เมื่อเห็นเมล็ดพันธุ์เบิกนภาเสวียนเทียนก็กระจ่างว่าทำไมเพิ่งผ่านมาสี่สิบกว่าปีศพของผู้เฒ่าจิ่วต้วนถึงเหลือเพียงโครงกระดูก
ผู้เฒ่าจิ่วต้วนแต่เดิมเป็ช่างหลอมศาสตรา สร้าง ‘ปราณเก้าหลอม’ ขึ้นมา ตนเองย่อมฝึกฝนมาแล้ว ร่างกายย่อมแข็งแกร่งเป็อย่างยิ่งอีกทั้งยังเป็ถึงจอมยุทธ์ชั้นปฐีคนหนึ่งจะคงสภาพร่างหลังหมดลมไว้หลายสิบปีก็ไม่เป็ปัญหา
ต่อให้ผ่านมาสี่สิบกว่าปี ร่างเริ่มเน่าเปื่อยแต่ก็ไม่น่าถึงขั้นเืเนื้อสลายสิ้นเหลือเพียงโครงกระดูกหนึ่งโครงดูแล้วผู้เฒ่าจิ่วต้วนนำพลังวัตรทั้งหมดในร่างของเขาผนึกรวมเป็เมล็ดพันธ์เบิกนภาเมื่อเมล็ดพันธุ์เบิกนภาออกจากร่าง เขาก็กลายเป็คนธรรมดา หลังหมดลมร่างกายก็ย่อมเน่าสลายอย่างรวดเร็วเหลือเพียงโครงกระดูกโครงหนึ่งเท่านั้น
เมื่อมีเมล็ดพันธุ์เบิกนภาเม็ดหนึ่งเสวียนเทียนก็ไม่ต้องวิตกเื่การก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาอีกแล้ว นั่นเป็เื่ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือยาควบปราณแท้ชั้นสูงอะไรก็ไม่อาจเทียบกับเมล็ดพันธุ์เบิกนภาได้
เมล็ดพันธุ์เบิกนภามีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ชั้นสูงกว่าชั้นเบิกนภาขั้นเจ็ดถึงจะผนึกสร้างขึ้นมาได้พลังวัตรทั้งหมดของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นสูงกว่าชั้นเบิกนภาขั้นเจ็ด จะสร้างผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาเพียงคนหนึ่งย่อมง่ายราวพลิกฝ่ามือ
แต่เดิมเสวียนเทียนวิตกเพราะการฝึก ‘ปราณเก้าหลอม’ ขั้นสี่ต้องบรรลุพลังวัตรชั้นเบิกนภาก่อน ตอนนี้มีเมล็ดพันธุ์เบิกนภาการก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาง่ายราวพลิกฝ่ามือ เสวียนเทียนไม่ร้อนรนแล้ว จึงไม่รีบร้อนอยากสำเร็จวิชาให้จิตใจว้าวุ่นเสวียนเทียนถือแหวนมิติขึ้นมาไว้ในมือ เก็บคัมภีร์ ‘ปราณเก้าหลอม’ กับเมล็ดพันธุ์เบิกนภาไว้ในแหวนมิติก่อน เพียงคิด คัมภีร์ ‘หลอมศาสตรา บทพื้นฐาน’ รวมถึงศิลาธาตุทั้งสองก้อนก็ออกมา
เสวียนเทียนพลิกคัมภีร์ ‘หลอมศาสตรา บทพื้นฐาน’ ดูผ่านๆ นิดหน่อย เสวียนเทียนรู้ว่าจะทดสอบพลังธาตุในร่างกายของตนเองอย่างไรกระบวนการง่ายมาก ศิลาธาตุทั้งสองมีจิติญญาอยู่ เพียงร่างกายััถูกศิลาธาตุศิลาธาตุส่องแสงก็แสดงว่าผู้ฝึกยุทธ์มีธาตุที่สอดคล้องกันทั้งนี้แสงสว่างเข้มอ่อนยังแสดงว่าพลังธาตุนั้นสูงหรือต่ำด้วย
ด้านขวาของศิลา สลักรอยไว้ห้าขีดหมายถึงระดับขั้น
ขั้นที่หนึ่งคือระดับธรรมดาขั้นที่สองคือระดับดี ขั้นที่สามคือระดับยอดเยี่ยม ขั้นที่สี่คือระดับสมบูรณ์แบบขั้นที่ห้าสุดคือระดับสุดยอดสมบูรณ์แบบ
ธาตุทั้งห้าเป็ธาตุพื้นฐานมนุษย์ส่วนใหญ่ล้วนมีธาตุทั้งห้าอยู่ แต่ก็มีคนส่วนน้อยขาดธาตุหนึ่งชนิดไปคนจำนวนน้อยนิดบางกลุ่มก็ขาดธาตุถึงสองชนิด นี่คือสิ่งที่เรียกว่าห้าธาตุขาดหายหากร่างกายขาดธาตุชนิดใดเมื่อฝึกวิทยายุทธ์วิชาปราณที่เป็ของธาตุนั้นก็จะช้าเป็พิเศษ ต่อให้เป็อัจฉริยะแห่งยุคก็เช่นกันย่อมมีบางด้านที่ไม่ถนัด
ความเข้มแข็งและอ่อนแอของพลังธาตุในร่างเป็พื้นฐานพร์ของผู้ฝึกยุทธ์ผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่ล้วนมีเพียงพลังธาตุระดับธรรมดา อัจฉริยะบางคนโดดเด่นในบางด้านพลังธาตุที่สอดรับกันก็จะสูงกว่าธรรมดาอยู่บ้าง อาจเป็ระดับดีหรือระดับยอดเยี่ยม
อัจฉริยะที่เก่งกาจน่าหวาดหวั่นบางคนอาจถึงกับมีพลังธาตุระดับสมบูรณ์แบบ
อัจฉริยะส่วนใหญ่ธาตุที่โดดเด่นในห้าธาตุมักมีเพียงหนึ่งมีอัจฉริยะจำนวนน้อยยิ่งกว่าน้อยที่มีธาตุที่โดดเด่นในห้าธาตุสองธาตุขึ้นไป
ช่างหลอมศาสตรากับนักหลอมยาก็เช่นกันไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็ได้
นักหลอมยา้าผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพลังธาตุไฟและธาตุไม้อีกทั้งพลังธาตุไฟยังต้องเป็ระดับยอดเยี่ยมขึ้นไป พลังธาตุไม้ก็ต้องระดับดีขึ้นไปเงื่อนไขเช่นนี้เพียงพอทำผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่ไร้วาสนากับอาชีพนักหลอมยาแล้ว
เงื่อนไขของช่างหลอมศาสตราโหดเสียยิ่งกว่านักหลอมยา้าพลังสองธาตุจากห้าธาตุเช่นกัน คือพลังธาตุไฟกับธาตุทองและพลังทั้งสองธาตุยังต้องถึงระดับยอดเยี่ยมขึ้นไป
พลังสองธาตุจากห้าธาตุต้องถึงระดับยอดเยี่ยมเงื่อนไขที่โหดหินเช่นนี้ พอจะอธิบายได้ว่าทำไมจำนวนช่างหลอมศาสตราบนแผ่นดินเสินโจวจึงน้อยนิดเช่นนี้น้อยกว่านักหลอมยาอยู่มาก
เมื่อเข้าใจเงื่อนไขของช่างหลอมศาสตรารวมถึงวิธีทดสอบแล้วในใจเสวียนเทียนก็ตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย เตรียมทดสอบพลังธาตุของตัวเอง
ยังไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งฐานะของช่างหลอมศาสตรา
เสวียนเทียนเป็มือกระบี่คนหนึ่ง หากกลายเป็ช่างหลอมศาสตรา ในมือถือกระบี่ที่ตนเองหลอมสร้างขึ้นย่อมเป็เื่ที่ทำให้ปลาบปลื้มอย่างมาก
“กระบี่เป็ธาตุทองดูจากความเข้าใจกระบี่ของข้า ในร่างกายของข้าพลังธาตุทองคงไม่น้อยไม่รู้ว่าเป็ระดับใด”
ในใจเสวียนเทียนขบคิด ฝ่ามือก็ยื่นออกไปวางลงบนศิลาธาตุธาตุทองสีเหลืองอร่าม
ฉับพลัน ศิลาธาตุก็เปล่งแสงสีเหลืองทองออกมาเจิดจ้ายิ่งนัก ประกายแสงลามจากรอยสลักขีดที่หนึ่งแผ่ไปถึงขีดที่สองจากนั้นก็คลุมไปถึงขีดที่สาม แสงสีทองยังคงไล่ลามขึ้นไปในที่สุดก็ไปหยุดลงตรงจุดที่ห่างจากรอยสลักขีดที่สี่อยู่อีกหนึ่งส่วนสาม
“พลังธาตุทองระดับยอดเยี่ยมเพียงอีกประมาณหนึ่งส่วนสามก็จะถึงระดับสมบูรณ์แบบพลังธาตุทองของข้า ไม่เลวจริงๆ” เสวียนเทียนยิ้มออกมาน้อยๆ
มีพลังธาตุอย่างหนึ่งในห้าธาตุ ถึงระดับดีก็นับว่าเป็อัจฉริยะที่เหนือกว่าคนธรรมดาแล้วมีพลังธาตุทองถึงระดับยอดเยี่ยมนับว่าเป็หัวกะทิในหมู่อัจฉริยะ
“พลังธาตุทองระดับยอดเยี่ยมไม่รู้ว่าพลังธาตุไฟของข้าจะอยู่ระดับใด” ในใจเสวียนเทียนคิดพร้อมกันนั้นฝ่ามือก็วางลงไปบนศิลาธาตุธาตุไฟ
พริบตาประกายแสงสีแดงเจิดจ้าเหนือสิ่งใดก็แผ่พุ่งขึ้นมาบาดตากว่าแสงสีทองเมื่อครู่สิบเท่า แสงสีแดงเข้มทิ่มแทงจนดวงตาของเสวียนเทียนเปิดไม่ขึ้นไปแล้ว
“นี่มันระดับอะไรกัน? ประกายแสงบาดตามากถึงเพียงนี้ แท้จริงแล้วถึงระดับขั้นใดกัน?”
เสวียนเทียนใอุทานขึ้นดวงตาหรี่เปิดขึ้นมาขีดหนึ่ง มองไปที่ศิลาธาตุธาตุไฟที่แผ่ประกายแสงอยู่
เห็นเพียงศิลาธาตุธาตุไฟทั้งก้อนล้วนเปล่งประกายสีแดงชาดออกมารอยสลักทั้งห้าขีดทุกขีดล้วนโดนแสงสีแดงชาดกลืนเข้าไป
เสวียนเทียนดึงมือออก ประกายแสงสีแดงชาดทั้งหมดก็พลันสลายหายไปดวงตาของเสวียนเทียนเต็มไปด้วนความตื่นตะลึง ตื่นเต้นดีใจพลางเอ่ยขึ้นว่า “แม่เ้าโว้ย แม่เ้าโว้ย ที่แท้ข้ามีพลังธาตุไฟขั้นสุดยอดสมบูรณ์แบบหรือ?”
มีพลังธาตุชนิดหนึ่งถึงระดับสมบูรณ์แบบก็นับว่าเป็อัจฉริยะเข้าขั้นปีศาจแล้วถึงระดับสุดยอดสมบูรณ์แบบหรือ?นั่นจะเป็อะไร? ปีศาจในหมู่ปีศาจสุดยอดในหมู่อัจฉริยะ
อีกทั้ง เสวียนเทียนไม่เพียงมีพลังธาตุไฟระดับสุดยอดสมบูรณ์แบบเท่านั้นยังมีพลังธาตุทองระดับยอดเยี่ยมอีกด้วยคุณสมบัติพลังธาตุเช่นนี้เพียงพอให้อัจฉริยะทุกคนในใต้หล้ารู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าแล้ว
ผ่านไปครู่หนึ่งเสวียนเทียนก็ได้สติกลับมาจากความตื่นเต้นยินดีหัวเราะเสียงดังพลางพูดขึ้นว่า “พลังธาตุไฟระดับสุดยอดสมบูรณ์แบบ พลังธาตุทองระดับยอดเยี่ยม ตามที่คัมภีร์ ‘หลอมศาสตรา บทพื้นฐาน’ บอกไว้ ข้าไม่ใช่แค่มีพร์ของช่างหลอมศาสตรายังเป็อัจฉริยะหายากในหมู่ช่างหลอมศาสตราอีกด้วย”
ไม่ว่าจะเป็หลอมศาสตราหรือว่าหลอมโอสถสิ่งที่สำคัญที่สุดก็ตกอยู่ที่คำว่า ‘หลอม’ นี้ ‘หลอม’ เป็จุดเชื่อมที่สำคัญที่สุดหลอมศาสตราหรือหลอมโอสถล้วนแต่ต้องใช้ไฟหลอมดังนั้นไม่ว่จะเป็ช่างหลอมศาสตราหรือนักหลอมยาพลังธาตุไฟเป็สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เสวียนเทียนมีพลังธาตุไฟระดับสุดยอดสมบูรณ์แบบกล่าวว่าเขาเป็สุดยอดอัจฉริยะในหมู่ช่างหลอมศาสตราก็ไม่เกินเลยแม้แต่น้อย
ในใจของเสวียนเทียนยินดีเก็บศิลาธาตุทั้งสองกลับเข้าไปในแหวนมิติอย่างพึงพอใจแล้วเอาเมล็ดพันธุ์เบิกนภาออกมา
ตอนนี้เสวียนเทียนอารมณ์ดีมากความคิดปลอดโปร่งอย่างที่สุด คนยามดีใจร่างกายย่อมตื่นตัวที่สุดเป็เวลาที่หลอมแปรเมล็ดพันธุ์เบิกนภาได้ดีที่สุด
ถึงแม้ตอนนี้จะฝึกสามขั้นแรกของ ‘ปราณเก้าหลอม’ ได้ แต่ขั้นที่สี่ก็ยังต้องบรรลุชั้นเบิกนภาก่อนถึงจะฝึกได้ ถ้าจะฝึก ‘ปราณเก้าหลอม’ ตอนนี้ไม่สู้หลอมแปรเมล็ดพันธุ์เบิกนภา ก้าวขึ้นสู่ชั้นเบิกนภาก่อน แล้วค่อยฝึก ‘ปราณเก้าหลอม’ รวดเดียวก็ยังไม่สายถึงตอนนั้นความเร็วในการฝึกมีแต่จะเร็วกว่าตอนนี้
เสวียนเทียนนั่งลงกลางห้องศิลามือขวาประคองเมล็ดพันธุ์เบิกนภาไว้หน้าสะดือห่างหนึ่งนิ้วเมื่อปราณในร่างแผ่พุ่งขึ้นมา เมล็ดพันธุ์เบิกนภาถูกกระตุ้นจากลมปราณฉับพลันก็ตื่นตัว ลอยขึ้นมาเอง ลอยเหนือจากฝ่ามือของเสวียนเทียนขึ้นมาหนึ่งนิ้ว
มือซ้ายของเสวียนเทียนวางทับลงมาปิดอยู่้าของเมล็ดพันธุ์เบิกนภา ห่างขึ้นมาหนึ่งนิ้วฝ่ามือทั้งสองกักเมล็ดพันธุ์เบิกนภาไว้ระหว่างกลาง ฝ่ามือกลายเป็เครื่องดูดดูดกลืนพลังของเมล็ดพันธุ์เบิกนภาให้กลายเป็พลังของตนเอง ทะลวงสู่ชั้นเบิกนภา
ในเมล็ดพันธุ์เบิกนภาเป็ปราณแท้บริสุทธิ์ไม่ต้องหลอมเปลี่ยนอีก ดูดกลืนเข้ามาในร่างได้โดยตรง เป็พลังงานบริสุทธิ์กลายเป็ปราณแท้ชั้นเบิกนภาของตัวเอง
เสวียนเทียนฝึกฝน ‘ปราณเบิกนภา’ ถึงขั้นสำเร็จวิชาแล้วปราณในร่างกลายเป็ปราณแท้ชั้นเบิกนภาได้แล้ว ขาดเพียงเวลา
ตอนนี้หลอมแปรเมล็ดพันธุ์เบิกนภายิ่งดูดกลืนปราณแท้ชั้นบิกนภามามาก ปราณในร่างก็ยิ่งได้รับอิทธิพลราวกับเดือดพล่านขึ้นมาความเร็วในการเปลี่ยนเป็ปราณแท้ชั้นเบิกนภาเร็วขึ้นมากกว่าสิบเท่า
ว่าตามพัฒนาการอย่างปกติเสวียนเทียนยังต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่าถึงจะก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาได้เมื่อมีเมล็ดพันธุ์เบิกนภา อาจใช้เพียงสองสามวันก็สามารถเปลี่ยนปราณในร่างให้กลายเป็ปราณแท้ชั้นเบิกนภาได้ทั้งหมดก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาได้แล้ว
นอกจากนี้เพราะว่าเมล็ดพันธุ์เบิกนภาดูดซับปราณแท้ชั้นเบิกนภาโดยตรงมาเมื่อเสวียนเทียนก้าวสู่ชั้นเบิกนภา ปราณแท้ในร่างไม่ว่าจะเป็คุณสมบัติหรือปริมาณล้วนล้ำหน้าเกินกว่าผู้ฝึกยุทธชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งไปไกลต่างชั้นจากพวกเขาโดยสิ้นเชิง
ตอนที่เสวียนเทียนหลอมแปรเมล็ดพันธุ์เบิกนภาทะลวงชั้นเบิกนภานั่นเองในระยะพันลี้ของเทือกเขาดงอสูรชั้นนอกก็เกิดเหตุสัตว์อสูรแตกตื่น
สาเหตุไม่รู้ว่าเกิดจากสิ่งใดที่เทือกเขาดงอสูรชั้นนอก มีสัตว์อสูรที่น่าหวาดกลัวระบุขั้นไม่ได้ตัวหนึ่งเข้ามาที่ซึ่งมันผ่าน ไม่ว่าจะเป็าาสัตว์อสูรขั้นสามหรือสัตว์อสูรขั้นหนึ่งสองต่างพากันขวัญกระเจิง หนีเอาชีวิตรอดรอบทิศ
สัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งออกมาจากโพรงถ้ำวิ่งพล่านแตกตื่นมาเป็ขโยง เจอเขาข้ามเขา เจอน้ำข้ามน้ำ อะไรก็ขวางไว้ไม่ได้
หนิวเจิ้นเยว่ จางกู่ซงเฉิงหยวนกงสามคนรวมไปถึงสมาชิกของทั้งสามตระกูลอีกจำนวนหนึ่งที่อยู่ในเทือกเขาดงอสูรบังเอิญเผชิญกับสัตว์อสูรแตกตื่นครั้งนี้พอดี
สัตว์อสูรที่วิ่งแตกตื่นมาเป็ฝูงเจอเข้ากับผู้ฝึกยุทธ์ชาวมนุษย์ต่อให้สัตว์อสูรไม่โจมตี แต่โดนไล่ทันก็ต้องโดนเหยียบตาย
นอกจากหนิวเจิ้นเยว่ จางกู่ซง เฉิงหยวนกงสามคนสมาชิกของทั้งสามตระกูลที่เหลือทั้งหมดไม่หายตัวไปก็ตายในปากของสัตว์อสูรหรือใต้เท้าของสัตว์อสูร
หนิวเจิ้นเยว่ จางกู่ซงเฉิงหยวนกงสามคนล้วนมีพลังวัตรชั้นสูงสุดของชั้นเบิกนภาขั้นสอง หนีรอดพ้นภัยมาได้แต่ก็าเ็มาบ้าง อีกทั้ง ทั้งสามคนยังพลัดหลงกันท่ามกลางฝูงสัตว์อสูรจางกู่ซงกับเฉิงหยวนกงหนีออกมาจากเทือกเขาดงอสูรได้ แต่หนิวเจิ้นเยว่กลับถูกสัตว์อสูรไล่ไปจนมุมะโลงไปในเหวลึกแห่งหนึ่ง
สัตว์อสูรแตกตื่นครั้งนี้ขนาดไม่ใหญ่นักสัตว์อสูรที่วิ่งกระเจิงไม่ได้หนีออกจากเทือกเขาดงอสูรมายังเขตของมนุษย์เพียงแต่หนีไปยังส่วนอื่นของเทือกเขาดงอสูรเท่านั้นสัตว์อสูรที่ตื่นใบริเวณที่แห่งนี้ นอกจากพวกที่ใจกล้าบางส่วนสัตว์อสูรตัวอื่นอย่างน้อยหนึ่งสองเดือนเกรงว่าคงไม่กล้ากลับมายังพื้นที่แถบนี้แล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้