เล่มที่ 7 บทที่ 183 ชิ้นส่วนประตูมิติ
แน่นอนว่าก็มีบางคนที่ยังใจกล้าอยู่เหมือนกัน...
“สองล้านหินิญญา” หลินเฟยไม่เพียงกล้าแข่งราคาเท่านั้น แถมยังเสนอราคาที่สูงลิ่วอีกด้วย ทำให้ราคาหนามแหลมพุ่งทะยานสูงถึงสองล้านหินิญญาไปแล้ว...
เมื่อได้ยินราคาที่หลินเฟยเสนอ นักพรตเฮยซานก็ชะงักลงเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก
“แค่มิ่งหุนเคราะห์สองก็คิดจะซื้อสมบัติล้ำค่าเช่นนี้แล้วหรือ เกรงว่าจะรับไม่ไหวเสียก่อนน่ะสิ...”
“หึหึ...” หลินเฟยได้ยินเช่นนั้นก็แค่นหัวเราะน้อยๆ ไม่ได้หันไปมองแต่อย่างใด ทว่ากลับหันไปถามจ้าวซื่อไห่ที่อยู่บนเวทีแทน
“หอว่านเย่วมีกฎใหม่แล้วหรือนี่ ไม่ให้มิ่งหุนเคราะห์สองเข้าร่วมงั้นหรือ?”
“ฮ่าๆ ศิษย์พี่หลินล้อเล่นกันเกินไปแล้ว...” จ้าวซื่อไห่ฝืนยิ้มดูไม่เป็ธรรมชาติออกมา ช่วยไม่ได้ เพราะฝ่ายหนึ่งก็เป็สัตว์ประหลาดที่สะบั้นได้แม้แต่เคราะห์อัสนีเก้าสาย ส่วนอีกฝ่ายก็เป็ผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันอันเลื่องชื่อ ไม่ว่าคนใด ก็ไม่อาจผิดใจด้วยได้ ฉะนั้นการเป็คนกลางระหว่างคนทั้งสองเช่นนี้ จึงไม่ต่างอะไรกับถูกขนาบด้วยเปลวไฟร้อนแรงทั้งสองด้าน
แถมยัง...
‘ไม่ตอบก็ไม่ได้อีก’
เพราะทั่วทั้งทะเลอูไห่ต่างก็รู้ว่าหอว่านเย่วเป็กิจการของสำนักเชียนซาน หากไม่ตอบอะไรออกมาเลยละก็ สำนักเชียนซานคงจะต้องเสียหน้าไม่น้อย...
จ้าวซื่อไห่หันไปมองนักพรตเฮยซาน ก่อนจะขำแห้งๆออกมา
“หอว่านเย่วไม่มีกฎข้อนี้หรอก...”
“อ้อ ไม่มีหรอกหรือ...” หลินเฟยแสร้งทำหน้าเข้าอกเข้าใจ ก่อนจะยกป้ายขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็ดี ถ้าอย่างนั้นข้าให้ราคาสองล้านหินิญญา”
เมื่อสิ้นเสียงประกาศ ทั่วทั้งงานประมูลก็เงียบลงทันที...
ทันใดนั้นก็มีสายตามากมายมองตรงมาที่หลินเฟย พวกเขาต่างก็อยากรู้ว่าเ้าหนุ่มคนนี้มาจากที่ใด เหตุใดจึงอาจหาญกล้าหาเื่ผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันเช่นนี้ หรือจะเป็หนึ่งในศิษย์สายตรงของสามสำนักใหญ่?
เพราะว่าหลินเฟยไม่เคยโผล่หน้าที่ร้านหลอมอาวุธฟานซื่อมาก่อนเลย นอกจากพวกอันจื่อเจี๋ยกับจ้าวซื่อไห่เพียงไม่กี่คนแล้ว จึงไม่มีใครรู้ว่าหลินเฟยเป็เถ้าแก่ที่แท้จริงของร้านหลอมอาวุธฟานซื่อ
ทุกคนพยายามเพ่งพินิจอยู่นานแต่ก็ไม่มีใครรู้จักคนผู้นี้เลย นอกจากไม่ใช่ศิษย์สายตรงของสามสำนักใหญ่แล้ว ยังไม่มีเื้ัที่แข็งแกร่งอะไรทั้งสิ้น พริบตานั้นทุกคนถึงกับถอดถอนใจด้วยความเสียดาย เ้าหนุ่มคนนี้ช่างบ้าดีเดือดเสียจริง ถึงกับกล้าลองดีกับนักพรตเฮยซานซึ่งเป็ผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันเลยทีเดียว แน่นอนว่านักพรตเฮยซานถือเป็บุคคลแนวหน้าของทะเลอูไห่เลยก็ว่าได้ แถมยังมีจิตใจแสนคับแคบ เ้าคิดเ้าแค้น คนที่ตายด้วยมือเขานั้น ต่อให้ไม่ถึงพัน แต่ก็มีถึงแปดร้อยศพ...
‘เสียดายเ้าหนุ่มนี่จริงๆ...’
‘ทั้งที่ยังอายุไม่มากก็มีทรัพย์สมบัติมหาศาลเสียแล้ว ถึงขนาดกล้าทุ่มสองล้านหินิญญาออกมาง่ายๆเช่นนี้ วันหน้าจะต้องร่ำรวยมากเป็แน่ แล้วเื่อะไรจะต้องไปผิดใจกับนักพรตเฮยซานเพียงแค่หนามแหลมชิ้นเดียวด้วยล่ะเนี่ย?’
‘เกรงว่าเมื่อจบงานประมูล ก็คงจะเป็เวลาจบชีวิตของเ้าหนุ่มนี่เช่นกัน...’
มีสายตามากมายจดจ้องมาที่หลินเฟย มีทั้งแววตาเสียดาย มีทั้งแววตาส่อเยาะเย้ย ทว่าหลินเฟยกลับทำเป็มองไม่เห็น หลังจากเอ่ยราคาซ้ำ เขาก็นั่งลงก้มหน้าก้มตาอ่านใบรายการสินค้าที่จะประมูลอีกครั้ง โดยไม่สนใจนักพรตเฮยซานแม้แต่น้อย
จากนั้นนักพรตเฮยซานก็พยายามจะยกป้ายขึ้นมาอีกครั้ง แต่พอพิจารณาราคาที่สูงลิ่วเช่นนี้แล้ว จึงข่มใจลดมือลงมาก่อน และสุดท้ายหลังจากเหล่มองหลินเฟยด้วยหางตาแล้ว จึงปริปากเอ่ยยอมแพ้ออกมา
หลินเฟยจึงประมูลหนามแหลมของปีศาจหลัวซานได้ในราคาสองล้านหินิญญาในที่สุด
“ยินดีกับศิษย์พี่หลินด้วย...” ขณะที่จ้าวซื่อไห่ประกาศผลการประมูล สีหน้าของเขาก็แฝงไปด้วยความกังวล แม้จะเคยเห็นหลินเฟยสะบั้นเคราะห์อัสนีเก้าสายมาด้วยตาตนเอง ถึงอย่างไรนักพรตเฮยซานก็เป็ถึงผู้บำเพ็ญขั้นจิงตัน หากทำให้เขาโกรธขึ้นมาละก็ เกรงว่าชีวิตหนึ่งทั้งชีวิตก็คงจะชดใช้ไม่พอ...
แต่ในฐานะที่เขาเป็พิธีกรงานประมูล จ้าวซื่อไห่จึงไม่อาจเอ่ยคำพูดพวกนี้ออกมาได้...
สุดท้ายจึงได้แต่ส่งสายตาหาหลินเฟยอย่างเดียว หวังว่าอีกฝ่ายจะหยุดเพียงเท่านี้...
ทว่า...
หลินเฟยไม่คิดจะหยุดลงแต่เพียงเท่านี้จริงๆ หลังจากได้หนามแหนมปีศาจหมัวซานแล้ว เขาก็ยังประมูลสินค้าต่ออีกสามชิ้น ภายในเวลาสั้นๆ เพียงชั่วยามเดียว ก็กลับประมูลได้ทั้งอาวุธหยางฝูสองชิ้น เหล็กเซียนโฮ่วเทียนหนึ่งชิ้น แล้วก็ยาลูกกลอนเ้าฮั่วที่สามารถรักษาคนตายให้ฟื้นคืนชีพได้อีกชิ้น และในการประมูลทั้งสามครั้งนี้เอง ก็มีเื่กระทบกระทั่งกับนักพรตเฮยซานถึงสองครั้งเลยทีเดียว ทำให้คนอื่นที่อยู่ในงานถึงกับมีเหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นบนใบหน้ากันเป็แถว เพราะกลัวว่านักพรตเฮยซานจะไม่เคารพกฎหอว่านเย่ว พลั้งลงมือกับหลินเฟยขึ้นมาเสียก่อน...
แต่ยังดีที่หอว่านเย่วก็เป็กิจการหนึ่งของสำนักเชียนซาน ต่อให้นักพรตเฮยซานที่เป็ถึงผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันเอง ก็ไม่กล้าหาเื่ หลังจากขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่นาน ในที่สุดก็เขาก็กลั้นใจไม่พุ่งตัวออกไปจัดการหลินเฟย ทว่าบัดนี้แววตากลับแฝงด้วยไอสังหารเต็มเปี่ยม...
“และก็มาถึงของชิ้นสุดท้ายในงานประมูลวันนี้ เชื่อว่าทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไร ใช่แล้ว สิ่งนั้นก็คือชิ้นส่วนประตูมิติที่ได้มาจากส่วนลึกของทะเลอูไห่ ทว่าหอว่านเย่วมีกฎไม่ให้แพร่งพรายข้อมูลของผู้ขายออกไป แต่ครั้งนี้กลับพิเศษขึ้นมาหน่อย เพราะผู้ขายแจ้งว่าหากผู้ที่ประมูลชิ้นส่วนประตูมิติได้เกิดอยากรู้ขึ้นมา ก็สามารถบอกได้...”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเฟยก็ขมวดคิ้วทันที แต่ไม่นานก็คลายออกมา แถมยังอดที่จะยกยิ้มพอใจไม่ได้
“ที่แท้ก็เป็เช่นนี้เอง ก็ว่าอยู่ว่าทำไมมีเพียงชิ้นเดียว...”
ขณะที่หลินเฟยยกยิ้ม การประมูลก็เริ่มขึ้นแล้ว...
คนแรกที่เสนอราคาก็คือนักพรตเฮยซาน
“สองล้านหินิญญา”
ทั้งที่เพิ่งเริ่มแท้ๆ นักพรตเฮยซานก็เปิดราคาสูงถึงสองล้านหินิญญา ทันใดนั้นเหล่าผู้คนจำนวนไม่น้อยก็พากันขมวดคิ้วแน่น ดูท่านักพรตเฮยซานผู้นี้คงอยากได้ชิ้นส่วนประตูมิตินี้มากเดียว...
แต่ทุกคนย่อมรู้ความเป็มาของนักพรตเฮยซาน ได้ยินมาว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนเ้าสำนักชิงอวิ๋นก็สามารถบรรลุถึงขั้นฟ่าเซี่ยงแล้วด้วยซ้ำ เพราะเหตุใดถึงยัง้ามันอีกล่ะ หรือเพื่อจะกลับไปคุยเล่นกับเ้าสำนักเท่านั้น?
หรือบางทีอาจจะแค่เสนอราคาลอยๆ เพียงเพื่อระบายความโกรธ?
จึงผู้กล้าคิดแข่งราคาดู
“สองล้านสองแสนหินิญญา”
ผลก็คือ...
ยังไม่ทันพูดจบ นักพรตเฮยซานก็ชูป้ายขึ้นอีกครั้ง
“สองล้านห้าแสน”
ขณะที่พูด นักพรตเฮยซานก็กวาดสายตาเ็าออกมา...
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะใจกล้าเช่นเดียวกับหลินเฟย...
ผู้บำเพ็ญที่เสนอราคาก่อนหน้านี้รีบหุบปากลงไปทันที
บรรยากาศในงานประมูลเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่นิดเดียว...
บัดนี้สายตาจำนวนมากกำลังลอบมองไปทางหลินเฟย แต่ละคนต่างก็เอาแต่คิดว่าเ้าหนุ่มนี่จะยังคงแข่งราคาอีกหรือไม่...
“สามล้านหินิญญา”
สุดท้ายก็เป็อย่างที่คิด หลินเฟยไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังจริงๆ ป้ายในมือของนักพรตเฮยซานยังไม่ทันลดลงมาด้วยซ้ำ หลินเฟยก็เสนอราคาออกมาอีกครั้ง...
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------