแหละ!”
“เ้า...”
หยู่เหวินชิงพูดอย่างเดือดดาลแต่ก็ไม่ได้สนใจพวกเราแต่กลับหันไปต่อสู้กับาาวิหคสีเพลิงตัวนั้นแทน
ข้าขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหันไปยิ้มให้ซูเหยียน“ช่างเถอะ ในเมื่อเขาอยากตายก็ปล่อยเขาตายให้สมใจ...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้