ณ เมืองอวิ๋นเมิ่ง
ภายในวังหลวง
สนมซูกำลังรอให้บุตรชายของนางเดินทางเข้าวังเพื่อทานอาหารกลางวันด้วยกัน
ข่าวที่นางได้ยินมาวันนี้ทำให้นางกังวลใจยิ่งนัก
เด็กคนนี้ดื้อรั้นจริงๆ เหตุใดถึงชอบลงมือโดยไม่ปรึกษานางก่อน?
หากก้าวผิดเพียงก้าวเดียว ข้างหน้าอาจเป็เหวลึกก็ได้ เหตุใดถึงไม่รู้จักไตร่ตรองให้ดี?
‘ข้าควรทำอย่างไรเพื่อให้เ้าปราศจากความกังวลไปตลอดชีวิต?’
นางกำลังกังวลมาก
ตอนที่นางอยู่ในจวนเสนาบดี นางมักเอาชนะเย่ฮูหยินได้เสมอ แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในวัง ผู้คนรอบตัวก็เพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นหญิงงามก็พบได้ทุกที่
เป็เวลากว่าสองเดือนแล้วที่ฝ่าาไม่ได้ถามถึงนางแม้แต่คำเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเสด็จมาที่ตำหนักของนางเพื่อร่วมทานอาหารหรือพักผ่อนสักคืนเลย
นางไม่อยากคิดเื่นี้
ฝ่าาเปลี่ยนไปมากจริงๆ
ตอนนี้นางมีเพียงเด็กคนนี้เท่านั้น
สิ่งที่นางทำได้คือปกป้องเด็กคนนี้ให้ดี
ส่วนเื่อื่นๆ ที่เหลือนางไม่กล้าคาดหวัง
‘เมื่อก่อนข้าหวังว่าบุตรชายของข้าจะได้สืบทอดตำแหน่งของบิดา ถึงอย่างไรเขาก็เป็บุตรชายที่บิดาโปรดปรานที่สุด’
อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้าวังแล้วเย่เช่อกลับได้รับตำแหน่งอ๋องอวิ๋นเมิ่ง
ทุกคนรู้ว่าตำแหน่งอ๋องอวิ๋นเมิ่งอยู่ห่างจากตำแหน่งไท่จื่อเพียงก้าวเดียว ถึงอย่างไรบุตรชายของนางก็ได้เป็องค์ชายเหยียนแล้ว แต่ต่อให้นางเกลี้ยกล่อมอย่างไร เขาก็ยังคงดื้อรั้น
เดิมทีเขาสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบและมีความสุขในตำแหน่งองค์ชาย
นางเคยพูดคุยกับเขาหลายครั้งแล้ว แทบทุกครั้งนางจะบอกเป็นัยๆ ว่าอย่าคิดเื่ที่เป็ไปไม่ได้
แต่เห็นได้ชัดว่าคำพูดของนางไม่มีผล
นางควรทำอย่างไร?
นางควรเกลี้ยกล่อมให้เขาใช้ชีวิตอย่างสงบ
หรือควรเกลี้ยกล่อมให้เขาวางมือโดยเร็วที่สุด?
นางควรเลือกทางไหน?
สนมซูกำลังสับสน
ขณะที่นางกำลังใช้ความคิด นางกำนัลก็เดินเข้ามากระซิบบางอย่างที่ข้างหู
ทันใดนั้นอารมณ์ของนางก็ย่ำแย่ลงทันที
ปรากฏว่าสนมเซี่ยกำลังตั้งครรภ์!
ไม่ว่าจะเป็เรือนหลังของจวนเสนาบดีหรือวังหลัง ไม่มีอนุหรือสนมคนใดตั้งครรภ์มาหลายปีแล้ว
นี่ถือเป็ลูกคนที่สามของฝ่าา
‘ฝ่าาคงมีความสุขมากใช่หรือไม่?’
บุตรชายของนางจะทำอย่างไรหากรู้เื่นี้?
พวกเขาต้องแข่งขันกันอีกหรือไม่?
สุดท้ายแล้วนางควรทำอย่างไร?
‘เหยียนเอ๋อ เ้า้ามีชีวิตแบบใดกันแน่?’
ทันใดนั้นสนมซูก็ตระหนักว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังเช่นนี้มาก่อน
สิ่งที่ควรจะเป็ของเหยียนเอ๋อจะถูกแย่งชิงไปหรือไม่?
อีกสองปีนับจากนี้เหยียนเอ๋อจะได้เป็ใหญ่หรือไม่?
นางควรทำอย่างไรเพื่อให้เขาได้อยู่ที่นี่ตลอดไป?
ดูเหมือนว่ามีหลายอย่างที่นางต้องวางแผนเพื่ออนาคตของเขา
เมื่อคิดเช่นนี้นางก็รู้สึกว่าท้องฟ้ากำลังมืดมนลงเรื่อยๆ
เมื่อเย่เหยียนก้าวเข้ามา เขาก็ถามไถ่ด้วยความเป็ห่วงว่า “เสด็จแม่เป็อย่างไรบ้าง?”
สนมซูยิ้มและกล่าวว่า “ก็เหมือนทุกวัน เพียงแต่คิดถึงเ้ามากเท่านั้น เ้าไม่ค่อยมาหาแม่เลย”
เย่เหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ปกติเหยียนเอ๋อก็มาทุกวันไม่ใช่หรือ? เสด็จแม่มีอะไรอยากพูดคุยหรือไม่?”
สีหน้าของสนมซูเปลี่ยนไป “เ้าช่วยอธิบายให้แม่ฟังทีว่าเกิดอะไรขึ้น”
เย่เหยียนรู้สึกงุนงง “เสด็จแม่หมายความว่าอย่างไร?”
สนมซูกล่าวเสียงต่ำ “แม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ชายแดน เหตุใดเ้าถึงทำเช่นนี้?”
จู่ๆ สีหน้าของเย่เหยียนก็เปลี่ยนไป เขากล่าวว่า “เสด็จแม่กำลังกล่าวเื่อะไร? เื่นี้ไม่เกี่ยวกับเหยียนเอ๋อแม้แต่น้อย”
สนมซูไม่สนใจคำกล่าวของบุตรชาย นางถามต่อว่า “บอกแม่ทีว่าเ้าคิดอะไรอยู่?”
ทันใดนั้นเย่เหยียนก็คุกเข่าลง เขาโขกศีรษะพร้อมกับกล่าวว่า “เสด็จแม่ต้องเชื่อใจเหยียนเอ๋อ บุตรชายของท่านย่อมไม่ทำเื่อุกอาจเช่นนั้นเป็อันขาด”
สนมซูพยุงบุตรชายให้ลุกขึ้นยืนด้วยความลำบากใจก่อนจะกล่าวว่า “เหยียนเอ๋อ แม่ย่อมเชื่อใจเ้า แต่เ้าต้องบอกแม่ก่อนว่าเ้าคิดอะไรอยู่?”
เย่เหยียนก้มหน้าลงและไม่กล่าวอะไร
สนมซูกล่าวต่อว่า “อันที่จริงแม่หวังเพียงให้เ้ามีชีวิตที่สงบและมีความสุข เ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่?”
เย่เหยียนเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เสด็จแม่ แต่ที่ผ่านมาท่านไม่ได้กล่าวเช่นนั้นกับเหยียนเอ๋อ”
สนมซูรู้สึกอึดอัดอยู่พักหนึ่ง
เดิมทีการไม่ได้รับความรักจากฝ่าาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นางทนไม่ได้ แต่วันนี้นางกลับต้องเผชิญกับคำตำหนิจากบุตรชายอีก
สนมซูอดไม่ได้ที่จะเสียใจ
“แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เ้าไม่รู้หรือว่าสนมเซี่ยกำลังตั้งครรภ์? แม่หวังว่าเ้าจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและไม่ตกอยู่ท่ามกลางข้อพิพาทที่ไร้ความสงบสุขเหล่านี้” สนมซูกล่าวอย่างเศร้าสร้อย
เสียงของนางแ่เบามาก
บุตรชายคนนี้เป็บุตรเพียงคนเดียวของนาง เขาย่อมเป็ความหวังสุดท้ายในชีวิตของนาง
แต่เหตุใดทุกอย่างในชีวิตของเด็กคนนี้ถึงไม่เป็ไปตามที่นางเคยคาดคิดเอาไว้?
ในอดีตนางหวังว่าเด็กคนนี้จะก้าวเข้าสู่เส้นทางขุนนางและก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดเช่นเดียวกับบิดาของเขา
หลังจากเข้าวังมานางย่อมคิดอยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งนางจะได้ปกครองวังหลัง
แต่ต่อมาเมื่อความรักความโปรดปรานจากฝ่าาจืดจางลง นางก็หวังเพียงให้บุตรชายได้ใช้ชีวิตอย่างสงบและมีความสุข
อยู่ห่างจากข้อพิพาทที่ไม่จบสิ้นเ่าั้
หัวใจของมารดายิ่งใหญ่ดุจมหาสมุทร
ทันใดนั้นเย่เหยียนก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของผู้เป็มารดา
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าสนมเซี่ยที่มีอายุมากกว่าเขาเพียงไม่กี่ปีตั้งครรภ์แล้ว ตอนนี้ดูเหมือนนางจะเป็สนมที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด
ถ้านางมีลูก สถานการณ์ของเขากับมารดาจะยิ่งลำบากกว่านี้ใช่หรือไม่?
ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจความคิดของผู้เป็มารดาแล้ว
“เสด็จแม่ต้องเชื่อใจเหยียนเอ๋อ เหยียนเอ๋อจะมีชีวิตที่ดีแน่นอน”
...
ในูเาท่ามกลางป่าทึบ ดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้นได้ไม่นาน
รองเท้าและถุงเท้าของอวิ๋นจื่อเปียกชื้น กลิ่นของมันทำให้นางเริ่มหมดความอดทน แสงแดดยามเช้าและความชื้นจากน้ำค้างทำให้ร่างกายเหนียวเหนอะหนะและไม่สบายตัว
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าป่าแห่งนี้จะไม่มีที่สิ้นสุด
ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะออกไปได้?
ไม่มีใครตอบได้
อวิ๋นจื่อรู้สึกอึดอัดมาก
ในที่สุดหลังจากคำนวณเส้นทางที่เดินมา นางก็กล่าวขึ้นว่า
“เราพักก่อนดีหรือไม่ซูเจิน?” อวิ๋นจื่อถามอย่างเขินอาย
ซูเจินกล่าวว่า “รีบเดินต่อในขณะที่ยังเช้าอยู่เถอะ”
“คนที่รู้วิชากระบี่ก็เป็มนุษย์เหมือนกัน ซูเจินข้าอยากพักสักหน่อย” อวิ๋นจื่อพูดด้วยท่าทีขุ่นเคือง
หมอกยามเช้ายังไม่จางหาย แต่เสียงเกือกม้าค่อยๆ เงียบลงแล้ว
นี่ทำให้อวิ๋นจื่อรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง
ดูเหมือนว่าจิตใต้สำนึกของนางจะ้าหลีกหนีจากฝูงชน โดยเฉพาะฝูงชนที่นางไม่รู้ว่ามีเจตนาใด
การหลบหนีออกจากเมืองอวิ๋นเมิ่งในครั้งนั้นช่างง่ายดายยิ่งนัก
ทว่าการหวนกลับไปช่างยากเย็นเหลือเกิน
แต่นางเป็ผู้เลือกเส้นทางนี้ด้วยตนเอง
ไม่สิ นางไม่มีทางเลือกต่างหาก
‘ตระกูลอวิ๋น...ข้ากลับมาแล้ว’
‘เมืองอวิ๋นเมิ่ง...ข้ากลับมาแล้ว’
จู่ๆ เื่ประหลาดก็เกิดขึ้น หมอกเริ่มรวมตัวกันอย่างหนาแน่น
ดูเหมือนว่ามีพลังบางอย่างคอยควบคุมมันอยู่
แต่อวิ๋นจื่อและซูเจินที่กำลังเดินตรงไปข้างหน้าไม่ได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงนี้เลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้