“ข้าขอโทษแล้วไง เ้าก็ยังอยากควักลูกตาข้าไม่เลิก เช่นนั้นเ้ากับข้ามาสู้กันสักตั้ง!” เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ ผู้หญิงคนนี้ช่างไม่มีเหตุผลเสียเลย
“หึ! เ้ามีพลังแค่นี้คิดจะต่อต้านงั้นหรือ?” ฉินเยียนหรานกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง พูดต่อว่า “หากข้าจับเ้าได้ภายในสามกระบวนท่า ข้าจะถือว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น!”
ได้ยินคำพูดของฉินเยียนหราน เย่เฟิงนิ่งงันไปชั่วครู่ “พูดจริงหรือ?”
“ข้าพูดคำไหนคำนั้น!” ฉินเยียนหรานกล่าว จากนั้นมีแสงส่องระยิบระยับรอบกายฉินเยียนหราน ก่อนจะปรากฏดาบเล่มหนึ่งบนมือของนาง ดาบส่องแสงเป็ประกาย ฉินเยียนหรานมือสั่นเทา ก่อนจะตวัดดาบ ดาบช่างเรียบง่าย แต่กลับมีความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ทั้งยังมีพลังแห่งการทำลายล้างรายล้อมตัวดาบราวกับทะลวงทุกสิ่งได้
แววตาของเย่เฟิงทอประกายคมกริบ การโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 น่ากลัวอย่างมาก เทียบกับคนเ่าั้ที่เขาเคยประมือมาก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย และด้วยพลังของเขาในตอนนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่คู่มือของฉินเยียนหราน
แต่ตอนนี้เย่เฟิงต้องกำราบผู้หญิงคนนี้ภายในสามกระบวนท่า นี่น่าจะเป็การยากสำหรับเขา ทว่าสิ่งเหล่านี้เขาเพียงขบคิดในใจ
ตอนนั้นเองรังสีดาบที่ฉินเยียนหรานปล่อยออกมาก็มาเยือนเบื้องหน้าเย่เฟิง
“ฝ่ามือภูผาพิฆาตกระบวนท่าที่สาม!” เย่เฟิงกู่ร้องในใจ พลันพลังหยวนมหาศาลไหลไปยังแขนของเขาพร้อมแฝงด้วยพลังหอก ก่อนจะปล่อยมันออกไป
พลังหอกและพลังหยวนกลายเป็ฝ่ามือั์ ปลดปล่อยพลังมหาศาล ห้วงอากาศพลอยสั่นไหว เพียงพริบตาฝ่ามือั์นั่นก็เข้าปะทะกับรังสีดาบของฉินเยียนหราน คลื่นกระแทกแผ่กระจาย ส่องแสงสว่างไสว
“ฟิ้ว!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น รังสีดาบนั่นทะลวงฝ่ามือของเย่เฟิงแล้วพุ่งไปหาเย่เฟิงต่อจนเขาต้องตกตะลึง ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินพลังของผู้หญิงคนนี้ต่ำเกินไป
จากนั้นเย่เฟิงก็ใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อ พลังดารามาควบแน่นบนร่างกาย ส่องแสงระยิบระยับ ก่อนจะหลบหลีกรังสีดาบนั่นได้ทันควัน ฉินเยียนหรานต้องประหลาดใจ เย่เฟิงหลบการโจมตีที่หนึ่งของนางได้
“ข้าอยากเห็นนักว่าเ้าจะรับการโจมตีนี้ได้หรือไม่?” ฉินเยียนหรานแค่นเสียงเ็า จากนั้นเห็นนางร่ายท่าเพลงดาบ แสงโคจรบนตัวดาบราวกับเป็วิถีเคลื่อนไหวพิเศษ เส้นทางแห่งดาบถักทอจนเป็ภาพลวดลาย เมื่อภาพนั้นลอยขึ้นฟ้า มันก็เปล่งแสงจ้า นาทีต่อมาห่าฝนดาบก็เทลงมาจากฟากฟ้า ดาบทุกเล่มคือดาบสังหารคน หากโดนดาบแทง หากไม่ตายก็าเ็สาหัส
“โหดมาก!” แววตาของเย่เฟิงเผยประกายเฉียบคม เพื่อเอาชนะเขาภายในสามกระบวนท่า ไม่นึกว่าฉินเยียนหรานผู้นี้จะใช้เคล็ดวิชาที่ทรงพลังขนาดนี้มาโจมตีเขา เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้เกลียดชังเขามากแค่ไหน
เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ ขณะเดียวกันฝ่ามือแห่งการทำลายล้างก็เข้าโจมตีฝนดาบที่ไร้จุดสิ้นสุดนั่น การโจมตีนี้คือฝ่ามือภูผาพิฆาตกระบวนท่าที่สามที่เย่เฟิงทำการผสานเสร็จสมบูรณ์ ทั้งยังทรงพลังกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า
“ปัง!!!” เสียงะเิดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง ฝนดาบเ่าั้ถูกฝ่ามือั์ทำลายจนสลายไปกลางอากาศ
แววตาของฉินเยียนหรานเผยประกายเย็นเยียบ แต่ในใจกลับตกตะลึงกับพลังของเย่เฟิง ในสำนักยุทธ์นั้นมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 ไม่กี่คนที่สามารถรับมือกับการโจมตีของนางได้
“เ้าอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 แต่พลังโจมตีเท่านี้เองหรือ” เย่เฟิงแสยะยิ้ม คล้ายจงใจทำให้ฉินเยียนหรานโมโห
ฉินเยียนหรานเผยสีหน้าเย็นะเื ใช้ไปแล้วสองกระบวนท่า นางต้องจัดการเย่เฟิงภายในกระบวนท่านี้ให้ได้ หากล้มเหลว โอกาสครั้งนี้ก็ถือว่าเสียแรงเปล่า
“คนเลวทราม ตายซะเถอะ!” ฉินเยียนหรานแผดเสียงะโ ก่อนจะปลดปล่อยพลังปราณที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ดาบในมือเปล่งแสงจ้า ปราณดาบเกิดอาละวาด กวาดล้างทุกสิ่ง ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้าง
รังสีดาบส่องแสงสว่างไสว ซึ่งดาบเล่มนี้คือดาบสังหารที่แท้จริง ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาล และแกร่งกว่าสองกระบวนท่าก่อนหน้านี้
“นี่มัน...” เย่เฟิงตะลึงค้าง ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่โมโหร้าย แต่พลังโจมตียังแกร่งกล้ามากอีกด้วย หากเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 คนอื่น เกรงว่าไม่มีทางรับมือกับการโจมตีนี้ได้ กระทั่งถูกฆ่าตายได้อย่างง่ายดาย
แววตาของเย่เฟิงส่องประกายแหลมคม หอกัเงินประกายพลันปรากฏในมือของเย่เฟิงพร้อมปลดปล่อยเจตจำนงหอกที่น่ากลัว
ฉินเยียนหรานต้องแปลกใจ นางไม่คิดว่าเย่เฟิงจะมีอาวุธที่ทรงพลังถึงเพียงนี้ จึงอดเพิ่มพลังหยวนใส่ในตัวดาบไม่ได้ ทำให้พลังของมันแกร่งขึ้นหลายเท่า
“หอกดุจั!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ เขาไม่สนใจฉินเยียนหราน การโจมตีนี้ของเย่เฟิงดูเหมือนจะมีเพียงหอกเงินประกายเป็ไพ่ตาย
รังสีหอกปะทุออกจากหอกในมือราวกับกลายเป็ัั์ ทันทีที่ัส่งเสียงคำราม ก็พลอยทำให้ห้วงอากาศสั่นไหวไปด้วย
“ตูม!” รังสีดาบและรังสีหอกเข้าปะทะกัน เสียงปะทะดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้า พลังทำลายล้างแผ่กระจาย ต้นไม้รอบข้างต่างหักโค่น
เย่เฟิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว รู้สึกว่าเืลมภายในกายแปรปรวน ก่อนจะกระอักเื ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 แข็งแกร่งตามคาด แต่ฉินเยียนหรานผู้นี้ดูจะแกร่งเกินระดับการบ่มเพาะ
ด้วยช่องว่างระหว่างระดับการบ่มเพาะที่มากโข จึงเป็เื่ปกติที่เย่เฟิงจะถูกโจมตี
ฉินเยียนหรานยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อน นางมองเย่เฟิงด้วยสายตาล้ำลึก ครบสามกระบวนท่าแล้ว แต่นางก็ยังทำอะไรเย่เฟิงไม่ได้
“สามกระบวนท่า เ้าพอใจหรือยัง!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น
“ไปซะ ครั้งนี้ถือว่าเ้ารอดไปได้ แต่หากมีครั้งหน้าอีก เ้าไม่โชคดีแบบนี้แน่!” ฉินเยียนหรานกล่าวโดยยอบรับความพ่ายแพ้ของตัวเอง
คำพูดของนางทำให้เย่เฟิงคิ้วขมวด ที่แท้สามกระบวนท่าที่ฉินเยียนหรานพูดไว้ก็คือแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว หากครั้งหน้าเขาเจอผู้หญิงคนนี้อีก นางคงต้องลงมือจัดการเขาแน่นอน
“งั้นข้าขอตัวลา!” เย่เฟิงส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวจากไป ผ่านม่านน้ำตกไปยังอีกฟากของป่า
“แต่ว่ารูปร่างของเ้าไม่เลวจริง ๆ ข้าชอบ” พลันมีเสียงเย่เฟิงดังมาพร้อมกับเสียงะเิหัวเราะ
ฉินเยียนหรานย่อมได้ยินชัดเจน จู่ ๆ ใบหน้านางก็แดงระเรื่อ กัดฟันพูดว่า “สารเลวนี่ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก คราวหน้าเ้าได้เจอดีแน่!”
แม้จะอยากฆ่าเย่เฟิงแทบใจขาดเพียงใด ในเมื่อรับปากเย่เฟิงแล้ว ฉินเยียนหรานก็ย่อมทำตาม แต่พอได้ยินคำพูดเมื่อครู่นี้ของเย่เฟิงก็ทำให้ผู้หญิงคนนี้อดก่นด่าไม่ได้
“ในวันนั้น หมอนี่เห็นอะไรกันแน่?”
ฉินเยียนหรานลงมือโเี้เช่นนี้คงไม่มีทางรามือไปจากอีกฝ่ายได้ คำพูดเมื่อครู่นี้ก็เป็การจงใจยั่วโมโหอีกฝ่าย ความบาดหมางนี้ถูกแก้ไขแล้ว เย่เฟิงก็ไม่จำเป็ต้องเกรงใจอีก
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เย่เฟิงเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวที่ด้านหน้าของเย่เฟิงอย่างฉับพลัน เย่เฟิงขมวดคิ้ว เมื่อกวาดตามองอีกฝ่ายรอบหนึ่งก็พบว่าคนผู้นี้คือคนรุ่นเยาว์เหมือนกัน แต่คนผู้นี้ผอมแห้งมาก ใบหน้าซีด แฝงอาการเจ็บป่วย ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับคมกริบเป็พิเศษ ทั้งยังมีความชั่วร้ายแฝงอยู่ด้วย สายตาเช่นนั้นมองมาที่เย่เฟิงราวกับมีมีดเชือดเฉือน ทำให้เขารู้สึกอึดอัด
“เ้าคือใคร มาขวางทางข้าทำไม?” เย่เฟิงกล่าวถามด้วยเสียงเย็นเยียบ
“เศษสวะอย่างเ้า มีสิทธิ์ถามชื่อข้าด้วยหรือ?” ชายหนุ่มยิ้มดูถูก แล้วเดินผ่านตัวเขาไปเพื่อไปหาฉินเยียนหราน ทว่าสายตาที่กวาดมองเรือนร่างของฉินเยียนหรานกลับหยาบคาย
“เยียนหราน หมอนี่ล่วงเกินเ้าหรือ ให้ข้าช่วยเ้าฆ่ามันดีไหม” ชายหนุ่มกล่าวพลางยิ้ม ซึ่งเขาพูดด้วยท่าทีผ่อนคลายราวกับว่าการที่เขาจะฆ่าเย่เฟิงเป็เื่ธรรมดา
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มผู้นี้รู้จักกับฉินเยียนหราน อากัปกิริยาเช่นนั้นบ่งบอกว่าเขาชอบฉินเยียนหรานอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตามฉินเยียนหรานเป็สตรีผู้สวยสง่าเปี่ยมด้วยเสน่ห์ ทั้งยังมีพร์ล้ำเลิศ จึงเป็บุคคลโด่งดังของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน มีหลายคนชื่นชอบเลื่อมใสนาง พยายามทุกวิถีทางเพื่อไล่ตามนาง ในบรรดาคนเ่าั้มีแต่ผู้แข็งแกร่งของสำนักยุทธ์
ก่อนหน้านี้เป็เฟิงเฉียน ตอนนี้เป็ชายหนุ่มขี้โรค เพียงเวลาไม่กี่วันเย่เฟิงก็เห็นผู้ไล่ตามนางสองคนแล้ว
จากนั้นเย่เฟิงหันหลังกลับพลางมองดูเงียบ ๆ แต่ชายหนุ่มวาจาโอหังมาก บอกจะฆ่าเขา หากเขาไปตอนนี้ก็คงไม่ได้ดูฉากเด็ด
“กุ่ยเตา นี่มันเื่ของข้า เ้าไม่ต้องยุ่ง ต่อไปเ้าอย่ามาหาข้าอีก เ้ากับข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน” ฉินเยียนหรานกล่าวเสียงเย็น ปรายตามองชายหนุ่มขี้โรคคนนั้นด้วยความเกียจคร้าน
ชายหนุ่มคนนั้นที่ชื่อกุ่ยเตาหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับสิ่งที่ฉินเยียนหรานพูดมา แต่เขาไม่แสดงท่าทีอะไร เพียงระบายยิ้มก่อนกล่าวว่า “คนผู้นี้ต้องยั่วยุเ้าแน่นอน งั้นข้าจะช่วยเ้าจัดการมัน!”
เมื่อกล่าวจบ กุ่ยเตาหันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาชั่วร้าย ะโเสียงดังว่า “เ้าปลิดชีวิตตัวเอง หรือจะให้ข้าทำแทน เลือกมาซะ!”
เย่เฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อยขณะมองกุ่ยเตา คนผู้นี้อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 เย่เฟิงจึงรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันตรายจากตัวคนนี้ กลิ่นอายเช่นนี้แกร่งกล้ากว่าของฉินเยียนหรานมาก แต่ก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าพลังของกุ่ยเตาผู้นี้จะเหนือกว่าฉินเยียนหราน พูดได้เพียงว่ากุ่ยเตาดูอันตรายสำหรับคู่ต่อสู้เป็อย่างมาก
“เ้าให้ข้าปลิดชีวิตตัวเอง?” เย่เฟิงกล่าวถามด้วยแววตาเย้ยหยัน
“ใช่ เ้าปลิดชีวิตตัวเอง ข้าจะให้เ้าเหลือแค่ซากศพ” กุ่ยเตากล่าว ดวงตาคู่นั้นฉายแววชั่วร้าย ราวกับว่าการที่เขาให้เย่เฟิงปลิดชีวิตตัวเองเป็ของขวัญชิ้นใหญ่
“ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าเ้าผู้อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?” เย่เฟิงแสยะยิ้ม คำพูดแฝงด้วยความดูแคลน แม้เขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย แต่ก็มั่นใจว่าจะถอนตัวทัน