Chapter 8
เสียงบรรเลงของขิมหยุดลงในตอนที่ใกล้ใจเล่นจบบทเพลง เขายิ้มอย่างพอใจเพราะวันนี้ตีขิมได้ดีดั่งใจหวังไว้ ฝาไม้ที่ถูกแกะสลักลวดลายสวยงามถูกยกขึ้นครอบปิดเครื่องเล่นดนตรีชนิดโปรดอย่างระมัดระวัง ใกล้หยัดกายลุกขึ้นยืนก่อนจะโน้มตัวลงไปยกขิมขึ้นมา เพื่อจะเอาไปไว้ที่ห้องเก็บเครื่องดนตรี ทว่าเมื่อหมุนตัวหันกลับมาก็เจอรุ่นน้องคนหนึ่งในคณะศิลปกรรมศาตร์ที่มาร่วมเล่นดนตรีไทยให้พี่เดียร์ด้วย
“ให้ผมช่วยยกไหมครับ พี่ใกล้?”
“ไม่เป็ไรครับ พี่ยกไปเก็บเองได้” ใกล้พูดพร้อมส่งยิ้มให้อีกคน
“ให้ผมช่วยดีกว่าครับ...เพราะพี่ใกล้ใส่สูท คงยกไม่ค่อยถนัด” รุ่นน้องผู้ชายหน้าตาดีพูดพลางเอื้อมมือทั้งสองข้างมาคว้าขิมไปจากเขา “พี่ใกล้เล่นขิมเก่งมากเลยนะครับ”
“ขอบคุณครับ...น้องก็เล่นซอเก่งเหมือนกัน”
รุ่นน้องดูเขินอายอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเอ่ยต่อ “เอ่อ...พี่ใกล้จะเข้ามาซ้อมอีกวันไหนครับ?”
“น่าจะอาทิตย์หน้าเลย...” ใกล้เอียงคอมองรุ่นน้องที่จ้องมองเขาอยู่ “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“เอ่อ...ผม...”
“ใกล้...”
บทสนทนาระหว่างเขากับรุ่นน้องถูกขัดจังหวะโดยเ้าของเสียงคุ้นเคย ใกล้ยิ้มรับทั้งที่ไม่ได้หันกลับไปมองเ้าของเสียงที่อยู่ด้านหลัง และเมื่อหันกลับไปก็เป็พี่เดียร์อย่างที่คิดไว้
“ครับ พี่เดียร์”
“ซ้อมเสร็จแล้วเหรอ วันนี้โอเคไหมจ๊ะ?”
“โอเคมากเลยครับ วันนี้เล่นได้ดีกว่าทุกวันเลย”
“ดีแล้ว ๆ ไม่ต้องกดดันตัวเองนะ”
“ครับ” ใกล้ส่งยิ้มให้รุ่นพี่คนสนิท พี่เดียร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองรุ่นน้องในคณะตัวเองที่ยืนอุ้มขิมตัวใหญ่อยู่
“แล้วแกจะยกขิมไปไหนแม็ก?”
“ผมจะยกไปเก็บให้พี่ใกล้ครับ”
“อ๋อ...ดี ๆ เวลาพี่ไม่อยู่ ฝากแกดูแลใกล้แทนพี่ด้วยนะ”
“ได้ครับ”
“เอาขิมไปเก็บได้แล้ว”
“ครับพี่เดียร์”
เมื่อรุ่นน้องผู้ชายคนนั้นเดินคล้อยหลังหายไป พี่เดียร์ก็อมยิ้มกรุ่มกริ่มขณะมองเขา ใกล้ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย ก่อนเอ่ยถามอีกฝ่าย
“ทำไมพี่เดียร์มองใกล้แล้วยิ้มแบบนี้ครับ?”
“เสน่ห์แรงนะเรา”
“หือ?”
คนตัวเล็กเลิกโตตา ประโยคคำพูดของรุ่นพี่ทำให้เขามึนงงมากกว่าเดิม พี่เดียร์หัวเราะเบา ๆ แล้วส่งมือมาลูบศีรษะของเขา
“ไอ้น้องแม็กคนเมื่อกี้น่ะ...มันแอบชอบใกล้นะ”
“...”
“พี่แอบได้ยินมันคุยกับเพื่อน ๆ ตอนซ้อม”
“…” ถึงว่า...รุ่นน้องที่ชื่อแม็กชอบนั่งมองเขาบ่อย ๆ
“คนนี้เรียนดี นิสัยดี ความคิดโตกว่าอายุ...สนใจไหมใกล้?”
ใกล้หลุดยิ้มออกมา ก่อนเอ่ย “อยากจะสนใจอยู่นะครับพี่เดียร์”
“…”
“แต่ติดตรงที่ใกล้มีคนที่ชอบอยู่แล้วน่ะสิ”
คนฟังเบิกตาโต ก่อนเอ่ยถาม “จริงดิ...ใกล้ชอบใคร เพื่อนในคณะเหรอ?”
“ไม่ใช่เพื่อนในคณะครับ...” ใกล้กัดริมฝีปากเล็กน้อยแล้วยกมือขึ้นลูบที่ใบหูตัวเอง ก่อนเอ่ยต่อ “เขาเป็...เป็คนที่รู้จักกันนี่แหละครับ”
“เขินขนาดนี้...คบกันแล้วเหรอ?”
คนโดนถามส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วเอ่ย “ไม่เฉียดคำว่าคบเลยครับ พี่เดียร์”
“อย่าบอกนะว่า...”
“ครับ ใกล้แอบชอบเขา”
“ได้ยินคำว่าแอบชอบแล้วพี่เข้าใจความรู้สึกเลย เพราะทุกวันนี้พี่ก็ยังแอบชอบเพื่อนตัวเองอยู่เลย ฮ่า ๆ ”
ใกล้หัวเราะพร้อมเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกัน “คนแอบรักก็มีความสุขในแบบของตัวเองเนอะพี่เดียร์”
“ใช่ ~ แค่ได้เห็นเขาในทุก ๆ วันก็พอแล้ว ให้เขาเป็กำลังใจของเราโดยที่เขาไม่รู้ตัว”
ใช่เลย...คุณพระจันทร์คงไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็กำลังใจให้เขา
ไลน์ ~
เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์ที่ดังขึ้นเรียกความสนใจจากใกล้ได้เป็อย่างดี เขาล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนใช้นิ้วปัดหน้าจอเพื่อดูข้อความเต็มประโยคที่เพื่อนส่งมาในไลน์กลุ่ม
Ppie : ใกล้ ซ้อมขิมเสร็จหรือยัง?
ใกล้เงยหน้ามองรุ่นพี่ พี่เดียร์พยักหน้าให้เหมือนรู้ว่าเขาต้องไปแล้ว “พี่เดียร์ครับ พอดีวันนี้ใกล้มีนัดแก้งานกับเพื่อน งั้นใกล้ขอตัวก่อนนะครับ”
“จ้ะ ไปเถอะ..ไว้เจอกันนะใกล้”
“ครับ ~”
คนตัวเล็กโบกมือลารุ่นพี่แล้วเดินออกมาจากตึกคณะศิลปกรรมศาสตร์ ในระหว่างที่สาวเท้าอย่างเร่งรีบก็พรมนิ้วไปบนแป้นพิมพ์เพื่อตอบกลับเพื่อน
glaijai : เราซ้อมเสร็จแล้ว กำลังเดินไปที่ตึกคณะนะ
glaijai : พายอยู่ที่ห้องสมุดคนเดียวเหรอ?
Ppie : ตอนนี้เราไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว เมย์เพิ่งมาถึงเอง
Mamay : ใกล้ ไม่ต้องรีบนะ พายแก้งานตามที่ใกล้บอกจนจะเสร็จแล้ว เหลืออีกนิดเดียวเอง
Ppie : ใช่ ~ เหลืออีกนิดเดียวจริง ๆ
Ppie : นี่ก็เที่ยงแล้ว ใกล้แวะไปกินข้าวที่โรงอาหารก่อนดีไหม? เพราะขึ้นมาก็ต้องเรียนสองชั่วโมงเลยนะ
ข้อความล่าสุดของเพื่อนสนิทรั้งฝีเท้าของเขาให้หยุดนิ่ง ท้องที่ว่างโล่งเพราะยังไม่ได้กินอะไรั้แ่เช้าก็ส่งเสียงร้องโครกครากตอบกลับแทนเขา ใกล้ส่ายหน้าก่อนจะพรมนิ้วบนแป้นพิมพ์
glaijai : งานที่ต้องแก้ เหลืออีกไม่เยอะแล้วใช่ไหมพาย?
Ppie : ใช่ ๆ อีกนิดเดียวเอง ใกล้ไม่ต้องเป็ห่วงเลย เรารู้ว่าใกล้ยังไม่ได้กินข้าวั้แ่เช้าเลยใช่ไหม?
Ppie : send a sticker
สติกเกอร์รูปแมวที่มีดวงตาลุกเป็ไฟทำให้ใกล้หลุดหัวเราะออกมา
glaijai : อย่าโกรธกันเลยนะ วันนี้เรารีบมาซ้อมขิมน่ะ
Ppie : จะยกโทษให้ ถ้าใกล้รีบไปกินข้าว
glaijai : โอเค ~
glaijai : เดี๋ยวจะรีบไปกินข้าวเลย
Mamay : ใกล้ เดี๋ยวเราลงไปกินข้าวเป็เพื่อนนะ แล้วให้พายเฝ้าของในห้องสมุด เพราะมีโน้ตบุ๊กของเรากับพายอยู่ ไม่อยากแบกไปโรงอาหารด้วย
glaijai : เมย์กินข้าวมาหรือยัง?
Mamay : กินมาแล้วจ้า
glaijai : งั้นเมย์ไม่ต้องลงมาหรอก อยู่ช่วยพายแก้งานดีกว่า
glaijai : เรานั่งกินข้าวคนเดียวได้
Mamay : เราไปนั่งเป็เพื่อนเฉย ๆ ได้ ใกล้นั่งกินข้าวคนเดียวเหงาแย่เลย
glaijai : ไม่เหงาหรอก เมย์ไม่ต้องลงมานะ ไม่อยากให้เดินย้อนมาที่โรงอาหาร มันไกล
Mamay : โอเคแน่นะ
glaijai : แน่ ~
Mamay : งั้นถ้างานแก้เสร็จแล้ว เราไปปริ้นท์งานพร้อมกันนะใกล้
glaijai : ถ้าแก้งานเสร็จแล้ว เมย์ให้พายส่งเข้าเมลเราได้เลย เดี๋ยวเราจะเดินไปปริ้นท์ที่ตึกนิเทศที่อยู่ตรงข้ามโรงอาหาร มันจะได้ไม่เสียเวลา
glaijai : ส่วนเมย์กับพายก็ขึ้นไปนั่งรอบนห้องเรียนเลย เราจะรีบตามขึ้นไปนะ
Mamay : โอเค ๆ เอาแบบนี้ก็ได้
glaijai : งั้นเราไปกินข้าวก่อนนะ ถ้าเราตอบไลน์ช้าก็โทรเลย เผื่อเราไม่ได้ยิน เพราะในโรงอาหารตอนเที่ยงคนเยอะ น่าจะเสียงดังมาก ๆ เลยแหละ
Mamay : ok
Ppie : ได้เลย เดี๋ยวส่งงานให้แล้วจะโทรไปบอกนะ
glaijai : send a sticker
คนที่โดนร่างกายประท้วงด้วยการส่งเสียงร้องโครกครากรีบหมุนตัวกลับทันที ใกล้เดินย้อนกลับไปที่โรงอาหาร ในเวลาพักเที่ยงแบบนี้ ใกล้คิดว่าภายในโรงอาหารคงเต็มไปด้วยนักศึกษา และภาพตรงหน้าช่วยยืนยันว่าสิ่งที่คิดนั้นเป็จริง
ใกล้กวาดสายตามองหาร้านอาหารที่มีคนต่อแถวน้อยที่สุด เพราะเขาจะได้ไม่เสียเวลารอมากนัก ใกล้สาวเท้าเดินไปที่ร้านข้าวไข่เจียว ก่อนจะหยุดยืนมองเมนูแนะนำที่อยู่บนแผ่นป้ายใหญ่
“เอาอะไรดีลูก?”
“เอา...ข้าวไข่เจียวน้ำพริกเผาใส่ใบกะเพราครับคุณป้า”
“ได้เลย รอแป๊บนะลูก”
“ครับ”
เขาตอบรับพร้อมส่งยิ้มให้คุณป้า ไม่นานนักจานข้าวไข่เจียวน้ำพริกเผาที่ใส่ใบกะเพราะก็ถูกยื่นมาตรงหน้า ใกล้รับจานที่มีกลิ่นหอมฉุยมา ก่อนจะล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเพื่อจ่ายเงิน
คนตัวเล็กยืนถือจานข้าวไข่เจียวอยู่กลางโรงอาหาร ตอนนี้แทบไม่มีโต๊ะว่างเหลืออยู่เลย แต่เหมือนวันนี้โลกใบกลม ๆ จะใจดีกับใกล้ใจคนนี้ เพราะนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะข้างหน้าลุกออกพอดี ใกล้จึงรีบเดินไปนั่งลงที่โต๊ะยาวตัวนั้น
แต่ก่อนจะลงมือตักไข่เจียวเข้าปาก ใกล้ก็ขอก้มหน้าลงไปสูดกลิ่นหอม ๆ อีกสักที แต่เป็ในตอนนี้ที่ใกล้รู้สึกเหมือนมีใครบางคนเพิ่งหย่อนก้นนั่งลงตรงหน้า เพื่อความแน่ใจจึงเงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม
“ลี้ขอนั่งด้วยนะ”
เป็ในตอนนี้เลย...
ตึก ตัก ตึก ตัก
ที่หัวใจเอ่ยอนุญาตไปแล้ว
“ดะ ได้สิ”
ใกล้คิดว่าถ้าเราได้เจอกันบ่อยกว่านี้ เขาคงไม่ใจเต้นทุกครั้งที่ได้เจอคุณพระจันทร์ อย่างเช่นตอนนี้ที่หัวใจเต้นแรง นั่นเป็เพราะเขาไม่ได้เจอพันลี้มาสองวันเต็ม ไม่ใช่เพราะคุณพระจันทร์อู้งานไม่ยอมมาปรากฏตัวในตอนห้าโมงครึ่งอย่างวันนั้น แต่เป็เพราะใกล้มีประชุมเื่งานโอเพนเฮ้าส์จนถึงค่ำ พอออกมาจากห้องประชุมก็ไม่เจอเ้าตัวแล้ว และเมื่อวานก็ต้องไปซ้อมเล่นขิมหลังเลิกเรียน ทำให้เขาไม่ได้อยู่รอเจอคุณพระจันทร์ดวงเดิมเลย
ถึงแม้จะไม่ได้เห็นคุณพระจันทร์ในทุกวัน
แต่ใกล้ก็ไม่เคยคิดถึงเ้าตัวน้อยลงเลย
และคุณพระจันทร์ยังคงเป็กำลังใจให้เขาเสมอ...
“ทำไมคุณใกล้ถึงมานั่งกินข้าวคนเดียวคะ?”
“พอดีเราเพิ่งซ้อมขิมเสร็จ แล้วเดินมาจากตึกคณะศิลปกรรม เราก็เลยแวะมากินข้าวคนเดียว ส่วนเพื่อน ๆ กำลังแก้งานอยู่ที่ตึกคณะ”
“อ๋ออ ลี้เข้าใจแล้ว”
ใกล้พยายามกลั้นยิ้มเมื่อเห็นอีกคนพยักหน้าแล้วอมยิ้มขณะมองเขา “แล้ว...พันลี้มากินข้าวคนเดียวเหรอ?”
“เปล่าค่ะ...ลี้มากินข้าวกับไอ้แก้มย้อย พี่ฟ้า แล้วก็เพื่อนพี่ฟ้า”
พันลี้พยักพเยิดหน้าไปทางด้านซ้าย เมื่อใกล้หันมองตามก็เห็นเ้าของแก้มย้อย ๆ ที่เขาแสนเอ็นดูนั่งเอาแก้มแนบบนแขนพี่ฟ้าอยู่ เ้าตัวคงจะออดอ้อนอีกฝ่ายอยู่แน่ ๆ ทว่าพอใกล้หันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เห็นคุณพระจันทร์ที่ไม่รู้จ้องมองกันนานแค่ไหนแล้วอมยิ้มอยู่
“คุณใกล้...”
“คะ ครับ?”
“เมื่อกี้ไอ้แก้มย้อยฝากมาบอกว่า...”
สายตาแบบนี้...
...ที่ดูขี้เล่นแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น
“…”
“คิดถึงคุณใกล้มาก ๆ เลย”
ตู้ม!
ไม่เคยคิดเลยว่า...ความคิดถึงของที่รักที่ถูกฝากผ่านมาทางคุณพระจันทร์จะมีอนุภาคร้ายแรงขนาดทำให้หัวใจะเิกระจุยกระจายอยู่ภายในร่างได้
ความจริงแล้ว...สิ่งที่โจมตีหัวใจของเขาไม่ใช่ความคิดถึงของที่รักที่ฝากมาให้หรอก แต่เป็คนรับฝากสารต่างหากที่โจมตีหัวใจดวงน้อย ๆ จนพังย่อยยับ
“เรา...เราก็คิดถึงที่รักเหมือนกัน”
ใช่...คิดถึงที่รักมาก ๆ
แต่ในใจ + เพิ่มไปอีก 1 คน
ใกล้คิดถึงคุณศศินมาก ๆ เลยนะ
“เดี๋ยวลี้ไปบอกไอ้แก้มย้อยให้นะคะ”
ใกล้พยักหน้า ก่อนเอ่ยต่อ “แล้วทำไมพันลี้ถึงย้ายมานั่งกับเราล่ะ?”
“ลี้ไม่อยากเห็นคนนั่งจู๋จี๋กันน่ะค่ะ”
“พันลี้หมายถึงพี่ฟ้ากับที่รักใช่ไหมนะ?”
“ใช่ ~ ลี้เหม็นความรัก”
ใกล้คิดไว้ไม่มีผิด สองคนนั้นตกหลุมรักซึ่งกันและกันจริง ๆ ด้วย “ความรักมีกลิ่นหอมจะตาย พันลี้บอกว่าเหม็นได้ยังไงนะ”
คนฟังหัวเราะเบา ๆ ก่อนเอ่ย “มันหอมแบบไหนนะ?” คุณพระจันทร์พูดพลางทำจมูกฟุดฟิดคล้ายกำลังดมกลิ่นอะไรอยู่ “...คล้าย ๆ กลิ่นน้ำหอมของคุณใกล้หรือเปล่า?”
“พันลี้ได้กลิ่นน้ำหอมของเราด้วยเหรอ?” ใกล้ถามทั้งที่พยายามเก็บอาการ พอรู้ว่าพันลี้ได้กลิ่นน้ำหอมของเขา ใกล้ก็รู้สึกเขินสุด ๆ ไปเลย
“ครับ...มันหอมฟุ้งมากเลยอะ แค่คุณใกล้ขยับตัวก็ได้กลิ่นแล้ว”
“แล้วพันลี้ชอบไหม?”
“...”
ใกล้เลิกตาโตด้วยความใเมื่อตั้งสติได้ว่าตัวเองเลือกใช้ประโยคคำถามที่ค่อนข้างกำกวม มือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างถูกยกขึ้นโบกไปมา ก่อนเอ่ย “ระ เราไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นนะพันลี้”
“...”
“เราหมายถึง...ชอบน้ำหอมกลิ่นแบบนี้ไหม? ถ้าไม่ชอบกลิ่นแบบนี้ เราจะได้นั่งออกห่างอีกหน่อย เดี๋ยวพันลี้จะเวียนหัว”
คุณพระจันทร์อมยิ้ม ก่อนจะก้มหน้ามองจานข้าวของเ้าตัว ใกล้ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางต่อว่าตัวเองที่เขินจนเผลอถามอะไรไม่เข้าท่าออกไป
พันลี้ยังคงก้มหน้าเอาช้อนเขี่ยข้าวอยู่ ก่อนเอ่ย “ชอบค่ะ...ลี้ชอบน้ำหอมกลิ่นแบบนี้แหละ”
“…” และคำตอบของพันลี้ก็ดูไม่เข้าท่าเอาซะเลย เพราะทำให้หัวใจของเขาที่เพิ่งประกอบคืนร่างะเิกระจุยกระจายอีกครั้ง
“แล้ว...” คุณพระจันทร์เงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ก่อนเอ่ยถาม “กลิ่นแบบไหนที่คุณใกล้ชอบ?”
“เอ่อ...”
“แบบนี้พอได้ไหม?”
ใกล้เลิกตาโตอีกครั้งเมื่อมือหนาของอีกคนที่เพิ่งละออกจากช้อนยื่นมาตรงหน้าเขา คล้ายอยากให้ลองดมกลิ่นน้ำหอมที่หลังมือเนียนละเอียด ใกล้เขินจนไม่รู้จะทำอย่างไร เขาจึงย่นจมูกแล้วส่ายหน้าเบา ๆ เพื่อปฏิเสธ
“หลอกให้ดม...ไม่ดมหรอก”
พันลี้หัวเราะร่า แล้วชักมือกลับไป “ไม่ดมก็ไม่ดม แต่ไม่เห็นต้องทำหน้าตาน่ารักขนาดนี้เลย”
ใกล้ไม่ได้ตอบอะไร เขาเลือกก้มหน้าแล้วตักข้าวใส่ปากแทน เวลาที่โดนคนที่แอบชอบชม มันเขินเป็บ้าเลยนะ แต่เพราะใกล้นึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงเงยหน้ามองอีกฝ่าย
“พันลี้...เราซักเสื้อให้พันลี้เรียบร้อยแล้วนะ วันนี้เราเอาติดรถมาด้วย แต่ลานจอดรถอยู่ไกลมาก ๆ เลย งั้นเรา...”
“เอาไว้คืนวันอื่นก็ได้ค่ะ ลี้ไม่ได้รีบใช้”
“เราว่าจะฝากพี่ดอมไปคืนให้ แต่่นี้เห็นพี่ดอมยุ่ง ๆ เลยไม่อยากรบกวน”
“งั้นคุณใกล้ก็ไม่ต้องฝากให้พี่ดอมเอามาคืนให้ลี้นะ คุณใกล้เอามาคืนด้วยตัวเองดีกว่า”
ใกล้พยายามกลั้นยิ้ม ก่อนเอ่ย “เราก็คิดแบบนี้เหมือนกัน”
“ถ้าใจตรงกันแล้ว...” คุณพระจันทร์พูดพลางอมยิ้ม ก่อนเอ่ยต่อ “...ก็ไม่ต้องคิดมากแล้วเนอะ”
เพราะสุดจะกลั้นกับประโยคคำพูดของพันลี้ ใกล้จึงปล่อยให้ตัวเองยิ้มออกมา ก่อนพยักหน้าหงึกหงัก ทว่าช้อนของอีกคนที่ตักกะเพราหมูในจานของเ้าตัวมาใส่จานเขา ทำให้ใกล้ค่อย ๆ หุบยิ้มแล้วเปลี่ยนไปขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแทน และเหมือนคนตรงหน้าจะรู้ว่าเขาไม่เข้าใจกับการกระทำนี้จึงเอ่ยขึ้น
“ในจานมีผักกับไข่แล้ว”
“...”
“แต่ยังขาดเนื้อสัตว์”
“…”
“ดูแลตัวเองบ้างนะคะคุณใกล้”
ใกล้มั่นใจว่าคุณพระจันทร์ไม่รู้เื่ส่วนตัวของเขาแน่ ๆ แต่ทำไมเ้าตัวถึงได้รู้ว่าเขาไม่ค่อยใส่ใจเื่อาหารการกินของตัวเอง “ขอบคุณนะพันลี้”
“เหมือนเดิมเลย...ลี้ขอเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็ให้คุณใกล้ดูแลตัวเองดี ๆ ได้ไหม?”
“ได้ครับ...ใกล้จะดูแลตัวเองดี ๆ เลยนะ”
“ดีมากค่ะ”
คุณพระจันทร์ส่งยิ้มที่ทำให้หัวใจพองโตมาให้ ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อ ใกล้เคยคิดสงสัยถึงเหตุผลที่เ้าตัวมักจะเข้ามาหาเขาก่อนตลอด แต่เมื่อหวนนึกถึงวันที่พันลี้ขับรถไปส่งที่คอนโด ใกล้ถึงได้รู้ว่าคุณพระจันทร์เป็คนที่รักษาสัญญา เพราะเ้าตัวทำตามที่พูดไว้จริง ๆ
‘แต่ถ้าลี้เป็ฝ่ายเห็นใกล้ก่อน...ลี้จะเข้าไปทักใกล้เอง’
ไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็ยังไง
แต่ตอนนี้คุณพระจันทร์ไม่เคยผิดสัญญาเลย…
ใกล้ละสายตาออกจากพันลี้ในตอนที่มีใครบางคนทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ เ้าตัว เมื่อเห็นพันลี้หันไปแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ใส่ เขาจึงรู้ได้ในทันทีว่าเป็เพื่อนของเ้าตัว
“เจอหน้าเพื่อนทั้งที ทำไมทำหน้าแบบนี้ล่ะลี้ ~”
“เบื่อเพื่อนขี้เสือกแบบมึง”
“อะไร ~ ไม่ได้จะมาเสือกเลยนะเว้ย”
“แล้วมาทำเหี้ยอะไร?”
“ก็...แหะ ๆ ยอมรับก็ได้ว่ามาเสือก”
“ไอ้ควาย!”
“พวกกูที่นั่งอยู่มุมนู้นมองมึงตั้งนานแล้ว” เพื่อนของพันลี้พูดพร้อมหรี่ตาใส่เ้าตัว “….เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่ามึงมีเพื่อนเรียนการบินด้วย”
“คุณใกล้เป็น้องของเพื่อนสนิทพี่ฟ้า กูก็เพิ่งรู้จักได้ไม่นาน...ก็เลยยังไม่ได้พาไปแนะนำให้พวกมึงรู้จัก”
“อ๋อออ....”
“อ๋อเหี้ยอะไรยาวขนาดนั้นอะ ถ้ายาวกว่านี้จะเอาส้นตีนอุดปากแล้วนะ”
“ไอ้สัด โหดจริง ๆ ”
พันลี้ถอนหายใจก่อนจะหันมามองเขา “คุณใกล้...นี่ไอ้บอสค่ะ เพื่อนสมัยมัธยมของลี้เอง มันเรียนอยู่คณะสถาปัตย์”
“ค่ะ ด้วยยย”
“กูให้มึงพูดอีกที”
“ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวมึงกระทืบกู”
“…”
“แต่ก็อยากรู้ว่าทำไมต้องพูดเพราะขนาดนี้ด้วย...ไม่เหมือนพันลี้เลยน้า ~”
“กูก็เป็พันลี้คนเดิมแหละ...แต่แค่เลือกปฏิบัติ”
“ไอ้สัด ชัดเจน”
“คนไม่น่ารักแบบพวกมึงก็โดนกูหยาบคายใส่ต่อไป”
“น้อยใจสัด ๆ ” คนที่ชื่อบอสพูดก่อนจะหันมามองใกล้ พลางส่งยิ้มให้อย่างเป็มิตร “ชื่อ ‘ใกล้’ เหรอ?”
“ครับ”
“คุณใกล้ไม่ต้องพูดเพราะกับมันหรอก พวกมันเป็คนบาป จิตใจไม่ดี คุณใกล้แค่พยักหน้าก็พอค่ะ”
“ไอ้ลี้! มึงจะเกินไปแล้วนะ กูยังไม่ทันได้ทำความรู้จักกับคุณใกล้เลย มึงก็ใส่ร้ายขนาดนี้แล้ว”
“กูพูดเื่จริง กูไม่เคยใส่ร้ายใคร”
“กูไม่คุยกับมึงแล้ว คุยกับคนน่ารักดีกว่า” ว่าพลางมองใกล้อีกครั้ง “ปากนิด จมูกหน่อย ใครให้มาอะ?”
“กูให้เขามั้งไอ้สัด! ถามควาย ๆ ”
ใกล้กะพริบตาปริบ ๆ ขณะมองพันลี้กับเพื่อนสลับกันไปมา สถานการณ์ตรงหน้าคล้ายพันลี้กำลังโดนยั่วโมโหอยู่ คนชื่อบอสพยายามจะพูดคุยกับเขาหลายครั้ง ทว่าพันลี้ก็คอยขัดขวางอย่างเห็นได้ชัด นั่นคงเพราะเ้าตัวกลัวเพื่อนจะเผลอพูดไม่เพราะกับเขาเหมือนตอนที่เจอเนที่คอนโด
“ลี้...ขอกูคุยกับเพื่อนมึงบ้างเถอะ นาน ๆ ทีกูจะเจอคนน่ารัก”
“คุณใกล้อิ่มหรือยังคะ?”
ใกล้หลุบตามองจานข้าวตรงหน้า ก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ “ยังเลย เราเพิ่งกินไปสองคำเอง”
“เหรอคะ?” พันลี้หันมองซ้ายมองขาว ก่อนเอ่ยต่อ “งั้นเราย้ายโต๊ะกันดีไหม?”
“โห ไอ้สัด ถ้าจะขนาดนี้ กูไปเองก็ได้ลี้”
“ก็ไปดิ”
“มึงจะไม่รั้งกูหน่อยเหรอ?”
“มึงมีความสำคัญอะไรให้กูรั้งไว้อะ”
“เพื่อนห่า! ไม่เคยพูดถนอมใจกันเลย”
“ไปได้แล้ว มึงรบกวนเวลากินข้าวของคุณใกล้นานแล้ว”
“เออ ๆ ”
ใกล้ยกมือขึ้นโบกลาคนที่ทำท่าจะลุกออกจากโต๊ะ แต่เมื่อบอสเห็นเขาโบกมือให้ เ้าตัวก็ทิ้งตัวนั่งลงที่เดิมแล้วส่งยิ้มให้เขา
“เห็นแบบนี้แล้วไม่อยากลุกเลยอะ”
“...” ใกล้เม้มริมฝีปาก มือเรียวที่ยกขึ้นโบกไปมาชะงักค้างอยู่อย่างนั้น ก่อนที่มือของใครบางคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจะเอื้อมมาคว้ามือของเขาไปกุมไว้
“คุณใกล้...ไม่เอาดิ ไม่ต้องบ๊าบบายมันหรอก”
“…” ใกล้นิ่งเงียบแล้วหลุบตามองมือของตัวเองที่ถูกดึงไปวางทาบบนโต๊ะอาหารโดยมีมือหนาของคุณพระจันทร์กุมอยู่ พันลี้คงลืมตัวว่าจับมือเขาไว้ เ้าตัวถึงได้หันไปเถียงกับเพื่อนทั้งที่ยังจับมือเขาไว้อย่างนั้น
“ยังนะ ยัง...”
“ยังอะไรเพื่อนลี้?”
“ยังไม่ไปอีกไอ้สัด!”
“เออ ไปแล้ววว ดุฉิบหายเลย”
ใกล้อยากจะยกมือโบกลาบอสที่หันมาส่งยิ้มให้ครั้งสุดท้าย แต่เพราะมือของเขายังโดนคุณพระจันทร์ยึดไว้อยู่เลย ใกล้เลยได้แต่ส่งยิ้มกลับไปให้อีกฝ่าย ก่อนที่คุณพระจันทร์จะหันมามองเขา พันลี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วปล่อยให้เขาเป็อิสระ ฝ่ามือหนาตีลงบนหลังมือของเขาเบา ๆ คล้ายทำโทษ
“พันลี้ตีเราทำไมครับ?”
“ลี้ไม่อยากตีหรอก แต่เพราะคุณใกล้บ๊ายบายไอ้บอสไง”
“ก็...บอสกำลังจะไปแล้ว เราก็เลยทำแบบนั้น”
“เดี๋ยวมันจะได้ใจ คิดว่าคุณใกล้ก็มีใจให้มัน”
ใกล้หลุดหัวเราะออกมา ก่อนเอ่ย “เพิ่งเจอกันครั้งแรก เราจะมีใจได้ยังไง”
“นั่นแหละค่ะ พวกมันเ้าชู้ มันคิดไปได้หมดแหละคุณใกล้”
“…”
“ที่ลี้ไม่ค่อยอยากให้เพื่อนคุยกับคุณใกล้ก็เพราะเพื่อนของลี้เ้าชู้กันมาก ๆ เ้าชู้แทบจะทุกคนด้วย”
ใกล้อมยิ้มขณะมองคุณพระจันทร์ที่พูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง ก่อนเอ่ย “รวมถึงพันลี้ด้วยไหมนะ?”
“ไม่รวมสิคะคุณใกล้ ห้ามรวมลี้ไปเด็ดขาดเลย”
“...”
“ลี้ไม่ใช่คนเ้าชู้”
ใกล้หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก “เชื่อก็ได้ครับ”
“เห็นไหม...ไอ้บอสมานั่งแค่แป๊บเดียวเอง แต่ทำลายความน่าเชื่อถือของลี้ไปตั้งเยอะเลย”
“ไม่หรอก...” ใกล้ไม่รู้ว่าตัวเองไปขนเอาความกล้ามาจากไหน แต่เขาดันกล้าจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น ก่อนเอ่ย “เราเชื่อในสิ่งที่เห็นมากกว่าสิ่งที่ได้ยิน เพราะฉะนั้นจะไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงพันลี้คนดีในสายตาเราไปได้หรอก”
คุณพระจันทร์กัดริมฝีปาก ก่อนจะย่นจมูกเล็กน้อยคล้ายกำลังมันเขี้ยวอะไรบางอย่าง ใกล้ใจเหลวไปหมดเมื่อเห็นคุณพระจันทร์ทำหน้าน่ารัก ๆ แบบนี้
“นอกจากจะน่ารักเก่งแล้ว คุณใกล้ก็ยังพูดให้คนอื่นสบายใจเก่งด้วย”
เป็คำชมที่...เขินเป็บ้าเลย
“เราขอกินข้าวคำที่สามก่อนนะ”
“ครับผม”
ใกล้ตักข้าวใส่ปาก เขาพยายามเคี้ยวข้าวโดยไม่ยิ้ม แต่ไม่สามารถทำได้เลย ใกล้เลยทำได้แค่มองจานข้าวตรงหน้าแล้วปล่อยให้ตัวเองได้ยิ้ม
ครืด ~
ทว่าเสียงสั่นครืดเรียกความสนใจของเขาจากจานข้าวตรงหน้า ใกล้ล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วดูชื่อที่ระบุอยู่บนหน้าจอ
‘Pie’
ใกล้รีบเคี้ยวข้าวแล้วกลืนลงคอด้วยความรวดเร็วก่อนจะกดรับสาย คนตรงหน้าคงเห็นท่าทางเร่งรีบของเขาจึงส่งขวดน้ำของเ้าตัวที่ถือติดมือมาด้วยให้เขา แม้ข้าวคำโตจะถูกบดละเอียดแล้ว แต่มันก็ผ่านลำคอลงสู่กระเพาะได้ยากพอสมควร
ข้าวคำนี้ฝืดคอสุด ๆ เลย
T_____T
“ดื่มน้ำของลี้ก่อนสิคะคุณใกล้ เดี๋ยวติดคอ”
ใกล้มองขวดน้ำสลับกับพันลี้ “...”
“ถ้าไม่รังเกียจที่ลี้ดื่มไปแล้วหนึ่งครั้ง คุณใกล้ดื่มน้ำของลี้ได้นะ”
ใกล้ไม่เคยคิดรังเกียจคุณพระจันทร์เลยสักครั้ง แต่เขาแค่อึ้งกับความใจดีและใส่ใจของอีกคนอยู่ ใกล้ส่งมือไปหยิบขวดน้ำมาก่อนจะยกขึ้นดื่ม แล้วรีบคุยกับคนที่อยู่ในสาย
“ฮัลโหลพาย”
[เราส่งงานเข้าเมลไปแล้วนะใกล้]
“โอเค ๆ เดี๋ยวเราเอาไปปริ้นท์ให้นะ”
[ใกล้จะเอาไปปริ้นท์ที่ตึกนิเทศใช่ปะ?]
“ใช่ ๆ ”
[โอเคเลย ไม่ต้องรีบนะ เดี๋ยวเรากับเมย์ขึ้นไปจองที่นั่งให้ก่อน]
ใกล้ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา “โอเค เหลือเวลาอยู่อีกชั่วโมงกว่า ๆ เลย”
[ใช่ ~]
“งั้นเราขอกินข้าวต่อก่อนนะ”
[จ้า]
ริมฝีปากบางค่อย ๆ เม้มเข้าหากันในตอนที่เห็นคุณพระจันทร์กระดกดื่มน้ำขวดนั้น ใกล้ส่ายหน้าเบา ๆ พลางเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง
แค่ดื่มน้ำขวดเดียวกันเองใกล้ใจ...
จะเขินอะไรนักหนา
“คุณใกล้จะไปปริ้นท์งานเหรอคะ?”
“ใช่ เราว่าจะไปปริ้นท์รายงานที่ตึกนิเทศ เพราะว่ามันอยู่ใกล้ ๆ กับโรงอาหาร”
“ร้านนี้ราคาถูกกว่าร้านอื่นด้วย ลี้ไปปริ้นท์งานประจำเลย”
“อ๋อ...”
“วันนี้ลี้ก็มีงานต้องปริ้นท์เหมือนกัน”
“…”
“ลี้ขอไปด้วยนะคะ”
“ได้เลย”
คุณพระจันทร์ใจดีอีกแล้ว ต่อเวลาให้กันตลอดเลย
:)
#ใกล้แค่พันลี้ ☾
“คุณใกล้...เพื่อนของคุณใกล้ส่งงานมาทางไหนเอ่ย?”
ใกล้ที่เพิ่งเลือกกระดาษหน้าปกเสร็จแล้วยื่นให้พี่เ้าของร้านรีบเดินไปหาคุณพระจันทร์ที่นั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊ก แม้ภายในร้านจะมีนักศึกษามาใช้บริการค่อนข้างเยอะ แต่เราสองคนไม่ต้องรอคิวเพราะพี่เ้าของร้านที่ดูสนิทสนมกับพันลี้บอกให้เข้าไปใช้โน้ตบุ๊กส่วนตัวได้เลย
คนตัวเล็กเดินหลบหลีกผู้คนมาหาคนที่เอ่ยถามเขาเมื่อครู่ ใกล้คว้ากระดาษแผ่นเล็ก ๆ กับปากกาที่วางอยู่บริเวณนั้นมาเขียนชื่อเมลของตัวเองส่งให้พันลี้
“เพื่อนเราส่งไฟล์งานมาทางเมล...อันนี้เมลเรานะ”
“ค่ะ”
พันลี้รับกระดาษไปแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองชื่อจริงของเขาที่สะกดเป็ภาษาอังกฤษ ใกล้คิดว่าพันลี้คงสงสัยในชื่อจริงของเขาเหมือนกับคนอื่นแน่ ๆ เลย เพราะตอนเขาเรียนมัธยม เพื่อนในห้องจะชอบสงสัยว่าทำไมถึงมีชื่อคล้ายผู้หญิง และเพื่อนมักจะบอกว่าชื่อของเขาดูไม่ทันสมัยเอาซะเลย ชื่อ ใกล้ใจ คล้ายชื่อของตัวละครในสมัยก่อนมากกว่า ใกล้ได้ยินแบบนี้มาจนชินแล้ว แต่เพราะเขารู้ความหมายที่แท้จริงของชื่อนี้…
และเป็ชื่อที่แม่ตั้งใจตั้งให้เขา
ใกล้จึงรักชื่อของตัวเองมาก
“ใกล้ใจ...”
“…”
“ชื่อจริงของคุณใกล้เหรอคะ?” พันลี้ที่นั่งอยู่หันมาถามด้วยสีหน้าสงสัย
คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พยักหน้าหงึกหงัก “ใช่...จริง ๆ คุณแม่ตั้งให้เป็ทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นเลย แต่ส่วนมากก็เรียกกันแค่ ‘ใกล้’ เฉย ๆ ”
“ชื่อโคตรน่ารักเลย”
คนที่เพิ่งเอ่ยชมชื่อของเขาเป็คนแรกยิ้มแล้วหันกลับไปพรมนิ้วบนแป้นพิมพ์เพื่อเข้าเมลให้เขา ใกล้เพิ่งเคยได้ยินคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวชมชื่อ ‘ใกล้ใจ’ เป็ครั้งแรก เมื่อได้ยินประโยคคำพูดนี้ของคุณพระจันทร์ หัวใจไม่เต้นแรงอย่างที่ควรจะเป็ แต่มันกลับรู้สึกบางอย่าง เป็ความรู้สึกที่ตีตื้นมาจุกอยู่ที่บริเวณลำคอ
“ขอบคุณนะพันลี้”
“ลี้แค่เข้าเมลให้เอง ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ”
“เราไม่ได้ขอบคุณเื่นี้...” ใกล้สบตากับคุณพระจันทร์ที่หันมามองด้วยความสงสัย “ขอบคุณที่บอกว่าชื่อเราน่ารัก”
พันลี้ยิ้มกว้างออกมา ก่อนเอ่ย “ก็ชื่อ ‘ใกล้ใจ’ น่ารักจริง ๆ นี่คะ”
“...” คนที่เอ่ยชมชื่อนี้อย่างจริงใจ...ก็คงจะมีคุณพระจันทร์คนเดียวเท่านั้น
“มีคนเคยบอกว่าชื่อนี้ไม่น่ารักด้วยเหรอ?”
“ก็...”
“คุณใกล้ยังจำคนนั้นได้อยู่ไหม? ...เดี๋ยวลี้ไปเคลียร์ให้”
ใกล้หัวเราะเมื่อเห็นอีกคนทำหน้าตาจริงจัง ก่อนเอ่ย “จำไม่ได้แล้ว”
“จำไม่ได้หรือกลัวมีเื่คะ?”
“ถ้าเอาความจริงก็กลัวมีเื่”
พันลี้อมยิ้ม ก่อนเอ่ย “ต่อไปนี้ถ้าใครพูดว่าชื่อนี้ไม่น่ารัก...ลี้จะตามไปต่อยปากทุกคนเลย”
“คงไม่มีใครกล้าว่าเราแล้วแหละ เพราะกลัวโดนพันลี้ต่อยปาก”
“ลี้ไม่ใช่คนเถื่อนนะคุณใกล้ แต่ไม่ชอบพวกที่เอาแต่ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่อะ” พันลี้พูดพลางเปิดไฟล์งานให้เขา “คนพวกนี้ต้องโดนสั่งสอนให้เข็ด”
“อย่าไปสั่งสอนใครจนตัวเองต้องเจ็บตัวนะ”
“...”
ใกล้พูดไปแบบนั้นเพราะเป็ห่วงอีกคนจริง ๆ เพราะพระจันทร์มีดวงเดียวบนโลก ต่อให้มีพระอาทิตย์ก็ไม่สามารถมาทดแทนพระจันทร์ดวงเดิมของเขาได้
“รู้ไหมพันลี้?”
“รับทราบค่ะ”
“ดีมาก”
“คนหัวร้อนง่ายแบบลี้ พอได้คุยกับคุณใกล้แล้วเหมือนจะใจเย็นขึ้นเลย”
ใกล้หัวเราะ ก่อนจะยกมือขึ้นทาบที่เรือนผมสีบลอนด์ทอง คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย ก่อนเอ่ย “หัวไม่เห็นร้อนเลย”
“เนี่ย...ทำตัวน่ารักอีกแล้วไง ไม่แปลกใจเลยที่เพื่อนลี้ชอบเข้ามาคุยกับคุณใกล้”
มือเรียวที่ััเรือนผมสีบลอนด์ทองชักกลับมาไว้ข้างกายเหมือนเดิม ก่อนจะส่งยิ้มให้อีกฝ่าย เมื่อกี้ใกล้เผลอปล่อยใจให้ตัวเองทำในสิ่งที่อยากทำ ใกล้รู้สึกเป็ตัวเองอย่างไม่ต้องฝืนในทุกครั้งที่ได้ขยับเข้าใกล้คุณพระจันทร์
คล้ายว่าทุกการกระทำและคำพูดของเราสองคน
มันออกมาจากใจจริง ๆ ...
“ลี้สั่งปริ้นท์งานให้แล้วนะคะ เดี๋ยวเราไปรองานที่หน้าร้านกันดีกว่า”
“โอเค”
“เวลาคุณใกล้โดนชมว่าน่ารัก คุณใกล้เขินบ้างไหม?”
ใกล้หันมองคนที่เดินขนาบข้างเขาอยู่ ก่อนจะพูดปนหัวเราะ “เขินสิ”
“ลี้สังเกตหลายครั้งแล้ว ดูเหมือนคุณใกล้ไม่ค่อยเขินเลย ส่วนมากจะนิ่ง ๆ ”
“ถ้าเรานิ่ง ๆ ก็คือกำลังเขินอยู่”
“อ๋อ...”
“…” ใกล้มองคนที่อมยิ้มขณะมองเขา
“แล้วปกติมีคนชมคุณใกล้ว่าน่ารักบ่อยไหม?”
“บ่อยนะ”
“แค่ชมใช่ไหมคะ?”
“พันลี้หมายถึง...”
“หมายถึงแค่ชมแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรต่อ...” แววตาขี้เล่นเปลี่ยนเป็จริงจัง ก่อนเอ่ยต่อ “...ไม่ได้จีบ”
ถึงจะสงสัยในคำถามของพันลี้ แต่ใกล้ก็เลือกจะตอบความจริงออกไป “ก็มีจีบบ้างนะ”
“มีจีบด้วยเหรอ?”
“อื้อ”
“มีมาเรื่อย ๆ เลยหรือเปล่าคุณใกล้?”
ใกล้หยุดฝีเท้าเมื่อเดินมาถึงหน้าร้าน ก่อนเอ่ยตอบ “เรื่อย ๆ ไหมเหรอ? ...เราไม่ค่อยได้สนใจเื่นี้เลย ก็เลยจำไม่ค่อยได้ว่ามีมาเรื่อย ๆ ไหม”
“งั้นล่าสุดที่มีคนจีบคุณใกล้คือเมื่อไหร่คะ?”
ใกล้ขมวดคิ้วคล้ายครุ่นคิด “ล่าสุดเลยเหรอ? ...จริง ๆ อันนี้ไม่เรียกว่าจีบนะ แต่รุ่นพี่บอกว่าน้องแอบชอบเฉย ๆ ”
“อันนี้ลี้นับว่าจีบค่ะ เด็กมันกำลังจะจีบ”
“ถ้าพันลี้นับด้วย...ก็เพิ่งเมื่อ่สิบเอ็ดโมงก่อนเรามากินข้าวที่โรงอาหาร เราเพิ่งรู้ตอนนั้นเลย เพราะน้องมาช่วยเรายกขิมไปเก็บให้ พอดีเราต้องไปซ้อมขิมเพราะมีแสดงวันงานโอเพนเฮาส์”
“ล่าสุดคือวันนี้เลยเหรอคะคุณใกล้?”
“...” ใกล้กะพริบตาปริบ ๆ ขณะมองพันลี้ที่เลิกตาโตคล้ายใ พันลี้คงไม่คิดว่าคนที่ไม่ค่อยมีสีสันและจืดชืดอย่างเขาจะมีคนจีบสินะ
ใกล้ใจก็มีคนสนใจนะคุณพระจันทร์
แต่ใกล้ใจคนนี้สนใจแค่คุณศศินไง...
“...ฮอตจังเลยอะ”
ประโยคคำพูดของคุณพระจันทร์ทำให้ใกล้หลุดยิ้มออกมา “ไม่ได้ฮอตเลย...จริง ๆ น้องไม่ได้จีบเราเลยนะ รุ่นพี่แค่เล่าให้ฟังเฉย ๆ เราต้องได้ยินจากปากน้องก่อน ถึงจะมั่นใจได้ว่าน้องชอบและตั้งใจจีบเราจริง ๆ ”
“คุณใกล้ไม่ต้องรอฟังจากปากรุ่นน้องหรอก มั่นใจได้เลยว่าอีกไม่นานเด็กนั่นต้องมาจีบคุณใกล้แน่ ๆ ”
“แต่...”
“รายงานได้แล้วครับ...”
บทสนทนาของเราสองคนหยุดชะงัก เพราะโดนพี่เ้าของร้านพูดแทรกขึ้น พันลี้เอื้อมมือไปรับเล่มรายงานมาให้เขา เ้าตัวหยิบงานของตัวเองมาม้วนเป็ทรงกระบอก ก่อนจะล้วงหยิบเงินจ่ายให้พี่เ้าของร้านไป
“พันลี้ ค่างานของเราเท่าไหร่ครับ?”
“ลี้จ่ายให้ เพราะคุณใกล้อนุญาตให้ลี้มาปริ้นท์งานด้วย”
“ไม่เอา ๆ เราเกรงใจ”
“เมื่อกี้คุณใกล้ยังพูดไม่จบเลย”
“เมื่อกี้เหรอ?” ใกล้นึกย้อนไปถึงเมื่อครู่ ก่อนเอ่ย “อ๋อ เราจะบอกว่า...แต่เราคงไม่ได้อะไรกับรุ่นน้องคนนั้นหรอก”
“เพราะอะไรคะ...เด็กมันขี้วอแวใช่ไหม?”
ใกล้หัวเราะเบา ๆ ก่อนเอ่ย “ไม่ใช่หรอก”
“แล้วเพราะ?”
จะพูดได้ยังไงว่า...เพราะในใจมีคุณพระจันทร์อยู่แล้ว “ค่างานเท่าไหร่นะพันลี้? ไม่ต้องชวนเราเปลี่ยนเื่เลย”
“ครั้งนี้ลี้ออกให้ ไว้ครั้งหน้าคุณใกล้ออกให้ลี้ล่ะกัน”
เพราะอยากให้มีครั้งหน้าและครั้งต่อ ๆ ไป ใกล้จึงพยักหน้าตอบรับ “โอเค”
“ไปรอลิฟต์กันค่ะ”
ใกล้เดินมารอลิฟต์กับคุณพระจันทร์ เราสองคนต่างนิ่งเงียบ ก่อนจะหันไปมองคนข้างกาย เป็ในตอนนี้ที่เราเผลอสบตากัน ใกล้จึงหลุดยิ้มออกมา และพันลี้ก็ยิ้มเหมือนกัน
“เพราะอะไรนะที่คุณใกล้จะไม่สนใจเด็กคนนั้น?”
ทำไมพันลี้ถึงอยากรู้จังเลยนะ ใกล้สบตากับคนขี้สงสัย ก่อนที่ั์ตาคู่นั้นจะสะกดให้เขาตอบความจริงออกไป “เพราะ...ถ้าเรามีคนในใจอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีใครอีกกี่คนเข้ามาหา เราก็ไม่สนใจหรอก”
“…”
แย่แล้วใกล้...
พูดอะไรออกไปน่ะ
T___________T
ใกล้รีบหลบสายตาอีกคนแล้วเงยหน้ามองตัวเลขที่ปรากฏอยู่เหนือประตูลิฟต์แทน เขาหวังว่าพันลี้จะมองไม่ออกว่ามีใครบางคนแอบรักเ้าตัวอยู่
และภาวนาไม่ให้จับได้ว่าเป็ใกล้ใจคนนี้แหละ
ที่แอบรักดวงจันทร์จนหมดใจ...
“การเป็คนรักเดียวใจเดียว มันดีมาก ๆ เลยนะคะ”
ใกล้หันมองคนข้างกาย รอยยิ้มสดใสของคุณพระจันทร์ทำให้ใกล้คลายความเป็กังวล “...”
“ลี้ดีใจแทนคนในใจของคุณใกล้เลยที่คุณใกล้มีความรู้สึกที่มั่นคงต่อเขาขนาดนี้”
ใกล้นิ่งเงียบ ก่อนจะส่งยิ้มบางให้คุณพระจันทร์ ใกล้ไม่กลัวพันลี้เข้าใจผิดคิดว่าเขามีคนที่แอบชอบอยู่แล้วหรอก เพราะเขารู้ดีว่าเื่ของเราไม่มีทางไปได้ไกลเกินกว่า...คนคนหนึ่งที่ขอขยับเข้าไปใกล้พระจันทร์ในทุก ๆ วัน ใกล้ไม่เคยหวังดวงจันทร์
ถ้าพันลี้จะเข้าใจว่าเขามีคนในใจอยู่แล้วก็ไม่เป็ไร
เพราะสุดท้ายความสัมพันธ์ของเราคงเป็ไปได้มากสุดแค่เพื่อนกัน
“เราก็หวังว่าถ้าวันหนึ่งเขาได้รับรู้ว่าเราซื่อสัตย์กับเขามากแค่ไหน...เขาจะดีใจเหมือนที่พันลี้ดีใจ”
ความจริงแล้ว...
คุณพระจันทร์ไม่ต้องดีใจแทนคนคนนั้นหรอก
เพราะคนคนนั้นคือคุณพระจันทร์เอง
คุณพระจันทร์ของใกล้ใจ...ดีใจได้เต็มที่เลยนะ
เพราะใกล้ใจคนนี้จะมั่นคงและซื่อสัตย์ต่อ ‘คุณศศิน’ เพียงคนเดียว
:)
#ใกล้แค่พันลี้
X : @SP251566
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้