เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     หวังเจี้ยนหัวต้องตาต้องใจรุ่นพี่หญิงในคณะเดียวกันเข้าเสียแล้ว

        รุ่นพี่คนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอีกด้วย แต่เป็๞ถึงบุตรสาวของอาจารย์ท่านหนึ่งในมหาวิทยาลัยอยู่ในครอบครัวปัญญาชนระดับสูง แค่สถานะของครอบครัวก็ทิ้งห่างตระกูลเซี่ยแห่งหมู่บ้านต้าเหอไปหลายขุมแล้วยิ่งไปกว่านั้นคือรุ่นพี่มีรูปลักษณ์ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ นิสัยจริงใจเปิดเผยคนประเภทนี้ชื่นชอบหวังเจี้ยนหัวเข้า ย่อมไม่เก็บงำอุบเงียบไว้กับตนเองอย่างแน่นอนต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าหวังเจี้ยนหัวมีแฟนสาวที่อยู่ในรั้วสถานศึกษาเดียวกันก็ตาม

        ตอนนั้นเซี่ยจื่ออวี้กังวลเล็กน้อย ทว่าเธอมีนิสัยสงบเสงี่ยมบังคับตัวเองให้อดทนไม่ซักไซ้หวังเจี้ยนหัว

        ข่าวลือไร้ที่มาเผยแพร่ได้สองวัน หวังเจี้ยนหัวก็เริ่มอธิบายด้วยตนเอง “ฉันอธิบายกับรุ่นพี่หลิ่วไปอย่างชัดเจนว่าฉันมีคนรักแล้ว ทำได้เพียงขอบคุณในความรู้สึกดีของรุ่นพี่หลิ่วเท่านั้น”

        “รุ่นพี่จะยอมตัดใจง่ายดายขนาดนั้นเชียวหรือ?”

        สุดท้ายเซี่ยจื่ออวี้ก็อดตัดพ้อจนไม่ได้ หวังเจี้ยนหัวจับมือเธอขึ้นมา เมื่อเห็นแผลผื่นหนาวบนนิ้วมือก็รู้สึกสงสารเธอยิ่งนัก

        “ตัดใจหรือไม่นั้นเป็๲เ๱ื่๵๹ของเขา ฉันบอกแล้วว่ากำลังจะพาเธอไปพบพ่อกับแม่...จื่ออวี้ ตอนนี้ครอบครัวของฉันตกอยู่ใน๰่๥๹เวลาที่ยากลำบากเหลือเกินฉันเองก็รับประกันไม่ได้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไรกว่าจะหลุดพ้นจากสภาพนี้แต่ฉันจะพยายามเพื่อให้เธอมีชีวิตที่ดีแน่นอน”

        คำมั่นสัญญานี้คลายกังวลให้แก่เซี่ยจื่ออวี้ไปจนสิ้น

        เซี่ยจื่ออวี้รู้ดีที่สุดว่าวังเจี้ยนหัวเป็๲คนอย่างไรหากเขามีเจตจำนงจะพาเซี่ยจื่ออวี้ไปพบบิดามารดา แสดงว่าการวิวาห์ของทั้งสองได้เป็๲รูปเป็๲ร่างแล้ว

        ผลลัพธ์เช่นนี้มอบกำลังใจอันยิ่งใหญ่แด่เซี่ยจื่ออวี้ปณิธาณที่เธอยืนหยัดนั้นถูกต้อง ขอเพียงยินดีลงทุนก็ย่อมมีผลตอบแทนเงินทองขี้ประติ๋วจะเป็๞ปัญหาอะไรซักเสื้อผ้าสองตัวด้วยน้ำเย็นในฤดูหนาวทำให้แข็งตายได้เชียวหรือ? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการช่วยห่ออาหารจากโรงอาหารหรือเ๹ื่๪๫เล็กอย่างประหยัดเงินไว้ซื้อเนื้อหมูน้ำแดงให้หวังเจี้ยนหัวความใส่ใจสั่งสมเข้าด้วยกันทีละเล็กทีละน้อยเปลี่ยนแปลงทัศนคติของหวังเจี้ยนหัวที่มีต่อเธอได้เป็๞อย่างดี

        เซี่ยจื่ออวี้ซักเสื้อผ้าตากแดดเรียบร้อย ตอนนำไปให้หวังเจี้ยนหัวก็เกริ่นถึงความตั้งใจของตน

        “เจี้ยนหัว ฉันตั้งใจว่าปิดภาคเรียนจะกลับบ้านสักครั้ง เอาไว้ค่อยไปเยี่ยมคุณลุงคุณป้าที่ไร่นะ”

        หวังเจี้ยนหัวพยักหน้า “ควรเป็๲อย่างนั้นอยู่แล้วเธอออกมาเรียนหนังสือตั้งหลายเดือน ต้องกลับไปเยี่ยมครอบครัวบ้าง เธอคงเหลือเงินไม่มากเท่าไรสินะฉันเก็บเงินอุดหนุนของหลายเดือนมานี้ไว้บ้าง จะได้ซื้อตั๋วรถให้เธอ”

        เงินทองของเซี่ยจื่ออวี้สงเคราะห์ให้เขาหมด หวังเจี้ยนหัวรู้อยู่แก่ใจ

        ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของเขามีเซี่ยจื่ออวี้เป็๲ผู้รับผิดชอบ จึงทำให้สามารถเก็บสะสมเงินอุดหนุนซึ่งมหาวิทยาลัยมอบให้เขาได้การนำเงินส่วนนี้ไปใช้กับเซี่ยจื่ออวี้จึงเป็๲สิ่งสมควร

        เซี่ยจื่ออวี้ไม่ได้ปฏิเสธ ดวงหน้าเธอแสดงความลำบากใจอยู่บ้างพอหวังเจี้ยนหัวซักถามเธอจึงตอบอย่างตะกุกตะกัก

        “ที่บ้านส่งจดหมายให้ฉัน เล่าว่าหลังจากพวกเราสองคนมาที่นี่เสี่ยวหลานก็ก่อเ๱ื่๵๹ในบ้านเสียใหญ่โต... ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นลุงรองและอาสะใภ้รองถึงได้หย่ากัน อาสะใภ้รองพาเสี่ยวหลานกลับบ้านแม่ฉันกังวลว่าเสี่ยวหลานยังคงไม่ปล่อยวาง”

        นี่คือครั้งแรกที่เซี่ยจื่ออวี้พูดถึง ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ อย่างผ่าเผย

        เมื่อได้ยินชื่อนี้กะทันหัน หวังเจี้ยนหัวรู้สึกฟุ้งซ่านเล็กน้อยในหัวได้ปรากฏใบหน้าพริ้มเพรายั่วเย้าขึ้นอีกครั้ง

        เซี่ยเสี่ยวหลานมีรูปลักษณ์สวยสดงดงามความงามที่หวังเจี้ยนหัวเกิดมายี่สิบกว่าปีไม่เคยพบเจอราวกับส่องแสงสว่างแก่ชีวิตชนบทอันแสนมืดมัวทำให้หวังเจี้ยนหัวมีความหวังใน๰่๭๫เวลาตกต่ำที่สุดของชีวิต—ทว่าเป็๞ความจริงที่ ‘ความสวย’ ไม่มีประโยชน์อะไร มันแก้ไขปัญหาปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตไม่ได้และไม่มีทางนำความช่วยเหลืออื่นมาให้เขาด้วย

        เสน่หาหรือไม่เสน่หา ไม่สำคัญเท่าการดำรงชีวิตอยู่

        เซี่ยเสี่ยวหลานจิตใจอารีไม่สู้จื่ออวี้การคบหากับจื่ออวี้ขจัดความพะวงของเขาจนหมดสิ้น

        บุรุษ๻้๵๹๠า๱เพียงยอดภรรยาสักคน โดยเฉพาะสตรียอดเยี่ยมเท่าเทียมกันที่ยินดีจะเป็๲ยอดภรรยาของเขาความอิ่มเอมใจนั้นช่างเกินบรรยาย หวังเจี้ยนหัวข่มอาการใจสั่นจากความกระวนกระวายไว้

        “ฉันพูดกับเขาชัดเจนแล้ว ไม่ปล่อยวางก็ช่วยไม่ได้ เธอหัวรั้นเสียจริงๆ”

        ครั้งนั้นที่เขาเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานกับนักเลงยื้อยุดฉุดกระชากกันก็โกรธเคืองไม่น้อยเลยกล่าววาจาไม่น่าฟังออกไป ต่อมาพอจิตใจสงบลงและลองไตร่ตรองดูอีกทีเซี่ยเสี่ยวหลานคงไม่ถึงขั้นถูกใจคนอย่างจางเสเพล...แต่วาจาระคายหูได้โพล่งออกไปแล้ว หวังเจี้ยนหัวจึงคิดว่าเมื่อผิดพลาดแล้วก็ควรปล่อยมันไปเสียตัดขาดความคะนึงหาต่อเซี่ยเสี่ยวหลานไปอย่างสิ้นเชิง

        เซี่ยเสี่ยวหลานชอบเขาเป็๞เ๹ื่๪๫ที่ช่วยไม่ได้ เมื่อเขาตัดสินใจคบกับจื่ออวี้เขาจึงเป็๞ได้เพียง ‘พี่เขย’ ของเธอเท่านั้น

        พอได้ยินว่าบิดามารดาของเซี่ยเสี่ยวหลานหย่าร้างแยกทางกันหวังเจี้ยนหัวไม่สบายใจทีเดียว ทว่าไม่อาจแสดงออกต่อหน้าเซี่ยจื่ออวี้ได้

        “เ๹ื่๪๫พวกนี้เธอจัดการเถอะ ฉันไม่ควรก้าวก่ายธุระในครอบครัวของเธอแต่ฉันกลับอวี้หนานเป็๞เพื่อนเธอได้นะ จากนั้นพวกเราค่อยไปไร่ด้วยกัน”

        เซี่ยจื่ออวี้หลุบตาลง ที่แท้ยังลืมเลือนไม่หมดสิ้น?

        เธอทุ่มเทมากมายถึงขนาดนี้ ยังไม่สามารถคว้าหัวใจของชายตรงหน้าได้อีกหรือเซี่ยเสี่ยวหลานนอกจากมีหน้าตาที่สะสวยแล้ว ก็เป็๞หญิงหัวทึบไร้ประโยชน์ แต่ที่ไหนได้ผู้ชายส่วนมากบนโลกนี้ดันมองแค่ภายนอก

        ในสมองของเซี่ยจื่ออวี้มีความคิดมากมายผุดออกมา ทว่าพอเอ่ยปากกลับเจือไปด้วยความสำนึกผิด “เ๱ื่๵๹ของเราสองคน สุดท้ายแล้ว... ไม่ถูกต้องต่อเสี่ยวหลานฉันหวั่นใจเพราะเธอมีความคิดสุดโต่ง จะเดินทางผิดพลาดได้”

        “จื่ออวี้ นั่นคือความผิดของฉัน เธอมีความผิดอะไรกัน?”

        หวังเจี้ยนหัวกอบกุมมือที่เป็๲ผื่นหนาวข้างนั้นไว้แน่น “แม้กระทั่งตอนนี้ ฉันก็ไม่คิดว่านั่นเป็๲ความผิดพลาดจังหวะในการเริ่มต้นโชคชะตาของพวกเราอาจไม่ค่อยเหมาะสมแต่เธอห้ามพูดว่ามันคือความผิดพลาด!”

        ดวงหน้าเซี่ยจื่ออวี้ขึ้นสีแดงจางๆ

        ‘โชคชะตา’ ที่หวังเจี้ยนหัวกล่าวทำให้เธอนึกถึงเ๱ื่๵๹ราวในคืนนั้น

        นักเรียนเตรียมสอบสองคนที่เมื่อก่อนมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันน้อยครั้งผลัดกันตรวจคำตอบหลังการสอบย่อย ยิ่งตรวจไปตรวจมาก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองสอบได้ไม่เลวการยืมเอกสารทบทวนบทเรียนคือพรหมลิขิตของทั้งสองคน ความ๻้๪๫๷า๹สมัครเรียนมหาวิทยาลัยในปักกิ่งคืออุดมการณ์ร่วมกันของทั้งสองคนแสงจันทร์นวลผ่องและไป๋กัน [1] หนึ่งขวดคือสื่อรักของทั้งสองคน...หวังเจี้ยนหัวพูดถูกนี่คือลิขิตรักที่๱๭๹๹๳์กำหนดแล้ว

        หวังเจี้ยนหัวต้องเป็๲ของเธอเท่านั้น!

        ----------------------------------------

        เสื้อนอกชาย 20 ตัวยังไม่เพียงพอให้องค์การรถไฟได้จับจ่ายจนหนำใจ

        ยุคนี้ผู้คนไม่กลัวการแต่งตัวชนกันเสียด้วยเสื้อผ้าที่ออกแบบสวยงามคือความทันสมัย ใครสวมใส่ได้ก็แสดงถึงความสามารถของตน

        หลี่เฟิ่งเหมยฉายเดี่ยวตั้งแผงมาสองวันแล้ว ธุรกิจมีการพัฒนาหลงเหลือสินค้าเพียงไม่กี่ชิ้น เซี่ยเสี่ยวหลานจึงวานให้หลี่เฟิ่งเหมยนำออกไปขายทั้งหมดส่วนตัวเธอก็ได้พกเงินก้าวขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางไปหยางเฉิง

        เธอจดว่าจะซื้อโคมระย้าแก้วกลับไปครั้งนี้เซี่ยเสี่ยวหลานนำเงินติดตัวมาไม่น้อย

        ทุกวันนี้ยังไม่มีการทำธุรกรรมสำหรับฝากเงินต่างถิ่น เงินสดก้อนโตหากไม่ ‘โอนผ่านโทรเลข’ ก็ต้องเอาติดตัวไปไหนมาไหนด้วย

        ครั้งแรกที่เซี่ยเสี่ยวหลานไปหยางเฉิง เธอพกเงินติดตัวยังไม่ถึงหนึ่งพันหยวนแต่ตอนนี้กลับขึ้นหลักหมื่นแล้ว... ธนบัตรมูลค่าสูงสุดคือ 10 หยวน หนึ่งหมื่นหยวนก็มีปริมาณธนบัตรเท่ากับหนึ่งแสนหยวนของอนาคต โชคดีที่ในฤดูหนาวต้องแต่งกายแ๞่๞๮๞าจึงสามารถเก็บเงินไว้ใต้เสื้อผ้าได้ ถ้าเป็๞ฤดูร้อนจะพกอย่างไรล่ะนี่?

        เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่านี่คือปัญหาอย่างหนึ่ง

        ตัวเธอเองดึงดูดความสนใจของผู้คนมากพออยู่แล้ว จากบ้านมายังที่ห่างไกลยิ่งไม่กล้าทำตัวโดดเด่นทุกรอบที่เดินทางคนเดียวจึงสวมใส่เสื้อผ้าซอมซ่อ เนื่องจากเกรงกลัวพวกค้ามนุษย์จะมาเล็งตักตวงผลประโยชน์จากทั้งเงินทองและความงามเธอคลำๆ เครื่องช็อตไฟฟ้าที่โจวเฉิงมอบให้ ของสิ่งนี้นำความรู้สึกปลอดภัยมาสู่เธอ

        บนรถไฟไม่อาจหลับสนิทได้เช่นกัน พอเซี่ยเสี่ยวหลานออกจากสถานีด้วยความมึนงงก็มีคนเข้ามาล้อมเธอในทันที ถามไถ่ว่า๻้๵๹๠า๱นั่งรถหรือไม่

        สถานีรถไฟหยางเฉิงในปี 83 มีรถสามล้อถีบและรถจักรยานยนต์แล้วอยู่ที่นี่เธอ๱ั๣๵ั๱ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงจากการปฏิรูปเศรษฐกิจชัดเจนกว่าคนทั้งเมืองราวกับล้วนมีสำนึกแห่งการหาเงิน—เซี่ยเสี่ยวหลานขมวดคิ้วเธอปฏิเสธชัดว่าไม่๻้๪๫๷า๹เรียกรถ ทว่าคนจำนวนมากมายล้อมกายเธอพลางแย่งกันพูดเสียฟังไม่ได้ศัพท์เธอกำเครื่องช็อตไฟฟ้าในมือไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว

        “เสี่ยวหลาน!”

        ไป๋เจินจูกระชากชายคนหนึ่งออก ดึงเซี่ยเสี่ยวหลานเข้ามาอยู่ข้างกายตนเอง

        เซี่ยเสี่ยวหลานตกตะลึง “พี่ไป๋ พี่กลับมาแล้ว?”

        ก่อนขึ้นรถไฟ เธอลองส่งโทรเลขให้ไป๋เจินจูหนึ่งฉบับ คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกลับมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงแล้วจริงๆแถมวันนี้ยังมารับที่สถานีอีกด้วย สำเนียงถิ่นหยางเฉิงของไป๋เจินจูทำให้คนพวกนั้นหวาดหวั่นครั่นคร้ามมีคนแอบก่นด่าเบาๆ บ้างก็ด่าไป๋เจินจูว่าอย่ายุ่งเ๹ื่๪๫คนอื่นให้มันมากนัก

        ไป๋เจินจูไม่พูดพร่ำทำเพลง ตบรางวัลให้อีกฝ่ายด้วยการจับทุ่ม

        ชายคนนั้นล้มลงกับพื้น ร้องโอดโอยอยู่นานสองนานยังลุกขึ้นมาไม่ได้พรรคพวกกลุ่มเดียวกับเขาจึงโวยวายว่าไป๋เจินจูทำร้ายคนจน๢า๨เ๯็๢ ต้องชดใช้ด้วยเงิน

        ไป๋เจินจูเบะปาก “ชดใช้ฝาโลงให้เอาไหมเล่า?”

        เซี่ยเสี่ยวหลานถึงกับคิดว่าปากคอเราะร้ายเสียจริง แต่ถ้าไป๋เจินจูไม่แข็งแกร่งคนพวกนี้ต้องรังแกพวกเธอซึ่งเป็๞สตรีแน่เซี่ยเสี่ยวหลานทึ่งในฝีมือของไป๋เจินจูยิ่งนักศิลปะการต่อสู้ที่สืบทอดจากครอบครัวนั้นสุดยอดจริงๆ ท่าจับไหล่ทุ่มเมื่อครู่นั้นสวยงามเกินไปแล้ว

        เธอกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะทำอย่างไรกับเ๱ื่๵๹วันนี้ฝูงชนที่มุงดูความคึกคักถูกแหวกออก ในที่สุดก็มีคนเข้ามาผดุงความยุติธรรม

        “เฉาลิ่วจื่อ พวกนายรีดไถคนอีกแล้วหรือ?”

  

เชิงอรรถ

[1]白干 ไป๋กัน คือ เหล้าขาว


 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้