“มาครับนายหัวน้อยผมช่วย” พี่พลยังคงทำหน้าที่ได้ดีอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง เริ่มั้แ่ตระเตรียมเรือไว้ให้พวกเราั้แ่เช้า ประสานงานกับพี่พิมหัวหน้าผู้จัดการห้องอาหารเพื่อให้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้เราสองคน โดยเมนูอาหารก็เป็ข้าวต้มดังเช่นโรงแรมทั่วไป แต่ว่ารสชาติมันกลับอร่อยจนม่านหยี่ต้องขอเติมอีกชาม ม่านแอบคิดในใจว่าถ้าหากจะขอตักใส่ถุงแล้วเอาไปกินที่บ้านของรามด้วยได้ไหม แต่ดูเหมือนว่ารามสูรอ่านใจของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ร่างสูงนั่งหัวเราะท้องคัดท้องแข็งเมื่อเห็นแววตาม่านหยี่ทอประกายในขณะที่ข้าวต้มกุ้งควันหอมฉุยกำลังถูกเสิร์ฟ จากนั้นรามก็คุยกับม่านว่าบนเกาะยังมีเมนูอาหารอร่อย ๆ อีกหลายอย่างที่รอให้ม่านไปชิมอยู่ แต่ถ้าหากม่านติดใจข้าวต้มกุ้งหม้อนี้นักละก็ เขาสามารถขอยืมตัวพ่อครัวจากโรงแรมไปได้หนึ่งวันเพื่อที่จะไปทำข้าวต้มกุ้งให้ม่านได้ทาน อย่างนั้นร่างบางเลยโบกมือปฏิเสธเป็พัลวัน
“ขอบคุณครับพี่พล”
“ได้เสมอครับเพื่อนนายน้อย”
ั้แ่เมื่อวานจนถึงตอนนี้พี่พลยังคงเรียกม่านหยี่ว่าเพื่อนนายทุกครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะชื่อเขาเรียกยากหรือนี่เป็ความ้าไม่เรียกชื่อใครนอกจากเ้านาย ดูท่าแล้วน่าจะเป็อย่างหลังเสียมากกว่า เพราะขนาดชื่อราม พี่พลยังเปลี่ยนไปเรียกเป็นายน้อยหรือไม่ก็นายหัวน้อยเลย
“ระวังนะ พื้นมันลื่น”
“ขอบคุณนะ” ม่านคว้ามือแกร่งของคนรักมาจับเอาไว้ หรือความรู้สึกไม่สนิทใจกับพี่พลคงเป็เพราะความสัมพันธ์ฉันคนรักที่เขาและรามสูรมีต่อกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้โลกเราจะพัฒนาไปไกลแล้ว แต่ความเป็ไปที่มันเทียวเปลี่ยนแปลงอยู่เนือง ๆ นี้ทำให้มีหลายต่อหลายคนที่ตามไม่ทัน หนึ่งในนั้นก็คือพี่พลเอง ชายวัยกลางคนที่เอาแต่ทำงานจนไม่อาจก้าวทันและยอมรับในการเปลี่ยนแปลงนี้ได้
“พี่พลรู้มั้ยว่าเราเป็อะไรกัน” ม่านหยี่ตัดสินใจถามรามสูรออกไป ในฐานะคนสนิทชิดเชื้อและทำงานด้วยกันมาอย่างยาวนาน รามน่าจะรู้ดีกว่าเขา
“ไม่รู้สิ รามว่าก็น่าจะรู้นะ”
“แล้วรามว่าพี่เขาจะรับได้มั้ย”
“ใครสน”
“เราไง ม่านนี่ไงที่สน”
“อย่าพึ่งคิดมากเลย”
“พูดแบบนี้ทีไรมีเื่ตามมาตลอดอะ” ม่านหยี่ส่ายหน้า รามสูรมักเป็แบบนี้อยู่เสมอ รามมักไม่อยากให้ใครกังวลเกี่ยวกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง แต่เป็ตัวรามเองที่เก็บเอาเื่ราวเ่าั้ไปวนคิดอยู่ในหัวร้อยรอบพันรอบ ถึงแม้บุคลิกภายนอกจะเป็คนที่ดูใจดี เข้ากับคนอื่นได้อย่างง่ายดาย แต่ภายในหัวใจของรามสูรนั้นช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทางเดินในนั้นมันเหมือนเขาวงกต ม่านไม่ได้คิดว่าตนเองรู้จักรามมากกว่าคนอื่นเลย เขาอาจจะเข้าถึงประตูบานที่สามในหัวใจของราม แต่มันยังคงมีประตูบานที่สี่ ห้า หก หรือเส้นทางลับอื่น ๆ ที่ซ่อนอยู่ ที่รามแสดงให้เขาและคนรอบตัวเห็นคือด้านที่ดี เป็รามสูรที่ใจดี อบอุ่น และเก่งกาจไปเสียทุกเื่ แต่ด้านอื่น ๆ ที่ม่านยังไม่เห็นก็มีอีกเหมือนกัน ก็ได้แต่ภาวนาอย่าให้รามแสดงด้านที่ไม่ดีออกมาให้เขาเห็นเลย
“เอาน่า อย่าพึ่งเครียดเลย ยังมีอะไรสนุก ๆ บนเกาะให้ทำอีกเยอะ”
“เธอพูดแบบนี้ยิ่งไม่น่าไว้ใจไปกันใหญ่เลยรามสูร” มีเพียงเสียงหัวเราะสะใจจากคนรักเป็คำตอบที่ได้รับกลับมา
เรือสปีดโบ๊ท 3 เครื่องยนต์ จำนวน 45 ที่นั่ง แต่บัดนี้มีผู้โดยสารเพียงแค่ไม่ถึงสิบชีวิตที่กำลังโดยสารเรือออกไปกลางทะเล ในเรือดูโหรงเหรงอย่างน่าประหลาดใจ หากไม่ติดว่านี่คือการโดยสารกลับบ้านของลูกชายคนเล็กของเ้าของเกาะแล้วนั้น พนักงานคงโดนด่าเช็ดด้วยเพราะเอาเรือออกจากฝั่งโดยที่ผู้โดยสารไม่เต็มลำ
สภาพอากาศวันนี้ท้องฟ้าสดใส ดูแตกต่างจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง ปุยเมฆสีขาวลอยเอื่อยขนานไปกับผืนน้ำสีน้ำเงินเข้ม เสียงเครื่องยนต์ของเรือดังกลบทุกสิ่งอย่าง ลุงพลเป็หนึ่งในพนักงานดีเด่นที่ทางบริษัทของรามสูรควรรักษาไว้ ม่านหยี่คิดว่าอย่างนั้น เพราะพี่พลแกทำได้ทุกอย่างั้แ่ขับรถ ขับเรือ ไปจนถึงจัดแจงตารางเวลาชีวิตให้เ้านาย นี่ถ้าพี่พลไปเรียนหัดขับเครื่องบินแกก็คงจะขับได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“ระวังน้ำกระเด็น” รามยื่นหน้าเข้ามาใกล้ม่านหยี่จนกระทั่งปลายจมูกเชิดนั้นชนกับแก้มนิ่มของเขา พวงแก้มใสขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยเพราะรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่รามสูรกำลังทำคือการกลั่นแกล้งกัน ไม่เพียงเท่านั้นยังทำมันต่อหน้าพนักงานที่นั่งตรงข้ามเราอีกด้วย
“อย่ามาแต๊ะอั๋งเราเลยนะ” ม่านตีแขนแกร่งของคนรักเอาไว้เมื่อรามทำท่าจะโอบไหล่เขา อย่างนั้นก็เถอะเด็กชายรามสูรยังคงทำตัวเป็เด็กเอาแต่ใจและไม่ฟังใครแม้กระทั่งม่านหยี่ผู้ซึ่งเป็คนรัก เขาวาดลำแขนแกร่งสีน้ำผึ้งออกไปพาดไว้บนพนักพิงเก้าอี้ ปลายนิ้วก็สะกิดไหล่ของม่านย้ำอยู่อย่างนั้นสักพักเพื่อที่ว่า...
“อะไรราม”
“ขยับเข้ามาใกล้ ๆ”
“ไม่เอา”
“เดี๋ยวน้ำกระเด็นใส่”
“เธออย่ามา” มือเรียวผลักใบหน้าคมเข้มนั้นออกไปให้ห่างตัว มือรามไม่อยู่นิ่ง เขาไม่ว่าอะไร รามสูรยังพยายามยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับไม่รู้ว่าระยะห่างเท่าไหร่ควรจะพอ หรือรามรู้แต่ไม่สนใจกันนะ
“โอ้ยยย!!!”
เรือเร็วแล่นปะทะคลื่นลมสูงจนทำให้แรงปะทะนั้นส่งให้ผู้โดยสารตัวลอยขึ้นจากที่นั่ง ด้วยความที่ม่านหยี่ตัวเบาหวิวอยู่แล้วก็เลยลอยสูงยิ่งกว่าคนอื่นและเช่นเดียวกันนั้นก็ตกปะทะที่นั่งแรงกว่าคนอื่นเช่นกัน
“ฮ่าๆๆๆ นั่นไงบอกแล้วให้ขยับเข้ามาใกล้เรา”
“นี่ถ้าไม่นั่งใกล้แบบนี้ม่านกระเด็นไปโน่นแล้ว” รามว่าทั้ง ๆ ที่ยังหัวเราะ
“เหรอรามสูร”
“หรือไม่จริง นี่เห็นมั้ย เราจับเอวม่านไว้ม่านเลยไม่กระเด็นไง” มือหนาบีบเคล้นที่บั้นเอวบางเบา ๆ ให้เ้าของมันรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังโดนกินเต้าหู้อยู่เต็ม ๆ
“ปล่อยเลย” ม่านพยายามขืนตัวออกเมื่อพบว่าไม่ได้มีแค่เขาและรามในตอนนี้ สถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนใจขึ้นอีกเมื่อมีพนักงานอีกหลายคนนั่งจ้องมองมาที่เรา
วิวทิวทัศน์เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทว่าคนที่พึ่งเคยมาใหม่อย่างม่านหยี่นั้นดูไม่ค่อยจะแปลกใจสักเท่าไหร่ รามสูรอาจไม่ทันสังเกตเห็นว่าม่านหยี่กำลังนับเกาะแก่งที่กระจัดกระจายตัวกันอยู่กลางทะเล เพราะแท้จริงแล้วม่านเคยโดยสารเรือเพื่อที่จะไปยังเกาะส่วนตัวของบิดาอยู่บ่อยครั้ง และช่างบังเอิญว่าเส้นทางที่ไปยังเกาะของพ่อนั้นมันเป็เส้นทางเดียวกับที่ไปยังเกาะของรามสูรเช่นเดียวกัน
“เลยไปจะมีสะพานทราย” ม่านหยี่พูดกับตนเองเบา ๆ
“ม่านว่าอะไรนะ”
“เลยไปจะมี...เปล่าไม่มีอะไร เราแค่นับเกาะน่ะ”
“เหรอ ได้เท่าไหร่แล้ว”
“ลืมเพราะเธอน่ะแหละ”
เกือบ...ไปแล้ว ม่านเกือบพูดถึงสะพานทรายที่เชื่อมระหว่างเกาะขนาดเล็ก 2 แห่งเอาไว้ด้วยกัน ยามที่น้ำลงเราจะเห็นทางเดินเล็ก ๆ ที่ปูด้วยทรายทอดยาวเชื่อมเกาะแก่งเอาไว้ด้วยกัน และเรือโดยสารไม่สามารถจะแล่นผ่านมันไปได้ ต้องขับเรืออ้อมหลบออกไปยังบริเวณที่มีน้ำลึกพอที่เรือจะแล่นได้
“ม่านไม่เคยมาใต้เลยนี่ใช่มั้ย”
“อือ ไม่เคย”
โกหก...ม่านหยี่โกหกอีกแล้ว เขาโกหกคนรักคำโต จริงอยู่ที่ม่านหยี่ถูกจับแยกออกจากแม่ั้แ่เด็กเพื่อที่จะเข้าไปเรียนที่กรุงเทพ หากแต่เขาจะต้องถูกเรียกตัวกลับโดยผู้เป็พ่อปีละครั้งใน่ปิดเทอม เพื่อที่จะกลับมาดูแลแม่และไม่ไปเถลไถลไกลหูไกลตาอย่างที่พ่อชอบบอก เพราะพ่อน่ะจะไม่ลงทุน ลงเงิน หรือลงแรงกับอะไรที่ไม่ได้ผลตอบแทนกลับมา ยกตัวอย่างเช่นชีวิตของเแม่ขา พ่อจะไม่ยอมเสียเงินจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล หากม่านหยี่มีเวลาว่างพอก็ต้องกลับมาดูแลแม่เอง แต่เมื่อกลับมาถึงเกาะนรกแล้วนั้นก็เท่ากับว่าเขาต้องแลกอิสรภาพของตนเองต่อจากนี้อีกหลายเดือนเพื่อที่จะอยู่กับแม่
ม่านหยี่ไม่มีสิทธิ์ออกไปไกลจากเกาะแม้เพียงก้าวเดียว หากเขาคิดจะหนีคนของพ่อก็จะรู้ได้ในทันที เรือยนต์หลายแรงม้าถูกล็อกกุญแจและเก็บไว้ในโรงเก็บเรือ เขาไม่มีสิทธิ์นำมันออกมาใช้ สิทธิของลูกชายเ้าของเกาะน้อยนิดเท่ากับเม็ดทรายเพียงหนึ่งหยิบมือเท่านั้น เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งรับรู้ข่าวสารจากโลกภายนอกว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่มีสิทธิ์รู้กระทั่งว่า ‘ชัยพิพัฒน์กรุ๊ป’ คือหนึ่งในครอบครัวมหาเศรษฐีของจังหวัดภูเก็ต มีลูกชายคนเล็กชื่อรามสูร ถ้าหากเขารู้สักนิดว่ารามสูรคนนี้คือลูกชายของศัตรูที่บิดาเกลียดชัง ถ้าหากเขารู้เพียงนิดว่าชัยพิพัฒน์กรุ๊ปคือสิ่งที่บิดาหวังอยากทำลายให้สิ้นซาก อย่างนั้นเขาน่าจะระวังตัวมากขึ้นกว่านี้ เขาอาจไม่เอ่ยปากเื่ความสัมพันธ์นี้กับใครแม้กระทั่งมารดาคนที่ไว้ใจที่สุด เขาอาจขอให้รามเก็บเื่ของเราไว้เป็ความลับหรืออย่างน้อย ๆ ก็ไม่ทำให้มันโจ่งแจ้งพอที่คนอยู่ไกลแต่มีหูตามากมายดั่งสับปะรดจะรู้เื่นี้เข้า
หรือที่แย่ที่สุดของบทเรียนในครั้งนี้
ม่านหยี่จะพาตัวเองหนีห่างให้ไกลจากรามสูรที่สุด
ให้เราไม่ต้องรู้จักกัน ไม่ต้องเริ่มผูกพัน ไม่ต้องมีความสัมพันธ์ฉันคนรัก
เพราะตอนนี้เขารู้แน่ชัดแล้วว่า ปลายทางเื่ของเรามันคงไม่ได้สวยงามอย่างที่เคยคิดไว้...
ราวกับว่ามีเมฆดำทะมึนตั้งเค้าอยู่เบื้องหน้ารอให้พวกเขาเดินเข้าไปหามัน เสียงทอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังจนเรียกความสนใจจากรามสูรได้
“เป็อะไรรึเปล่า” คราวนี้ััได้ถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านจากมือแกร่งมายังมือบางของเขาได้อย่างชัดเจน หัวใจดวงน้อยเต้นส่ำเมื่อได้มองหน้าและได้ยินเสียงทุ้มของรามสูรคนรัก ม่านหยี่คิดว่าจะตักตวงเอาวันเวลาที่เราได้มีร่วมกันให้มากที่สุดก่อนที่เขาจะโดนรามสูรเกลียดชังไปตลอดกาล
“ไม่เป็ไร แค่...อยากอยู่ใกล้ ๆ” ไม่ว่าเปล่าร่างบางยังขยับบดเบียดตนเองเข้าไปหาแผงอกแกร่งเองเลยเสียด้วย!
“หื้มมม” แต่รามสูรก็คือรามสูรอยู่วันยังค่ำ เื่กินเต้าหู้คนรักขอให้บอก เขาไม่ท้วงและไม่เถียงอะไรหรอกหากม่านหยี่จะเป็ฝ่ายเริ่มก่อนสักวัน ออกจะชอบใจเสียด้วยซ้ำ
“อ่าาาา ถึงแล้วครับนายน้อย ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ”
“ครับพี่พล” รามรับหน้าที่เป็ลูกคู่ที่ดีเล่นรับส่งมุกให้พี่พลโดยการยกนิ้วโป้งยอดเยี่ยมเป็การชื่นชมที่พาผู้โดยสารทุกคนมาถึงเกาะโดยสวัสดิภาพ
“อ้าวนายหัว สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้านายหัวราม”
“นายน้อยมาถึงั้แ่เมื่อไหร่ครับ”
บรรยากาศของผู้คนบนเกาะนี้ไม่ต่างอะไรจากบนฝั่งที่จากมาเลย จะแปลกตาขึ้นหน่อยก็ด้วยการแต่งตัวของคนที่นี่ เพราะผู้ชายหลากหลาย่อายุวัยจะสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ สำหรับทำงาน ในมือถืออวนหรือไม่ก็อุปกรณ์สำหรับทำประมงเอาไว้ เรือตกปลาลำใหญ่ที่จอดถัดจากเขาไปหลายเมตรมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ที่บริเวณเครื่องยนต์ของมัน คาดได้ว่าเรือเก่าลำนั้นคงแก่เกินไปที่จะออกทะเลไปหาปลาแล้ว ส่วนบนฝั่งมีผู้หญิงหลายคน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ม่านสังเกตเห็นพวกเธอจะสวมผ้าถุงหลากสี บางคนก็นุ่งชุดคลุมและโพกฮิญาบไว้บนหัว
“ไปกันเถอะ อีกไกลกว่าจะถึง”
เป็อีกครั้งที่ม่านคว้ามือแกร่งนั่นมาจับเอาไว้ ก่อนที่จะจ้องมองไปยังเกาะใหญ่เบื้องหน้าที่ที่เขาจะต้องใช้ชีวิตต่อจากนี้ ไม่รู้ว่ามันจะยืนยาวสักเท่าไหร่แต่เขาก็ภาวนาขอว่าอย่าได้สั้นนัก สองเท้าะโเหยียบลงบนผืนทราย ััได้ถึงเม็ดทรายสีขาวนวลละเอียดที่เท้าสองข้างของตนกำลังจมอยู่และยังััได้ถึงน้ำทะเลที่พัดเข้ามากระทบเขาเป็ระลอก ราวกับว่าพวกมันกำลังเตือนสติเขา หากสิ่งที่คิดจะทำต่อไปนี้มันไม่ดีหรือประสงค์ร้ายต่อเ้าของเกาะผืนน้ำแห่งนี้คงพร้อมที่จะม้วนกลืนเขาลงไปยังใต้ทะเลลึกโดยไม่มีโอกาสได้กลับขึ้นมาอีก
“ฝั่งนี้เป็ฝั่งตะวันออก เราจะจอดเรือกันที่ฝั่งนี้แหละ ถ้าชาวบ้านกลับมาจากหาปลาแล้วจะเอาเรือมาจอดที่นี่ เพราะส่วนใหญ่ชาวบ้านเขาอยู่กันที่ฝั่งนี้” นายหัวรามสูรช่างดูกลมกลืนกับทุกคนได้อย่างง่ายดาย รามเดินเลียบชายหาดไปพลางโบกมือทักทายชาวบ้านไปพลาง ร่างสูงใหญ่ดูไม่ได้น่ากลัวยามที่เขาทำตัวสบาย ๆ เดินเข้าไปทักทายกลุ่มผู้ชายที่กำลังซ่อมเรืออยู่ ครู่เดียวจากนั้นรามสูรก็เดินกลับมาพร้อมกับถุงพลาสติกขนาดใหญ่ที่บรรจุกุ้งอยู่เต็มจนเกือบล้นทะลักออกมา เสื้อเชิ้ตสีครามเข้มไม่ได้ทำให้เขาดูโดดเด่นท่ามกลางผู้คนมากมายทว่ากลับทำให้รามสูรเป็รามสูรอย่างที่ควรจะเป็ เป็รามสูรที่แข็งแกร่ง ยิ่งใหญ่ และใจดี แจกจ่ายรอยยิ้มและความอบอุ่นให้กับทุกคนที่ได้พบเห็น หลายต่อหลายครั้งม่านหยี่ก็แอบหวงแหนรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั่น เขาอยากและมองมันแค่เพียงคนเดียว แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าดีแล้วไม่ใช่หรืออย่างไรที่รามสูรชอบยิ้มดีกว่าเป็คนหน้าบึ้งใจจืดไม่เอาใคร อย่างนั้นคงจะไม่น่ามอง ยิ่งรามได้อยู่ท่ามกลางคนรู้จัก ท่ามกลางพวกพ้องอันเป็ที่รัก กลับบ้านที่เป็บ้านที่แท้จริงแล้วนั้น รามสูรยิ่งดูมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นอีกเป็กองเลย
หนุ่มใต้เขาว่าเด็ด
เื่นี้ม่านหยี่เถียงไม่ได้เลย
ดูเอาเถอะ รามน่ะตาหวานอย่างกับน้ำตาล มองไปทางไหนสาว ๆ ก็หลงเสน่ห์หัวปักหัวปำกันไปหมด ผิวสีน้ำผึ้งบ่มแดดเวลามันกระทบกับแสงแดดและผืนน้ำสีครามก็ยิ่งทำให้รามน่ามองขึ้นอีกเท่าตัว ผมสีดำขลับตัดอันเดอร์คัตตามสมัยนิยมเปิดใบหน้าคมเข้มให้คนอื่นได้ยลเสียเต็มตา ร่างหนาอย่างสมมาตรฐานชายไทยและส่วนสูงที่ดูจะโดดเด่นกว่าชาวบ้านชาวช่องเขา ทั้งหมดนั่นส่งให้รามสูรดูหล่อเหลาเสียจนยากที่ม่านหยี่จะยอมรับกับตนเองเลยล่ะ
“ได้ติดมือมาอีกแล้ว” ม่านแอบดุที่คนรักมักจะได้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ ติดมือมาตลอดเลย ไม่รู้ว่าเป็ข้อดีหรือข้อเสียที่รามรู้จักคนเขาไปทั่ว
“ลุงเขาให้มา” รามสูรยิ้มแป้น
“ไม่ได้เรียกแบบที่คนใต้เขาเรียกกันเหรอ”
“ฮื่อ รามฟังออกแต่พูดไม่ได้”
“อ้อ” ม่านหยี่พยักหน้ารับ จากนั้นสองคนก็เดินไปจนถึงศาลาที่มีรถสามล้อขนาดใหญ่กว่าที่วิ่งอยู่ในกทมฯ จอดเรียงรายกันอยู่ บางคันก็กำลังจอดส่งนักท่องเที่ยวต่างชาติ บ้างก็กำลังรับนักท่องเที่ยวคนไทย ส่วนพวกเขานั้นไม่ใช่นักท่องเที่ยวและรามก็ดูเหมือนจะรู้จักและสนิทชิดเชื้อกับพี่ชายกลุ่มนี้เป็อย่างดี
“นาน ๆ กลับบ้านทีก็ดีนะ ทุกคนทำเหมือนเราเป็แขก VVIP เลย”
“ปกติชีวิตเธอก็ดีแบบนี้ไม่ใช่รึไง”
“ใครบอกม่าน รามน่ะชีวิตลำบากจะตาย ที่ม่านเห็นนี่แค่ภาพลวงตา ยิ่งพ่อเสียนะแม่ใช้งานรามหนักยิ่งกว่าตอนพ่อมีชีวิตอยู่อีก บางวันให้ออกเรือไปคนเดียว หาปลากลางทะเลนู่น ม่านก็รู้รามกลัวผีจะตาย”
“จะกลัวผีอะไร ผีทะเลคือเธอเองนะรามสูร”
“นี่เห็นมั้ยม่านยังไม่เข้าข้างรามเลย”
“บางวันต้องขับเรือทั้งวันส่งแขกรับแขกตากแดดหน้าดำ ไปช่วยเขาขนของเข้าห้อง เป็ไกด์พาเขาไปดำน้ำ บางวันก็ต้องขนผักขนเนื้อไปส่งในครัว โดนเขาด่ามาอีก ยิ่ง่ไฮซีซั่นคนไม่พอรามต้องปูเตียง ทำความสะอาดห้อง กว่าจะได้กินข้าวก็นู่นตอนเย็น ทำงานจนลืมเวลา ค่าจ้างก็ไม่ได้ ไอ้อัสมันไม่ต้องทำอะไรเลย นั่งเป็คุณชายได้ตังค์เดือนละตั้งหลายบาท” ชายหนุ่มะโแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ของรถสามล้อที่ตอนนี้กำลังพาพวกเขาปีนขึ้นเนินเขาลาดชัน ูเาหินปูนขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านโอบล้อมถนนคอนกรีตเอาไว้ ความชื้นของบรรยากาศสมกับเป็เกาะที่ตั้งอยู่กลางทะเลจริง ๆ
“นี่คือกำลังบ่นพี่ชายอยู่ใช่มั้ย”
“อือ”
“เดี๋ยวจะเก็บไปฟ้องพี่นะ”
“ม่านไม่กล้าคุยกับมันหรอก ไอ้อัสมันดุจะตาย”
“ไม่เชื่อ รามขู่ม่าน”
“ได้ เดี๋ยวคอยดูละกัน”
ทางลาดชันมีเป็ระยะ ๆ ด้วยเพราะบ้านของรามนั้นตั้งอยู่บนสภาพภูมิประเทศเป็ูเา หนำซ้ำยังอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในเกาะแห่งนี้อีกด้วย ม่านหยี่มองกลับไปยังเรือที่ตนโดยสารมาก็พบว่ามันมีขนาดเล็กเท่ากับมดแดงตัวจิ๋ว ภาพเบื้องหน้าทำให้เขาต้องอ้าปากค้างอีกรอบเมื่อเห็นผืนน้ำสีครามแผ่ขยายโอบล้อมเกาะแห่งนี้เอาไว้ ผืนทรายสีขาวทอดยาวจนสุดลูกหูลูกตา ผู้คนที่เคยทักทายเมื่อสักครู่กลายเป็เพียงแค่วัตถุประหลาดขนาดเล็กที่กำลังเคลื่อนไหวไปมา ตีนเขาเบื้องล่างเป็ที่ตั้งของหมู่บ้านประมาณหนึ่งร้อยหลังคาเรือน คาดว่าคงเป็หมู่บ้านเดียวทางฟากฝั่งตะวันออก ถัดขึ้นมาบนเขามีบังกะโลตั้งเรียงกันหลายสิบหลัง พวกมันห่างกันเป็ระยะที่เป็ขั้นบันได คาดว่าสถาปนิกคงออกแบบมันมาเพื่อที่จะได้มองเห็นวิวทิวทัศน์ด้านล่างได้อย่างชัดเจนที่สุด
รถสามล้อจอดนิ่งสนิทบริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่ ม่านไม่คิดว่านี่คือบ้านหรอกนะ หากรามบอกว่าเราจะพักที่พูลวิลล่าราคาหลักแสนต่อคืนเขาก็คงจะเชื่อรามอย่างง่ายดายไม่มีข้อกังขา มันเป็บ้านไม้หนึ่งชั้นที่ยกสูงขึ้นมาจากพื้นดิน คานไม้ บันไดไม้ และทุก ๆ อย่างที่เป็ตัวบ้านนั้นทำมาจากไม้ และเขาก็แน่ใจมาก ๆ ด้วยว่าไม้ที่นำมาทำนี้คงเป็ไม้สักทองราคาหลายล้านอย่างแน่นอน ภายในตัวอาคารโปร่งโล่งสบาย ใช้ผ้าดิบสีขาวขุ่นเป็ผ้าม่าน พวกมันปลิวไสวไปตามแรงลมที่พัดผ่านเข้ามาตามช่องบานหน้าต่างขนาดใหญ่ที่เปิดเอาไว้ พัดลมแขวน้าเพดานพัดหมุนเอื่อยเฉื่อยให้ความรู้สึกเย็นสบายและคลายร้อนได้ดี ต้นไม้สีเขียวรอบข้างที่ถูกปลูกไว้เพื่อประดับประดาก็ชูช่อต่อต้นต้อนรับการกลับมาของเ้านายเป็อย่างดี
“ห้องรามอยู่ทางนี้” พนักงานที่เปลี่ยนเป็คนอื่นั้แ่เมื่อไหร่ม่านหยี่ก็ไม่ทันสังเกต รู้เพียงว่าพี่สาวสองคนช่วยลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้ามาส่งเขาและรามจนถึงหน้าห้องนอน
“บ้านสวยมากเลย”
“ขอบคุณครับ ไอ้อัสน่ะมันเรียนสถาปัตย์ มันเป็คนออกแบบเอง”
“พี่อัสนี่คงเท่น่าดู”
“กากล่ะสิไม่ว่า”
“เอ้า...” ม่านหยี่อมยิ้มเมื่อเห็นปฏิกิริยาเด็กชายรามสูร
“ว้าว...สวยจัง” ห้องนอนของรามสูรเป็ระเบียบเรียบร้อยดีซึ่งแตกต่างกับหอพักที่เขาและรามเช่าอยู่ด้วยกันอย่างสิ้นเชิง เตียงหลังใหญ่วางตั้งอยู่กลางห้อง ด้านหลังนั้นเป็หน้าต่าง กระจกบานใหญ่เผยให้เห็นวิวทิวทัศน์สระว่ายน้ำและตัวบ้านซึ่งทอดยาวไปจนถึงฝั่งตรงข้าม ซ้ายมือของห้องเป็โต๊ะทำงานซึ่งเป็ระเบียบเรียบร้อยอย่างที่มันควรจะเป็ มีเพียงคอมพิวเตอร์ราคาแพงวางตั้งอยู่บนนั้น และเช่นเดียวกันนั้นผนังห้องก็เป็กระจกบานใหญ่ที่เปิดให้เห็นถึงวิวทิวทัศน์เชิงเขาทอดยาวลงไปจนถึงผืนทรายและทะเลกว้าง ลมเย็นยังคงโชยอ่อนกระทบกับม่านสีหม่น
“วิวสวยมากเลย”
“ชอบมั้ย”
“ชอบ”
“ชอบมากมั้ย”
“ชอบมากกกก” ม่านหยี่ลากเสียงยาว เขาไม่เคยเห็นอะไรที่มันจรรโลงตาจรรโลงใจแบบนี้มาก่อน นึกอิจฉารามอยู่ในใจที่ได้เห็นวิวแบบนี้มาั้แ่เด็กจนโต ส่วนตัวเขาน่ะเหรอต้องอุดอู้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ บนบ้านหลังใหญ่ของบิดา มีแค่เศษซากทะเลและความสกปรกโสโครกของโรงงานที่แปรรูปอาหารเท่านั้น
“จะได้อยู่ไปตลอดชีวิตเลย” อ้อมแขนแกร่งโอบกอดคนรักจากด้านหลัง ไม่ลืมที่จะสูดกลิ่นหอมจากเนินแก้มและซอกคอจนทำให้ม่านหยี่ต้องย่นคอหนีััวาบหวามนั่น
“อย่า...มันกลางวันแสก ๆ อยู่นะราม” เขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้และรู้ด้วยว่าสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้นคงไม่ดีสักเท่าไหร่หากมีใครมาเห็นเข้า
“แล้วใครห้ามทำกันตอนกลางวัน”
“ราม อย่า อื้อออ”
ก๊อกๆๆๆ
มือหนาเกือบจะถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวของม่านหยี่ออกจากตัวได้แล้วหากไม่มีเสียงเคาะประตูมาขัดจังหวะเสียก่อน นายหัวรามสูรเดินไปเปิดประตูและคุยกับแม่บ้านอยู่สักครู่จากนั้นก็หันมาบอกกับม่านว่ามีธุระต้องไปคุยที่ห้องทำงานของแม่ ม่านหยี่พยักหน้ารับจากนั้นก็จัดการเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวเข้าที่ นานสองนานแล้วรามก็ยังไม่กลับมาสักที ม่านหยี่เลยแอบย่องออกไปจากห้อง เดินเตร่ตามทางเดินเพื่อดูว่าบ้านหลังใหญ่แห่งนี้จัดวางสัดส่วนไว้อย่างไรบ้าง ทว่า...
“โอ๊ะ!” ั์ตากลมโตเบิกโพลงขึ้นเมื่อพบว่าอยู่ ๆ ประตูไม้สีน้ำตาลขนาดใหญ่ก็เปิดออก คนที่ยืนนิ่งดุจรูปปั้นนั้นคือรามสูรหากแต่ก็ไม่ใช่รามสูร
“สวัสดี...ครับ”
ผู้ชายตรงหน้าเขานั้นมีเครื่องหน้าคล้ายกับรามสูรอย่างกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน เรียวคิ้วหนาขมวดมุ่น ั์ตาสีสนิมคมดุ จมูกโด่งรั้นและริมฝีปากสีสด สันกรามคมรับกับเครื่องหน้าทว่าพอมองให้ชัดอีกทีนั้น ผู้ชายตรงหน้าดูดุและน่ากลัวกว่ารามสูรหลายเท่าตัว ทั้งสีผิวยังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง รามน่ะผิวเข้มส่วนผู้ชายคนนี้ผิวขาวราวกับไม่เคยตากแดดตากลม ดูท่าว่าเขาคงไม่ชอบการจ้องมองแบบระยะประชิดแบบนี้เท่าไหร่ ใบหน้าคมเข้มนั่นถึงได้เครียดขมึงทึงจนน่ากลัว
“มึงจะกินแฟนกูรึไงไอ้อัส ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยสิวะ!”