ใน World of Fate มักจะมีบรรยากาศที่เย็นสบายและงดงามเหมือนฤดูใบไม้ร่วงอยู่ตลอดเวลา อย่างน้อยั้แ่วันแรกที่เย่เทียนเซี่ยเข้ามาใน World of Fate จนถึงวันนี้เขาก็ไม่เคยเจอวันมืดมนเหมือนฝนจะตกเลยสักครั้ง
ตอนนี้เฉินซินกำลังใช้วัตถุดิบที่คุณป้าจากร้านตัดเย็บให้มาฝึกฝนเพิ่มระดับทักษะตัดเย็บของเธออยู่อย่างตั้งใจ ส่วนซูเฟยเฟยก็ไปเก็บเลเวลกับจั้วพั่วจวินและมู่หรงชิวสุ่ยเพื่อใช้เวลาที่เย่เทียนเซี่ยไม่ได้เก็บเลเวลใน่หลายวันนี้เก็บเลเวลไล่ตามเขาให้ทัน เย่เทียนเซี่ยเดินทางไปที่จวนเ้าเมืองอีกครั้งเพื่อรับจดหมายแนะนำตัวของเ้าเมืองเทียนเฉินจากมือของเ้าเมืองเองจากนั้นเขาถึงได้เริ่มออกเดินทางไปทางใต้อย่างเป็ทางการเสียที
จะว่าไปแล้วถ้าเขาไปถึงเมืองเทียนยรื่อ ตามทฤษฎีแล้วเขาน่าจะกลายเป็ผู้เล่นคนแรกที่ไปถึงเมืองอื่น
เย่เทียนเซี่ยหยิบม้วนคัมภีร์กลับเมืองขึ้นมาหนึ่งแผ่นจากนั้นก็ทำลายมันที่ใจกลางเมืองเทียนเฉิน เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งเขาก็มาอยู่กลางเมืองเล็กๆที่มีสิ่งก่อนสร้างทรงโบราณและมีอากาศสดใส............ ที่นี่คือเมืองกู่ผิงที่เย่เทียนเซี่ยเคยมาทำภารกิจตามหาร่องรอยทหารประจำเมืองเมื่อครั้งก่อน
ตำแหน่งของเมืองกู่ผิงนั้นอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเทียนเฉิน แม้จะไม่ถือว่าอยู่ในเส้นทางหลักที่ต้องผ่านไปเมืองเทียนยรื่อ แต่หากเริ่มออกเดินทางจากที่นี่ก็จะสามารถย่นระยะการเดินทางไปได้ถึง 1 ใน 5 เลยทีเดียว และนี่ก็เป็เหตุผลที่ทำให้เย่เทียนเซี่ยไม่ต้องรีบออกเดินทางเช่นกัน การที่เย่เทียนเซี่ยจงใจเก็บม้วนคัมภีร์กลับเมืองของที่นี่เอาไว้จำนวนหนึ่งในตอนแรกกลับเป็ประโยชน์ต่อเขาแล้วในตอนนี้
การเอาชนะาาิญญาวัยเด็กได้ในครั้งก่อนและ “ทำลาย” ถ้ำหัวกะโหลกทำให้เย่เทียนเซี่ยได้รับค่าความประทับใจจากชาวเมืองกู้ผิงทั้งหมดสูงถึง 70 หน่วย ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าค่าชื่อเสียงของเขาในเมืองนี้คงไปถึงระดับวีรบุรุษแล้ว การปรากฏตัวของเขาสร้างความใให้ชาวเมืองกู่ผิงทั้งเมืองอย่างรวดเร็วและนำมาซึ่งประชาชนมากมายที่แห่มาต้องรับเขาอย่างอบอุ่น แม้แต่ท่านเ้าเมืองก็ยังวิ่งเข้ามากอดเขาเต็มอ้อมแขนด้วยความตื่นเต้น สายตาของประชาชนทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้เมื่อมองมาที่เย่เทียนเซี่ย
ระดับความประทับใจนั้นเป็คุณสมบัติที่แข็งแกร่งยิ่ง แต่มันกลับเป็คุณสมบัติที่เลื่อนระดับได้ยากยิ่งเช่นกัน และการที่จะได้รับความประทับใจจาก NPC จำนวนมากขนาดนี้ในครั้งเดียวก็เป็เื่ที่ยากเสียยิ่งกว่ายากและมันคงเป็ไปไม่ได้หากไม่ใช่การทำความดีความชอบที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์อันใหญ่หลวงของพวกเขา การได้รับค่าความประทับใจจากประชาชนเมืองกูผิงทั้งหมด 70 หน่วย หากใช้มันขึ้นมาจริงๆเย่เทียนเซี่ยก็คงสามารถได้รับรางวัลเป็ไอเทมที่สูงกว่าไอเทมระดับ์แน่นอน
ภายใต้สถานการณ์อันอบอุ่นของประชาชนชาวเมืองกู่ผิงทำให้เย่เทียนเซี่ยต้องหยุดอยู่ที่นี่สักพักหนึ่งก่อนจะจากลาไปในที่สุด เขาเรียกม้าเหงื่อโลหิตออกมาแล้วขึ้นขี่มันมุ่งหน้าลงไปทางใต้
ความเร็วในการเคลื่อนที่พื้นฐานของเย่เทียนเซี่ยคือ 108 หน่วย เมื่อเพิ่มความเร็วของหมาเหงื่อโลหิตเข้าไปอีก 60 หน่วยความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาก็จะเท่ากับ 168 หน่วย แต่ความเร็วขนาดนี้ก็ยังทำให้เย่เทียนเซี่ยไม่พอใจอยู่ดี ดังนั้นเย่เทียนเซี่ยจึงใช้ทักษะิญญาัปีศาจลดพลังชีวิตของตัวเองลงมาจนถึง 20% และใช้ทักษะาคลั่งเพื่อเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาขึ้นไปจนถึง 218 หน่วยจากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปทางใต้ด้วยความเร็วสูงสุด
เมื่อรับภารกิจมาแล้วเย่เทียนเซี่ยก็ไม่เคยคิดว่ามันจะล้มเหลวเลยสักครั้ง และหาก้าทำภารกิจให้สำเร็จระยะทางจากเมืองเทียนเฉินไปถึงเมืองเทียนยรื่อตลอดระยะเวลาไม่กี่วันต่อจากนี้เขาจะต้องเดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก แม้แต่การตีมอนสเตอร์เพื่อเพิ่มเลเวลก็ยังเป็เื่ที่ทำไม่ได้ ่เวลาแบบนี้มากพอให้คนที่อยู่ด้านหลังเขาไล่ตามเลเวลเขาได้ทัน แต่เขาไม่ได้สนใจจุดนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะเขาเชื่อว่าแค่เพียงเขา้า การขึ้นไปอยู่เหนือพวกเขาอีกครั้งก็เป็แค่เื่ง่ายๆ
ภารกิจแรกที่เ้าเมืองเทียนเฉินมอบหมายให้เขาและรางวัลภารกิจที่เขาได้รับในขณะเดียวกันนั้นก็ทำให้เขาได้รับอาชีพัปีศาจพิชิตฟ้าและจิ้งจอกหิมะทมิฬเหยาเหยามาด้วย ภารกิจครั้งที่สองก็ทำให้เขาได้รับสร้อยข้อมือเจ็ดสีที่เป็ไอเทมหายากระดับสุดยอดและโฉนดที่ดินที่ประเมินค่ามิได้ แล้วครั้งนี้ล่ะ.......... ครั้งนี้เ้าเมืองเทียนเฉินที่ดูเหมือนจะเป็ตัวนำโชคคนนั้นจะนำเซอร์ไพรซ์อันเหลือเชื่ออะไรมาให้เขาอีกนะ.......... เมื่อคิดถึงตรงนี้เย่เทียนเซี่ยก็มีความคาดหวังขึ้นมาอย่างจริงจัง
แต่ “เซอร์ไพรซ์” ที่ว่ากลับมาเร็วเกิดคาดนี่สิ
ตามเส้นทางที่แสดงอยู่บนแผนที่ เย่เทียนเซี่ยเลือกที่จะไม่ข้ามผ่านดินแดนของมอนสเตอร์หรือเส้นทางแคบๆที่ตรงไปทางใต้ ที่แห่งนี้เป็ดินแดนที่ค่อนข้างห่างไกล ยากที่จะมีมนุษย์เดินทางเข้ามา ชุมชนใกล้ๆก็มีเพียงแค่เมืองกู้ผิงเมืองเดียวเท่านั้น และแม้แต่มอนสเตอร์เองก็ยังปรากฏตัวออกมาน้อยมากๆ ตอนนี้เย่เทียนเซี่ยออกห่างจากเมืองกู่ผิงมาได้ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เส้นทางที่ผ่านมาล้วนเต็มไปด้วยเส้นทางคดเคี้ยวที่เต็มไปด้วยวัชพืช และต่อจากเส้นทางคดเคี้ยวนั้นก็เป็ดินแดนที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์นกปากกว้างเลเวล 20
และเมื่อถึงสุดทางของเส้นทางคดเคี้ยวเย่เทียนเซี่ยก็หยุดลงก่อนจะมองไปด้านหน้าด้วยสายตาแปลกๆ...........
เพราะด้านหน้ากลับมีสิ่งมีชีวิตแปลกๆขวางทางเขาอยู่ ถ้ามันเป็มอนสเตอร์ธรรมดาเย่เทียนเซี่ยคงจะพุ่งผ่านไปไม่ก็โจมตีออกไปแล้ว แต่เมื่อมองดูมอนสเตอร์ที่ไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตจำพวกมอนสเตอร์ก็ทำให้เย่เทียนเซี่ยไม่มีความคิดที่จะโจมตีออกไปก่อน
ร่างนั่นสูงไม่เกินหนึ่งเมตร มันมีขนสีขาวและไร้รอยตำหนิเหมือนเหยาเหยา เส้นขนของมันดูละเอียด ร่างกายก็ดูสมส่วน มีแขนขาและมีหัวครบสมบูรณ์.............. และถ้าจะให้บอกว่ามันคือสิ่งมีชีวิตประเภทไหน........มันก็คงเป็แมวตัวหนึ่งล่ะมั้ง มันคือแมวตัวหนึ่งที่เหมือนตัวการ์ตูนและกำลังยืนอยู่ตรงหน้า
มันมีหูแมวแหลมและยาว แมวตัวนี้ก็มีดวงตีสีเขียวเข้มแต่กลับมีใบหน้าที่น่ารักยิ่งกว่าแมวธรรมดาหลายเท่า มันมีหัวที่ใหญ่โตมากเมื่อเทียบร่างกายของมันทำให้กับแขนขาสั้นป้อมขอมมันก็ดูเหมือนจะไม่สมส่วนอย่างร้ายแรง แต่สองขาที่ยืนอยู่บนพื้นของมันกลับใหญ่โตมากและมันยังสวมถุงมือแมวสีขาวราวหิมะอันใหญ่โตเอาไว้บนมือทั้งสองข้างด้วย กรงเล็บทั้งสองข้างของมันก็แปลกประหลาดมากเช่นเดียวกัน เพราะขณะที่มันสวมถุงมือคู่โตเอาไว้ ที่ปลายถุงมือของมันก็มีหนามแหลมคมสีดำที่สองประกายวิบวับโผล่ออกมาอีกสามแท่ง........... นั่นมันต้องไม่ใช่กรงเล็บแมวธรรมดาแน่
และในตอนนั้นเองสิ่งมีชีวิตแปลกๆที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้นก็เก็บเล็บกลับไป มันเชิดหางขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอียงคอแล้วมองมาทางเย่เทียนเซี่ย สิ่งที่เย่เทียนเซี่ยมองเห็นในดวงตาคู่นั้นของมันก็คือดวงตาและอารมณ์ที่เหมือนกับของมนุษย์
เสี่ยวเป้ย : ?????
การตรวจสอบด้วยดวงตาัปีศาจของเย่เทียนเซี่ยทำให้เขารู้สึกช็อคไปอีกครั้ง
เสี่ยวเป้ย......... ชื่อของมันงั้นเหรอ? ช่างเป็ชื่อที่แปลกและเหมือนคนจริงๆ และสิ่งที่ทำให้เย่เทียนเซี่ยยิ่งใก็คือดวงตาัปีศาจของเขาไม่ได้รับข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวกับมันอีกเลยแม้แต่อย่างเดียว........... สิ่งที่สามารถทำให้ดวงตาัปีศาจไม่สามารถแสดงผลได้มีเพียงแค่มอนสเตอร์ที่มีระดับมากกว่าเลเวล 20 เท่านั้น และเมื่อมองมอนสเตอร์ที่ดูแปลกๆตัวนี้แล้ว.........
“เอ๋? อ๊า......เสี่ยว เสี่ยวเป้ย!” เย่เทียนเซี่ยกำลังจะลองเอ่ยปากถามออกไปทันใดนั้นหูของเขาก็ได้ยินเสียงแหลมของกั่วกัวดังขึ้นมาจนทำให้เย่เทียนเซี่ยชะงักไป น้ำเสียงที่ะโชื่อของมันออกมาอย่างใจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แบบนี้......... หรือว่ากั่วกัวจะเคยพบมันมาก่อน?
“กั่วกัว เธอเคยเจอมันมาก่อนเหรอ?” เย่เทียนเซี่ยถาม
กั่วกัวไม่ได้ตอบออกมาทันทีอีกทั้งเธอยังมองมันครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่นานเพื่อให้แน่ใจ หลังจากที่มั่นใจแล้วเธอก็หันไปพูดกับเย่เทียนเซี่ยด้วยเสียงอ่อนแบบแปลกๆ “นายท่าน ชื่อของมันคือเสี่ยวเป้ย มันน่าจะมาหาท่านแน่ๆเลยเ้าค่ะ....... ต่อไปพวกเราคงจะมีเพื่อนร่วมทางเพิ่มขึ้นมาอีกตัวแล้วล่ะเ้าค่ะ”
“..........?” เย่เทียนซี่ย
เมี๊ยว~~~~
เสี่ยวเป้ยอ้าปากพูดแต่สิ่งที่ดังออกมาก็คือภาษาของมันเอง ขณะเดียวกันนั้นสิ่งที่ทำให้เย่เทียนเซี่ยแทบจะทรุดลงไปตรงนั้นก็คือ.......... มันยกยิ้มแล้วมองมาที่เขาด้วยดวงตากลมโตก่อนจะเอียงคอเล็กน้อย และรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นมาของมันเป็รอยยิ้มที่มีเพียงมนุษย์เท่านั้นถึงจะมีได้ จากนั้นมันก็ะโขึ้นมาบนหัวของม้าเหงื่อโลหิตตรงหน้าเย่เทียนเซี่ยจนแทบจะเหยียบเหยาเหยาที่กำลังนอนหลับอยู่อย่างเป็สุข
“ติ๊ง! เสี่ยวเป้ย้าจะเป็สัตว์เลี้ยงของท่านและติดตามอยู่ข้างกายท่าน ท่านจะยอมรับหรือไม่?”
“.............” เย่เทียนเซี่ย
ถ้าคุณเดินไปบนถนนแล้วอยู่ก็มีคนๆนึงยัดเงิน 1,000 เหรียญใส่มือคุณอย่างฉับพลันคุณจะรู้สึกยังไง? จะยิ้มกว้าง หัวเราะออกมา........หรือตกตะลึงไปครึ่งวัน.......... เพราะการมีมอนสเตอร์โผล่ขึ้นมาในสถานการณ์ปกติเช่นนี้ล้วนเป็หนึ่งในกฎที่พื้นฐานที่สุดในโลกของธรรมชาติ
หลังจากที่มีสัตว์เลี้ยงครบ 10 ตัวรายการจัดอันดับสัตว์เลี้ยงถึงจะเปิดเผยออกมา หมาป่าหิมะน้ำแข็งของซูเฟยเฟย จิ้งจอกหิมะทมิฬของเย่เทียนเซี่ย........... จะว่าไปแล้วนอกจากสองตัวนี้แล้วในบรรดาผู้เล่นจำนวนหลายล้านในเขตหัวเซี่ยรวมทั้งผู้เล่นที่สัตว์เลี้ยงระดับต่ำที่สุดก็ยังมีผู้ที่สัตว์เลี้ยงไม่ถึง 8 คน เห็นได้ชัดว่าระดับความล้ำค่าของสัตว์เลี้ยงและความยากที่จะได้มันมาไว้ในกำมือนั้นสูงแค่ไหน
และตอนนี้อยู่ดีๆก็มีมอนสเตอร์ตัวเล็กท่าทางประหลาดโผล่มาอย่างกะทันหันแล้วยังจะพุ่งเข้ามาแสดงความ้าอยากเป็สัตว์เลี้ยงของเขาโดยไม่มีเหตุผล อีกทั้งเมื่อมองดูท่าทางของมันแล้วเหมือนมันกำลังรอเขาอยู่ตรงนั้นไม่มีผิด เมื่อเผชิญหน้ากับคำขอที่กะทันหันแบบนี้เย่เทียนเซี่ยก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับอย่างไร
“ย๊า! นายท่าน รีบตอบรับเร็วสิ รีบตอบรับเร็วๆเข้า! เสี่ยวเป้ยเก่งมากเลยนะ เก่งเหมือนเหยาเหยาเลย! นายท่านฟังคำพูดของกั่วกัวเถอะ ไม่อย่างนั้นเสี่ยวเป้ยคงจะเสียใจมาก นายท่านเร็วหน่อยสิเ้าคะ”
ตอนที่เย่เทียนเซี่ยกำลังมองสำรวจแมวเหมียวที่ะโขึ้นมาตรงหน้าของเขากั่วกัวก็ะโขึ้นมาข้างหูของเขาอย่างรีบร้อน เสียงของเธอทำให้เย่เทียนเซี่ยมั่นใจ......... กั่วกัวจะต้องเคยเจอมันมาก่อนแน่ๆ และดูเหมือนจะคุ้นเคยกับมันด้วย
สิ่งมีชีวิตที่สามารถทำให้กั่วกัวคุ้นเคยได้............
กั่วกัวคือสิ่งที่เซียนเอ๋อร์นำมาไว้ข้างกายเขา หรือว่าแมวแปลกๆตัวนี้จะมีความเกี่ยวข้อกับเซียนเอ๋อร์เหมือนกัน?
“ยอมรับ!”
“เมี๊ยวๆ!”
ทันทีที่ทำพันธะสัญญาสัตว์เลี้ยงรับใช้ เสี่ยวเป้ยก็ร้องออกมาด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้นมันก็ซุกหัวเข้าไปในอ้อมกอดของเย่เทียนเซี่ยแล้วเอาหัวที่เต็มไปด้วยเส้นขนของมันถูไถไปกับหน้าอกของเขา..........
เมื่อมองเสี่ยวเป้ยที่แสดงท่าทีสนิทสนมจนเกินไปกับตัวเองออกมาแบบนี้เย่เทียนเซี่ยก็ยังคงมีความรู้สึกสับสนอยู่บ้าง ความเป็มาอันยิ่งใหญ่และความสามารถที่แข็งแกร่งของเหยาเหยากั่วกัวล้วนรู้ดีไม่ต่างจากตัวเขา และตามที่เธอพูดแม้ว่าภายนอกมอนสเตอร์ตัวนี้จะดูแปลกๆ แต่ดูไปแล้วนอกจากเป็แมวที่เชื่องและน่ารักมากเกินไปแล้ว มันจะแข็งแกร่งพอๆกับเหยาเหยาเลยอย่างนั้นเหรอ เป็อย่างนั้นจริงๆเหรอ?
เสี่ยวเป้ย : สัตว์เลี้ยงระดับเซียน
ระดับ : เลเวล 0
เ้านาย : เซี่ยเทียน
ไม่ทราบเผ่าพันธุ์ ไม่ทราบประเภท ไม่ทราบความเป็มา มันเป็สิ่งมีชีวิตจากต่างแดนที่ปรากฏตัวขึ้นมาใน World of Fate อย่างกะทันหัน
มอนสเตอร์ระดับเซียน! หัวใจของเย่เทียนเซี่ยสั่นไหวอย่างรุนแรง สิ่งมีชีวิตที่ร้องขอเป็สัตว์เลี้ยงของเขาด้วยตัวเองข้างถนนที่แท้เป็ถึงมอนสเตอร์ระดับเซียนตัวหนึ่ง!.............. นี่มันเหมือนกับว่าเขากำลังฝันอยู่ไม่มีผิด ความฝันที่ตกลงมาจาก์........... อีกทั้งการแนะนำข้อมูลพื้นฐานของมันก็ล้วนมีแต่คำว่า “ไม่ทราบ” เต็มไปหมด แม้แต่ระบบก็ยังตัดสินความเป็มาที่แท้จริงของมันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
และคำสุดท้ายที่บอกว่า “สิ่งมีชีวิตจากต่างแดน” ก็ทำให้เย่เทียนเซี่ยหยุดหายใจไปพักหนึ่งเช่นกัน