เมื่อคืนนี้ลู่ซืออวี่มีประจำเดือนมาเป็ครั้งแรก และยังเปรอะเปื้อนผ้าปูที่นอนเป็วงกว้าง เธอใกลัวมาก ตั้งใจว่าจะแอบเปลี่ยนผ้าปูที่นอน แล้วนำไปซักที่ริมแม่น้ำอย่างเงียบๆ
แต่ไม่ทันได้ทำอะไรก็ถูกลู่หลิงซานมาเห็นเข้า ลู่หลิงซานบอกกับลู่ซืออวี่ว่าเธอใกล้ตายแล้ว ไม่เพียงเท่านั้นยังโยนเสื้อผ้าของอีกฝ่าย และเสื้อผ้าที่เหอเสวี่ยฉินเปลี่ยนแล้วทั้งหมดให้ลู่ซืออวี่อีกด้วย
ไหนๆ เธอก็จะตายแล้ว รีบเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปซักด้วยก็แล้วกัน
ลู่ซืออวี่เดิมทีก็ไม่ได้กลัวอะไรมาก แต่พอไปซักผ้าที่ริมแม่น้ำ ยืนอยู่ในน้ำแล้วรู้สึกว่าเืตรงนั้นไหลออกมาเหมือนกับกำลังเทลงมา
ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะตายในทันที
“์” เด็กสาวหลายคนที่กำลังซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำ ชี้มาที่ลู่ซืออวี่แล้วร้องเสียงหลง “ลู่ซืออวี่เืออก เธอกำลังจะตายแล้วใช่ไหม!”
แถมยังมีเืหยดออกมาจากกางเกงอีกด้วย มันไม่ร้ายแรงไปหน่อยเหรอ?
เสียงนั้นเหมือนเป็ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ลู่ซืออวี่ทรุดลง เด็กสาวถึงกับสติแตกในทันที
เมื่อเช้าก็ใจไม่ดี กินข้าวไปได้แค่ไม่กี่คำ พอมาเจอเื่แบบนี้อีก สุดท้ายก็หลับตาแล้วหมดสติไป
สวี่จือจือถือชามเปล่าออกมา เห็นลู่จิ่งซานกับน้องชายกำลังคุยกันอยู่ เธอจึงกวักมือเรียกลู่จิ่งเหนียน
“พี่สะใภ้สาม มีอะไรเหรอ?” ลู่จิ่งเหนียนถาม
“เอ่อ” สวี่จือจือรู้สึกเขินอายเล็กน้อย “ที่นายไม่ได้มีของเยอะแยะเหรอ? งั้นพอจะหาไอ้นั่นได้ไหม?”
“ไอ้นั่นอะไร?” ลู่จิ่งเหนียนทำหน้างง “พี่สะใภ้อยากได้อะไรก็บอกผมมาตรงๆ เลย”
“ก็ไอ้นั่นไง” สวี่จือจือหน้าแดงเรื่อ
จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนตอนที่ไปซื้อผ้าอนามัยที่ร้านค้าตอนมัธยมต้น แล้วเจอเ้าของร้านเป็ผู้ชาย เธอก็เลยถามว่ามีไอ้นั่นไหม? เ้าของร้านผู้ชายก็ไม่รู้เื่อะไรเลย บอกว่า ‘ไอ้นั่นอะไร? เธออยากได้อะไรกันแน่?’
ตอนนั้นเธอก็หน้าบาง พอมีเพื่อนผู้ชายอยู่ในร้านด้วย พอโดนเ้าของร้านพูดแบบนั้นก็ยิ่งไม่รู้จะพูดยังไง พูดตะกุกตะกักอยู่นาน แล้วก็ได้ยินเ้าของร้านพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า ‘ก็แค่ผ้าอนามัย มีอะไรต้องอายกัน’
ตอนนั้นสวี่จือจือรู้สึกหน้าแทบไหม้ อยากจะะเิตัวเองให้ตายไปเลย
“ก็...ผ้...า...อ...น...า...มัย” เธอพูดเสียงเบา “นายพอจะหามาได้ไหม?”
“ผ้าอนามัยเหรอ?” ลู่จิ่งเหนียนถามเสียงดัง “อันนั้นผมให้พี่สามไปนานแล้วนะ? เขายังไม่ได้ให้พี่เหรอ!”
ลู่จิ่งเหนียนทำหน้างุนงง แล้วหันไปถามลู่จิ่งซาน “พี่สาม พี่ไม่ได้เอาของให้พี่สะใภ้เหรอ?”
ลู่จิ่งซาน “...” ไม่อยากจะสนใจน้องชายโง่ๆ คนนี้เลย
“อยู่ในตู้ข้างเตียง” เขาพูดเสียงเรียบ แต่ถ้าอยู่ใกล้ๆ จะเห็นว่าหูของเขากำลังแดงก่ำ
สวี่จือจือ “...” สรุปว่า่หลายวันที่ผ่านมา ที่เขาทำท่าทางมีลับลมคมในไม่กล้าพูดกับเธอ ก็คือเื่นี้เองเหรอ?
สวี่จือจือรีบวิ่งเข้าไปในห้อง เปิดกระเป๋าผ้าที่วางอยู่บนตู้ข้างเตียง ก็เห็นผ้าอนามัยกับกระดาษชำระวางอยู่เต็มไปหมด
แถมยังมี...
สวี่จือจือขยี้ตา
์ เธอกำลังเห็นอะไรอยู่? มีเสื้อชั้นในด้วย! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลู่จิ่งซานถึงไม่กล้าเอาของมาให้เธอด้วยตัวเอง
เมื่อเอาของให้ลู่ซืออวี่แล้วสอนวิธีใช้เสร็จ สวี่จือจือก็รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็พี่สาวที่แสนดีไปแล้ว ต้องมาเหนื่อยกับเื่แบบนี้
ตอนออกมาลู่จิ่งซานก็เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงยืนอยู่ที่ประตู เห็นเธอออกมาก็พูดเสียงเรียบ “คุณอยู่ที่บ้านเถอะ ผมจะไปทำงาน”
พูดจบก็เดินออกไป โดยที่ไม่รอให้สวี่จือจือตอบ เหมือนกับว่าเมื่อกี้เขากำลังรอเธออยู่ เพื่อที่จะพูดประโยคนี้โดยเฉพาะ
“งั้นฉันจะทำกับข้าวอยู่ที่บ้าน” สวี่จือจือรีบพูด
ลู่จิ่งซานหันหลังกลับมาตอบอืม
รอจนเขาจากไปแล้ว เธอถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเมื่อกี้ตัวเองเหมือนภรรยาตัวน้อยที่มาส่งสามีไปทำงานเลย
“คุณย่าคะ” สวี่จือจือยิ้มแล้วโผล่หน้าเข้าไป “มื้อเที่ยงคุณย่าอยากกินอะไรคะ? หนูจะทำให้กิน”
ใช่แล้ว ทำกับข้าวนี่แหละ สวี่จือจือยังมีความมั่นใจอยู่บ้าง ถึงจะไม่เก่งเหมือนเชฟ แต่ทำอาหารกินเองในบ้านก็ยังพอได้อยู่
ทางเหนือมื้อเที่ยงส่วนใหญ่จะเป็อาหารประเภทเส้น วันนี้อากาศร้อน สวี่จือจือเลยตั้งใจจะทำบะหมี่เย็นแล้วต้มถั่วเขียว ถึงแม้ว่าบ้านตระกูลลู่จะเป็ครอบครัวที่มีฐานะดีในประชาคมชีหลี่ แต่ก็ใช่ว่าจะกินแป้งสาลีกันได้ตามใจชอบ ส่วนใหญ่ก็จะผสมกับแป้งข้าวโพดไปด้วย แต่ตอนนวดแป้ง สวี่จือจือก็ยังใส่แป้งสาลีเพิ่มไปเยอะอยู่ดี
เมื่อนวดแป้งเสร็จแล้วก็พักไว้ให้ฟู สวี่จือจือไปเก็บแตงกวาและมะเขือเทศในสวน
มะเขือเทศ่นี้ เนื้อจะนุ่มๆ หวานๆ กินสดๆ ก็อร่อย วันนี้มะเขือเทศแดงเยอะเป็พิเศษ เธอเลยเก็บมาหลายลูก ตั้งใจว่าจะทำมะเขือเทศคลุกน้ำตาลให้คุณย่ากินเล่น
เตาของบ้านตระกูลลู่ ว่ากันว่าจ้างคนมาทำให้โดยเฉพาะ สวี่จือจือเพิ่งจุดไฟ เตาดูดอากาศราวกับมีพัดลมในตัว เธอเอาถั่วเขียวที่ล้างสะอาดแล้วใส่ลงไปในหม้อ โรยเบกกิ้งโซดาลงไปเล็กน้อย เพื่อให้ถั่วเขียวนุ่มง่ายขึ้น เอามะเขือเทศลวกน้ำร้อนแล้วปอกเปลือก ใส่เกลือลงไปนิดหน่อย เอาไปแช่ในน้ำเย็น รอจนไม่ร้อนไม่เย็นก็เอาไปให้คุณย่า ส่วนอีกจานที่อุ่นๆ เอาไปให้ลู่ซืออวี่
ส่วนเหอเสวี่ยฉินที่อยู่ในอีกห้อง ขอโทษที เธอไม่มีความคิดที่จะให้
“คุณย่า ูเาไฟหิมะโปรย[1]มาแล้วค่ะ”
อะไรคือูเาไฟหิมะโปรย?
หญิงชราพอมองไปที่จานที่มะเขือเทศสีชมพู โรยด้วยน้ำตาลก็เข้าใจทันที
“ชื่อนี้เพราะดี” หญิงชราพยักหน้าพลางกิน
สวี่จือจือรู้สึกดีใจขึ้นมา
“แม่คะ” ลู่หลิงซานเองก็มีประจำเดือนมาเหมือนกัน ตอนนี้กำลังนอนซมอยู่บนเตียงของเหอเสวี่ยฉิน “หนูหิว ขมปากขมคอ อยากกินมะเขือเทศคลุกน้ำตาลอะไรนั่นบ้าง”
ูเาไฟหิมะโปรยอะไร ก็แค่เอามะเขือเทศมาคลุกน้ำตาลแท้ๆ
หน้าไม่อาย รู้จักแต่จะเอาใจคุณย่า
ประจำเดือนของเธอมาก่อนลู่ซืออวี่หนึ่งวัน ตอนนั้นยังนึกว่าตัวเองจะตายแล้ว วิ่งร้องไห้ไปหาเหอเสวี่ยฉิน
เหอเสวี่ยฉินก็เป็ครูที่ประชาคม มีความรู้ความเข้าใจอยู่บ้าง พอได้อธิบายให้ลู่หลิงซานฟังก็เอาผ้าอนามัยมาให้หนึ่งห่อ บอกให้ใช้ตอนมีประจำเดือนมาเยอะหรือใช้ตอนกลางคืน ส่วนกลางวันก็ใช้กระดาษชำระไปก่อน เพราะผ้าอนามัยก็ยังแพงอยู่
“เด็กดี รออีกหน่อย” เหอเสวี่ยฉินปลอบ เธอไม่เชื่อหรอกว่าสวี่จือจือที่เป็สะใภ้ใหม่ จะกล้าไม่ทำอะไรให้แม่สามีอย่างเธอเลย
แต่สองแม่ลูกรออยู่เป็เวลานาน ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของสวี่จือจือ
เหอเสวี่ยฉินโกรธจนแทบกระอักเื
ทางสวี่จือจือก็เริ่มนวดแป้งและคลึงแป้ง ยิ่งนวดแป้งนาน แป้งก็ยิ่งเหนียวนุ่ม ตอนนวดแป้งเธอใช้น้ำร้อนสลับกับน้ำเย็น ทำแบบนี้บะหมี่เย็นที่ออกมาจะอร่อยกว่า
คนในบ้านตระกูลลู่ก็ค่อนข้างเยอะ สวี่จือจือก็แรงน้อย เลยต้องแบ่งแป้งมาคลึงหลายครั้ง ในครัวก็ร้อนอยู่แล้ว ยิ่งมาจุดไฟต้มซุปถั่วเขียวข้างในยิ่งเหมือนกับซึ้งนึ่ง
เธอกำลังจะหันหลังไปล้างหน้า ก็สบตากับดวงตาคู่หนึ่งที่จ้องมองเธอตาไม่กะพริบ
คนนั้นพอเห็นว่าเธอหันมาก็ไม่ได้รู้สึกเขินอายอะไร
กลับกัน เขาเอามือกอดอกอย่างคิดว่าหล่อเหลา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มตาหยี “ทำกับข้าวเหรอ? ้าความช่วยเหลือไหม?”
สวี่จือจือเหลือบตามองเขา เธอเดินไปที่เตา หยิบไม้เขี่ยไฟ แล้วเอาไปฟาดเข้าที่คนเ้าของดวงตาที่ดูเ้าชู้นั้น
“โอ๊ย...”
ในลานมีแต่เสียงร้องโหยหวนเหมือนหมูถูกเชือด
.............................
[1] ูเาไฟหิมะโปรย หมายถึง เมนูมะเขือเทศคลุกน้ำตาล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้